WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1864
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1864
ตอนที่ 1,864 : เวทย์พลังสืบทอดเผ่ามังกร!
“ที่แท้เจ้าก็ทำได้แค่นี้รึ?”
หลังหลบเลี่ยงหางมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บที่ตบฟาดอย่างรุนแรงฉับไว ของร่างจริงตี้จิ่วได้อย่างไม่ยากเย็น ต้วนหลิงเทียนที่กำลังพุ่งเข้าหาศีรษะตี้จิ่วก็กล่าวเย้ยออกมาพร้อมยิ้มเยาะ
“ต้วนหลิงเทียน! ในเมื่อเจ้าอยากรีบตายนัก ข้าจักสงเคราะห์ให้เจ้า!!”
เผชิญหน้ากับการท้าทายยั่วยุครั้งนี้ของต้วนหลิงเทียน สองตาตี้จิ่วเริ่มแดง คำรามกล่าวออกมาเสียงเหี้ยม!
ทันใดนั้นราวกับเกล็ดทุกเกล็ดบนร่างกายของตี้จิ่วจะเปล่งแสงออกมา หากแต่แสงที่เปล่งออกกลับไม่ใช่สีทองอีกต่อไป…มันเป็นสีเลือด!
และยามเมื่อแสงสีเลือดนี้เปล่งออกมาเรืองรองไปทั่วร่างตี้จิ่ว กลิ่นอายพลังหนาวยะเยือกขุมหนึ่งพลันกำจายออกไปในบรรยากาศ!
อีกทั้งกลิ่นอายพลังทั่วร่างของตี้จิ่วก็แปรเปลี่ยนไปยกใหญ่…กลายเป็นทรงพลังมากยิ่งขึ้น!!
“นี่คือ…เวทย์พลังสืบทอดต่อๆกันมาของเผ่าพันธุ์มังกรงั้นเหรอ?”
เห็นฉากนี้เหล่าอาวุโสขุมพลังชั้น 3 พลันขมวดคิ้วกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเข้มขรึม
และถึงแม้เสียงของมันจะไม่ได้ดังมากมายอะไร แต่ทุกคนล้วนได้ยินกันหมด!
ครู่ต่อมาทุกคนนอกจากเผ่าพันธุ์มังกร ก็ได้รับทราบว่าที่ตี้จิ่วใช้ออกมันคืออะไร…เวทย์พลังที่สืบทอดต่อกันมาในเผ่าพันธุ์มังกร! เวทย์พลังของเผ่าพันธุ์…ร่างมังกรคุ้มคลั่ง!!
“เทียนเอ๋อเจ้าระวังตัวด้วย ตี้จิ่วมันใช้ออกด้วยเวทย์พลังร่างมังกรคุ้มคลั่งแล้วจริงๆ…เวทย์พลังนี้เป็นเวทย์พลังของเผ่าพันธุ์มังกรที่สืบทอดต่อๆกันมา มันจัดเป็นเวทย์พลังหนุนเสริมระดับกลาง! จากสำนึกเทวะของข้ายามมันใช้ร่างมังกรคุ้มคลั่ง พลังฝึกปรือของมันพุ่งทะยานขึ้นไปเทียบได้กับเซียนปฐพีขั้นกลาง!!”
ทันใดนั้นเองเสียงกล่าวเตือนของต้วนหรูเฟิงพลันดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียน
“ต้วนหลิงเทียน! วันนี้ปีหน้าจักเป็นวันครบรอบวันตายของเจ้า!!”
ร่างมังกรที่แท้จริงขนาดมหึมาของตี้จิ่วที่ฟุ้งตลบไปด้วยกลิ่นอายโลหิตทั้งไอพลังคุ้มคลั่ง พลันพุ่งส่วนลงไปหาต้วนหลิงเทียนด้วยความเร็วสูง!
และในตอนนี้ความเร็วของมันไม่ได้ด้อยไปกว่าความเร็วสูงสุดของต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป!!
“ร่างมังกรคุ้มคลั่ง? เซียนปฐพีขั้นกลางงั้นเหรอ?”
เผชิญหน้ากับร่างตี้จิ่วที่ทอประกายเรืองๆสีโลหิตเปี่ยมล้นไปด้วยไอพลังคุ้มคลั่ง สีหน้าต้วนหลิงเทียนเผยความประหวั่นออกมาทันใด แต่เดิมที่คิดพุ่งเข้าไปยังศีรษะตี้จิ่วเพื่อใช้ความเร็วที่เหนือกว่าควักลูกตาผยองนั่นออกมาเสีย กลับเลือกที่จะเปลี่ยนทิศทางล่าถอยออกไปทันที! ด้วยความเร็วที่เท่าเทียมกันตี้จิ่วจึงยังไม่อาจไล่เขาได้ทัน!!
หากแต่แรงลมที่เกิดจากการพุ่งเข้ามาของตี้จิ่ว ตอนนี้ก็ตีปะทะใบหน้าของเขาให้ปวดแสบอยู่บ้าง
‘ถึงแม้จะคงสภาพได้ไม่นานก็ตามที แต่ด้วยเวทย์พลัง 2 อย่างที่ข้าใช้ออกอย่างปีกอีกาทองคำกับปฐมเวทย์กลืนกิน ก็ทำให้ข้าสามารถใช้ความเร็วได้ถึงขอบเขตเซียนปฐพีขั้นกลางเช่นกัน…เดิมทีคิดใช้ความเร็วนี้สร้างความได้เปรียบซะหน่อย ไม่คิดเลยว่าตี้จิ่วจะมีร่างมังกรคุ้มคลั่งอะไรนี่! มันคือเวทย์พลังระดับกลางที่สืบทอดกันมาของเผ่าพันธุ์มังกรงั้นเหรอ? ไม่เบาเลยจริงๆ ตอนนี้ทั้งพลังและความเร็วของมันถูกเร่งเร้าขึ้นมา จนทัดเทียมกับเซียนปฐพีขั้นกลาง!’
แม้ต้วนหลิงเทียนจะหลบการโจมตีแรกของตี้จิ่วได้ ทว่าหลังจากที่ตี้จิ่วใช้เวทย์พลังร่างมังกรคุ้มคลั่ง ใบหน้าเขาก็ไม่เหลือร่องรอยความยินดีแม้แต่น้อย
เพราะตอนนี้เมื่อความเร็วของตี้จิ่วมันทัดเทียมกับเขา นั่นหมายความว่าเขาไม่อาจมีเปรียบมันอีกต่อไป
และหากไม่คำนึงถึงความเร็ว พลังโจมตีของเขานับว่าด้อยกว่าตี้จิ่วมาก!
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนกลับเป็นฝ่ายตกอยู่ในสถานการณ์อิหลักอิเหลื่อขึ้นมา เขาทำได้แค่พยายามหลบการโจมตีของตี้จิ่วไปเรื่อยๆ แทบไม่มีโอกาสได้ตอบโต้อะไรดีๆ…
“เทียนเอ๋อ! เวทย์พลังร่างมังกรคุ้มคลั่งนี้มันยังมิแตกฉานถึงขั้นไร้ตำหนิ เพียงมีระยะเวลาใช้งานอันจำกัด! เมื่อเวลาประคองสภาพของมันสิ้นสุดลง…ไม่เพียงแต่พลังที่มันเร่งเร้าขึ้นมาจักหายไป! มันยังจะตกอยู่ในสถานะอ่อนแอชั่วคราวอีกด้วย!!”
เสียงกล่าวเตือนของต้วนหรูเฟิงยังคงดังสืบต่อ “ตอนนี้ความเร็วของเจ้าทัดเทียมได้กับมัน…เช่นนั้นหากเจ้าถ่วงเวลาไปจนกว่าผลของเวทย์พลังนี้จะหมดลง และพอตัวมันได้รับผลกระทบนั่นล่ะก็…ด้วยความเร็วที่เหนือกว่า เจ้าจะอยู่ในตำแหน่งไร้เทียมทาน คิดฆ่ามันก็ง่ายดายแล้ว!!”
ลูกตาของต้วนหลิงเทียนทอประกายสว่างจ้าขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงอธิบายของต้วนหรูเฟิง หากแต่ไม่นานแสงประกายก็ค่อยๆจางลง ปากยังคลี่ยิ้มขื่นขมออกมา
ผลของเวทย์พลังร่างมังกรคุ้มคลั่งเพียงคงอยู่ได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง…แล้วไม่ใช่ว่าปฐมเวทย์กลืนกินของเขา ก็มีระยะเวลาใช้งานชั่วระยะเวลาหนึ่งเหมือนกันหรอกหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขาก็ได้ผลาญพลังวิญญาณไปแล้ว 8-9 ส่วน คิดใช้ออกด้วยปฐมเวทย์กลืนกินอีกครั้ง เผลอๆยังจะไม่พอเอา!
“ต้วนหลิงเทียนหากเจ้าเป็นลูกผู้ชายก็อย่าได้ถอยหนี! มาสู้กับข้าตรงๆเสีย! เอาแต่หนีเช่นนี้เจ้ามันก็แค่ตัวขี้ขลาดดีๆนี่เอง!!”
หลังจากไล่ล่าต้วนหลิงเทียนและพยายามลงมือจู่โจมไปพักหนึ่ง หากแต่ไม่ว่าจะเป็นมังกรฟาดหางเอย กรงเล็บมังกรพัวพันเอย ลมหายใจมังกรเอย…กลับไม่อาจเฉียดถูกร่างต้วนหลิงเทียนได้เลย!ทำให้ตี้จิ่วเริ่มบังเกิดความร้อนรนในใจขึ้นมา!!
ด้วยผลของเวทย์พลังร่างมังกรคุ้มคลั่ง พลังฝึกปรือของมันจะยกระดับขึ้นไปทัดเทียมกับขอบเขตเซียนปฐพีขั้นกลาง เป็นเวลา 1 เค่อเท่านั้น!
และหลังจากผ่านไป 1 เค่อ ไม่เพียงแต่พลังฝึกปรือที่เพิ่มพูนจะหายไป หวนคืนสู่ระดับเดิม กระทั่งมันยังจะตกอยู่ในสถานะอ่อนแอไปพักหนึ่ง…!
พอถึงตอนนั้นเกรงว่าคงสู้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้แล้ว!
เช่นนั้นมันจึงทำได้แต่ยั่วยุท้าทายและพยายามทำให้ต้วนหลิงเทียนหันมาสู้แตกหักกับมันเท่านั้น! ขอเพียงมันยั่วยุต้วนหลิงเทียนให้หันมาปะทะซึ่งๆหน้าได้ล่ะก็…
มันสามารถปะทุพลังสังหารต้วนหลิงเทียนได้ในการโจมตีเดียว!!
ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของต้วนหลิงเทียน ไหนเลยตี้จิ่วจะมองไม่ออก…แม้ความเร็วของต้วนหลิงเทียนจะทัดเทียมกับมัน แต่มันแลเห็นชัดเจนว่านอกเหนือจากความเร็วแล้ว ไม่ว่าจะพลังทำลายหรือความแข็งแกร่งของร่างกาย ต้วนหลิงเทียนล้วนด้อยกว่ามันทั้งสิ้น!!
‘เวทย์พลังอันใดกันแน่ที่ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นใช้ออกก่อนหน้า? มิคิดเลยว่ามันจะสูบกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบเพื่อยกระดับพลังฝึกปรือให้พุ่งทะยานขึ้นมาทัดเทียมกับเซียนปฐพีขั้นต้นได้…หากผลของเวทย์พลังร่างมังกรคุ้มคลั่งหมดลง…ตี้จิ่วมิอาจรับมือมันได้แน่!!’
ห่างออกไปไกลๆ สีหน้าตี้ชานผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรตอนนี้ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและเสียใจ
หากมันสามารถย้อนเวลากลับไปได้ล่ะก็ มันจะไม่อนุญาตให้ตี้จิ่วรับคำท้าประลองเป็นตายของต้วนหลิงเทียนเด็ดขาด!
เพราะไม่ว่าจะเป็นพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนกระทั่งเวทย์พลังที่ใช้ออกมาทั้งหมด บอกให้มันรู้ได้ทันที…
ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ เป็นตัวตนอันไร้เทียมทานในขอบเขตเซียนมนุษย์แล้วจริงๆ!
ล้อกันเล่นหรือไร!
กระทั่งตี้จิ่วที่เร่งเร้าพลังจนถึงเซียนปฐพีขั้นกลางยังจนปัญญาขนาดนี้ แล้วผู้ใดใต้ขอบเขตเซียนปฐพีจะสู้ต้วนหลิงเทียนได้อีก!
อย่างน้อยๆในภูมิภาคเบื้องล่างแห่งนี้ มันก็ไม่คิดว่ามีใครที่อยู่ภายใต้ขอบเขตเซียนปฐพีจะสู้กับต้วนหลิงเทียนได้อีก
แม้กระทั่งตัวตนที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นเซียนมนุษย์อันดับ 1 ผู้มีพลังฝีมือแข็งแกร่งที่สุดในขอบเขตเซียนมนุษย์ ไป่ฟูฉานของหน่วยองครักษ์เกราะทมิฬแห่งตำหนักเมฆาคราม ถงจ้ง คนนั้น ก็ไม่อาจเทียบกับต้วนหลิงเทียนได้!!
ถงจ้งนั้น แม้ทุกผู้คนจะยอมรับว่าเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดภายใต้ขอบเขตเซียนปฐพี ของภูมิภาคเบื้องล่างดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า แต่นั่นก็ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะปรากฏตัวขึ้น
นอกจากนี้หากถงจ้งต้องมาประมือกับตี้จิ่วีท่บรรลุถึงขอบเขตเซียนปฐพีขั้นต้นล่ะก็ เป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำที่ถงจ้งจะมีชีวิตรอดพ้น 10 กระบวนท่าของตี้จิ่ว!
“ขี้ขลาด?”
ต้วนหลิงเทียนที่ฉากร่างหลบกรงเล็บพลังมีสภาพได้อีกครั้ง แสยะยิ้มกล่าวออก “ตี้จิ่วเจ้ามันหวังสูงไปแล้ว เจ้าเห็นข้าเป็นเด็ก 3 ขวบรึไง…วาจายั่วยุโง่ๆเช่นนี้ยังกล้าใช้ออก? คิดว่าข้าจะยังหลงกล?! นี่เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือที่แท้เจ้ามันโง่เองกันแน่?”
วาจาตอกกลับของต้วนหลิงเทียน ทำให้ตี้จิ่วมีโมโหจนแทบกระอักเลือด!
แต่มันก็รู้ดีว่าคงยากที่จะใช้วาจายั่วยุต้วนหลิงเทียน
ด้วยเหตุนี้ภายใต้สายตาของทุกผู้คนในหุบเขา ก็เห็นตี้จิ่วกับต้วนหลิงเทียนเสมือนเล่นไล่จับกัน! ร่างเล็กๆพลิ้วไปมาหลบหลีกการโจมตีของร่างใหญ่ได้หมดจด! บางครั้งยังอาศัยความที่ตัวเล็กพุ่งไปพัวพันบริเวณลำตัว จนสุดที่มังกรตัวเขื่องจะทำอะไรได้จริงๆ…
มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บที่ร่างกายฟุ้งตลบไปด้วยไอพลังโลหิตคุ้มคลั่งตัวนี้ ถึงแม้จะทรงพลังดุร้ายเพียงใด…แต่มันก็มีร่างใหญ่โตยาวหลายร้อยหมี่! พอมาเทียบกับร่างมนุษย์ของต้วนหลิงเทียนแล้ว เสมือนผู้คนกำลังเผชิญหน้ากับมดจิ๋วตัวหนึ่งก็ไม่ปาน! ไม่เพียงทำให้รู้สึกมีลมไม่อาจผาย บางครายังสร้างความตลกขบขันนัก…!!
“ขี้ขลาด!”
“ต้วนหลิงเทียน เจ้ามันตัวขี้ขลาด!!”
“ต้วนหลิงเทียนเจ้ามันไร้ยางอายนัก! แน่จริงก็ปะทะกับตี้จิ่วตรงๆ อย่าได้เอาแต่หลบหนีเหมือนลูกเต่า!!”
“ถูกแล้ว! เจ้ามันลูกเต่าสารเลว! เจ้าคิดว่าจะหนีไปได้อีกนานเท่าใด!?”
…
ตอนนี้เหล่าผู้คนของเผ่าพันุ์มังกรเริ่มร้อนรนจนอดไม่ได้ที่จะตะโกนโวยวายขึ้นมาแล้ว!
เพราะในฐานะเผ่าพันธุ์มังกร พวกมันย่อมรับทราบข้อดีข้อด้อยของเวทย์พลังเผ่าพันธุ์ที่สืบทอดกันมาอย่างร่างมังกรคุ้มคลั่งดี…
หากเรื่องราวยังดำเนินไปอีหร็อบนี้ พอผลของเวทย์พลังร่างมังกรคุ้มคลั่งหมดลงเมื่อใด…ตี้จิ่วได้กลายเป็นปลาบนเขียงรอให้ต้วนหลิงเทียนแล่สับได้ตามใจแน่!!
นั่นไม่ใช่อะไรที่พวกมันอยากจะเห็น!
พวกมันทุกคนล้วนหวังให้ตี้จิ่วระเบิดพลังสังหารต้วนหลิงเทียนได้ในท่าเดียว และเป็นผู้ที่ได้เข้าไปยังสระชำระมังกร เพื่อรับการชำระไขกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น จนเสมือนเกิดใหม่!!
พวกมันรู้ดีว่าวันที่ตี้จิ่วออกมาจากสระชำระมังกร คือวันที่ตี้จิ่วจะทะยานฟ้า!
ในอนาคตด้วยมีตี้จิ่วนำพา เผ่าพันธุ์มังกรจะผงาดขึ้นมาครองราชย์เหนือใครในแดนดินอีกครา! ไม่ว่าจะตลาดมืดหยินชานหรือตำหนักเมฆาคราม พวกมันก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอีกต่อไป!!
ถึงตอนนั้น พวกมันจะสามารถเดินอย่างเชิดหน้าชูตาในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าได้อีกครั้ง!
แทนที่จะเป็นอย่างทุกวันนี้ พบเจอตำหนักเมฆาครามหรือตลาดมืดหยินชานคราใด พวกมันก็จำต้องก้มหัวหลีกหลบ…
“หืม? แสงโลหิตที่เรืองรองทั่วร่างตี้จิ่วคล้ายกำลังจืดจางลงแล้ว?”
“เหอะๆ มิใช่แค่แสงพลังจะจางลง กระทั่งกลิ่นอายพลังที่แผ่ออกก็ลดทอนความแหลมคมลงแล้ว…แถมความเร็วในการลงมือเองก็คล้ายจะเชื่องช้าลง พวกเจ้าลองสังเกตดูเอาเถอะ”
“อา…เป็นเช่นนั้นจริงๆ! ดูเหมือนว่าเวทย์พลังของเผ่าพันธุ์มังกรที่ตี้จิ่วใช้ยังมีข้อจำกัดบางประการ”
“ที่มันกำลังใช้อยู่เรียกว่าเวทย์พลังร่างมังกรคุ้มคลั่ง เวทย์พลังนี้จัดเป็นเวทย์พลังสนับสนุนระดับกลาง สามารถยกระดับพลังผู้ใช้ให้เพิ่มพูนขึ้น 1 ระดับ ระยะเวลาที่ใช้ออกขึ้นอยู่กับความเข้าใจของผู้ใช้ จากที่ข้าดูตี้จิ่วสามารถคงสภาวะได้ราวๆ 1 เค่อเท่านั้น!”
……
ขุมพลังกึ่งชั้น 3 เริ่มกระซิบกระซาบกันอีกครั้ง ตอนแรกพวกมันคิดว่าต้วนหลิงเทียนคงไม่มีโอกาสเอาชนะแล้ว ทว่าต่อมาก็กลายเป็นต้วนหลิงเทียนมีเปรียบ แต่มาตอนนี้พวกมันรู้สึกว่าเรื่องราวกลับกลายเป็นไม่แน่นอนไปเสียแล้ว
“ความเร็วของตี้จิ่วตกลงแล้ว!”
“ไม่! มิใช่แค่เพียงความเร็วของตี้จิ่ว! พวกเจ้าชมดู!ความเร็วของต้วนหลิงเทียนก็เริ่มตกลงแล้วเช่นกัน!!”
“แล้วมันสำคัญอย่างไร?”
“จะไม่สำคัญได้อย่างไรเล่า! ร่างมังกรคุ้มคลั่งของตี้จิ่วมีข้อจำกัด หรือเวทย์พลังที่ดูดกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินรอบๆของต้วนหลิงเทียนจักมิมีข้อจำกัด? ตอนนี้ไม่แน่ว่าต้วนหลิงเทียนจะชนะเสมอไป!”
“ไอ้หยา! เรื่องราวนับว่าผลิกพันไปมายิ่งนัก…เกรงว่าหากมิถึงห้วงเวลาสุดท้าย คงมิรู้จริงๆว่าวันนี้ผู้ใดจะชนะผู้ใดจะแพ้กันแน่! ไม่สิ…ไม่รู้ว่าผู้ใดจะอยู่หรือตายมากกว่า!!”
…
เมื่อเวลาค่อยๆไหลผ่านไป ผู้คนที่แต่เดิมคิดว่าเมื่อเวทย์พลังของตี้จิ่วหมดลงต้วนหลิงเทียนต้องเป็นฝ่ายชนะแน่ก็เริ่มไม่แน่ใจขึ้นมาแล้ว เพราะผลของเวทย์พลังต้วนหลิงเทียนเองก็คล้ายจะสิ้นอานุภาพลงเช่นกัน
“น้องหลิงเทียน…”
กู่ลี่มองไปยังร่างชายหนุ่มที่พริ้วหลบหลีกการโจมตีไปมาด้วยคิ่วยู่ย่น เหงื่อกาฬยามนี้หลั่งไหลชโลมกาย ปากกล่าวพึมพำไม่หยุด “เจ้าทำได้…เจ้าทำได้แน่นอน! ฆ่ามัน! ฆ่ามัน!!”
“เทียนเอ๋อ…”
สีหน้าต้วนหรูเฟิงเองก็ตึงเครียดเช่นกัน
กู่มีตอนนี้เผยใบหน้าว่างเปล่าเลื่อนลอย ไม่มีใครทราบว่ามันคิดอะไรอยู่กันแน่
“ท่านผู้นำตู้กู ท่านว่าระหว่างพวกมันทั้งคู่ผู้ใดจะอยู่ผู้ใดจะตายหรือ?”
เฝิงปู่อี้มองถามตู้กูด้วยความสงสัย
“ข้าคิดว่าต้วนหลิงเทียนมีภาษีดีกว่า…”
ตู้กูกล่าวออกเสียงเบา
“เพราะเหตุใดหรือท่าน?”
จงฉีชานกล่าวถามด้วยความสงสัย
“เพราะข้าแลแล้วถูกใจ…”
คำตอบของคู้กูทำให้เฝิงปู่อี้กับจงฉีชานอึ้งไปตาปริบๆ…ตอบแบบนี้ก็ได้เหรอ?
“ฮ่าๆๆ…ต้วนหลิงเทียนข้าก็คิดว่าเจ้าจักร้ายกาจเพียงใด ที่แท้เวทย์พลังของเจ้าก็มีระยะเวลาอันจำกัดเช่นกัน!!”
ในเมื่อทุกคนสามารถเห็นได้ชัดว่าพลังของต้วนหลิงเทียนเองก็กำลังตกลง ตี้จิ่วที่เป็นผู้รบเร้าพัวพันกับต้วนหลิงเทียนอยู่ ย่อมรู้ดีกว่าใคร!!
ในสายตาของมัน เวทย์พลังอะไรก็ตามที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออก ดูท่าจะละม้ายคล้ายคลึงกับเวทย์พลัง ร่างมังกรคุ้มคลั่ง ที่มันมี!