WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1853
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1853
ตอนที่ 1,853 : คนของตลาดมืดหยินชานก็มา!
ตราผนึกมาร 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียน ที่ติดอันดับในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ ต่อให้เป็นยอดฝีมือจากภูมิภาคเบื้องบนก็ต้องถูกล่อลวง!
อย่างไรก็ตาม ตี้จิ่วรู้ดีว่าแม้มันจะอยากฆ่าต้วนหลิงเทียนแค่ไหน แต่มันก็ไม่อาจทำได้!
โทสะของจ้าวตำหนักเมฆาครามต้วนหรูเฟิง ไม่ใช่เรื่องตลก!
ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่มัน ต่อให้เป็นผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรก็ไม่อาจทานทนรับโทสะของต้วนหรูเฟิงได้ไหว!
ตู้กูเหนือ หรูเฟิงใต้ สองจ้าวสยบใต้หล้า!
ในภูมิภาคเบื้องล่างแห่งนี้ นอกเสียจากผู้สังเกตการณ์แล้ว ตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือตู้กูและต้วนหรูเฟิง!
เป็นเพราะมีทั้งคู่ดำรงอยู่ ตลาดมืดหยินชานและตำหนักเมฆาครามถึงได้ผงาดขึ้นมาครองอำนาจเหนือใคร!
หากต้วนหรูเฟิงยกกำลังทั้งหมดของตำหนักเมฆาครามมา เกรงว่าต่อให้เป็นเผ่าพันธุ์มังกรก็ไม่วายถูกกวาดล้างจนสิ้นสุญเผ่าพันธุ์!
“ต้วนหลิงเทียน…”
ลูกตาตี้จิ่วเผยความมุ่งมั่น “สักวันข้าต้องฆ่าเจ้าให้ตาย และตราผนึกมารนั่นต้องเป็นของข้า! หากข้าได้ตราผนึกมารมา จักไม่มีผู้ฝึกมารคนไหนที่มีพลังฝีมือเหนือข้า จะสามารถต้านทานข้าได้อีกต่อไป!”
ไม่ว่าจะเป็นตู้กูผู้นำตลาดมืดหยินชาน หรือต้วนหรูเฟิงจ้าวตำหนักเมฆาครามต่างก็เป็นผู้ฝึกมารด้วยกันทั้งคู่
หากตี้จิ่วได้รับตราผนึกมารมาครองล่ะก็…มันสามารถฆ่าผู้ฝึกมารขอบเขตเซียนนภาขั้นสูงสุดได้! ยังนับประสาอะไรกับตู้กูและต้วนหรูเฟิงที่ยังอยู่ในขอบเขตเซียนปฐพีขั้นสูงสุด!!
ชิงเหยียนที่อยู่ด้านข้างแม้จะอยากได้ตราผนึกมารเช่นกัน แต่มันรู้ดีว่าอาศัยพลังฝีมือของมันคงยากจะได้ครอบครอง และถึงได้ก็คงยากจะรักษา…
ดังนั้นมันจึงเลิกคิดหวังอะไรลมแล้งๆ
ในขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนที่อาศัยอยู่ในบ้านพักหลังหนึ่งขอบหุบเขาเล็กๆแห่งนี้ ก็ไม่รู้เลยว่าตี้จิ่วออกด่านมาแล้ว กระทั่งอีกฝ่ายยังมุ่งหวังตั้งเป้าช่วงชิงตราผนึกมารของเขาอีกด้วย!
แน่นอนว่าต่อให้เขารู้เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร
นั่นเพราะตั้งแต่เขาเลือกจะลงประลองตามสัญญา 5 ปีกับตี้จิ่วเพื่อชิงสระมังกร เขาก็รู้ดีอยู่แล้วว่าตัวตนของเขาต้องเปิดเผยออกไปแน่!
ถึงวันประลอง ไม่เพียงแต่เผ่ามังกรจะได้รู้ว่าต้วนหรูเฟิงมีบุตรชาย แต่ทั้งใต้หล้าย่อมได้รู้ ว่าบุตรชายต้วนหรูเฟิงที่แท้ก็คือต้วนหลิงเทียนผู้ครองตราผนึกมาร…
“รอให้จบสัญญานัดหมายประลอง 5 ปีนี่เมื่อไหร่…หลังข้าออกจากสระชำระมังกรอะไรนั่นและสะสางเรื่องราวที่บ้านเสร็จ ข้าจะไปภูมิภาคเบื้องบนกับพี่กู่ทันที!”
นี่เป็นทางออกที่ต้วนหลิงเทียนคิด
หลังออกจากสระชำระมังกร เขาจะกลับไปร่ำลามารดากับลี่เฟยที่ตำหนักเมฆาคราม ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังภูมิภาคเบื้องบนทันที เพื่อตามหาคู่หมั้นอีกคนของเขา เค่อเอ๋อ
เพราะเขารู้ดีว่าหากเขายังรั้งอยู่ ไม่วายชักนำเภทภัยมาสู่ตำหนักเมฆาครามไม่รู้จบสิ้นแน่!
นั่นไม่ใช่อะไรที่เขาอยากจะเห็น
ด้วยเหตุนี้เขาจึงคิดจากไปให้เร็วที่สุด
“อีก 3 วันข้าจะได้เจอตี้จิ่วแล้ว…สารเลวตี้จิ่ว เจ้ากล้าทำลายนิกายหลิงเทียนของข้า ยังฆ่าอาวุโสและศิษย์นิกายหลิงเทียนของข้าจนหมด! ได้เวลาที่ข้าจะล้างแค้นให้ทุกคนแล้ว! หนี้เลือดมันต้องชำระด้วยเลือด!!”
ต้วนหลิงเทียนที่นั่งบนเตียงกล่าวออกเสียงเข้มต่ำ ในแววตายังมืดดำไปไร้ประกาย จิตสังหารฟุ้งตลบหนาแน่นนัก
ทว่าครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็หลับตาลงเพื่อสงบจิตใจ เขาไม่คิดเข้าไปในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ เพียงเฝ้ารอเวลาให้สัญญา 5 ปีมาถึง
หลังจากที่คนของตำหนักเมฆาครามเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว ด้านนอกหุบเขารังมังกร พลันมีร่าง 3 ร่างเหินบินข้ามฟ้ามาแต่ไกล ท่าทางแต่ละคนแลดูเหนื่อยล้าจากการเดินทางเล็กน้อย
ผู้ที่เหินนำมาด้านหน้าสุดมาในชุดสีดำสนิท ผมยาวของมันปลิวสยายปานอสรพิษแม้ไร้ลม มองไปคล้ายพวกมันสามารถพุ่งฉกผู้คนได้ทุกเวลา
ด้านหลังของมันตามมาด้วยชายชรา 2 คน
“ผู้ใดหาญกล้าบุกรุกเผ่าพันธุ์มังกรของพวกเรา!!”
ปรากฏร่างผู้คนนับ 10 เหินพุ่งออกมาจากปากทางเข้าหุบเขาของเผ่าพันธุ์มังกร หยุดขวางทั้ง 3 เอาไว้เบื้องหน้า
“ตู้กู แห่งตลาดมืดหยินชาน”
ชายหนุ่มในชุดสดำสนิทเพียงแค่เหลือบมองคนเผ่าพันธุ์มังกรที่ขวางทางอย่างเฉยเมย หากแต่นั่นก็พอทำให้ทุกคนที่มาขวางรู้สึกเสมือนมีสายลมหนาวเหน็บโชยไล้ไปทั่วเรือนกาย
และพอพวกมันได้ยินวาจาของชายชุดดำชัดถนัดหู ร่างพวกมันพลันสะท้านไปด้วยความหวาดกลัวทันที
ตู้กู?
นั่นไม่ใช่ผู้นำของตลาดมืดหยินชานหรือไร!?
ทันใดนั้นคนเผ่าพันธุ์มังกรทั้งหมดถึงกับลอบหายใจเข้าลึกๆ เร่งประสานมือคารวะทักทายตู้กูกับอีก 2 คนทันที “ที่แท้เป็นผู้อาวุโสตู้กู เชิญท่านทางนี้”
หนึ่งในคนของเผ่าพันธุ์มังกร เร่งผายมือก่อนที่จะเหินร่างนำทางทันที
หลังจากกลุ่มของตู้กูเข้ามายังหุบเขามังกรได้ไม่นาน พลันมีสตรีชราชุดม่วงปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
และเมื่อสตรีชราคนนี้ปรากฏตัวออกมา นางก็มองตู้กูด้วยรอยยิ้ม ทั้งคารวะทักทายอย่างสุภาพ
เผชิญหน้ากับการัทกทายของหญิงชรา ตู้กูเพียงพยักหน้ารับเบาๆแทนการทักตอบ แต่ไม่ได้กล่าวคำใดกับนาง
“จึกๆ…แม่เฒ่าสื่อชิง ไม่พบกันเสียนานเจ้าสบายดีหรือไม่เล่า?”
ชายชรารูปร่างอ้วนท้วม 1 ใน 2 ชายชราที่อยู่ด้านหลังตู้กู พลันกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
“อ้วนจง…ไม่คิดเลยจริงๆว่าป่านนี้แล้วเจ้าจะยังไม่ตายอีก”
สตรีชรานางนี้ก็คือมังกรเทพยาดาสีม่วง 5 กรงเล็บ สื่อชิง ผู้อาวุโสคนหนึ่งของเผ่าพันธุ์มังกร ทันทีที่เห็นชายชราร่างอ้วน นางก็ขมวดคิ้วทักทายตอบกลับ
แม้ยามกล่าวจะกล่าวเหมือนหยอกล้อ หากแต่ลึกลงไปในแววตาของนางคล้ายมีความหวาดกลัวฉาบซ่อนอยู่บางๆ
นั่นเพราะชายชราร่างอ้วนนาม จงฉีชาน ผู้นี้ มีพลังฝีมือเหนือกว่านางมากนัก!
“อา…ที่แท้รองผู้นำเฝิงปู่อี้เองก็มาด้วย”
ไม่นานสายตาของสื่อชิงก็เบนไปตกยังร่างชราอีกคนหลังตู้กู กล่าวทักทายออกไปด้วยรอยยิ้ม
ชายชราคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เฝิงปู่อี้ รองผู้นำตลาดมืดหยินชาน
“แม่เฒ่าสื่อชิง พวกเรามาทำอะไร ข้าคิดว่าท่านเองก็ทราบดีอยู่แล้ว…สัญญาประลอง 5 ปีนั่น เหลืออีกกี่วันจะถึงงั้นหรือ?”
จงฉีชาน เปิดประตูเห็นภูผากล่าวถามออกมา
“สัญญานัดหมายประลอง 5 ปี จักเริ่มในอีก 3 วันหลังจากนี้…”
สื่อชิงกล่าว
“แล้วจ้าวตำหนักต้วนหรูเฟิง แห่งตำหนักเมฆาครามมาถึงแล้วหรือยัง?”
จงฉีชานกล่าวถามออกมาอีกครั้ง
“มาถึงตั้งแต่เช้าแล้ว”
สื่อชิงกล่าวตอบอีกครั้ง
“แล้วบุตรชายของมันเล่า?”
เฝิงปู่อี้กล่าวถามออกมาเช่นกัน
“มาแล้วเช่นกัน”
สื่อชิงหันไปกล่าวตอบ
และพอได้ยินคำตอบของสื่อชิง จงฉีชานกับเฝิงปู่อี้ก็หันมองหน้าสบตากันทันใด ในแววตายังเผยความตกใจไม่น้อย…จ้าวตำหนักเมฆาคราม พาลูกชายมาแล้วจริงๆ?
“ต้วนหรูเฟิงนั่นหาตัวบุตรชายพบได้อย่างไรกัน…”
“นั่นสิ คนของตลาดมืดหยินชานเราก็ไปเฝ้าจับตาดูอยู่รอบๆทะเลสาบผานหลง ที่ตั้งตำหนักเมฆาครามแท้ๆ เป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะไม่แจ้งให้พวกเรารู้หากบุตรชายของต้วนหรูเฟิงปรากฏตัว”
“นี่มันอย่างไรกันแน่?”
……
เฝิงปู่อี้กับจงฉีชานส่งเสียงตอบโต้กันไปมา ในน้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
อย่างไรก็ตามพวกมันคงไม่คิดไม่ฝัน
เหตุผลที่บิดาและบุตรชายสามารถพบหน้ากันได้ โดยที่ยอดฝีมือของตลาดมืดหยินชานไม่ทันรู้ตัว ก็เพราะการปลอมแปลงรูปโฉมอันน่าทึ่งของต้วนหลิงเทียน
เมื่อใช้ทักษะลับแปลงโฉมของผู้เฒ่าหั่ว ต่อให้ใช้สำนึกเทวะตรวจสอบให้ตายก็ไร้ซึ่งร่องรอยพิรุธใด…
แน่นอนว่าพวกมันไม่เคยคิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะกลับตำหนักเมฆาครามโดยรูปโฉมปลอมโดยใช้ทักษะลับดังกล่าว
และไม่กี่วันที่ผ่านมาตอนต้วนหรูเฟิงพาทุกคนออกจากตำหนักเมฆาคราม ก็นับว่าเป็นครั้งแรกที่ยอดฝีมือของตลาดมืดหยินชานได้พบต้วนหลิงเทียน
ทว่าพบแล้วจะอย่างไร? ในเมื่อข้างกายมีต้วนหรูเฟิงอยู่ด้วย พวกมันยังกล้าลงมือเคลื่อนไหวก่อการอะไรอีกหรือ?
พวกมันเมื่อไม่กล้าลงมือต่อหน้าต้วนหรูเฟิง จึงตัดสินใจย้อนกลับไปยังตลาดมืดหยินชานหมายไปรายงานเรื่องราวให้ระดับสูงตัดสินใจ
อย่างไรก็ตามพอพวกมันกลับมาถึงตลาดมืดหยินชาน มันก็พบว่าผู้นำกับผู้อาวุโส ได้เดินทางออกจากตลาดมืดหยินชานมุ่งหน้าไปยังเผ่าพันธุ์มังกรเสียแล้ว
ทว่าต่างจากกลุ่มของต้วนหรูเฟิงอยู่บ้าง เพราะที่ตู้กูกับพวกมาครั้งนี้ เพียงคิดมาชมดูเรื่องราวสนุกสนานแก้เบื่อเท่านั้น
และในเมื่อกลุ่มของตู้กูคลาดกับคนยอดฝีมือที่ย้อนกลับมารายงาน จึงไม่ทราบว่าต้วนหรูเฟิงได้พบกับบุตรชายแล้ว
และด้วยความที่ไม่รู้แต่แรก จึงทำให้เมื่อมารู้เอาตอนนี้ จึงประหลาดใจไม่น้อย
“อา เรื่องราวชักน่าสนใจขึ้นมาแล้ว…”
ต่างจากเฝิงปู่อี้และจงฉีชานที่ตกใจ ตู้กูเพียงยิ้มออกมาอย่างเฉยเมย คล้ายกำลังคิดอะไรบางอย่างหลังได้ยินคำสื่อชิง
สมแล้วที่เป็นผู้นำตลาดมืดหยินชาน ตู้กูนับว่ายังสงบใจไม่แตกตื่นอะไร แม้จะได้รับทราบเรื่องนี้ ผิดกับอาวุโสทั้ง 2 คนนัก ที่แม้ชราแล้วแต่ก็ยังเสียอาการให้เห็น
สื่อชิงแน่นอนว่าย่อมต้อนรับขับสู้คนของตู้กูอย่างดี
และไม่ทราบว่าจงใจหรืออย่างไร หากแต่อาวุโสเผ่าพันธุ์มังกรชรานางนี้กลับพาตู้กูกับอาวุโสทั้ง 2 ของตลาดมืดหยินชาน มาพักในหุบเขาเล็กๆ เดียวกันกับที่คนของตำหนักเมฆาครามพักอยู่!
ในหุบเขาเล็กๆนั่นก็มีแค่บ้านหลังเล็กๆสิบกว่าหลังเท่านั้น แถม 4 หลังก็ถูกคนของตำหนักเมฆาครามครอบครองไปแล้ว นอกจากนี้ยังยึดทำเลอันดีไปเสียหมด…
ส่วนหลังที่เหลือก็อยู่ห่างออกไป ทำเลไม่ค่อยจะดีสักเท่าไร
“ผู้นำตู้กู รองผู้นำทั้ง 2…เช่นนั้นเชิญพักผ่อนตามสบาย อีก 3 วันหลังจากนี้ค่อยพบกันใหม่”
หลังจากทักทายอำลาตู้กูกับอาวุโสทั้ง 2 แล้ว สื่อชิงก็เหินร่างจากไป
และเมื่อจากมาได้ไม่นาน มุมปากของสื่อชิงก็เผยยิ้มสนุกสนาน “สุนัขกัดกัน ขนเต็มปาก!”
ฟังจากวาจาพึมพำอย่างสะใจของนาง คล้ายทราบแต่แรกแล้วว่าคนของตำหนักเมฆาครามพักอยู่ที่นี่ ยิ่งไปกวานั้นนางยังหวังให้คนของตำหนักเมฆาครามกับตลาดมืดหยินชานตีกันอีก!
“มีคนอยู่แล้วหรือ?”
หลังสื่อชิงจากไป ตู้กูกับอีก 2 คนก็พบได้ทันทีว่า บ้านพัก 4 หลังที่มีทำเลดีที่สุดมีคนเข้าไปใช้อาศัยอยู่เสียแล้ว
หน้าจงฉีชานมืดลงทันใด มันก้าวอาดๆตรงไปยังบ้านพักหลังที่มีทำเลดีที่สุดในบรรดาบ้านพักทั้งหมดทันที
บ้านพักแห่งนี้ทำจากไม้ทั้งหลัง ตั้งอยู่มุมหนึ่งใกล้ๆน้ำตกของหุบเขา ด้านหน้าเป็นลานดอกไม้ มีไม้ใหญ่ให้ร่มเงา ฟุ้งตลบไปด้วยละอองน้ำเย็นสบาย นับว่าร่มรื่นน่าอยู่เป็นที่สุด
“ไสหัวออกไปเสีย!”
จงฉีชานเมื่อเดินมาถึงหน้าบ้าน ก็ไม่สนมารยาทอันใด พลันกล่าวออกด้วยเสียงดังแฝงเร้นไปด้วยปราณแรกกำเนิด หมายขับไล่ผู้คนในบ้านทันที
เสียงกล่าวนับว่ามีอานุภาพไม่น้อย ประตูไม้ถึงกับสั่นกึกๆ เรียกว่าดังสนั่นก้องบ้าน
“หนวกหู!”
และแทบจะทันทีที่สิ้นคำของจงฉีชาน พลันมีเสียงไม่สบอารมณ์หนึ่งดังขึ้นจากในบ้านทันที!
และสิ่งที่ตามมาหลังคำ ‘หนวกหู’ ก็คือ เสียงประตูไม้เปิดออกอย่างรวดเร็วก่อนที่จะปิดตัวลงแทบจะทันที!
แน่นอนว่าเสียงหลังนั้นเบากว่ามาก…
“หลบเร็ว!”
ทว่าทันใดนั้นเองพลันมีเสียงตะโกนหนึ่งดังขึ้น และทันทีที่ได้ยินเสียงนี้สีหน้าของจงฉีชานก็เปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ในพริบตา!