WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1836
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1836
ตอนที่ 1,836 : พร้อมหน้าพร้อมตา
เห็นสตรีทั้ง 2 นางที่ยืนอยู่คนละข้างของต้วนหรูเฟิง ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงทันใด ร่างยังสะท้านไปด้วยความตื่นเต้น!
หนึ่งลี่หลัว มารดาของเขา!
อีกหนึ่งคือลี่เฟย คู่หมั้นของเขา!
สตรีทั้ง 2 นับเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา!
“หืม?”
อย่างไรก็ตามไม่นานต้วนหลิงเทียนก็พบว่าไม่ว่าจะเป็นมารดาของเขาลี่หลัวหรือคู่หมั้นของเขาอย่างลี่เฟย ต่างมองเขาด้วยสายตาลังเล ไม่ได้มีความยินดีที่ได้พบหน้ากันอีกครั้งแม้แต่น้อย..
‘บ้าจริงข้าลืมไป…ข้ายังไม่ได้เปลี่ยนหน้าให้กลับเป็นเหมือนเดิม’
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนพึ่งนึกออกว่าเขายังใช้ใบหน้าปลอมอยู่
ด้วยเหตุนี้ก็ไม่น่าแปลกใจที่มารดาและคู่หมั้นของเขาจะเผยสายตาลังเล
ขวับ!
ร่างต้วนหลิงเทียนที่ยืนนิ่งอยู่เมื่อครู่ อยู่ๆก็วูบร่างเคลื่อนกายดั่งสายลมหอบหนึ่งพัดไปหาคนทั้ง 4 ที่ยืนรอกลางโถง
และเมื่อต้วนหลิงเทียนวูบร่างมาเจียนถึง ใบหน้าของเขาก็เริ่มขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว หวนคืนสู่รูปลักษณ์ดั้งเดิมทันที
“ท่านแม่”
ต้วนหลิงเทียนที่วูบร่างมาถึงเบื้องหน้าลี่หลัวก็คุกเข่าลงทันใด สีหน้าแววตาเผยความรู้สึกผิดออกมาไม่น้อย
ในฐานะที่เป็นบุตรชาย ไม่เพียงแต่ไม่ได้อยู่ดูแลบิดามารดา กระทั่งยังหายหน้าหายตาไปหลายปี นี่ถือว่าอกตัญญูสร้างความทุกข์ใจให้บุพการีเป็นห่วงแล้ว!
แน่นอนว่าความรู้สึกผิดนี้เขาเพียงมีให้แต่ลี่หลัวไม่ใช่กับต้วนหรูเฟิง!
นั่นเพราะลี่หลัวเป็นคนลำบากตรากตรำดูแลเขามาคนเดียวตั้งแต่เล็กจนโต เป็นอะไรที่บิดาไม่เอาไหนไม่อาจเปรียบเทียบได้!
“เทียนเอ๋อ…เทียนเอ๋อ…เทียนเอ๋อลูกแม่…แม่มิได้ฝันไปใช่ไหม?”
เมื่อเห็นใบหน้าที่แท้จริงของต้วนหลิงเทียน ความลังเลในแววตาลี่หลัวก็มลายหายกลายเป็นความตื่นเต้นยินดีถึงที่สุด
ขณะเดียวกันนางก็รีบก้มร่างไปพยุงขึ้นมา ก่อนที่จะกอดต้วนหลิงเทียนเอาไว้แนบแน่นไม่ยอมปล่อย
ราวกับนางกลัวว่าหากปล่อยมือ บุตรชายของนางจะหายตัวไหนอีก
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อใดหยาดน้ำใสๆสองสายพลั่นรั่งรินลงมาเป็นทางรดหน้า เป็นน้ำตาแห่งความปิติยินดี
“ท่านแม่…ท่านไม่ได้ฝันหรอก ข้าเอง!”
สองตาต้วนหลิงเทียนเองก็รื้นขึ้นมา เขาเองก็กอดแม่เอาไว้แน่น ในใจยังรู้สึกสงบลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
อ้อมกอดของมารดาคล้ายดั่งอ่าวท่าให้หัวใจเขาได้เทียบพัก พบพานความสงบไร้กังวล
“ตัวเลวร้าย…”
เสียงอันไพเราะเสนาะหูทั้งเป็นน้ำเสียงอันคุ้นเคยหนึ่งดังขึ้น ปลุกสติต้วนหลิงเทียนให้ฟื้นคืน
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้ข้างๆกลับมีร่างอีกร่างยืนอยู่ เป็นคู่หมั้นของเขาเอง ลี่เฟย
ถึงแม้ลี่หลัวจะไม่อยากคลายกอดบุตรชาย แต่นางก็รู้ดีว่าควรให้เวลากับคู่รักบ้าง
ดังนั้นนางจึงผละออกจากต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะส่งสายตาให้ต้วนหรูเฟิง หลังจากนั้นค่อยเดินออกจากห้องโถงไปพร้อมต้วนหรูเฟิงและเด็กน้อย
เห็นฉากนี้อาวุโสหรงเองก็จากไปด้วยเช่นกัน
พริบตาห้องโถงหลักก็คล้ายเป็นโลกของต้วนหลิงเทียนกับลี่เฟยเพียงสองคน
ด้านนอกห้องโถงหลัก เด็กชายตัวน้อยในอ้อมแขนต้วนหรูเฟิงพลันมองถามลี่หลัวตาปริบๆ “ท่านย่าๆ…เขาคือท่านพ่อแสนร้ายกาจที่ท่านแม่มักกล่าวบอกข้าใช่หรือไม่?”
“ใช่แล้ว! เขาเป็นบิดาของเนี่ยนเอ๋อ! เนี่ยนเอ๋อฟังย่าให้ดี เมื่อท่านพ่อเนี่ยนเอ๋อออกมา เนี่ยนเอ๋อต้องเรียกหาว่าท่านพ่อเข้าใจหรือไม่?”
ลี่หลัวเอื้อมมือไปลูบหัวเด็กน้อยค่อยกล่าวออกด้วยรอยยิ้ม
เด็กชายตัวน้อยพยักหน้ารับแข็งขัน “เนี่ยนเอ๋อเชื่อฟังท่านย่า!”
“เด็กน้อยนั่น…แม้แต่บิดาเช่นข้าก็ไม่ทักทาย ห่วงแต่จะสนใจคนรักกับมารดา ช่างเป็นบุตรชายที่ใช้การไม่ได้เสียจริง…”
ต้วนหรูเฟิงที่คล้ายไม่พอใจกล่าวออกด้วยน้ำเสียงประชด ในน้ำเสียงไม่ขาดกลิ่นน้ำส้มแม้เพียงนิด
(กลิ่นน้ำสม,ไหน้ำส้ม,น้ำสมสายชู = พวกนี้สื่อถึง หึงหวง หรือ น้อยใจ อะไรทำนองนั้น)
“มิใช่เพราะท่านพี่หายหน้าหายตาไปนานปีรึไร…หาไม่แล้วเทียนเอ๋อจะทำกับท่านเช่นนี้รึ?”
ลี่หลัวกล่าวออกด้วยความขุ่นขึ้ง
ต้วนหรูเฟิงพอได้ยินก็หุบปากเงียบทันที เพราะรู้ดีว่ากล่าวต่อก็มีแต่จะหาเรื่องใส่ตัว
และมันเองก็รู้ดีว่าเรื่องนี้มันผิด เพราะสุดท้ายมันก็เป็นคนที่หายหน้าหายตาไปนานปีกระทั่งข่าวคราวอะไรก็ไม่มีส่งมาบ้างเลยจริงๆ
แต่เมื่อครู่มันก็แค่พูดทั้งทำท่าไปอย่างนั้น ไม่ได้ไม่พอใจอะไรจริงๆ
“ท่านจ้าวตำหนัก ทักษะการปลอมแปลงรูปโฉมของนายน้อยจักอัศจรรย์เกินไปแล้ว…ช่างเลิศล้ำนัก!”
เมื่อเห็นต้วนหรูเฟิงกับลี่หลัวไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก หรงหยวนที่เห็นช่องก็รีบกล่าวออกมาด้วยความทึ่ง ในน้ำเสียงเปี่ยมล้นไปด้วยความนับถือ
“ใช่! กระทั่งสำนึกเทวะของข้ายังไม่อาจตรวจพบความผิดปกติใดๆตอนเทียนเอ๋อแปลงโฉมได้เลย…ไม่รู้ว่าเทียนเอ๋อไปร่ำเรียนสุดยอดทักษะวิชาเช่นนี้มาแต่ที่ใด ช่างน่ามหัศจรรย์นัก!”
วาจานี้ของหรงหยวนต้วนหรูเฟิงเห็นด้วยเป็นที่สุด
ไม่ว่าจะอะไรยังไง มันก็คือตัวตนที่เป็นดั่งยักษ์ใหญ่ในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ทว่ามันเองก็ไม่เคยพบเคยเจอทักษะปลอมแปลงที่น่ากลัวถึงขั้นนี้ “ดูเหมือนเทียนเอ๋อจะไปพบพานวาสนาอันใดมาจริงๆ…”
“อีกทั้งนายน้อยยังเยาว์อยู่แท้ๆ แต่พลังฝึกปรือของนายน้อยกลับบรรลุถึงอริยะเซียนขั้นสูงสุดแล้ว! ช่างร้ายกาจนัก!!”
หรงหยวนถอนหายใจด้วยอารมณ์
“อริยะเซียนขั้นสูงสุด?”
ทว่าด้านต้วนหรูเฟิงกลับส่ายหน้าไปมาทันทีที่ได้ยินคำนี้ของหรงหยวน ใบหน้ายังกลายเป็นวิตกกังวลขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
เพราะหากมันจำไม่ผิด…เหลือเวลาอีกแค่ราวๆ 10 เดือนเท่านั้น สัญญาประลองกับเผ่าพันธุ์มังกรก็จะมาถึงแล้ว!
ถึงตอนนั้นบุตรชายของมันต้องประมือกับมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ ตี้จิ่ว! หากเอาชนะได้ก็จะช่วงชิงสิทธิ์เข้าสระชำระมังกรมาได้!!
ข้อตกลงเหล่านี้เป็นผู้เฒ่าพยากรณ์กล่าวบอกมันมาด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้กลับเหลือเวลาไม่ถึง 10 เดือนเต็มด้วยซ้ำที่จะประลองกับตี้จิ่ว ทว่าพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนยังมีแค่อริยะเซียนขั้นสูงสุดเท่านั้น!
ระดับพลังฝึกปรือนี้ คิดเอาชนะมังกรเทพยาดาสีทองอย่างตี้จิ่ว ในเวลาแค่ไม่ถึง 10 เดือน…เกรงว่าจะเป็นเรื่องเหลวไหลชวนหัวใหญ่แล้ว!
เพราะต่อให้ตี้จิ่วจะไม่บังเกิดความก้าวหน้าเลยตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา แต่อย่างน้อยๆมันก็ยังอยู่ในขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุด!
เหลือเวลาอีกไม่ถึง 10 เดือน แต่อริยะเซียนขั้นสูงสุด ต้องปะทะกับเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุด?
ยิ่งไปกว่านั้นจะอย่างไรเวลาก็ผ่านพ้นไปถึง 5 ปี ตี้จิ่วไม่ทราบมีความสำเร็จอันใด กระทั่งอาจจะทะลวงถึงเซียนปฐพีไปแล้วก็เป็นได้…!
‘เทียนเอ๋อ…จะมีโอกาสเอาชนะได้หรือ?’
หากเป็นก่อนหน้าที่จะได้เจอต้วนหลิงเทียน ต้วนหรูเฟิงยังคงมีความมั่นใจอยู่บ้าง เพราะเชื่อถือคำทำนายของผู้เฒ่าพยากรณ์
แต่ตอนนี้พอได้พบหน้ากับบุตรชายอีกครั้ง และได้พบว่าพลังฝึกปรือของลุกชายยังแค่อริยะเซียนขั้นสูงสุด มันจึงอดไม่ได้ที่จะเกิดความสงสัยขึ้นในใจ
ในห้องโถงหลักต้วนหลิงเทียนกับลี่เฟยยังคงกอดกันแน่น ไร้วาจาใดกล่าวออก
ยามนี้ทั้งสองคล้ายจะหลอมรวมเป็นหนึ่งไม่แบ่งแยกเราท่าน
ต้วนหลิงเทียนที่กอดลี่เฟยไว้แน่น อยากให้กาลเวลาหยุดเดินและอ้อมกอดนี้คงอยู่ไปชั่วนิรันดร์
ไร้ห่วงหาไร้กังวล
ได้อยู่กับคนที่เขารักด้วยกันจนแก่เฒ่า เคียงคู่กันไปตราบชั่วฟ้าดินมลาย ให้ทะเลกลายเป็นแห้งเหือด หินผุกร่อนพังทลายไม่หายห่าง…
แต่เขารู้ดีว่านี่เป็นเพียงความปรารถนาที่ยากจะเป็นจริง…
เพราะตอนนี้เขามีเรื่องราวที่ต้องไปกระทำมากมายเหลือเกิน
ด้านลี่เฟยที่กอดต้วนหลิงเทียนอยู่นั้นก็มีความคิดเช่นเดียวกัน
นางอยากกอดชายคนรักไว้แน่นๆอย่างเงียบงันตราบนานเท่านาน อื่นใดไร้สำคัญดั่งหมองควัน
สุดท้ายหลังจากเวลาผ่านไปราวหนึ่งก้านธูป ต้วนหลิงเทียนก็เป็นฝ่ายพูดออกมาก่อน “เสี่ยวเฟยเอ๋อ…เด็กชายตัวน้อยที่ท่านพ่ออุ้มอยู่เป็นลูกของพวกเราหรือ?”
“อื๊อ”
ลี่เฟยพยักหน้ากล่าวออกด้วยรอยยิ้ม “เขาเป็นบุตรชายของพวกเรา เรียกว่า เนี่ยนเทียน”
“เนี่ยนเทียน?”
เมื่อได้ยินนามของบุตรชายต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสมือนหัวใจบีบรัดคัดตรึง ขณะเดียวกันวงแขนที่กอดลี่เฟยไว้ ก็กระชับแน่นขึ้น
เขาย่อมล่วงรู้ความหมายชื่อบุตรชายตัวเองได้เป็นธรรมดา
“หากน้องหญิงเค่อเอ๋อกับลูกในท้องปลอดภัย ข้าเชื่อว่าลูกของนางก็ต้องโตเท่าเนี่ยนเอ๋อ…แต่ข้ามิรู้ว่าจะเป็นเด็กหญิงหรือเด็กชาย…”
เสียงของลี่เฟยสั่นเล็กน้อยยามกล่าวถึงเค่อเอ๋อ นางเห็นเค่อเอ๋อเป็นดั่งน้องสาวแท้ๆมานานแล้ว
“ทั้งคู่จะต้องปลอดภัย…ต้องไม่เป็นไรแน่!”
สองตาหลิงเทียนทอประกายจ้า กล่าวออกด้วยความมั่นใจอย่างถึงที่สุด
เขาไม่ต้องการ ทั้งไม่อนุญาตให้คู่หมั้นกับลูกน้อยของเขาเป็นอะไรไปแน่!
คราวนี้เมื่อได้มาถึงตำหนักเมฆาครามและได้พร้อมหน้าพร้อมตัวกับครอบครัวแล้ว เท่ากับความปรารถนาในใจของเขาก็สมหวังไปเรื่องหนึ่ง…
ต่อไปก็ได้เวลาไปตามหาเค่อเอ๋อกับลูกของเขาแล้ว
หลังจากที่กอดกับลี่เฟยไปได้อีกสักพัก ลี่เฟยก็ผละออกจากต้วนหลิงเทียนออกเบาๆ “ตัวเลวร้ายไม่ใช่ตอนนี้เจ้าควรไปทักทายท่านพ่อหน่อยหรือ? ข้ารู้ว่าเจ้ายังไม่พอใจเรื่องที่ท่านพ่อหายตัวไปและทิ้งเจ้ากับท่านแม่ไว้ลำพังนานปี…อย่างไรก็ตามท่านยังเป็นบิดาของเจ้า! อีกทั้งไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ท่านพ่อดูแลเนี่ยนเอ๋อดียิ่ง ความรักที่ท่านพ่อมอบให้เนี่ยนเอ๋อขนาดข้าที่เป็นมารดายังรู้สึกละอาย…”
“ข้ารู้ดี…ว่าท่านพ่อคิดชดเชยให้เจ้า พยายามทุ่มเทความรักความเอาใจใส่ที่ไม่อาจมอบให้เจ้าได้ในตอนนั้นให้แก่เนี่ยนเอ๋อ”
ลี่เฟยกล่าวออกเบาๆ
นางเองก็เป็นสตรีที่ฉลาดเฉลียว เรื่องนี้นางทำได้เพียงแนะนำบุรุษของนางเท่านั้น ไม่อาจตัดสินใจแทนเขาได้
“ข้ารู้”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าก่อนที่จะเดินจูงมือลี่เฟยออกจากห้องโถงหลัก
“ท่านพ่อ หลายปีมานี้เสี่ยวเฟยเอ๋อกับลูกข้าลำบากท่านแล้ว…”
ต้วนหลิงเทียนมองต้วนหรูเฟิงค่อยกล่าว
“เทียนเอ๋ออย่างไรเสียข้าก็เป็นบิดาของเจ้า เรื่องของเจ้ายังนับว่าลำบากอันใดข้าที่ไหนกัน…นอกจากนี้เสี่ยวเฟยเอ๋อก็เป็นสะใภ้ข้า เนี่ยนเอ๋อก็เป็นหลานชายของข้า ข้าดูแลทั้งคู่ก็สมควรแล้ว!”
ต้วนหรูเฟิงส่ายหัวไปมา
“ข้าล่ะไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าท่านพ่อกลับเป็นถึงจ้าวตำหนักเมฆาครามได้…”
เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกยากคิดคาดมาโดยตลอด
“เรื่องนี้…กล่าวไปก็มีเหตุพิสดารอยู่บ้าง หากเจ้าอยากรู้ข้าจะเล่าให้ฟังทีหลัง…และจะว่าไปแล้วการที่ข้าได้เป็นจ้าวตำหนักเมฆาครามจนสามารถอยู่ดีมีสุขได้อย่างทุกวันนี้ คนที่ข้าต้องกล่าวขอบคุณที่สุดก็คือเจ้า…”
ต้วนหรูเฟิงมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลึกซึ้ง กล่าวออกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ข้า?”
ต้วนหลิงเทียนอึ้ง และไม่เข้าใจว่าบิดาของตัวกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ เรื่องนี้มันมาเกี่ยวกับเขายังไงกัน?
“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องรีบร้อน ไว้ข้าจะค่อยๆเล่าให้เจ้าฟังทีหลัง”
ต้วนหรูเฟิงส่ายหัวไปมา ก่อนที่จะมองไปยังเด็กชายตัวน้อยในอ้อมแขน ยิ้มกล่าว “เนี่ยนเอ๋อ ตอนนี้เจ้าต้องกล่าวอันใดแล้วนะ ลืมที่ท่านย่าบอกแล้วหรือไม่?”
ต้วนเนี่ยนเทียนนั้นมองต้วนหลิงเทียนด้วยสองตากลมโตมาสักพักแล้ว เด็กน้อยไม่ได้แลดูตื่นคนแปลกหน้าแม้แต่น้อย ยังมองจดๆจ้องๆต้วนหลิงเทียนตั้งแต่หัวจรดเท้าค่อยกล่าวออกมาในที่สุด “ท่านคือท่านพ่อของเนี่ยนเอ๋อเหรอ ท่านพ่อที่ร้ายกาจมากๆที่ท่านแม่บอก”
ท่านพ่อที่ร้ายกาจมากๆ?
ได้ยินคำของต้วนเนี่ยนเทียน ต้วนหลิงเทียนพลันหัวเราะออกมาดังร่า
ต้วนหลิงเทียนเอื้อมมือไปขว้าต้วนเนี่ยนเทียนจากต้วนหรูเฟิงมาอุ้มไว้ในอ้อมกอดด้วยมือเดียวค่อยกล่าวออกด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว! ข้าคือพ่อที่ร้ายกาจมากๆของเจ้าเอง! เจ้าเรียกว่าเนี่ยนเอ๋อหรือ?”
“ข้าเปล่าชื่อเนี่ยนเอ๋อนะ เนี่ยนเอ๋อเป็นชื่อเล่นของข้า ข้าเรียกว่าต้วนเนี่ยนเทียน!”
ต้วนเนี่ยนเทียนมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยท่าทาขึงขัง ชูมือกล่าวประกาศนามตัวเองออกมาอย่างแข็งขัน
เห็นท่าทีขึงขังของลูกน้อย ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสนุกสนาน ในใจท่วมท้นไปด้วยความอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เป็นความรู้สึกยินดีที่ยากอธิบายนัก
‘ข้าต้วนหลิงเทียนมีลูกชายแล้ว!’
จากนี้ต่อไป…บนโลกนี้มีอีกหนึ่งชีวิตที่เขาต้องปกป้องด้วยชีวิต…