WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1881
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1881
ตอนที่ 1,881 : ข่าวของเค่อเอ๋อ
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะสามารถแปลงร่างเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บได้…
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเซี่ยจงจะหวาดกลัวอะไรต้วนหลิงเทียน!
ในสายตาของเซี่ยจง ไม่ว่าต้วนหลิงเทียนจะเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บหรือไม่ สุดท้ายก็ยังเป็นแค่มดตัวหนึ่ง!
ในประวัติศาสตร์ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าไม่เคยขาดนักรบมังกร 7 กรงเล็บ หรือกระทั่งเรื่องราวของนักรบมังกร 8 กรงเล็บก็ยังมี แต่ก็เท่านั้น…! เพราะนักรบมังกรนั้นจะดีจะชั่วหรือจะกลายเป็นตัวตนร้ายกาจหรือไม่ ยังต้องดูพรสวรรค์และศักยภาพส่วนตัวอีกด้วย!
พรสวรรค์มังกรแปลงที่ทำให้มนุษย์มีความสามารถแปลงร่างเป็นนักรบมังกร ทำได้แค่เพิ่มพลังต่อสู้เท่านั้น หาได้เพิ่มพูนศักยภาพพรสวรรค์อื่นใดไม่!
เช่นเดียวกับต้วนหลิงเทียน แม้ตอนนี้ด้วยปราณสุริยันแรกกำเนิด เขาจะมีพลังแข็งแกร่งทัดเทียมกับขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุด แต่ต่อให้แปลงร่างเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บและใช้ทุกสิ่งที่มี…เขาก็ไม่อาจทำอะไรผู้ฝึกตนในขอบเขตเซียนนภาขั้นสูงสุดได้เลย…
ยิ่งไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของเซี่ยจง ที่บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ไปแล้วได้…!
ในสายตาของเซี่ยจง แม้พรสวรรค์ของต้วนหลิงเทียนจะถือว่าดีในภูมิภาคเบื้องล่าง แต่ในสายตาของมันยังไม่นับเป็นอะไรได้
ในภูมิภาคเบื้องบนคนที่มีพรสวรรค์มากกว่าต้วนหลิงเทียนไม่ใช่แค่พอมี แต่ยังมีเกลื่อนกลาด!
กระทั่งตัวมันเองตอนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับต้วนหลิงเทียน พลังฝึกปรือของมันก็บรรลุถึงเซียนปฐพีขั้นกลางเข้าไปแล้ว…
ด้วยเหตุนี้มันจึงคิดว่า ต่อให้ต้วนหลิงเทียนใช้เวลาบ่มเพาะไปตลอดชั่วชีวิต อีกฝ่ายก็ไม่มีวันไล่ตามมันได้ทัน!
ในเมื่ออีกฝ่ายไม่มีวันไล่ตามมันได้ทันแล้ว ย่อมไม่ถือว่าเป็นภัยอะไรกับมันตามธรรมชาติ
พอตระหนักได้ถึงจุดนี้ มันก็ไม่ได้สนใจเรื่องต้วนหลิงเทียนจะอยู่หรือตาย ยังเรียกว่าไม่สนใจอะไรอีกต่อไป
หากต้วนหลิงเทียนมีศักยภาพมากพอจะไล่ตามมันได้ทันล่ะก็ ถึงแม้ว่ามันจะต้องเสี่ยงกับความพิโรธของมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บ แต่มันก็จะหาวิธีฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตายให้จงได้
อาจกล่าวได้ว่าที่เซี่ยจงไม่สนใจตำหนักเมฆาคราม ทั้งไม่สนใจจะฆ่าต้วนหลิงเทียน ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นเพราะพรสวรรค์ของต้วนหลิงเทียนทั้งสิ้น
“ทุกคน ด้านหน้าที่เห็นนั่นก็คือทะเลสาบผานหลงแล้ว ตำหนักเมฆาครามอยู่ข้างในนี้เอง”
10 วันต่อมาครอบครัวต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 กับป๋ายลี่หงและคนอื่นๆก็เดินทางมาถึงอาณาเขตตำหนักเมฆาครามในที่สุด ขณะเข้าสู่เขตของทะเลสาบผานหลง ต้วนหลิงเทียนยังแนะนำป๋ายลี่หงกับคนอื่นๆให้องครักษ์เกราะทมิฬทั้งหลายรู้จัก
“ตำหนักเมฆาคราม!”
เมื่อตระหนักได้ว่ามาถึงตำหนักเมฆาครามแล้ว ไม่ว่าจะเป็นป๋ายลี่หง เฟิ่งหวู่เต้า ซื่อหม่าฉางฟง คู่แฝดหนานกงและเฉินเฉ่าช่วย สองตาอดไม่ได้ที่จะลุกวาวเป็นประกายวิบวับ!
ตำหนักเมฆาคราม คือ 1 ใน 2 ขุมพลังกึ่งชั้น 3 ที่แข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!
และวันนี้พวกมันด้วยอาศัยสายสัมพันธ์ที่มีกับต้วนหลิงเทียน กำลังจะได้เป็นคนสำคัญของตำหนักเมฆาครามที่ยิ่งใหญ่นั่น!
จังหวะนี้ทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น!
ด้วยมีต้วนหลิงเทียนผู้เป็นถึงนายน้อยตำหนักเมฆาคราม นำพาเข้ามาในตำหนักเมฆาครามด้วยตัวเองแบบนี้ ป๋ายลี่แหง เฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆ จึงเดินทางเข้ามาได้อย่างราบรื่นกระทั่งผู้คนมากมายยังคารวะทักทายด้วยสายตาชื่นชม ทะเลสาบผานหลงจึงไม่คล้ายเป็นสถานที่ต่างถิ่นแต่อย่างใด กลับให้ความรู้สึกเหมือนสวนหลังบ้านของสหาย…
“เสี่ยวเฟยเอ๋อ เจ้าพาเนี่ยนเอ๋อกลับไปพักก่อนเถอะ”
ก่อนที่จะไปถึงโถงหลักของตำหนัก ต้วนหลิงเทียนก็หันไปกล่าวกับลี่เฟยเสียงอ่อน
ลี่เฟยก็พยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง หันไปกล่าวคำลากับทุกคน ก่อนที่จะอุ้มต้วนเนี่ยนเทียนที่ผล็อยหลับไปแล้วจากไป
ภายในห้องโถงหลักของตำหนักเมฆาคราม ป๋ายลี่หง เฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆก็ได้พบเจอกับบิดาของต้วนหลิงเทียน จ้าวตำหนักเมฆาครามเป็นครั้งแรก
เมื่อต้องมาพบหน้าจ้าวตำหนักเมฆาคราม ต้วนหรูเฟิง ซึ่งๆหน้า ทุกคนยกเว้นฉงเฉวียนที่ติดตามต้วนหลิงเทียนตั้งแต่ยังเด็ก ถึงกับอดไม่ได้ที่จะมีอาการตื่นเต้นทั้งประหม่าอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตามมีคำกล่าวที่ว่า ‘รักบ้านยังพาลรักไปถึงอีกาที่เกาะบนหลังคา’ ต้วนหรูเฟิงที่พบพานป๋ายลี่หง เฟิ่งหวู่เต้าและทุกคนเป็นครั้งแรกก็ไม่ได้วางท่าสูงส่งอะไรแม้แต่น้อย ยังแลดูสบายๆเป็นกันเอง ต้อนรับป๋ายลี่หงกับเฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆอย่างดี
สุดท้ายเหล่าผู้มีอายุก็สนทนากันอย่างสนุกสนาน หั่วร่อกับเรื่องราวเหลวไหลในอดีตของต้วนหลิงเทียน แลคล้ายสหายที่รู้จักกันมานานปี
“ปรมาจารย์ป๋ายลี่ พี่เฟิ่ง แล้วก็พวกเจ้าทุกคน…จากนี้ไปให้ยึดถือที่นี่เป็นบ้านเถอะ! ตราบใดที่อยู่ในตำหนักเมฆาคราม ทุกคนจักได้รับการดูแลอย่างดี นอกจากนี้ทุกคนจักได้รับที่พักอันมีสถานที่บ่มเพาะพลังที่ดีที่สุด รวมถึงได้รับแจกทรัพยากรบ่มเพาะเท่าที่ต้องการ”
ต้วนหรูเฟิงกล่าวกับป๋ายลี่หงและคนอื่นๆด้วยดีเห็นทุกคนเป็นดั่งญาติสนิท ยังมองสหายต้วนหลิงเทียนทุกคนด้วยสายตาเหมือนบิดากำลังมองบุตร
“ขอบคุณจ้าวตำหนักต้วนแล้ว”
ป๋ายลี่หงและคนอื่นๆเร่งกล่าวขอบคุณออกมาด้วยรอยยิ้มทันที
“เทียนเอ๋อ เจ้าจัดการเรื่องที่พักให้ศิษย์พี่ลุงเฟิ่งรวมถึงสหายของเจ้าเสร็จแล้ว กลับมาหาพ่อด้วย”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังจะพาป๋ายลี่หงและคนอื่นๆไปเข้าที่พัก เพียงก้าวออกจากประตูโถงหลักได้ไม่ทันไร เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นในหูของเขา เป็นเสียงของต้วนหรูเฟิง บิดาเขาเอง
ทว่าเขาสัมผัสได้ว่าคราวนี้ในน้ำเสียงของบิดากลับฟังดูหนักอึ้งชอบกล
จังหวะนี้ในใจต้วนหลิงเทียนพลันบังเกิดสังหรณ์อัปมงคลประการหนึ่งขึ้นมา
แม้ไม่ทราบว่าไฉนบิดาถึงให้เขาย้อนกลับไปพบหลังเสร็จเรื่อง แต่หลังจากจัดการเรื่องราวที่พักให้ป๋ายลี่หงกับทุกคนเสร็จแล้วเขาก็ย้อนกลับมาตามคำของบิดา
“ท่านพ่อให้ข้ากลับมาแบบนี้…ที่แท้มีเรื่องอะไรกันแน่?”
เมื่อกลับมาถึงห้องโถงหลักอีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนก็เปิดประตูเห็นภูผากล่าวถามบิดาไปด้วยความสนใจ
และตอนนี้ในห้องโถงหลักก็เหลือเพียงพ่อลูก 2 คนเท่านั้น
“เทียนเอ๋อ…พ่อได้ยินข่าวที่มิค่อยจะสู้ดีของเค่อเอ๋อและหลานสาว…”
ต้วนหรูเฟิงกล่าวออกด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“เค่อเอ๋อ? หลานสาว?”
ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดหยีลงทันใดเมื่อได้ยินคำของต้วนหรูเฟิง ลมหายใจยังถี่รัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “ท่านพ่อเกิดอะไรขึ้นกับเค่อเอ๋อ!? นอกจากนั้น…ข้ามีลูกสาวแล้วหรือ…ท่านพ่อรีบบอกข้าเถอะที่แท้เกิดเรื่องอะไรกับพวกนางกันแน่!?!”
จากวาจาที่บิดากล่าวออก ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ทันทีว่าลูกในท้องของเค่อเอ๋อคลอดออกมาเป็นผู้หญิง
อย่างไรก็ตามตอนนี้เรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็น…ที่สำคัญที่สุดคือกำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับเค่อเอ๋อและลูกสาวของเขากันแน่!
“เทียนเอ๋อเจ้าใจเย็นลงก่อน ในตอนนี้เค่อเอ๋อกับลูกยังปลอดภัยดี…”
ต้วนหรูเฟิงกล่าวออกมาอีกครั้ง
“ในตอนนี้?”
คิ้วต้วนหลิงเทียนขมวดยู่เป็นปมทันใด “ท่านพ่อ ท่านกล่าวเช่นนี้หมายความว่าอะไร!?”
ต้วนหรูเฟิงระบายลมหายใจออกมาอย่างอับจน “จากข้อมูลที่ข้าได้รับมาจากคนที่ข้าร้องขอให้ช่วยสืบเรื่องเค่อเอ๋อ ตอนนี้นางกับหลานข้าถูกจองจำอยู่ในหอคุมกฏของลัทธิบูชาไฟ! เพื่อรอให้จ้าวลัทธิบูชาไฟออกจากการปิดด่านฝึกตนมาตัดสินว่าจักทำอย่างไรกับเค่อเอ๋อและลูกของนาง…และจากสถานการณ์ตอนนี้เห็นชัดว่าคงยากที่พวกนางจะรอดชีวิตได้…”
“ว่าอะไร!?”
สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
เค่อเอ๋อกับลูกสาวของเขา ถูกขังอยู่ที่หอคุมกฏของลัทธิบูชาไฟ? ทันทีที่จ้าวลัทธิออกจากการปิดด่านฝึกตนอย่างสันโดษ ชะตากรรมของพวกนางก็จะถูกตัดสิน?
“ท่านพ่อข่าวนี้เชื่อถือได้หรือไม่?”
สูดอากาศเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนพยายามสงบใจลง กล่าวถามออกมาเสียงเข้ม
“แม่นยำเต็มสิบส่วน!”
ต้วนหรูเฟิงกล่าวออกด้วยความมั่นใจ
หากข่าวนี้มาจากผู้สังเกตการณ์มันคงไม่กล้าเชื่อถือว่าจะมีความถูกต้องเต็มสิบส่วน…
ปัญหาคือข่าวเรื่องนี้กลับมาจากผู้เฒ่าพยากรณ์ ที่เป็นดั่งมังกรเทพยดาเห็นหัวไม่เห็นหางผู้นั้น!
เมื่อไม่นานมานี้ผู้เฒ่าพยากรณ์ก็ช่วยล่อเซี่ยจงให้ออกจากตำหนักเมฆาครามกระทั่งย้อนกลับไปลัทธิอารามทมิฬได้สำเร็จ และหลังจากที่สลัดเซี่ยจงหลุดแล้ว ผู้เฒ่าพยากรณ์ที่อยู่ในภูมิภาคเบื้องบนก็ยังไปสืบเรื่องราวของเค่อเอ๋อจนรับทราบสถานการณ์ของทั้งคู่ชัดเจน
“ท่านพ่อ ท่านบอกข้าได้หรือไม่ว่าข้อมูลเรื่องนี้ท่านได้มาจากใคร?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถาม
“เทียนเอ๋อ คนที่บอกเรื่องนี้ให้ข้ารู้ เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั้งภูมิภาคเบื้องบนและเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า…ผู้เฒ่าพยากรณ์!”
ต้วนหรูเฟิงกล่าวตอบ
“ผู้เฒ่าพยากรณ์!”
ต้วนหลิงเทียนถึงกับผงะไปทันที
เพราะก่อนหน้านี้ตอนไปสิงอยู่ในหอตำราหลักที่ตำหนักฟ้าลี้ลับนานนับเดือน ต้วนหลิงเทียนเองก็ได้รับทราบเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน และรู้ว่าผู้เฒ่าพยากรณ์คนนี้มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาจากการทำนายทายทักอันแม่นยำ ปานหยั่งรู้อนาคตจริงๆ
ทุกคนยังกล่าวเป็นเสียงเดียวกันอีกว่า การทำนายของผู้เฒ่าพยากรณ์ไม่เคยผิดพลาดแม้แต่ครั้งเดียว!
กระทั่งผู้คนในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ายังขนานนามว่า เซียนอมตะเดินดิน! ตำนานที่ยังมีลมหายใจ!!
“ท่านพ่อ นี่ท่านรู้จักกับผู้เฒ่าพยากรณ์ด้วยหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจไม่น้อย ด้วยไม่คิดเลยว่าบิดาของตัวกลับรู้จักผู้เฒ่าพยากรณ์ในตำนานนั่นด้วย!
ต้องทราบด้วยว่าไม่เพียงภูมิภาคเบื้องล่าง แต่กระทั่งในภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ผู้เฒ่าพยากรณ์ยังเป็นตัวตนที่มีชื่อเสียงนัก!
กระทั่งจ้าวลัทธิทั้ง 3 และผู้นำขุมพลังชั้นแนวหน้าไม่ว่าจะขุมพลังชั้นหนึ่งสองหรือสามอาจจะไม่มีคนรู้จักได้ แต่ไม่มีทางที่จะมีใครไม่รู้จักผู้เฒ่าพยากรณ์!
ทว่าบิดาของเขาที่เป็นเพียงผู้นำขุมพลังกึ่งชั้น 3 ไม่เพียงแต่จะรู้จักผู้เฒ่าพยากรณ์ แต่คล้ายจะคุ้นเคยไม่น้อย ถึงขั้นที่สามารถสอบถามข้อมูลเรื่องราวอะไรเช่นนี้มาได้!
เขาเองก็เคยได้ยินมาไม่น้อย ว่าหากไม่ถูกชะตา ไม่ว่าจะจ้าวลัทธิหรือผู้นำขุมพลังที่ยิ่งใหญ่ปานใด ผู้เฒ่าพยากรณ์ก็ไม่สนใจจะทำนายทายทักอะไรให้
“บังเอิญข้าได้พบผู้เฒ่าพยากรณ์ไม่กี่ครั้ง สุดท้ายจึงแทบจะเรียกได้ว่าเป็นคนรู้จักกัน”
ถึงแม้ต้วนหรูเฟิงจะกล่าวถึงผู้เฒ่าพยากรณ์และบอกถึงความสัมพันธ์ออกไป ทว่ายังไม่ได้บอกเรื่องราวของผู้เฒ่าพยากรณ์ทั้งหมดออกมาโดยละเอียด
และนี่ก็เป็นคำแนะนำจากผู้เฒ่าพยากรณ์กล่าวไปก่อนที่จะจากไป ว่าอย่าพึ่งให้ต้วนหลิงเทียนรับทราบถึงการคงอยู่ของมัน!
ยิ่งมาคิ้วของต้วนหลิงเทียนยิ่งขมวดเป็นปมแน่นสีหน้ามืดคล้ำดำลง เมื่อรับทราบถึงความเลวร้ายของสถานการณ์ “ท่านพ่อ ในเมื่อท่านผู้เฒ่าพยากรณ์กล่าวบอกท่านเรื่องนี้…แล้วท่านผู้เฒ่าพยากรณ์ได้กล่าวบอกไว้หรือไม่ ว่าอีกนานเท่าไหร่จ้าวลัทธิบูชาไฟนั่นถึงจะออกจากการปิดด่านฝึกตน?”
วาจากล่าวถามท้ายประโยค น้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดนัก
“ไม่”
ต้วนหรูเฟิงส่ายหัวไปมา เป็นธรรมดาที่มันเองก็อยากรู้เรื่องนี้เช่นกัน เพราะนั่นคือลูกสะใภ้กับหลานสาวของมัน!
และเรื่องนี้มันก็ได้กล่าวถามผู้เฒ่าพยากรณ์ออกไปแล้ว ทว่าอีกฝ่ายกลับกล่าวบอกมาว่าไม่ทราบ และไม่อาจทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้!
“ท่านพ่อ ข้าจะออกจากตำหนักเมฆาครามและเดินทางไปยังภูมิภาคเบื้องบนพรุ่งนี้!”
สูดอากาศเข้าเฮือกใหญ่ ต้วนหลิงเทียนพลันตัดสินใจได้ กล่าวบอกต้วนหรูเฟิงออกมาด้วยแววตาแน่วแน่เด็ดเดี่ยว
ตอนแรกเขาวางแผนไว้ว่าจะออกเดินทางหลังจากนี้อีกไม่กี่วัน
แต่ตอนนี้พอรับทราบถึงสถานการณ์ที่คู่หมั้นและบุตรีกำลังเผชิญ ใจต้วนหลิงเทียนก็แทบจะมอดไหม้ไปด้วยไฟกังวล ยังอยากจะเร่งรุดไปยังภูมิภาคเบื้องบนให้เร็วที่สุด!
เขาไม่มีวันปล่อยให้ใครทำร้ายสตรีและลูกน้อยของเขา!
“เทียนเอ๋อ เจ้าต้องระวังตัวให้มาก!”
ต้วนหรูเฟิงไม่แปลกใจที่บุตรชายตัดสินใจเช่นนี้ เพราะหากเป็นมันเกรงว่าคงตัดสินใจไม่ต่างอะไรกับบุตรชาย
อีกทั้งหากไม่ใช่เพราะมันคือจ้าวตำหนักเมฆาคราม ที่ต้องแบกภาระหน้าที่ปกป้องดูแลผู้คนมากมายไม่ว่าจะครอบครัวสหายหรือพี่น้องร่วมรบ มันก็อยากจะไปภูมิภาคเบื้องบนพร้อมบุตรชายให้รู้แล้วรู้รอดไปเช่นกัน!
“ท่านไม่ต้องห่วง”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับกล่าวตอบเสียงขรึม ก่อนที่จะรีบไปพบมารดาเพื่อบอกถึงการตัดสินใจครั้งนี้ทันที ว่าจะออกจากตำหนักเมฆาครามและไปภูมิภาคเบื้องบนพรุ่งนี้
“เทียนเอ๋อเจ้าจะไปภูมิภาคเบื้องบนพรุ่งนี้? ต้องรีบขนาดนั้นเลยหรือ?”
ลี่หลัวกล่าวถามออกด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล ยังตื่นตระหนกไม่น้อยกับการตัดสินใจอย่างกะทันหันของบุตรชาย “ที่แท้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
“ท่านแม่ มีข่าวของเค่อเอ๋อกับลูก…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบด้วยความกังวล ยังแลดูกระวนกระวายใจอย่างเห็นได้ชัด “ท่านแม่ตอนนี้เค่อเอ๋อกับลูกสาวถูกขังอยู่ในหอคุมกฏของลัทธิบูชาไฟ…พวกมันเพียงรอให้จ้าวลัทธิออกจากการปิดด่านฝึกตนเพื่อตัดสินชะตากรรมของพวกนาง! ท่านแม่ข้าต้องรีบไปช่วยนางกับลูกก่อนที่จ้าวลัทธินั่นจะออกจากการปิดด่านให้ได้!”
“เค่อเอ๋อกับลูกสาว?”
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน ลี่หลัวถึงกับตื่นเต้นไม่น้อย นอกจากหลานชายแล้วนางยังมีหลานสาวด้วยหรือ!?
อย่างไรก็ตามพอนางรู้สึกตัวและตระหนักได้ถึงสถานการณ์จากคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน สีหน้าของนางก็มืดลงทันใด ใจยังเต็มไปด้วยความเป็นกังวลทั้งร้อนรนเรื่องความปลอดภัยของเค่อเอ๋อแม่ลูก