WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1874
ตอนที่ 1,874 : ยอดฝีมือจากภูมิภาคเบื้องบน!
‘เทียนหวู่…ตอนนี้เจ้าอยู่ที่ไหน สบายดีหรือไม่?’
เมื่อคิดถึงคืนวันที่ใช้ร่วมกับเฟิ่งเทียนหวู่ ต้วนหลิงเทียนยิ่งเป็นกังวลถึงนาง เพราะตอนนี้เขาไม่ทราบจริงๆว่าเฟิ่งเทียนหวู่ไปอยู่ที่ไหนแล้ว
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนรีบดึงสติกลับมาในเวลาอันสั้น เพราะรู้ว่าเซี่ยวหลันกับปี้เหยายังมองอยู่
“ข้าไม่ใช่แค่ต้องช่วยเค่อเอ๋อข้ายังต้องตามหาเทียนหวู่ด้วย…ข้าไม่อาจมีความสัมพันธ์กับสตรีอื่นใดได้อีกจนกว่าจะพบพวกนาง กระทั่งเมื่อพบพวกนางแล้วข้าก็ยังมิอาจยอมรับพวกเจ้าได้ตามใจ ข้ายังต้องกล่าวถามความเห็นของพวกนางอีกด้วยว่าจะยอมรับพวกเจ้าหรือไม่…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวสืบต่อ วาจาประโยคหลังนี้ยามกล่าว เขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับพวกนาง
เซี่ยวหลันกับปี้เหยาพอได้ยินคำตอบแล้ว ต่างหันมองหน้าสบตากันทันใด ต่างเห็นความขื่นขมในแววตาของอีกฝ่าย ทว่าพวกนางก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา
นี่เป็นทางที่พวกนางเลือกแล้ว…
พวกนางไม่เสียใจ!
ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือในกาลก่อน ต้วนหลิงเทียนยังคงเป็นบุรุษคนเดียวที่ได้ใจของพวกนางไป
หากมิได้เคียงคู่ชายในดวงใจ พวกนางไม่คิดแต่งงาน!
ไม่มีเขา ไม่สู้อยู่คนเดียวประเสริฐกว่า!
“ข้ายังมีเรื่องที่ต้องไปจัดการ…ลาแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนรู้ดีว่าคำพูดนี้ของเขามันแรงนัก และเมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เริ่มตึงเครียดอึมครึมเขาก็ได้แต่หาข้ออ้างจากไป
ขณะเดียวกันในใจก็เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมา เขารู้สึกผิดต่อเซี่ยวหลันกับปี้เหยานัก
เขาไม่ได้อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้เลย…
แต่นอกจากทำแบบนี้เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว
เบื้องหน้าก็น้ำใจเบื้องหลังก็ไมตรี อึดอัดนัก!
“หากข้ามีโชคชะตากับพวกเจ้า กระทั่งวันหนึ่งพวกเราได้อยู่ด้วยกันจริงๆ…ข้าจะชดเชยให้พวกเจ้าอย่างดี”
หลังจากมาแล้วต้วนหลิงเทียนได้แต่กล่าวรำพึงออกมาเสียงอ่อน
หลังจากนั้นไม่กี่วันต่อมา ต้วนหลิงเทียนก็ใช้เวลาอยู่กับลูกน้อยและลี่เฟย
จนกระทั่งมีคนมาท้าทายเขา!
“นายน้อย ข้าผู้น้อยได้ยินมาว่าท่านสามารถเอาชนะ มังกรเทพยดาสีทอง 5 กรงเล็บ ตี้จิ่ว ที่บรรลุถึงขอบเขตเซียนปฐพีขั้นต้นได้ ทั้งๆที่พลังฝึกปรือของท่านเพียงอยู่ในขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นกลาง…ข้าใคร่ขอคำชี้แนะจากนายน้อยสักครา มิทราบนายน้อยจักเมตตาสงเคราะห์ให้ข้าได้หรือไม่”
ผู้ที่มาหาต้วนหลิงเทียนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นไป่ฟูฉางของหน่วยองครักษ์เกราะทมิฬ…ถงจ้ง!
ถงจ้งคนนี้นอกจากเป็นไป่ฟูฉางขององครักษ์เกราะทมิฬแล้วยังเป็นศิษย์เอกของกู่มี่อีกด้วย!
นอกจากนั้น ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะเอาชนะตี้จิ่วได้…นาม ‘เซียนมนุษย์อันดับ 1’ ก็เป็นถงจ้งถือครองไว้!
อย่างไรก็ตามการที่ต้วนหลิงเทียนสามารถเอาชนะตี้จิ่วที่อยู่ในขอบเขตเซียนปฐพีขั้นต้นลงได้ ทำให้นามเซียนมนุษย์อันดับ 1 เปลี่ยนมือในรอบหลายปีทันที!
“นายกองถง…ท่านต้องการประลองชี้แนะกับข้าหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะอึ้งเมื่อได้ยินคำขอของถงจ้ง
ในสายตาเขาแม้ถงจ้งจะแข็งแกร่ง แต่ก็ยังมีพลังฝีมืออยู่ในขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดเท่านั้น
บางทีถงจ้งอาจเอาชนะเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดในภูมิภาคเบื้องล่าง กระทั่งเอาชนะยอดฝีมือเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดที่ร้ายกาจที่สุดในเผ่าพันธุ์มังกรได้…แต่ถ้าให้ถงจ้งไปปะทะกับขอบเขตเซียนปฐพีขั้นต้นทั่วไป ก็ไม่อาจเอาชนะได้เลย
ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงคิดว่าถงจ้งไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแม้แต่น้อย
“ข้าผู้น้อยรู้ตัวดีว่ามิใช่คู่มือนายน้อย…อย่างไรก็ตามพอข้าน้อยได้ฟังท่านอาจารย์กล่าวเล่าถึงความเกรียงไกรของนายน้อย ว่าสามารถเอาชนะตี้จิ่วได้อย่างไร ข้าผู้น้อยจึงหวังว่าจะได้ประมือกับนายน้อยสักครา…เพราะลำพังตัวข้ายากที่จะทะลวงขอบเขตเซียนปฐพีได้! หากได้ประมือกับนายน้อยมิแน่ว่าข้าอาจได้แรงบันดาลใจแลเห็นหนทาง กระทั่งสามารถทะลวงด่านได้สำเร็จ!”
วาจาท้ายประโยคของถงจ้ง ก็ได้เฉลยออกมาหมดสิ้นว่าไฉนต้องการประลองชี้แนะกับต้วนหลิงเทียน
มันคิดใช้แรงกดดันจากการประมือกับต้วนหลิงเทียน บุกฝ่าไปยังขอบเขตเซียนปฐพี!
ถึงแม้ว่าอาจจะทำไม่สำเร็จ แต่พลาดเพราะลงมือทำไม่สำเร็จยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
“เอาล่ะ ในเมื่อนายกองถงตั้งใจเช่นนี้ ข้าจะร่วมมือด้วย”
พอได้ยินว่าที่แท้เป็นเพราะเรื่องอะไร ต้วนหลิงเทียนก็เห็นด้วยกับคำขอทันที
สุดท้ายแล้วอีกฝ่ายก็ไม่ใช่คนนอก ในเมื่อเขาสามารถช่วยเหลืออีกฝ่ายได้ ไฉนจะต้องคิดเล็กคิดน้อย ปฏิเสธเรื่องเพียงเท่านี้ของอีกฝ่าย
“ขอบพระคุณนายน้อย!”
ถงจ้งรู้สึกยินดีหนักหนาที่ต้วนหลิงเทียนเห็นด้วย
“เอาล่ะ เจ้าเลือกสถานที่เถอะ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกถงจ้ง
ถงจ้งพยักหน้า ก่อนที่จะเลือกประลองกับต้วนหลิงเทียนทางตอนเหนือของทะเลสาบผานหลง ห่างจากตำหนักหลักไปราวๆ 10 ลี้
ถึงแม้การสนทนานี้ของถงจ้งกับต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้แพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง
แต่ด้วยในทะเลสาบผานหลงมีองครักษ์เกราะทมิฬลาดตระเวนตรวจตราความเรียบร้อยอยู่มากมาย พอเห็นทั้งคู่เหินร่างมาแบบนี้ ไหนเลยจะไม่บังเกิดความสนใจติดตามมาดูชม! และไหนเลยจะไม่อยากแบ่งปันเรื่องสนุกสนานกับสหาย!!
พลุสัญญาณเรียกระดมพลไม่ว่าจะกองหรือหมู่ ต่างจุดดังปุ้งปั้งเหนือทะเลสาบ องครักษ์เกราะทมิฬทั้งหลายก็เร่งรุดกันมาชมดูเป็นการใหญ่!
“เขาน่ะหรือ คือนายน้อยตำหนักเมฆาครามของพวกเรา?!”
สายตาของผู้ที่เร่งรุดมา ล้วนจับจ้องไปยังร่างต้วนหลิงเทียนตาเป็นมัน
ท่ามกลางสายตาเหล่านี้ มีทั้งประหลาดใจ ทั้งนับถือ ทั้งหวาดกลัว
แม้ว่าต้วนหลิงเทียนจะอาศัยอยู่ในตำหนักเมฆาครามมาพักหนึ่งแล้ว ทว่าด้วยความที่เขาพยายามหลีกเลี่ยงปัญหาจากตราผนึกมาร เขาจึงไม่ได้แพร่งพรายฐานะออกไป
อย่างไรก็ตามเมื่อต้วนหลิงเทียนเดินทางไปประลองตามสัญญา 5 ปีที่เผ่าพันธุ์มังกร สุดท้ายเรื่องที่เขาถือครองตราผนึกมาร และเป็นนายน้อยตำหนักเมฆาครามก็แดงออกมาในที่สุด
ทันใดนั้นทุกคนในตำหนักเมฆาครามพลันตระหนักได้ทันทีว่า…
ที่แท้ตำหนักเมฆาครามของพวกมันก็มีนายน้อยดำรงอยู่ด้วย!
ไม่เพียงเท่านั้น นายน้อยของพวกมันเรียกว่าสืบทอดความร้ายกาจของท่านจ้าวตำหนักผู้เกรียงไกรของพวกมันมาครบถ้วน อายุยังเยาว์แท้ๆหากแต่บรรลุถึงเซียนมนุษย์ขั้นกลางแล้ว!
นอกจากนั้นที่ทำให้พวกมันต้องตะลึงลานราวกับรู้สึกว่าฝันไปก็คือ นายน้อยสามารถอาศัยพลังฝึกปรือเซียนมนุษย์ขั้นกลาง ถล่มสังหารตี้จิ่วได้!
กล่าวกันว่าตี้จิ่วผู้นั้นได้บรรลุถึงเซียนปฐพีขั้นกลางแล้ว!
ผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นกลาง สังหารมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บขอบเขตเซียนปฐพีขั้นต้นได้…พวกมันไหนเลยจะเคยได้ยินเรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อนี้มาก่อน!
อย่างไรก็ตาม ข่าวนี้มาจากเผ่าพันธุ์มังกร กระทั่งพระเอกยังเป็นนายน้อยของพวกมัน!
ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกมันจะตื่นตระหนกกันขนาดไหน!
เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องที่ใครก็ทำได้!
“นายน้อยของพวกเรากระทั่งตี้จิ่ว มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บที่บรรลุถึงเซียนปฐพีขั้นต้นแล้วก็ยังสังหารได้…ใต้เท้าไป่ฟูฉางท้าทายนายน้อยเช่นนี้มิใช่หาเรื่องเจ็บตัวหรือ?”
“นั่นน่ะสิ หรือเพราะนามเซียนมนุษย์อันดับ 1 เปลี่ยนมือไปอยู่กับนายน้อย…ใต้เท้าถงเลยไม่ยอมรับ เจ้าว่าเหตุผลที่เกิดการประลองนี้จะใช่แบบนี้หรือไม่?”
“เฮ่อ หากใต้เท้าถงมาท้าทายนายน้อยเพราะเรื่องนี้ ก็นับว่าหาเรื่องอับอายแล้วจริงๆ”
“ข้าไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่าตำหนักเมฆาครามของพวกเรายังมีนายน้อยที่ร้ายกาจปานปีศาจเช่นนี้อีกคน…ด้วยมีนายน้อยอยู่ ตำหนักเมฆาครามของพวกเราไหนเลยไม่รุ่งเรืองไปอีกหลายร้อยปีได้!”
…
เหล่าองครักษ์เกราะทมิฬที่มาชมดูเรื่องราว กระทั่งศิษย์ตำหนักเมฆาครามที่บังเอิญทราบเรื่องราวจนติดสอยห้อยตามมาดูชมต่าออกความเห็นกันระงม ทุกคนล้วนมั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียนมากนัก
สำหรับถงจ้งพวกมันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอับอายแทน
“ข้าได้ยินมาว่านายน้อยตำหนักเมฆาครามของพวกเรา ก็คือชายหนุ่มนาม ต้วนหลิงเทียน ที่โชคดีได้ตราผนึกมารไปครองผู้นั้น”
“ตราผนึกมารนั่นดั่งเผือกร้อน! ตอนนี้เรื่องราวเปิดเผยออกมาข้าเกรงว่าในอนาคตตำหนักเมฆาครามของพวกเราอาจไม่ได้อยู่กันอย่างสงบสุข…”
“ใช่ ต่อให้เป็นยอดฝีมือของภูมิภาคเบื้องบน ถ้ารู้ว่าตราผนึกมารอยู่ในตำหนักเมฆาครามของพวกเรา น่ากลัวว่าพวกมันต้องลงมือแน่…เรื่องที่นายน้อยถือครองตราผนึกมาร กล่าวไปมิใช่เรื่องดีสำหรับตำหนักเมฆาครามเราเลยจริงๆ”
……
หลายคนอดไม่ไดที่จะเผยความกลัวออกมาเมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ มีคนมากมายที่อยากให้ต้วนหลิงเทียนทิ้งตราผนึกมารนี้ไปเสีย
เพราะทุกคนต่างรู้กันดี ว่าตราผนึกมารก็คือ 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียน ที่ติดอันดับในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ พลังอำนาจสะกดปราบมารของมันมีอิทธิฤทธิ์ร้ายกาจปานใด!
ด้วยเหตุนี้ทำให้หลายๆคนต่างจับจ้องมองมาด้วยความโลภ กระทั่งยอดฝีมือภูมิภาคเบื้องบนก็ไม่อาจต้านทานความหอมหวานยวนยั่วนี้ได้!
คนของตำหนักเมฆาครามจึงอดไม่ได้ที่จะสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดประการหนึ่ง เสมือนอันตรายและเภทภัยมาจดจ่อรออยู่หน้าประตูบ้าน
อย่างไรก็ตาม ทุกคนละความสนใจเรื่องนี้ไปอย่างรวดเร็ว หันกลับมาสนใจคน 2 คนที่ลอยร่างเผชิญหน้ากันเหนือทะเลสาบทันที
เพราะตอนนี้ทั้งคู่เริ่มลงมือแล้ว!
ซู่ม!
เป็น ถงจ้ง ไป่ฟูฉางแห่งหน่วยองครักษ์เกราะทมิฬที่ลงมือป้อนกระบวนท่าก่อน มันพุ่งร่างทะยานเข้าหาต้วนหลิงเทียนปานเส้นสายอัสนี
ไม่ต้องกล่าวอื่นใดมาก เพียงอาศัยความเร็วที่ถงจ้งเผยออกนี้ ก็ทำให้เซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดทั้งแดนดินยิ้มแหยๆออกมาแล้ว เพราะนี่ไม่ใช่ความเร็วที่พวกมันจะทัดเทียมได้!
‘สมแล้วที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นเซียนมนุษย์อันดับ 1 ความเร็วระดับนี้ใต้ขอบเขตเซียนปฐพีคงยากจะมีใครตามทัน!’
ได้เห็นความเร็วของถงจ้ง ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชม จากนั้นเขาก็เริ่มลงมืออย่างรวดเร็ว
ปง!!
มือขวาต้วนหลิงเทียนกำหมัดผนึกปราณสุริยันแรกกำเนิดขุมหนึ่ง ก่อนจะชกออกไปฉับไวปานอัสนีฟาด บังเกิดเป็นคลื่นพลังหมัดไร้สภาพพุ่งออกไปปานกระสุนปืนใหญ่!!
ถงจ้งที่พุ่งทะยานเข้ามาไม่มีความคิดหลีกหลบมันเกร็งพลังทั่วร่างผนึกแน่นลงหมัด ก่อนที่จะชกสวนออกไป! วัดพลังกันตรงๆ!!
เปรี๊ยงงงง!!
อย่างไรก็ตามแม้จะเร่งเร้าพลังออกมาสุดตัวแล้ว ทว่ายามเมื่อถงจ้งปะทะกับหมัดพลังไร้สภาพของต้วนหลิงเทียน ไม่ว่าจะพลังหมัดที่แผ่พุ่งออกไปก่อน หรือหมัดที่ชกออกเต็มกำลังก็ถูกหมัดพลังของต้วนหลิงเทียนบดขยี้จนราบเป็นหน้ากลอง!
หลังถูกพลังหมัดปะทุ ร่างถงจ้งก็สะท้านสั่นไหว โลหิตกระอักออกปากคำใหญ่ คนยังกระเด็นปลิดปลิวไปราวลูกเกาทัณฑ์พ้นคันศรหลายร้อยหมี่ ค่อยหยุดร่างลงได้…
หมัดต่อหมัดปะทะกัน เป็นถงจ้งแพ้พ่ายอนาถ…
แม้ถงจ้งจะยังเหลือเรี่ยวแรงต่อสู้ แต่ในใจตอนนี้เสมือนหนทางเอาชนะได้มืดดับลงแล้ว
หมัดเมื่อครู่มันกระทั่งพุ่งออกไปก่อน พลังทั้งสภาวะต่างเร่งเร้าถึงขีดสุด ชกออกด้วยวรยุทธ์เซียนที่บรรลุขั้นตอนไร้ตำหนิ ใช้ออกด้วยเวทย์พลังเสริมอานุภาพระดับกลางที่มี…ยังไม่อาจเอาชัยหมัดที่ต้วนหลิงเทียนนึกจะต่อยก็ต่อยออกมาได้!
ถงจ้งทุ่มสุดตัวแล้ว…
ทว่าต่อหน้าต้วนหลิงเทียนพลังของถงจ้งไม่นับเป็นอะไร…แม้ใจมันจะสู้ไม่ถอยพุ่งทะยานเข้ามาลงมืออีกครา แต่สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็อาศัยความเหนือชั้นกว่าอย่างทาบไม่ติดสยบถงจ้งลงอย่างราบคาบ…เพียงไม่ถึง 10 กระบวนท่าถงจ้งก็ถอดใจโดยสมบูรณ์…
สุดท้ายแล้วความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนในตอนนี้ ก็ไม่ใช่อะไรที่ต้วนหลิงเทียนเมื่อ 3 เดือนก่อนจะเทียบได้
แค่กล่าวถึงปราณสุริยันแรกกำเนิดอย่างเดียว เมื่อด่านพลังเขาบรรลุถึงอริยะเซียนขั้นสูงสุด มันก็มีพลังเทียบได้กับเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุด!
เมื่อรวมกับความแข็งแกร่งของร่างกายต้วนหลิงเทียน ไม่ต้องใช้ร่างนักรบมังกร อาศัยเพียงพลังดิบเถื่อนจากกายเนื้อที่แข็งแกร่งเหนือกว่ามังกรเทพยดา 6 กรงเล็บ ถงจ้งก็ไม่มีอะไรจะสู้
นี่เขายังไม่ได้ใช้เวทย์พลังอะไรด้วยซ้ำ
หากใช้ออกด้วยเวทย์พลังเกรงว่าหมัดเดียวก็สยบถงจ้งได้ง่ายๆ
ในขณะเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนเอาชนะถงจ้งนั้นเอง…
ณ เมืองชายแดนขนาดกลางที่ตั้งอยู่ทาง สุดขอบทิศตะวันออกของภูมิภาคเบื้องล่างดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ในเหลาอาหารแห่งหนึ่ง ข่าวคราวของตราผนึกมารก็แพร่กระจายมาถึงที่นี่แล้ว
“นายน้อยตำหนักเมฆาคราม ต้วนหลิงเทียนงั้นหรือ? ข้าเฝ้ารอมาหลายปี…ในที่สุดก็ได้เบาะแสเสียที ดูเหมือนการเดินทางมายังภูมิภาคเบื้องล่างของข้าครั้งนี้ไม่เสียเปล่าแล้ว…”
โต๊ะที่นั่งบริเวณมุมหนึ่งของเหลา ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีเทาค่อยๆลุกขึ้นยืน
ชายวัยกลางคนผู้นี้ลูกตาทั้ง 2 เผยประกายมากเล่ห์ แลดูก็รู้ว่าไม่ใช่ตัวดีอันใด!
ครู่ต่อมาก็ไม่มีใครเห็นว่ามันหายตัวไปไหน อยู่ดีๆร่างมันก็อันตรธานหายไปจากเหลาอาหารราวกับวูบหายไปในอากาศว่างเปล่า แต่ต้นจนจบไม่มีใครทันสังเกตสักคน
ขณะเดียวกันเหนือน่านฟ้าสุดขอบตะวันออกของภูมิภาคเบื้องล่าง ก็คล้ายปรากฏลูกไฟพุ่งวาบตัดฟ้ามุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ตั้งตำหนักเมฆาครามด้วยความเร็วอัศจรรย์!