WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1838
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1838
ตอนที่ 1,838 : กดดัน ยิ่งกว่าครั้งใด
เผ่าพันธุ์มังกรนั้น ก็ถือเป็นขุมพลังกึ่งชั้น 3 ขุมหนึ่งของภูมิภาคเบื้องล่างดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า
ตอนที่ต้วนหลิงเทียนอาศัยอยู่ในตำหนักฟ้าลี้ลับ เขาก็ได้พบเรื่องนี้จากหอตำรา กระทั่งยังพบด้วยซ้ำว่าที่แท้ มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บที่มีคดีกับเขาอย่างตี้จิ่ว ที่แท้มันเป็นถึงว่าที่ผู้นำคนต่อไปของเผ่าพันธุ์มังกร!
ในปัจจุบันมีมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บสีทองเหลืออยู่แค่ 2 คนเท่านั้น
หนึ่งในนั้นก็คือผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรคนปัจจุบัน และอีกหนึ่งก็คือตัวตี้จิ่วเอง
ตี้จิ่วจึงถือได้ว่าเป็นว่าที่ผู้นำคนต่อไปของเผ่าพันธุ์มังกร
ตอนแรกที่ได้รับทราบเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็กระจ่างเรื่องหนึ่ง…หากคิดล้างแค้นตี้จิ่ว นั่นหมายความว่าเขาต้องเตรียมใจปะทะกับเผ่าพันธุ์มังกรทั้งเผ่า!
เพราะตี้จิ่วคือ มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ ว่าที่ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรคนต่อไป! อำนาจสั่งการเผ่าพันธุ์มังกรเสมือนอยู่ในมือของมันครึ่งหนึ่ง และมังกรทุกตัวล้วนต้องปกป้องมัน!!
ต้วนหลิงเทียนยังทราบได้อีกอย่าง ว่าหากเขาคิดชำระแค้นให้คนนิกายหลิงเทียนของเขา…เขาต้องรอ!
อย่างน้อยๆก็ต้องรอจนกว่าพลังฝีมือของเขาจะสูงพอที่จะสามารถกวาดล้างทั้งเผ่าพันธุ์มังกรด้วยตัวคนเดียวได้!
“นัดหมายประลอง 5 ปี…ตี้จิ่ว…สระชำระมังกร…”
มาตอนนี้พอต้วนหลิงเทียนได้ทราบเรื่องนัดหมายประลอง 5 ปีจากปากบิดา…
เขาก็ได้ทราบว่า….ตราบใดที่เขาสามารถเอาชนะตี้จิ่วได้ในอีก 10 เดือนหลังจากนี้ เขาจะชิงสิทธิ์เข้าสระชำระมังกรมาจากเผ่าพันธุ์มังกรได้! และนั่นจะเป็นการทำลายความหวังที่จะรุ่งโรจน์ของเผ่าพันธุ์ทังกร!!
แถมสระชำระมังกรสมควรเป็นสถานที่อันยอดเยี่ยม ที่สระวิญญาณของตำหนักฟ้าลี้ลับไม่อาจเทียบติดแน่นอน!
เพราะสุดท้ายแล้วสระวิญญาณของตำหนักฟ้าลี้ลับก็เปิดอยู่บ่อยครั้ง…
ทว่าสระชำระมังกรมันเปิดทุกๆ 5,000 ปี!
5,000 ปี เรื่องนี้จะให้คิดเช่นไร?
5,000 ปีกล่าวได้ว่ามันคือเวลาที่นานกว่าชั่วอายุคนธรรมดาถึง 50 เท่า! และหากมองในแง่ที่ว่าผู้คนสามารถมีทายาทได้ในเวลาเพียงแค่ 30 กว่าปีล่ะก็…นั่นหมายความว่าในเวลา 5,000 ปีนั้น เผลอๆอาจก่อให้เกิดการสืบเชื้อสายไปแล้วนับพันนับหมื่นรุ่น!
พลังวิญญาณฟ้าดินเหลวที่สั่งสมมาตลอดระยะเวลา 5,000 ปีของสระชำระมังกรนั่น มากพอจะให้มังกรรุ่นเยาว์สามารถทะยานฟ้าได้ในคราวเดียว!
“ท่านพ่อ…ท่านหมายความว่าหากผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรคนปัจจุบันได้เข้าใช้สระชำระวิญญาณ ฐานะของเผ่าพันธุ์มังกรในภูมิภาคเบื้องล่างตอนนี้สมควรทัดเทียมกับตำหนักเมฆาครามและตลาดมืดหยินชานงั้นเหรอ? สระชำระมังกรมันเลิศล้ำขนาดนั้นเชียว?”
ได้ฟังต้วนหรูเฟิงกล่าวมาแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะตกใจอยู่บ้าง
“มันวิเศษยิ่ง!”
ต้วนหรูเฟิงพยักหน้ารับ “เจ้าต้องทราบด้วยว่าในอดีตกาลนั้นพลังอำนาจของเผ่าพันธุ์มังกรไม่เพียงแค่จะทัดเทียมกับตลาดมืดหยินชาน…กล่าวไปตลาดมืดหยินชานในอดีตยังไม่กล้าแข็งข้อต่อต้านเผ่าพันธุ์มังกรด้วยซ้ำ!”
“ทว่าตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นตำหนักเมฆาครามของเราหรือตลาดมืดหยินชาน แม้จะต้องทุ่มกำลังมากหน่อย แต่คิดกวาดล้างเผ่าพันธุ์มังกรก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำไม่ได้! แต่แน่นอนว่าหากไม่มีความแค้นถึงขั้นอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันไม่ได้ ก็คงไม่มีใครคิดจะล้างเผ่าพันธุ์มังกร”
“เพราะเผ่าพันธุ์มังกรนั้นไม่ได้มีแค่ภูมิภาคเบื้องล่างนี้เท่านั้น ในภูมิภาคเบื้องบนก็มีเผ่าพันธุ์มังกรดำรงอยู่เช่นกัน! หากเผ่าพันธุ์มังกรในภูมิภาคเบื้องล่างถูกกวาดล้าง เบื้องบนย่อมรู้ได้ทันที! ถึงตอนนั้นผู้ลงมือก็คงยากจะหลีกเลี่ยงการถูกทำลายเช่นกัน…”
ต้วนหรูเฟิงกล่าวต่อ
แม้ว่าจะกล่าวมามากมายแต่ที่คิดจะสื่อ มีเพียง 2 เรื่องเท่านั้น
เรื่องแรกสระชำระมังกรนั้นน่าทึ่งนัก ถือว่าเป็นตัวชี้ขาดความเจริญหรือเสื่อมถอยของเผ่าพันธุ์มังกรในภูมิภาคเบื้องล่างในช่วงรอบเวลา 5,000 ปี!
ประการที่สองเผ่าพันธุ์มังกรไม่ธรรมดา! เพราะภูมิภาคเบื้องบนก็มีเผ่าพันธุ์มังกรดำรงอยู่เช่นกัน!!
“แล้วเผ่าพันธุ์มังกรในภูมิภาคเบื้องบนมันร้ายกาจขนาดไหนหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามเพิ่มด้วยความสงสัย
“แข็งแกร่งเพียงใดเรื่องนี้ยากที่ข้าจะล่วงรู้ได้แน่ชัด…อย่างไรก็ตามจากที่ข้าได้ยินมาจากปากของผู้สังเกตการณ์ที่ทำหน้าที่เฝ้ามองภูมิภาคเบื้องล่าง… เห็นว่ากระทั่ง 3 ลัทธิที่เป็นดั่งมหาอำนาจปกครองภูมิภาคเบื้องบน ก็มิค่อยจะเต็มใจรุกรานเผ่าพันธุ์มังกรสักเท่าไหร่!”
หลังจากกล่าวจบในแววตาต้วนหรูเฟิงเผยความหวั่นเกรงไม่น้อย
“แข็งแกร่งขนาดนั้นเลย…”
ต้วนหลิงเทียนถึงกับผงะ
เขาเข้าใจดีว่า 3 ลัทธิที่เป็นดั่งมหาอำนาจนั่นคืออะไร
จากข้อมูลที่เขาสืบทราบมา ก่อนที่ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าจะถูกแบ่งแยกออกเป็น 2 ภูมิภาคนั้น ทั้ง 3 ลัทธิเป็นขุมพลังยักษ์ใหญ่ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า เป็นนายเหนือของเหล่าขุมพลังทั้งมวล!
ต่อมาเมื่อดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ภูมิภาค เหล่าขุมพลังชั้นนำ รวมถึง 3 ลัทธิ ก็ได้เดินทางไปยังภูมิภาคเบื้องบนเพื่อตั้งรกราก
ไม่เพียงแต่จะบุกเบิกภูมิภาคด้านบนจนสามารถลงหลักปักฐานได้สำเร็จ 3 ลัทธิยังสืบทอดมรดกต่อๆกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ครองความเป็นใหญ่เพาะสร้างขุมกำลังอันน่ากลัว คงความเป็นมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ไร้ใดสั่นคลอน
เหตุผลที่ไฉนต้วนหลิงเทียนถึงเข้าใจเรื่องราวของ 3 ลัทธินัก เพราะเข้าตั้งใจค้นคว้าเรื่องราวของพวกมัน
เพราะอย่างไร เค่อเอ๋อ คู่หมั้นเขาก็ถูก 1 ใน 3 ลัทธิพรากไป…ลัทธิบูชาไฟ!
“หากสิทธิ์ในการเข้าสระชำระมังกรครั้งนี้ถูกตี้จิ่วได้ไป มันย่อมอาศัยพลังส่วนตัวนำพาเผ่าพันธุ์มังกรให้รุ่งเรืองขึ้นมาได้ไม่ยาก ถึงตอนนั้นกระทั่งตำหนักเมฆาครามเรากับตลาดมืดหยินชานก็อาจถูกมันย่ำเหยียบ!”
ต้วนหรูเฟิงกลาวออกเสียงขรึม
“ข้าคิดว่า…ไม่ว่าจะด้วยล้างแค้นให้นิกายหลิงเทียนก็ดี หรือผลประโยชน์ส่วนตัวเจ้าก็ดี เจ้าต้องแย่งชิงสิทธิ์ในการเข้าใช้สระชำระมังกรนี้มาจากตี้จิ่วให้จงได้!
ต้วนหรูเฟิงกล่าว
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ พอได้ยินแบบนี้เขาก็ไม่อยากให้ตี้จิ่วนั่นมีโอกาสเข้าสระชำระมังกรนัก!
“ท่านพ่อจากที่ท่านกล่าวมา ล้วนแต่เป็นมังกรเยาว์วัยที่ได้เข้าใช้สระชำระมังกร…แล้วเคยมีมนุษย์ได้เข้าไปใช้สักคนไหม?”
ต้วนหลิงเทียนที่นึกอะไรได้ออก ก็รีบถามออกมาทันที
“เท่าที่ข้ารู้มา ไม่เคยมีมนุษย์คนไหนเข้าใช้สระชำระมังกรมาก่อน…แต่เท่าที่ข้ารู้ก็มีแค่เพียงเรื่องราวจากในบันทึกเท่านั้น สระมังกรมีประวัติศาสตร์ยาวนานนัก…ในสมัยโบราณกระทั่งสมัยดึกดำบรรพ์อาจจะมีมนุษย์เคยเข้าใช้มาแล้วเพียงแค่มันนานเกินกว่าจะมีใครบันทึก ข้าเลยไม่ทราบ”
ต้วนหรูเฟิงกล่าว
“งั้นหมายความว่า…ตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าหากมนุษย์เข้าใช้สระมังกรแล้วผลมันจะเป็นยังไง แถมไม่รู้ว่าจะได้รับประโยชน์เหมือนมังกรรุ่นเยาว์ไหมงั้นเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามอีกครั้ง
“ก็…คงเป็นเช่นนั้นล่ะ”
คราวนี้ต้วนหรูเฟิงลังเลอยู่พักหนึ่งค่อยกล่าว
“อย่างไรเสียไม่ว่ามนุษย์จะได้ประโยชน์จากการเข้าใช้สระมังกรหรือไม่ แต่ที่แน่ๆคือเผ่าพันธุ์มังกรจะเสียโอกาสในรอบ 5,000 ปีไป เสมือนเจ้าตัดหนทางความก้าวหน้าของ ตี้จิ่ว นั่น! แน่นอนว่านี่หมายความว่าเจ้าต้องเอาชนะ ตี้จิ่ว ได้ในนัดหมายประลอง 5 ปีที่จะมาถึงในอีก 10 เดือนและชิงสิทธิ์เข้าสระชำระมังกรมาให้ได้เสียก่อน! ไม่ว่าเจ้าจะได้รับประโยชน์อะไรหรือไม่ จะทำลายโชคชะตาของเผ่าพันธุ์มังกรได้หรือไม่ ล้วนขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว…”
ต้วนหรูเฟิงกล่าว
“แบบนี้นี่เอง…”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ ค่อยคลี่ยิ้มบางๆ “ถ้างั้น นัดหมายประลอง 5 ปีนั่นข้าต้องจริงจังหน่อยแล้ว”
“ว่าแต่…ท่านพ่อ นี่ท่านนึกยังไงอยู่ๆถึงได้ไปสัญญา นัดหมายประลอง 5 ปีอะไรนี่ให้ข้าได้? อย่าบอกข้านะว่าท่านมีศรัทธาในตัวข้าถึงขนาดนั้นเลย?”
ต้วนหลิงเทียนอยู่ๆก็เปลี่ยนเรื่อง หันไปจี้ถามกับต้วนหรูเฟิง
“ย่อมแน่อยู่แล้ว! ดูด้วยว่าเจ้าลูกใคร!!”
ต้วนหรูเฟิงแม้ในใจจะรู้สึกผิดเล็กน้อยน้อย แต่ก็ชักสีหน้าขึงขังโพล่งกล่าวออกมาพร้อมตบอก…
หากจะให้มันกล่าวตามความสัตย์จริงล่ะก็…บอกได้เลย ว่าไม่ว่าจะแต่ก่อนหรือตอนนี้ มันไม่เคยเชื่อมั่นเลย…ว่าลูกชายมันจะทำได้!
แถมตอนนี้เหลือเวลาแค่ 10 เดือนเท่านั้น นัดหมายประลอง 5 ปีก็จะครบกำหนดแล้ว ทว่าบุตรชายของมันยังพึ่งมีพลังฝึกปรือแค่อริยะเซียนขั้นสูงสุดเท่านั้น!
ถึงแม้ว่ายากนักที่ในบรรดารุ่นเยาว์จะมีใครบรรลุพลังฝึกปรือทัดเทียมกับลูกชายมันได้ ทว่านี่ยังนับว่าห่างไกลหากจะนำไปเทียบกับตี้จิ่ว!
ต้องทราบด้วยว่าในตอนที่ไปทำสัญญานัดหมายประลอง 5 ปี…ตี้จิ่วในตอนนั้นมันก็บรรลุเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดเข้าไปแล้ว!
หลังผ่านไป 5 ปี เผลอๆตี้จิ่วจะทะลวงถึงเซียนปฐพีเอา!
‘ตอนนี้ข้าหวังแค่ท่านผู้เฒ่าพยากรณ์จะไม่กล่าวออกมาอย่างไร้เหตุผล…หลังจากทั้งหมดแล้วเรื่องนัดหมายประลอง 5 ปีนี่ ก็เป็นท่านที่ขอให้ข้าไปยื่นข้อเสนอกับเผ่าพันธุ์มังกร! อย่างไรก็ตามไฉนแลดูท่านผู้เฒ่าพยากรณ์ถึงได้มั่นใจในตัวเทียนเอ๋อนัก หรือท่านไม่กังวลเรื่องที่เทียนเอ๋อจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตี้จิ่วเลย?’
วาจาเหล่านี้แน่นอนว่าต้วนหรูเฟิงทำได้แค่พูดในใจ
เกี่ยวกับเรื่องผู้เฒ่าพยากรณ์นั้น ต้วนหรูเฟิงไม่ได้กล่าวเล่าให้ต้วนหลิงเทียนรู้ เพราะผู้เฒ่าพยากรณ์ได้กำชับเรื่องนี้เอาไว้
“ท่านพ่อ แล้วเจ้าตี้จิ่วนั่น…ตอนนี้พลังฝึกปรือมันอยู่ระดับไหน?”
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนนั้นจะเคยเจอตี้จิ่วมาแล้ว แต่ตอนนั้นพลังฝึกปรือของเขาอ่อนด้อยเกินไป จึงไม่อาจหยั่งถึงพลังฝึกปรือตี้จิ่วได้…
อย่างไรก็ตามเขาทราบได้เรื่องหนึ่ง…พลังฝึกปรือของตี้จิ่วไม่ใช่ต่ำทราม!
อย่างน้อยๆก็ต้องบรรลุขอบเขตเซียนมนุษย์!
“ในตอนที่ข้าไปทำสัญญานัดหมายประลอง 5 ปี ตี้จิ่วมันมีพลังฝึกปรืออยู่ที่เซียนมนุษย์ขั้นสูงสุด….”
ต้วนหรูเฟิงกล่าว
“ในตอนนั้นมันมีพลังฝึกปรือเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุด?”
มุมปากต้วนหลิงเทียนกระตุกไปอย่างแรงเมื่อได้ยินคำของต้วนหรูเฟิง
ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาจะคาดไว้แล้วว่าพลังฝึกปรือของตี้จิ่วสมควรบรรลุเซียนมนุษย์ขั้นต้นเป็นอย่างน้อย แต่ก็ไม่คิดเลยจริงๆว่ามันจะบรรลุถึงเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดแล้วแบบนี้…
เซียนมนุษย์ขั้นสูงสุด ในบรรดาขุมพลังกึ่งชั้น 3 ทั้งหลาย ยังถือว่าเป็นชนชั้นยอดฝีมือ!
‘ไม่คิดเลยว่าตี้จิ่วที่ถูกข้าปั่นหัวในตอนนั้นจะมีพลังฝีมือน่ากลัวถึงขนาดนี้…’
นึกถึงฉากเรื่องราวตอนที่เขาหลอกล่อให้ตี้จิ่วเข้าเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเพื่อให้ผู้เฒ่าหั่วฆ่า กระทั่งฉกฉวยโอกาสหลบหนีมันมาได้อย่างไร ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นไปด้วยความหวาดเสียว
ที่แท้ตี้จิ่วนั่นมันทะลวงถึงเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดแล้ว!
‘ในเมื่อตี้จิ่วมันมีพลังฝึกปรือถึงเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุด…ถ้างั้นพลังฝึกปรือของชือเม่ยที่พาตัวเค่อเอ๋อไปจะสูงส่งถึงขั้นไหนกัน? วันนั้นนางแค่พลิกฝ่ามือก็ซัดตี้จิ้วจนหมดท่าได้ง่ายๆ! หรือนางจะเป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนปฐพี!?’
นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะลอบสูดลมหายใจเข้าอย่างลับๆ
ชือเม่ยอ้างตัวว่าเป็นพี่สาวฝาแฝดของเค่อเอ๋อแบบนั้น หมายความว่านางมีอายุเท่าๆเค่อเอ๋อ!
ทว่าในตอนนั้นนางกลับบรรลุขอบเขตพลังเซียนปฐพีแล้ว?
‘ให้ตายเถอะ…รุ่นเยาว์ของลัทธิบูชาไฟในภูมิภาคเบื้องบนกลับมีพรสวรรค์น่ากลัวถึงเพียงนี้เชียวหรือ…’
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่แต่ต้วนหลิงเทียนพบว่ายามนี้หัวใจของเขาเต้นรัวทั้งหนักหน่วงนัก อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงกับพรสวรรค์ของอัจฉริยะในภูมิภาคเบื้องบนแล้วจริงๆ!
เทียบกับชื่อเม่ยแล้ว อัจฉริยะใดๆในภูมิภาคเบื้องล่างล้วนแต่เป็นขยะทั้งสิ้น…!
‘กระทั่งรุ่นเยาว์ของลัทธิบูชาไฟยังร้ายกาจปานปีศาจขนาดนี้…แล้วพวกอาวุโสของมันเล่า ไหนจะชนชั้นยอดฝีมือเฒ่าเก่าเก็บทั้งหลาย พวกมันจะร้ายกาจปานใดกัน?’
คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ใจต้วนหลิงเทียนรู้สึกหนักอึ้งนัก…
เหตุผลที่เขาคิดเดินทางไปยังภูมิภาคเบื้องบนนั้น ก็เพื่อช่วยเค่อเอ๋อกับลูกให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของลัทธิบูชาไฟ…
ทว่ามาตอนนี้เขาพลันตระหนักได้ว่าพลังอำนาจของลัทธิบูชาไฟ ที่แท้มันร้ายกาจถึงเพียงใด…
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนพลันสัมผัสได้ถึงแรงกดดันครั้งใหญ่ ที่ตัวเขาไม่เคยพบพานมาก่อน!
“เทียนเอ๋อหากเจ้าไม่มั่นใจ…เพียงยกเลิกสัญญานัดหมายประลอง 5 ปีนั่นไปเถอะ!”
เมื่อเห็นสีหน้าบุตรชายกลายเป็นเคร่งขรึมทั้งซีดลง ต้วนหรูเฟิงคิดว่าอีกฝ่ายกำลังตกตะลึงกับพลังฝึกปรือของตี้จิ่ว
ในสายตาของมัน แม้บุตรชายตัวเองจะล้มเลิกนัดหมายประลอง 5 ปีนี้ไปเสีย…ก็ไม่เห็นว่ามันจะเป็นเรื่องน่าขายหน้าตรงไหน!