WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1862
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1862
ตอนที่ 1,862 : ทัดเทียม?
นายน้อยตำหนักเมฆาครามต้วนหลิงเทียนน่ะหรือ..มีพลังฝึกปรืออริยะเซียนขั้นกลาง?
เหลวไหล!
ด้วยพลังฝีมือที่ต้วนหลิงเทียนสำแดงออกมา บอกว่าเป็นเซียนมนุษย์ขั้นกลางถึงจะไม่แปลกปลอม!
“สารเลวน้อยนั่นมันหลอกข้า!”
หน้าตี้ชานอัปลักษณ์นัก มันครุ่นคิดไตร่ตรองถี่ถ้วนดีแล้ว…แต่มิคาดเรื่องราวกลับอยู่เหนือการคาดคำนวณของมัน!
จากที่มันเห็น…ต้วนหลิงเทียนที่มีระดับพลังฝึกปรืออริยะเซียนขั้นกลางนั่น ที่แท้มีพลังฝีมือบรรลุถึงขอบเขตเซียนมนุษย์!!
นอกจากนี้จากที่มันประเมิน ไม่ว่าจะพลังหรือความเร็วของต้วนหลิงเทียน อาศัยกลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมาช่วงแรกๆ สมควรอยู่ในขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นกลาง!
เช่นนั้นมันจึงมั่นใจเต็ม 10 ส่วนว่าพลังฝึกปรือที่แท้จริงของต้วนหลิงเทียนสมควรอยู่ในขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นกลาง!
สำหรับเหตุผลที่ไฉนต้วนหลิงเทียนถึงต่อสู้ทัดเทียมได้กับเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดนั้น ล้วนเป็นเพราะเวทย์พลังทั้ง 2 ที่แตกฉาน!
ในฐานะผู้นำเผ่าพันธุ์มังกร ตี้ชานย่อมมองเห็นถึงความสูงต่ำของเวทย์พลังที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกทั้ง 2 ชนิดได้ทันที!
ไม่ต้องกล่าวถึงเวทย์พลังเสริมเคลื่อนไหวที่น่ากลัวนั่น ลำพังแค่เวทย์พลังสายกระบี่จู่โจมที่สำแดงออกมาก่อนหน้า น่ากลัวว่าระดับคงเหนือล้ำกว่า ‘ทลายขุนเขาสะบั้นลำน้ำ’ ที่ตี้จิ่วเพาะสร้างเสียอีก!
ทลายขุนเขาสะบั้นลำน้ำของตี้จิ่วนั้น เป็นเพียงเวทย์พลังระดับกลางเท่านั้น แต่มันก็ถือว่าเป็นเวทย์พลังที่ค่อนข้างทรงพลังในบรรดาเวทย์พลังระดับกลางด้วยกัน!
ด้วยเหตุนี้ ความเป็นไปได้จึงมีเพียงประการเดียวเท่านั้น…
เวทย์พลังกระบี่สายจู่โจมที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกเมื่อครู่…เป็นเวทย์พลังระดับสูง!!
‘สารเลวน้อยนี่มันยังเยาว์อยู่แท้ๆ ไฉนถึงเพาะสร้างเวทย์พลังสายจู่โจมระดับสูงได้…แต่อย่างไรเสีย เวทย์พลังกระบี่ระดับสูงนั่นเพียงดูก็สมควรยังพึ่งบรรลุขั้นตอนพื้นฐานเท่านั้นนับว่าเรื่องนี้ยังสามารถยอมรับได้…แต่เวทย์พลังปีกประหลาดระดับสูงนั่น…มันก้าวข้ามขั้นตอนพื้นฐานไปไกล!!’
ตี้ชานตื่นตระหนกไม่น้อย
‘นอกจากนี้มันสมควรมีทักษะลับปกปิดพลังอันใดสักอย่าง ถึงได้สามารถตบตาข้าและทุกคนได้!หาไม่แล้วไหนเลยด้วยสำนึกเทวะของข้ายังไม่อาจหยั่งถึงพลังฝึกปรือมัน!’
ตี้ชานลอบคาดเดา
และการคาดเดานี้ของตี้ชาน ก็ละม้ายคล้ายกับความคิดของคนอื่น
“ซะ…เซียนมนุษย์ขั้นกลาง! มะ ไม่จริงน่า! มารดาเราช่วยด้วย นายน้อยตำหนักเมฆาครามกลับบรรลุถึงเซียนมนุษย์ขั้นกลางแล้ว!? นะ…นี่จะให้ผู้อื่นใช้ชีวิตกันอยู่อย่างไร!?”
“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าตำหนักเมฆาคราม ไม่เพียงมีจ้าวตำหนักที่พลังฝีมือสะท้านใต้หล้า กระทั่งนายน้อยยังเป็นตัวประหลาดเช่นนี้! ด้วยมีนายน้อยร้ายกาจขนาดนี้ เกรงว่าตำหนักเมฆาครามคงรุ่งโรจน์ไปอีกนับร้อยๆปี!”
“อย่าได้รีบร้อนกล่าวไป…การประลองเป็นตายวันนี้ ไม่แน่ว่านายน้อยตำหนักเมฆาครามจะเป็นฝ่ายรอดชีวิต มีชัยเหนือตี้จิ่ว”
“อ่า! นั่นสินะ”
……
บรรดาคนของขุมพลังกึ่งชั้น 3 ต่างคิดคาดผลลัพธ์เรื่องราวกันไปต่างๆนาๆ ไม่แน่ใจว่าระหว่างต้วนหลิงเทียนกับตี้จิ่วใครจะอยู่ใครจะไป
“ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะซุกซ่อนปกปิดพลังฝึกปรือไว้เช่นนี้…”
สีหน้าชิงเหยียนบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก มันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนจะซุกซ่อนพลังฝีมือเอาไว้
ด้วยเหตุนี้ไม่พ้นที่ต้วนหลิงเทียนแผ่สำนึกเทวะออกมาทำราวกับจะตรวจสอบพลังของมันวันนั้น เป็นการจงใจกระทำ เพื่อล่อหลอกให้มันไขว้เขวสับสนเป็นแน่! หมายทำให้ตี้จิ่วประมาท!!
แน่นอนว่านี่เป็นการคาดเดาของชิงเหยียนเท่านั้น
แต่มันยิ่งคิดเท่าไหร่ก็ยิ่งเข้าเค้า มีความเป็นไปได้สูง!
ไม่เพียงแต่ชิงเหยียนเท่านั้น อาวุโสคุมกฏ ฉานเฉวี่ย กับ สื่อชิงชนชั้นอาวุโสของเผ่าพันธุ์มังกร ก็มีสีหน้าดูไม่ได้เช่นกัน
“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ ที่แท้กลับบรรลุพลังฝึกปรือเซียนมนุษย์ขั้นกลางแล้ว…แต่มิใช่ตี้จิ่วกล่าวไว้หรอกหรือว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้วมันยังพึ่งเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตสู่เซียนกระจ้อยร่อยเท่านั้น?”
สื่อชิงกล่าวหน้าเครียด
“อย่าได้ลืมไป…บิดาของมันคือต้วนหรูเฟิง!”
ลึกลงไปในแววตาของฉานเฉวี่ย เผยให้เห็นร่องรอยความหวาดกลัว!
ต้วนหรูเฟิง!
พอได้ยินนามนี้ สื่อชิงถึงกับเงียบไปทันที
พอนึกถึง ‘วีรกรรม’ ที่ต้วนหรูเฟิงกระทำไว้ในอดีต เรื่องที่ลูกชายจะร้ายกาจแบบนี้ก็ไม่แปลกอะไร
“ขะ…ข้ากำลังฝันไปหรือไร?”
กู่ลี่มองต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างไกลตาด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด
กระทั่งเผชิญหน้ากับตัวตนอย่างตี้จิ่วผู้ซึ่งบรรลุถึงขอบเขตเซียนปฐพีขั้นต้นยังมีเปรียบ! นี่ใช่น้องชายหลิงเทียนของมันแน่หรือ!?
ถึงแม้กู่ลี่จะรู้มานานแล้วว่าต้วนหลิงเทียนร้ายกาจ แต่ก็ไม่คิดเลยว่าพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนจะก้าวข้ามมันไปแล้วแบบนี้
จนกระทั่งมาถึงวันนี้ มันจึงได้รู้ในที่สุด ว่าที่แท้น้องหลิงเทียนของมันได้ก้าวข้ามมันไปไกลโพ้น!
อย่างน้อยๆหากมันเผชิญหน้ากับตี้จิ่ว มันก็คงไม่มีวันทำอะไรแบบนี้ได้
เผลอๆมันอาจจะถูกตี้จิ่วทุบผัวะเดียวตัวแตกตาย!
“ท่านจ้าวตำหนักน้อย!!”
ลูกตากู่มี่ถึงกับส่องแสงวิบวับ ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความยินดีถึงที่สุด ปากยังฉีกยิ้มกว้างจนถึงหู แลดูอัปลักษณ์ยิ่งกว่าหญิงชราร่ำไห้…
“พลังฝีมือของเทียนเอ๋อแข็งแกร่งจริงๆ…อีกทั้งเวทย์พลังที่เทียนเอ๋อใช้ออกเมื่อครู่นั่น..”
ต้วนหรูเฟิง มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเลื่อนลอย ตอนนี้มันรู้สึกคล้ายบุตรชายกลายเป็นคนแปลกหน้า ราวกับมันไม่รู้จักอะไรอีกฝ่ายเลย
‘ไม่น่าแปลกใจเลยว่าไฉนท่านผู้เฒ่าพยากรณ์ถึงบอกให้ข้าทำสัญญากับเผ่าพันธุ์มังกร…ที่แท้ท่านมั่นใจในตัวเทียนเอ๋อจริงๆ’
พอคิดถึงมาถึงจุดนี้ในใจของต้วนหรูเฟิงรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาทันที
ถึงแม้พลังฝีมือที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกมาตอนนี้ จะยังไม่มากพอให้เอาชนะตี้จิ่วได้ แต่อย่างน้อยๆเรื่องเอาตัวรอดก็ไม่มีปัญหาอะไรสืบไป
“ปะ…เป็นไปได้อย่างไรกัน!?”
“ลูกชายของจ้าวตำหนักเมฆาคราม กลับร้ายกาจถึงเพียงนี้?!”
รองผู้นำตลาดมืดหยินชานทั้ง 2 ไม่ว่าจะเฝิงปู่อี้หรือจงฉีชานได้แต่หันมองหน้าสบตากันด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“น่าสนใจจริงๆ! ลูกชายต้วนหรูเฟิงคนนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าบิดาเลยจริงๆ”
ตู้กูกล่าวพึมพำออกมาขณะมองต้วนหลิงเทียนที่อยู่ไกลตา จากวาจาราวคล้ายไม่ได้แปลกใจอะไรเท่าไหร่ แลดูสงบกว่าผู้อื่น
เมื่อเวลาผ่านไปอีกพักหนึ่งเสียงกล่าวพึมพำค่อยๆซาลง จนในที่สุดก็เงียบสนิท ตอนนี้ทุกคนจะได้ยินก็แต่เสียงของสายลม
“ต้วนหลิงเทียน ข้าไม่คิดเลยว่าเพียงผ่านไป 5 ปี พลังฝีมือเจ้าจะก้าวหน้าขึ้นมาถึงขนาดนี้…แต่หากเจ้าคิดว่าอาศัยพลังฝีมือเพียงเท่านี้แล้วจะสามารถฆ่าข้าไดล่ะก็…ข้าขอให้เจ้าเลิกฝันกลางวันเสียเถอะ!”
หลังจากลอยร่างเผชิญหน้าอย่างสงบกันอยู่พักหนึ่ง ตี้จิ่วที่รับประทานโอสถรักษาตัวจนบาดแผลที่ไหล่เริ่มฟื้นตัวแล้ว ก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นแฝงความเย้ยหยัน
“เลิกฝันกลางวัน?”
ต้วนหลิงเทียนยกยิ้มเยาะ สายตาเผยความรังเกียจเดียจฉันท์
“อะไร? ไม่เชื่อหรือ?”
เมื่อเห็นรอยยิ้มดูหมิ่นบนใบหน้าต้วนหลิงเทียน ตี้จิ่วรู้สึกมีโมโหขึ้นมาทันที “เหอะ ข้าจะบอกให้เจ้ารู้อาศัยพลังฝีมือเพียงเท่านี้ของเจ้า ในสายตาข้าตี้จิ่วยังไม่อาจนับเป็นอะไรได้! ต่อให้เจ้าจะบรรลุขอบเขตพลังเซียนมนุษย์แล้วมันก็เท่านั้น! คิดฆ่าเจ้ายังง่ายดายเหมือนบี้มด!!”
กล่าวจบคำร่างตี้จิ่วก็ไหววูบหายไปทันที! คนพุ่งร่างไปปานเส้นสายอัสนีจี้เข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างเกรี้ยวกราด!!
คราวนี้ตี้จิ่วไม่ออมพลังยั้งมืออะไร พลังขอบเขตเซียนปฐพีขั้นต้นปะทุพวยพุ่งออกมาเต็มกำลัง ความเร็วของมันเหนือล้ำกว่าก่อนหน้ามากมายนัก!
มวลพลังอันสุดไพศาลลุกโชนขึ้นมาท่วมกายดั่งเพลิงไฟ!
ซู่มม!!
นอกจากเสียงดังหวีดหวิวจากการแหวกฝ่าสายลมจนอากาศแตกระเบิด ยังมีเสียงวัตถุชำแรกผ่านอากาศมาด้วยความเร็วสูง!
“ทลายขุนเขาสะบั้นลำน้ำ!”
ไม่เพียงร่างมันที่พุ่งมาปานเส้นสายอัสนีเท่านั้น ดาบใหญ่มหึมายังฟาดฟันออกมาปานฟ้าผ่าเช่นกัน!
ดาบใหญ่ของมันไม่เพียงใช้ออกมาด้วยวรยุทธ์เซียนชนิดหนึ่ง ยังผสานไปด้วยเวทย์พลังดาบสายจู่โจมขั้นกลางอันน่ากลัว! ดาบฟันฟาดไปทางกลางกระหม่อมต้วนหลิงเทียน แลคล้ายมันอยากจะผ่าร่างต้วนหลิงเทียนให้เป็น 2 เสี่ยง!
วู้มมม!!
แม้จะเป็นดาบเล่มเดียวกันกับก่อนหน้านี้แท้ๆ แต่หากอานุภาพพลังที่แฝงเร้นอยู่ในตัวดาบกลับแตกต่างกันก่อนหน้าคนละโลก!
ดาบเล่มใหญ่ฟาดผ่าลงมา ดั่งอัสนียามแล้งแยกฟ้าออกเป็น 2 เสี่ยง!
กลิ่นอายพลังที่แผ่พุ่งออกจากตัวดาบยังน่ากลัว ประหนึ่งเคียวแห่งความตายที่หมายเก็บเกี่ยววิญญาณของต้วนหลิงเทียน!
คราวนี้นับว่าตี้จิ่วลงมือด้วยพลังอำนาจของขอบเขตเซียนปฐพีขั้นต้นแล้วจริงๆ!
“ปฐมเวทย์กลืนกิน!”
ในขณะที่ตี้จิ่วพุ่งทะยานทั้งฟาดดาบลงมาอย่างเกรี้ยวกราด แสงพลังส่องสาดไปด้วยรังสีอำมหิต ต้วนหลิงเทียนพลันใช้ออกด้วยเวทย์พลังระดับสูง ปฐมเวทย์กลืนกินออกมา!
ทันใดนั้นโดยมีต้วนหลิงเทียนเป็นจุดศูนย์กลาง อาณาบริเวณทรงกลมกินรัศมี 10 หมี่รอบตัวเขาพลันบังเกิดวังวนพลังปานน้ำวน!
และตัวเขาก็เป็นจุดศูนย์กลางของน้ำวน!
เมื่อปฐมเวทย์กลืนกินสำแดงอำนาจออกมา พลังวิญญาณฟ้าดินรอบกายต้วนหลิงเทียนในรัศมี 10หมี่มันก็ถูกสูบกลืน ต่างม้วนเข้าร่างของเขาอย่างรวดเร็วปานน้ำวน ผสานหลอมรวมเข้ากับปราณสุริยันแรกกำเนิดในกาย!!
ปราณสุริยันแรกกำเนิดของเขาพลันเพิ่มพูนขึ้นด้วยความเร็วสูง!
ด้วยความบริบูรณ์ของพลังวิญญาณฟ้าดินในรัศมี 10 หมี่รอบกายต้วนหลิงเทียน เขาสามารถยกระดับพลังปราณสุริยันแรกกำเนิดในร่างเขาให้เพิ่มพูนขึ้นมากกว่าเดิมเกินหนึ่งระดับ!
อย่างไรก็ตาม ปฐมเวทย์กลืนกินก็จำต้องใช้เวลาในการดูดกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินรอบๆครู่หนึ่ง
วู้มม!!
ต้วนหลิงเทียนพึ่งดูดกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินในรัศมี 10 รอบกายได้ราวๆครึ่งหนึ่ง ร่างตี้จิ่วพร้อมดาบเปี่ยมพลังสังหารอันน่ากลัวก็บรรลุมาถึงเสียแล้ว! ดาบยังฟาดลงมาปานจะผ่าร่างเขาให้แยกเป็น 2 เสี่ยง!!
“เฮอะ!”
เผชิญหน้ากับดาบใหญ่เล่มเขื่องที่ฟาดลงมา ต้วนหลิงเทียนแค่นเสียงเย็นคำหนึ่ง ไม่คิดกลืนกินพลังวิญญาณฟ้าดินรอบตัวสืบไป มือตวัดกระบี่จี้ออกไปเบื้องหน้า!
พร้อมกันนั้นปราณสุริยันแรกกำเนิดทั่วร่างที่ทวีความแข็งแกร่งขึ้น ไหลเชี่ยวปานน้ำหลากไปตามชีพจรเซียน 99 สาย ถ่ายทอดผนึกลงกระบี่สีดำสนิท เปล่งพลังอำนาจอาคมเซียนทั้ง 10 ออกมาเต็มกำลัง! ไม่เพียงเท่านั้น…
‘เซียนอมตะข้ามภพ!’
เร็วเท่าความคิด ร่างต้วนหลิงเทียนพลันพร่าเลือนก่อนจะปรากฏร่างแยกอวตารออกมา 2 ร่างข้างกาย!
ร่างแยกอวตารร่างหนึ่งพุ่งทะยานออกไปพร้อมตวัดกระบี่ฟันฟาดจี้ไปปานอสรพิษมีชีวิต เล็งปะทะไปยังดาบใหญ่ 10 อาคมเซียนของตี้จิ่ว!
ปงงง!!
ดาบใหญ่ปะทะกับกระบี่อย่างจัง แสงพลังที่ฉาบรอบดาบลดทอนลงไปส่วนหนึ่ง
ส่วนร่างแยกอวตารร่างนั้นถูกทำลาย!!
ฟั่บ! ฟั่บ!
ร่างต้นของต้วนหลิงเทียนรวมถึงร่างแยกอวตารอีกร่าง พลันตวัดกระบี่ออกไปอย่างพร้อมเพรียง ปราณสุริยันแรกกำเนิดที่ยกระดับขึ้นจากปฐมเวทย์กลืนกินถูกผนึกควบแน่นลงกระบี่ทั้งหมด!
ปงงง!!
เปรี๊ยงงงง!!
…
เสียงระเบิดปานฟ้าร้องดังลั่นก้องหุบเขา ไม่ว่าจะต้วนหลิงเทียนหรือตี้จิ่ว ต่างผละกระเด็นถอยออกไป 10 กว่าก้าว!
พลังที่ควบผนึกในดาบตี้จิ่วยามนี้สลายหายไปหมดสิ้น! ด้านต้วนหลิงเทียนร่างแยกอวตารอีกร่างก็ถูกทำลายหายไป!
อั๊ค!!
ร่างทั้งคู่สะท้านไปคราหนึ่งค่อยกระอักโลหิตออกมาพร้อมกัน! สีหน้าแลดูซีดลงเล็กน้อย!
‘เป็นไปมิได้! ข้าลงมือเต็มกำลังแล้ว แต่ยังทำได้แค่เสมอกับมันงั้นเหรอ!?’
ไม่ทันที่ผู้คนจะรับรู้เรื่องราว สีหน้าตี้จิ่วก็เปลี่ยนเป็นมืดดำคล้ำลง!
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า กระทั่งหลับมันยังไม่เคยฝันถึง!
ชายหนุ่มที่มันเคียดแค้นชิงชังแสนเกลียดที่มันแทบทนรอฆ่าไม่ไหว ไฉนหลังจากผ่านไปเพียงแค่ 5 ปี กลับมีพลังทัดเทียมกับมันแล้วเล่า?
พอคิดถึงเรื่องนี้ มันรู้สึกราวกับโลกหล้าพลิกตลบ!