WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1854
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1854
ตอนที่ 1,854 : ตู้กู ไม่กลัวตราผนึกมารงั้นเหรอ?
จงฉีชานย่อมตระหนักได้ทันทีว่าเสียงที่ดังขึ้นหลังสุดเป็นเสียงของ ตู้กู้ ผู้นำตลาดมืดหยินชานของมัน!
และฟังจากน้ำเสียงของตู้กู เห็นได้ชัดว่ากำลังกล่าวเตือนมัน!
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่มันกำลังตกใจจนไม่อาจตอบสนองอันใดได้ทัน มันก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาลพาลให้มันหายใจแทบไม่ออก!
และตอนนี้มันก็รู้สึกอึดอัดเสมือนไร้อากาศหายใจ!!
ปงงง!!
พริบตาต่อมาเสียงระเบิดของพลังก็ดันสนั่นขึ้น ร่างจงฉีชาน ถูกซัดกระเด็นปลิดปลิวละลิ่วข้ามทุ่งดอกไม้ พริบตาก็เจียนบรรลุถึงผนังผา!
ฟุ่บ!!
เมื่อร่างจงฉีชานปลิดปลิวไปดั่งลูกเกาทัณฑ์พ้นคนศรเจียนกระแทกผนังผาเต็มที พลันมีร่างหนึ่งวูบมาปรากฏขวางกั้นมันกับผนังเอาไว้ปานภูตผี!
ร่างดังกล่าวผลักฝ่ามือออกไปอย่างแช่มช้า หากแต่บังเกิดเป็นคลื่นพลังหมุนวนไร้สภาพอ่อนหยุ่นขุมหนึ่งพุ่งไปรับร่างจงฉีชานเอาไว้ ทั้งยังสลายแรงกระแทกอันใดจนสลายหาย!
ป้องกันไม่ให้จงฉีชานกระแทกผนังผาได้สำเร็จ
แม้จงฉีชานจะไม่ถึงขั้นตายตกหากกระเด็นไปกระแทกผนังผา แต่คงยากจะหลีกเลี่งอาการบาดเจ็บสาหัส สถานเบากระดูกสันหลังแตก สถานหนักคงกระดูกแหลกไปทั้งร่าง…
“จ้าวตำหนักต้วน ด้วยความไม่รู้คนของข้าจึงเสียมารยาทแล้ว ท่านอย่าได้ถือสามันเลย…”
จงฉีชานที่ถูกหยุดร่างเอาไว้อย่างงุนงง ไม่ทันรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ก็พลันได้ยินวาจาของผู้นำดังขึ้นเสียก่อน
และฟังไปเสียงกล่าวของผู้นำ ยังแลดูสุภาพนัก
มีเพียงคนเดียวเท่านั้นในภูมิภาคที่ทำให้ผู้นำของมันสามารถกล่าววาจาออกมาด้วยน้ำเสียงสุภาพเช่นนี้ได้…ไม่ใช่ใครอื่น…
จ้าวตำหนักเมฆาคราม ต้วนหรูเฟิง!
เมื่อมองไปยังบ้านไม้หน้าน้ำตกไกลตา จงฉีชานก็เห็นร่างหนึ่ง ซึ่งทำให้หน้าของมันเปลี่ยนเป็นซีเเขียวทันที ‘มารดามันเถอะ! เป็นจ้าวตำหนักเมฆาครามต้วนหรูเฟิงจริงๆ!’
ก่อนที่จะเห็นต้วนหรูเฟิงกับตา จงฉีชานก็ลอบหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์และมันคาดผิด!
ทว่าพอมันพบว่าเป็นต้วนหรูเฟิงจริงๆ มันก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความสิ้นหวัง
เพราะต้วนหรูเฟิงผู้นี้เป็นตัวตนอันน่ากลัว! อัจฉริยะภาพและพรสวรรค์ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้นำตู้กูของมันเลย…เช่นนั้นหมายความว่าชั่วชีวิตนี้มันไม่มีวันล้างแค้นอีกฝ่ายได้แล้ว…
“ผู้นำตู้กู”
เผชิญหน้ากับคำกล่าวของตู้กู ต้วนหรูเฟิงที่ค่อยๆก้าวเดินออกมาจากบ้านมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน ก็กล่าวคำทักทายออกมาพร้อมพยักหน้าลงอย่างเฉยเมย
“แอ๊ด”
“แอ๊ด”
…
ตอนนี้เองประตูบ้านไม้อีก 3 หลังที่เหลือก็ทยอยกันเปิดออก ร่างคน 3 คนก้าวเดินออกมาหยุดยืนหลังต้วนหรูเฟิง
เป็นต้วนหลิงเทียน กู่มี่ และกู่ลี่
“กู่มี่!”
เมื่อทั้ง 3 คนปรากฏกายออกมา สายตาของจงฉีชานกับเฝิงปู่อี้หันมองไปยังร่างชายชราผอมแห้งในชุดคลุมลมดำที่แลดูเย็นชาก่อนทันที ในแววตายังเผยความหวาดกลัวไม่น้อย
เพราะถึงแม้จะต่อให้พวกมันร่วมมือกัน ก็ไม่อาจมั่นใจเต็มสิบส่วนว่าจะสามารถเอาชนะกู่มี่ได้!
ต่างจากจงฉีชานและเฝิงปู่อี้ เมื่อทั้ง 3 ปรากฏตัว สายตาของตู้กูไม่ได้เหลือบแลกู่มี่แต่อย่างใด เพียงไปหยุดอยู่ที่ร่างของต้วนหลิงเทียน!
ใบหน้านี้ก่อนหน้ามันเคยเห็นมากกว่าหนึ่งครั้ง
แน่นอนว่าที่เคยเห็นล้วนเป็นภาพวาด
อย่างไรก็ตามภาพวาดดั่งกล่าวช่างวาดได้เหมือนตัวจริงนัก เมื่อคนมายืนอยู่ตรงหน้ามันก็สามารถจดจำได้ทันทีว่าเป็นคนเดียวกันกับคนในภาพ!
“นั่นน่ะหรือบุตรชายของต้วนหรูเฟิง ต้วนหลิงเทียน?”
ตู้กู ยอมรับเลยว่าชายหนุ่มผู้นี้ แลละม้ายคล้ายต้วนหรูเฟิงอยู่หลายส่วน
สายตาของตู้กูที่มองต้วนหลิงเทียน จงฉีชานกับเฝิงปู่อี้ย่อมสังเกตเห็นได้ในเวลาอันสั้น พวกมันจึงว่ายตามองตามไปทันที และในที่สุดก็ไปหยุดที่ร่างต้วนหลิงเทียน
เพียงแรกเห็นพวกมันก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงพรึงเพริด ถึงขั้นสูดลมหายใจเข้าดั่งฟืด!
ต่อมาพวกมันก็หันมามองสบตากันอีกครั้ง ในแววตายังเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกเหลือเชื่อ
“พี่จงชายหนุ่มผู้นี้…มิใช่เป็นคนที่ถือครองตราผนึกมารหรือไร!?”
“นั่นสิไม่คิดเลยว่าพวกเราจะได้เจอตัวต้วนหลิงเทียนที่นี่! ตราผนึกมารอยู่กับมัน!!”
…
แววตาจงฉีชานกับเฝิงปู่อี้ที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนนั้น เรียกได้ว่าแทบจะยิงพุ่งรังสีความโลภรูปเงินออกมาอยู่รอมร่อ
“ช้าก่อนพี่จง!”
ทันใดนั้นเฝิงปู่อี้เป็นคนแรกที่คืนสติ “จากข่าวที่รั่วไหลออกมาจากเผ่าพันธุ์มังกร บุตรชายของต้วนหรูเฟิง เหมือนจะมีนามว่า ต้วนหลิงเทียนเช่นกัน…อย่าได้บอกข้าเชียวว่าทั้งคู่เป็นคนๆเดียวกัน!?”
สวรรค์! ผู้ครอบครองตราผนึกมารนั่น ที่แท้คือบุตรชายของต้วนหรูเฟิงงั้นหรือ?!
จงฉีชานถึงกับตกตะลึงพรึงเพริด ขณะเดียวกันความหวาดกลัวก็เริ่มเอ่อล้นขึ้นมาท่วมใจเมื่อคิดถึงต้วนหรูเฟิง
ต้วนหรูเฟิงจ้าวตำหนักเมฆาครามผู้นี้…คิดฆ่ามันสักคน ยังง่ายดายเสียกว่าตัดหญ้าฆ่าไก่!
เช่นนั้นต่อให้ใจมันจะโลภในตราผนึกมารมากเพียงใด…
แต่ต่อหน้าความเป็นตายไหนเลยพวกมันไหนเลยยังจะละโมบได้?! หากคนตกตายแล้วไซร้ ได้รับตราผนึกมารแล้วจะเอาไปทำอะไร?!
เช่นนั้นสำหรับพวกมันแล้ว ชีวิต คือสิ่งที่มีค่ามากที่สุด!
สรรพสิ่งอื่นใดดุจเมฆลิ่วล่อง!
“จ้าวตำหนักต้วน นี่ท่านมิคิดจะแนะนำคนให้ข้ารู้จักสักหน่อยหรือ?”
ครู่ต่อมาตู้กูก็ละสายตาจากต้วนหลิงเทียน หันไปมองถามต้วนหรูเฟิง
หากไม่ทราบมาก่อนว่าชายในชุดสีดำผู้นี้ก็คือ ตู้กู ผู้นำตลาดมืดหยินชาน ไม่พ้นต้วนหลิงเทียนต้องเข้าใจผิดคิดว่าอีกฝ่ายเป็นสหายของบิดาแน่ๆ!
เนื่องจากในแววตาท่าทางของอีกฝ่าย ไม่คล้ายมีความเป็นปรปักษ์กับบิดาของเขาเลย…เรียกว่าดูอย่างไรก็ไม่เหมือนคนเป็น ‘ศัตรู’ กันสักเพียงนิด!
‘’ผู้นำตลาดมืดหยินชานคนนี้ ไม่ง่ายเลย…’
ด้วยเหตุนี้เองทำให้ในใจต้วนหลิงเทียนบังเกิดความระวังต่อตู้กูไม่น้อย
ผู้ที่เก่งในการกาจซุกซ่อนปิดบังเจตนา คือผู้ที่น่ากลัวเป็นที่สุด!
ทวนเปิดเผยง่ายหลีกหลบ เกาทัณฑ์เร้นลับยากระวัง!
ศัตรูในที่แจ้งย่อมไม่น่ากลัวเท่าไหร่!!
“เจ้าคงรู้จักกู่มี่ดีอยู่แล้ว เช่นนั้นข้าคงไม่ต้องแนะนำอะไรอีก”
ได้ยินคำของตู้กู ต้วนหรูเฟิงพลันกล่าวออกมาก่อนที่จะหันไปมองต้วนหลิงเทียน
ในขณะที่ตู้กูคิดว่าต้วนหรูเฟิงจะแนะนำต้วนหลิงเทียนนั้นเอง มิคาดสายตาต้วนหลิงเทียนกลับเลือกเบนออกไปตกยังร่างของกู่ลี่เสียอย่างนั้น “นี่คือกู่ลี่! ข้ามั่นใจว่าเจ้าเองก็ต้องเคยได้ยินนามนี้มาก่อน ศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับ และยังเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในรายนามฟ้าลี้ลับ!”
“กู่ลี่?”
ตู้กูองกู่ลี่ ค่อยพยักหน้า “ข้าเคยได้ยินชื่อเสียงเจ้ามาก่อน…เจ้าคือบุตรชายของ กู่ซืออวิ๋น ผู้พิทักษ์ตำหนักฟ้าลี้ลับ?”
ก่อนหน้านี้พอกู่ลี่ได้เห็นตู้กู ผู้ที่มีชื่อเสียงทัดเทียมกับต้วนหรูเฟิง ใจของมันก็อดไม่ได้ที่จะเต้นรัวขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
มาตอนนี้พอได้ยินคำทักทายจากตู้กู ผู้นำตลาดมืดหยินชาน มันถึงกับหน้าแดงก่ำ อ้ำอึ้งไปพักหนึ่งค่อยกล่าวคำออกมา
“กู่ลี่ ยินดีที่ได้พบผู้นำตู้กู”
หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กู่ลี่ก็พยักหน้าทักทายตู้กู
หลังจากตู้กูพยักหน้ารับการทักทายกู่ลี่ มันก็เลิกสนใจกู่ลี่ หันกลับไปมองต้วนหลิงเทียนทันที “หากข้าเดาไม่ผิดสหายน้อยผู้นี้ก็คือต้วนหลิงเทียนบุตรชายของท่านใช่หรือไม่จ้าวตำหนักต้วน? นับว่าโชควาสนาสูงล้ำนัก ตราผนึกมารนั่นเป็นสิ่งประเสริฐยิ่ง!”
ในวาจาตู้กูไม่คิดอ้อมค้อม กล่าวถึงตราผนึกมารออกมาทันที
ทันใดนั้นบรรยากาศในที่เกิดเหตุพลันกลายเป็นอึมครึมขึ้นมาทันตาเห็น
กระทั่งรองผู้นำตลาดมืดหยินชานทั้ง 2 เองก็ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าอยู่ๆ ผู้นำของพวกมันจะโพล่งคำ ‘ตราผนึกมาร’ ออกมาดื้อๆแบบนี้!
สถานการณ์ตอนนี้เดิมที่ก็นับว่าอ่อนไหวอยู่แล้ว นับประสาอะไรกับมีเรื่องตราผนึกมารเข้ามาเพิ่ม!
ฟุ่บ!
แทบจะพร้อมกันกับที่ตู้กูกล่าวจบคำ ตราผนึกมารพลันปรากฏขึ้นมาในมือของต้วนหลิงเทียน
ต้วนหลิงเทียนที่ถือตราผนึกมารไว้ ก็มองจ้องไปที่ตู้กูตาเขม็ง
ตอนนี้เขาสัมผัสได้ดี ถึงความเคลื่อนไหวของตราผนึกมาร มันอยากจะระเบิดพลังดุร้ายพุ่งไปตบฟาดตู้กู และดูดวิญญาณเข้ามาสะกดแล้วก็ป่นทำลายทิ้งให้สิ้นซาก!
ตู้กู้ผู้นำตลาดมืดหยินชานก็เหมือนกันกับบิดาเขา ต่างเป็นผู้ฝึกมารด้วยกันทั้งคู่ กระทั่งยังเป็นผู้ฝึกมารขอบเขตเซียนปฐพีขั้นสูงสุด!
อย่างไรก็ตามด้วยปราณสุริยันแรกกำเนิดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างของเขา อันเทียบได้กับปราณแรกกำเนิดของผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนมนุษย์ แน่นอนว่ายามจ่ายพลังให้ตราผนึกมาร มันสมควรสยบปราบผู้ฝึกมารที่อยู่ภายใต้ขอบเขตพลังเซียนนภาได้ทั้งหมด!
กระทั่งผู้นำตลาดมืดหยินชาน ตู้กู ก็ไม่เว้น!
ในบรรดารองผู้นำตลาดมืดหยินชานทั้งสองคน โชคดีที่จงฉีชานไม่ใช่ผู้ฝึกมาร พอมันเห็นตราผนึกมารก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวอะไร เพียงแค่บังเกิดความสนใจใคร่รู้เท่านั้น “นี่น่ะหรือ…ตราผนึกมารที่ร่ำลือ!”
ทว่าเฝิงปู่อี้ที่ยืนข้างมันนั้น…ในฐานะผู้ฝึกมารมันเสมือนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตายทันทีที่ต้วนหลิงเทียนหยิบตราผนึกมารออกมาถือ!
จังหวะนี้สีหน้าของมันเผยความหวั่นกลัวออกมา ยังเคร่งเครียดไปคล้ายกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดในชีวิต!
“สมแล้วที่เป็นตราผนึกมาร…กลับทำให้ข้ารู้สึกเหมือนตกอยู่ในอันตรายได้…”
ไม่เหมือนกับเฝิงปู่อี้ที่หวาดกลัวตราผนึกมารในมือต้วนหลิงเทียน ผู้นำตลาดมืดหยินชาน ตู้กู ยังสามารถกล่าววาจาออกมาได้อย่างไร้เรื่องราว หน้ายังไม่เปลี่ยนสีแม้แต่น้อย กระทั่งยังกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยต่อว่า “นี่หมายความว่าผู้ถือตราผนึกมารบรรลุขอบเขตเซียนมนุษย์หรือสูงกว่าแล้วสินะ ถึงทำให้ข้ารู้สึแบบนี้ได้…สมแล้วที่เป็นบุตรชายของต้วนหรูเฟิง ศักยภาพพรสวรรค์ของเจ้าช่างน่าทึ่งจริงๆ…”
“เจ้าไม่กลัวตายงั้นหรือ?”
เผชิญหน้ากับความสงบของตู้กู ต้นหลิงเทียนขมวดคิ้วกล่าวถาม
ต้องทราบด้วยว่าด้วยปราณสุริยันแรกกำเนิดของเขาตอนนี้ ยามใช้ตราผนึกมาร สมควรกำราบผู้ฝึกมารที่มีพลังฝึกปรือต่ำกว่าขอบเขตเซียนนภาได้ทั้งหมด!
และเท่าที่ทราบตู้กู ผู้นำตลาดมืดหยินชานก็เป็นแค่ผู้ฝึกมารขอบเขตเซียนปฐพีขั้นสูงสุดเท่านั้น เช่นนั้นตามทฤษฎีกำราบมารที่มีพลังฝึกปรือเหนือกว่า 1 ขอบเขตของตราผนึกมาร…เขามั่นใจมากว่าสามารถฆ่าอีกฝ่ายได้!
“ความตายไม่มีผู้ใดไม่กลัวข้าเองก็ไม่เว้น…อย่างไรก็ตามเจ้าคิดว่าเจ้าจะฆ่าข้าได้งั้นหรือ หากเจ้าใช้ตราผนึกมารด้วยพลังฝึกปรือของเจ้าตอนนี้?”
ตู้กูกล่าวถามออกมาด้วยท่าทางสบายๆไม่ยี่หระ ราวกับไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อยว่าตราผนึกมารในมือต้วนหลิงเทียนจะฆ่ามันได้
หลังจากนั้นพอมันเห็นว่าสีหน้าต้วนหลิงเทียนเคร่งขรึมขึ้นทั้งประกายตายังเย็นลง มันก็กล่าวออกโดยไม่รอคำตอบของต้วนหลิงเทียน “หากเจ้าไม่เชื่อข้าเช่นนั้นก็ลองถามบิดาของเจ้าดูเถอะ…และไม่เพียงแต่ข้า กระทั่งบิดาเจ้าเองก็ตาม หากอาศัยพลังฝึกปรือของเจ้าในตอนนี้ถึงใช้ตราผนึกมารก็ไม่อาจฆ่าได้…”
“หากเจ้าคิดจะใช้ตราผนึกมารฆ่าพวกเราจริงๆ อย่างน้อยๆพลังฝึกปรือของเจ้าต้องบรรลุถึงขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดเสียก่อน…”
ตู้กูกล่าวออกมารวดเดียวจบ
เมื่อได้ยินคำของตู้กู ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองต้วนหรูเฟิงทันที
ต้วนหรูเฟิงเองก็พยักหน้ารับและอธิบายออกมาให้ฟังทันที “โดยปกติแล้วตราผนึกมารสามารถฆ่าผู้ฝึกมารที่มีด่านพลังเหนือกว่า 1 ขอบเขตได้ทั้งหมด และต่อให้เจ้าจะเป็นแค่เซียนมนุษย์ขั้นต้น ก็สามารถฆ่าผู้ฝึกมารขอบเขตเซียนปฐพีขั้นสูงสุดได้!”
“อย่างไรก็ตามพลังฝึกปรือของข้ากับผู้นำตู้กูไม่ใช่แค่เซียนปฐพีขั้นสูงสุดธรรมดา…เพราะหากพวกเราต้องการ พวกเราสามารถทะลวงไปยังเซียนนภาได้ทุกเมื่อ”
กล่าวถึงจุดนี้ต้วนหรูเฟิง ก็หันไปมองจ้องตู้กู ค่อยกล่าวสืบต่อ “อีกทั้งยังไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่พวกเราสามารถทะลวงไปยังขอบเขตเซียนนภาได้ตลอดเวลา แม้จะยังไม่ทะลวงผ่านแต่พวกเราก็ไม่หวาดกลัวตราผนึกมารเลย…เว้นเสียแต่มันจะถูกใช้ด้วยผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุด เพราะพวกเรามีเวทย์พลังระดับสูง!”
เวทย์พลังขั้นสูง!
นี่คือตัวช่วยอันแข็งแกร่งของต้วนหรูเฟิงและตู้กู
ด้วยเวทย์พลังระดับสูง ต่อให้คนใช้ตราผนึกมารจะเป็นเซียนมนุษย์ขั้นกลางหรือขั้นเชี่ยวชาญก็ไร้ความหมาย ถึงแม้พวกมันจะยังอยู่ในด่านพลังเซียนปฐพีขั้นสูงุสดก็ตาม!
“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง…”
หลังได้ยินคำอธิบายของต้วนหรูเฟิง ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้ทันที ว่าไฉนตู้กูถึงยังสงบนิ่งอยู่ได้ แม้จะกำลังเผชิญหน้ากับตราผนึกมาร
ที่แท้อีกฝ่ายไม่ได้หวาดกลัวตราผนึกมารเลย!
กล่าวให้ชัด อีกฝ่ายไม่กลัวตราผนึกมารในมือเขา!