WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1858
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1858
ตอนที่ 1,858 : หาที่ตาย?
ตี้จิ่วทะลวงถึงขอบเขตเซียนปฐพีแล้ว?
ข่าวนี้ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับต้วนหลิงเทียน
ถึงแม้ว่าต้วนหลิงเทียนจะคิดถึงความเป็นไปได้ข้อนี้ไว้แล้ว แต่เขาก็ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเกิดขึ้นจริงๆ ทำให้รู้สึกผิดคาดอยู่บ้าง
ตี้จิ่ว มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ ผู้มีสายเลืดขัตติยะได้ทะลวงถึงเซียนปฐพีขั้นต้นแล้วจริงๆ
หากใช้กระบี่นิลสวรรค์ ด้วยพลังฝึกปรือตอนนี้…แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนสามารถฆ่าตี้จิ่วให้ตายได้ง่ายดายในกระบี่เดียว!
แต่เขาจะใช้กระบี่นิลสวรรค์ออกมาได้อย่างไร้เรื่องราวหรือ?
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องปราณสุริยันแรกกำเนิดที่จะถ่ายลงสู่ตัวกระบี่เพื่อสังหารตี้จิ่วอะไร เอาแค่เรื่องตัวกระบี่นิลสวรรค์เองก็พอ…หากเปิดเผยออกมาน่ากลัวว่าจะชักนำหายนะเภทภัยมาสู่เขาและครอบครัวไม่รู้จบ!
กระบี่นิลสวรรค์เป็นถึงยอดสมบัติสวรรค์!
บางทีในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าอาจไม่มีใครเข้าใจว่ามันคืออะไร
อย่างไรก็ตามการดำรงอยู่ของกระบี่ที่สามารถใช้พลังฝึกปรือขอบเขตเซียนมนุษย์แล้วสามารถสังหารตัวตนในขอบเขตเซียนปฐพี ทั้งๆที่คนผู้นั้นยังเป็นถึงตี้จิ่วมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บได้อย่างง่ายดายในกระบี่เดียว…เกรงว่าไม่ต่างอะไรจากการประกาศออกมาโต้งๆ…
ว่ากระบี่เล่มนี้ไม่ธรรมดา!
ต้องทราบด้วยว่ากระบี่ 9 แดนสรวงอันเป็น 1 ใน 10 ยอดศาสตรา ที่ติดรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ ยังไม่มีอานุภาพฝืนฟ้าพรรค์นี้!
ลำพังแค่กระบี่ 9 แดนสรวงก็มีอานุภาพล่อใจให้ผู้คนทั่วหล้าเข้าสู่วังวนแห่งการช่วงชิงแล้ว นับประสาอะไรกับบางสิ่งที่อยู่เหนือกระบี่ 9 แดนสรวงเล่า?
‘หากข้าใช้กระบี่นิลสวรรค์ออกมา ระดับผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรกับตู้กูย่อมเล็งเห็นถึงความไม่ธรรมดาทันทีแน่ว่ากระบี่มันวิเศษอย่างไร…เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป ไม่เพียงแต่ข้าจะเป็นเป้าหมาย กระทั่งท่านพ่อท่านแม่และคนอื่นๆคงพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย…’
‘เกรงว่าหากถึงวันนั้นกระทั่งตำหนักเมฆาครามก็อยู่ไม่ได้แล้ว…ทุกคนมิแคล้วได้หนีตายไปกับข้า’
ต้วนหลิงเทียนลอบส่ายหัวไปมาในใจ
ความล่อลวงของกระบี่นิลสวรรค์ ไม่ใช่อะไรที่ตราผนึกมารจะเทียบได้เลย
ตราผนึกมารนั้น ยอดฝีมือในภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าอาจไม่สนใจได้ แต่กระบี่นิลสวรรค์นี้พวกมันไม่อาจไม่สนใจ!
‘วันนี้ข้าใช้กระบี่นิลสวรรค์ไม่ได้!’
ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็ตัดสิ้นใจเด็ดขาด
การฆ่าฟันกับตี้จิ่ววันนี้เขาจะไม่ใช้กระบี่นิลสวรรค์เด็ดขาด
‘ด้วยพลังฝึกปรือของข้าตอนนี้ ถึงจะไม่ต้องใช้กระบี่นิลสวรรค์อย่างน้อยๆพลังรบของข้ากับตี้จิ่วสมควรทัดเทียมกัน หากสู้มันไม่ได้ก็แค่หาทางถอย ไม่อาจเสี่ยงใช้กระบี่นิลสวรรค์อย่างไม่จำเป็น…เว้นเสียจะถึงตายจริงๆ’
สูดลมหายใจเข้าลึกๆคำหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็สงบสติอารมณ์ได้
ในสายตาของต้วนหลิงเทียนนั้น ระหว่างชื่อเสียงกับชีวิต ที่สำคัญกว่าย่อมเป็นอย่างหลังแน่นอน!
เพราะชีวิตของเขาตอนนี้ไม่ได้เป็นแค่ของเขาคนเดียวอีกต่อไป
เขาต้องมีชีวิตอยู่ เพื่อที่จะไปตามหาเค่อเอ๋อและลูกน้อยในภูมิภาคเบื้องบน
อีกทั้งในสายตาของเขาตอนนี้ ยังมีใครบางคนที่สำคัญกว่าชีวิต!
“ขอเพียงเจ้ามั่นใจ”
แม้ไม่ทราบว่าลูกชายจะพกพาความมั่นใจมากจากที่ใด แต่ต้วนหรูเฟิงก็เลือกที่จะเชื่อมั่นในตัวลูกคนนี้
ขณะเดียวกัน คล้ายมันนึกอะไรได้ออก ต้วนหรูเฟิงจึงกล่าวออกมาอีกครั้งผ่านการส่งเสียง “เทียนเอ๋อ…หากว่า…ข้าหมายถึง..หากว่าเจ้า”
“หากว่าข้ากำลังจะแพ้ แล้วท่านพ่อคิดช่วยข้า…ข้าจะว่ายังไงใช่ไหม?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามต้วนหรูเฟิงกลับไปตรงๆ
“ใช่!”
ต้วนหรูเฟิงพยักหน้า “เจ้าเป็นลูกชายคนเดียวของข้า ถึงแม้ว่าวันนี้ข้าจะต้องเสียชื่อเสียงเพราะผิดคำพูดก็ช่างหัวมันปะไร หากตี้จิ่วนั่นคิดทำร้ายเจ้า บิดาผู้นี้จะสอดมือช่วยเหลือเจ้าทันที! ถึงแม้ตี้ชานนั่นจะขัดขวางข้า…แต่มันไม่มีทางหยุดข้าได้!”
ต้วนหรูเฟิงกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ
ทำราวกับว่า ตี้ชาน ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรไม่ได้อยู่ในสายตา
และนั่นเป็นเรื่องจริง
ในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า มีเพียงผู้นำตลาดมืดหยินชานอย่างตู้กูเท่านั้น ที่รับมือมันได้!
สำหรับผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรกระทั่งผู้นำขุมพลังกึ่งชั้น 3 คนอื่นๆ ทั้งหมดด้อยกว่าทั้งคู่มาก
หากต้องสู้ถึงตายจริงๆ ตี้ชานไม่มีทางรับมือต้วนหรูเฟิงได้ถึง 10 กระบวนท่า!
ตี้ชานนั้นแม้จะเป็นมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บแต่เพราะมันไม่ได้เข้าสระชำระมังกรเมื่อ 5,000 ปีที่แล้ว พลังฝีมือจึงนับว่าด้อยกว่าต้วนหรูเฟิงมาก
ในสายตาต้วนหรูเฟิง ตี้ชานไม่มีอะไรให้กังวล!
“ท่านพ่อท่านกล่าวออกมาแบบนี้…เพราะกลัวว่าข้าจะปฏิเสธ ไม่ยอมรับความช่วยเหลืองั้นเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงกล่าวถามไปอีกครั้งพร้อมยิ้ม
“อ่า…ใช่…”
ต้วนหรูเฟิงกล่าวตอบเสียงเบา สิ่งที่มันกลัวที่สุดก็คือเรื่องนี้ มันกลัวว่าบุตรชายจะดื้อรั้นจนสายเกินการณ์ และเลือกสู้โดยไม่สนเป็นตาย…
กล่าวให้ชัดมันกลัวบุตรชายมันเลือก สู้จนตัวตาย…
ดีกว่าต้องทนเห็น ‘ชื่อเสียง’ ทั้ง ‘ศักดิ์ศรี’ ถูกทำลาย!
“ท่านพ่อข้ายังต้องไปหาเค่อเอ๋อกับลูก…สำหรับข้าชื่อเสียงลาภยศล้วนไม่ต่างผายลม! ข้ายังกลัวตายมากกว่าที่ท่านกลัวข้าตายซะอีก!!”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม
ได้ยินคำตอบนี้ของต้วนหลิงเทียน ต้วนหรูเฟิงพอได้ยิ้มออกมาอย่างโล่งอก โชคดีที่บุตรชายของมันไม่ใช่คนดื้อรั้นมุทะลุ กล่าวคำตายเสียดีกว่าอยู่อะไรทำนองนั้น แล้วไปรนหาที่ตายอย่างไร้จำเป็น…
ในขณะเดียวกันนั้น คนอื่นๆก็เริ่มรู้สึกตัวกันแล้ว
“น้องหลิงเทียนเจ้าจะวู่วามเกินไปแล้ว! เจ้าเป็นบ้าอันใดถึงได้ไปท้าประลองเป็นตายกับตี้จิ่วมัน? นี่มันเสี่ยงเกินไป!!”
กู่ลี่เร่งส่งเสียงกล่าวมาด้วยความร้อนใจ ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
“นายน้อย ครั้งนี้ท่านผลีผลามเกินไปแล้ว…”
กระทั่งกู่มี่ที่ไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ยังอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงมา “นายน้อย ตี้จิ่วนั่นมันทะลวงถึงขอบเขตเซียนปฐพีแล้วจริงๆ…หากท่านเสียใจที่พลั้งปากขอท่านอย่าได้ห่วง…ข้าจักแก้ไขให้ท่านเอง”
วาจาที่กู่มี่กล่าวนั้น ก็คล้ายกันกับต้วนหรูเฟิง
ได้ยินคำร้อนรนห้ามปรามด้วยความห่วงใยจากกู่มี่และกู่ลี่ ใจต้วนหลิงเทียนรู้สึกตื้นตันไม่น้อย
เพราะเขารู้ดีว่าทั้งคู่ล้วนห่วงใยเขาด้วยใจจริง ต่างกลัวว่าเขาจะใจร้อนตัดสินใจโดยไม่คิดแล้วเกิดเรื่อง
“อย่าได้กังวลไป…”
ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงตอบกลับไปยังทั้งคู่ทันที
“ประลองเป็นตาย? ไม่เลิกราจนกว่าจะตายกันไปข้าง?”
ตอนนี้เองสายตาของทุกผู้คนไม่เว้นตี้จิ่วซึ่งเป็นตัวเอกของงาน ก็หันไปจับจ้องมองต้วนหลิงเทียนด้วยความสนใจ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายสมควรรู้ตัวว่าสู้มันไม่ได้ แต่กลับรนหาที่ตายด้วยตัวเอง?
“นายน้อยตำหนักเมฆาครามคิดแสวงหาความตายหรือ?”
“ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น…หาไม่แล้วไฉนถึงได้ท้าอะไรโง่ๆเช่นนี้ออกมา?”
“พวกเจ้าเลอะเลือนหรือไร…ไม่คิดบ้างหรือไรว่าบางทีนายน้อยตำหนักเมฆาครามอาจมั่นใจว่าสามารถฆ่าตี้จิ่วได้!?”
“มิผิด! โดยทั่วไปแล้วมีผู้คนเพียง 2 ประเภทเท่านั้นที่หาญกล้าท่าประลองเป็นตายกับผู้อื่น…ไม่มั่นใจ ก็เบื่อชีวิตคิดหาที่ตาย! แล้วพวกเจ้าดูเถอะนายน้อยตำหนักเมฆาครามหน้าตาเหมือนคนเบื่อชีวิตคิดหาที่ตายหรือไม่?”
ฯลฯ….
ผู้คนจากขุมพลังกึ่งชั้น 3 อื่นๆสนทนากันดังระงม ตั้งแต่ต้นจนจบสองตาพวกมันไม่ได้ละออกจากร่างตี้จิ่วกับต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย
“ต้วนหลิงเทียน…หาญกล้าท้าประลองเป็นตายกับตี้จิ่วงั้นเหรอ?”
คนของเผ่าพันธุ์มังกรถึงกับต้องหันมามองหน้ากัน ต่างเห็นสายตาตะลึงของสหาย
เรื่องด่านพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนนั้นแพร่กระจายไปทั้งเผ่าพันธุ์มังกรตั้งแต่ 2 วันก่อนแล้ว…
จากที่ผู้อาวุโสชิงเหยียน มังกรเทพยาดาสีเขียว 5 กรงเล็บกล่าว สำนึกเทวะของต้วนหลิงเทียนยังมีความเข้มแข็งอยู่ในขอบเขตอริยะเซียนเท่านั้น
นั่นหมายความว่าต้วนหลิงเทียนยังเป็นเพียงผู้ฝึกตนขอบเขตอริยะเซียน!
แต่ ตี้จิ่ว ว่าที่ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรคนต่อไปของพวกมัน เป็นถึงมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บที่มีศักยภาพพรสวรรค์สูงส่ง! ทั้งรวมกับด่านพลังที่ทะลวงถึงขอบเขตเซียนปฐพีแล้ว ไม่ใช่ว่าจะง่ายดายเสมือนบี้มดหรือไร หากคิดฆ่าอริยะเซียนสักคน?!
ในสายตาของพวกมันผลการประลองวันนี้ล้วนถูกตัดสินไปเรียบร้อยแล้ว เพียงแค่ดำเนินการประลองไปตามพิธีเท่านั้น
อย่างไรก็ตามในขณะที่พวกมันคิดว่าเรื่องราวกำลังดำเนินไปตามครรลอง อยู่ดีๆนายน้อยตำหนักเมฆาครามไม่เพียงไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ กลับกล่าวท้าประลองเป็นตายกับทังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บตี้จิ่วออกมา…!
รนหาที่ตาย?
คนเผ่าพันธุ์มังกรอดไม่ได้ที่จะมีความคิดดังกล่าวขึ้นมาในหัว
เหล่ามังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บชนชั้นผู้อาวุโสทั้งหลายไม่ว่าจะเฉวี่ยฉาน หรือสื่อชิงต่างหันมองหน้ากันด้วยความงุนงง
“ชิงเหยียนเจ้ามั่นใจหรือไม่ว่าสำนึกเทวะของมันยังมีความเข้มแข็งอยู่ในขอบเขตอริยะเซียนเท่านั้น?”
เฉวี่ยฉานส่งเสียงผ่านปราณไปถามชิงเหยียนทันที
“ข้ามั่นใจ!”
ชิงเหยียนกล่าวตอบไปชัดถ้อยชัดคำด้วยความมั่นใจ
เมื่อ 3 วันที่แล้ว ต้วนหลิงเทียนคิดใช้ทักษะบางประการตรวจสอบมัน ทว่ามันกลับสัมผัสได้ถึงสำนึกเทวะของอีกฝ่ายเสียก่อน กระทั่งยังแผ่สำนึกเทวะออกไปทำลายทิ้งเสีย!
และในขณะที่สำนึกเทวะของมันสัมผัสกับสำนึกเทวะของต้วนหลิงเทียน มันก็ทราบได้ทันทีว่าเป็นเพียงสำนึกเทวะของอริยะเซียนเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่แม้แจ่จะบรรลุถึงอริยะเซียนขั้นสูงุสดด้วยซ้ำ!
กล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า อย่างดีพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนคนนี้…ก็เพียงบรรลุถึงขอบเขตอริยะเซียนขั้นเชี่ยวชาญเท่านั้น!!
กระทั่งอาจจะอ่อนด้อยกว่าอริยะเซียนขั้นเชี่ยวชาญ!!
“เช่นนั้นไฉนมันถึงท้าตี้จิ่วประลองเป็นตายเช่นนี้เล่า? มันเป็นถึงบุตรชายต้วนหรูเฟิง! ไม่เพียงแค่นั้นจากสีหน้าท่าทางมิคล้ายคนกำลังรนหาที่ตาย!”
สื่อชิงขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ
ตี้จิ่วที่ยืนอยู่ไม่ห่างมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บอันเป็นผู้อาวุโสทั้ง 3 ก็หวนกลับมารู้สึกตัวแล้วเช่นกัน เมื่อครู่มันถึงกับอึ้งไปพักใหญ่ ด้วยไม่คิดว่ามดปลวกตัวกระจ้อยนี่จะหาญกล้าท้ามันประลองเป็นตาย!
ไม่ใช่รนหาที่ตายรึไร?
“ในเมื่อเจ้าอยากแสวงหาความตายนัก เช่นนั้นก็มาเถอะ!”
เมื่อได้รับคำท้าประลองเป็นตายกับต้วนหลิงเทียนแบบนี้ ตี้จิ่วย่อมเห็นดีเห็นงามด้วยทันที
ขวับ!
ทันใดนั้นร่างตี้จิ้วก้าวออกไปเบื้องหน้า ปริปากกล่าววาจาออกด้วยสีมั่นมาด “ข้ายอมรั…”
ในขณะที่ตี้จิ่วกำลังจะกล่าวว่า ข้ายอมรับคำท้า ตอบรับต้วนหลิงเทียน กลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นขัดเอาไว้เสียก่อน “ช้าก่อน!”
เมื่อถูกพูดขัดแบบนี้ ตี้จิ่วย่อมหงุดหงิดเป็นธรรมดา
แต่พอมันตระหนักได้ว่าเสียงที่พูดขัดช่างเป็นเสียงที่คุ้นเคยนัก มันก็หันไปทางต้นเสียงทันที
พบชายชราร่างแกร่งคนหนึ่ง ยืนตระหง่านอยู่ราวกับหอคอยเหล็ก
แม้ตี้จิ่วจะกล่าวไม่ทันจบคำ แต่ทุกคนก็เข้าใจได้ไม่ยากว่าตี้จิ่วคิดยอมรับคำท้าประลองเป็นตายกับต้วนหลิงเทียนแล้ว
ทว่าในช่วงเวลาสำคัญ ตี้ชานกลับพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน
จังหวะนี้ทุกสายตาถึงกับอดหันไปมองตี้ชานเสียไม่ได้ ด้วยอยากรู้นักว่าไฉนตี้ชานถึงกล่าวขัดขึ้นมา…
กลัวตี้จิ่วถูกต้วนหลิงเทียนฆ่า?
หรือมีอะไรจะกำชับตี้จิ่วก่อนสู้?
“ตาแก่?”
ตี้จิ่วแม้ต่อหน้าผู้อื่นมันจะไม่เห็นหัว แต่กับผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรมันก็ไม่เคยวางท่าถือดีอันใด เพียงเรียกหาอย่างสนิทสนมเท่านั้น
ทว่ามันยังคงสงสัยและสับสนไม่น้อย ด้วยไม่เข้าใจว่าไฉนอยู่ๆตาแก่นี่กลับขัดขวางมันเอาไว้แบบนี้…