WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1906
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1906
ตอนที่ 1,906 : รากวิญญาณสีน้ำเงิน? รากวิญญาณสีคราม?
“เมื่อวานนี้ยามข้าตรวจสอบพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนด้วยสำนึกเทวะ ข้ายังพบอีกว่าอายุของมันยังมิถึง 40 ปีด้วยซ้ำ…ตัดสินจากพลังฝีมือที่สามารถใช้ออกได้แม้จะบาดเจ็บสาหัสเมื่อวานนี้ เกรงว่าพรสวรรค์จักต้องมิใช่ชั่ว! 9 ใน 10 ส่วนล้วนต้องเป็นรากวิญญาณสีน้ำเงินขึ้นไป!”
ชายชราที่พลังฝีมือขอบเขตเซียนปฐพีขั้นเชี่ยวชาญกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมขณะมองไปยังต้วนหลิงเทียน
“อะไร? อายุมิถึง 40 ปี?”
เรียกว่าคำนี้ของชายชราทำให้ผู้คนตกใจยกใหญ่!
ด้วยเพราะชายชราที่กล่าวออกมีพลังฝึกปรือถึงเซียนปฐพีขั้นเชี่ยวชาญ และได้ทิ้งความประทับใจยามทดสอบพรสวรรค์รากวิญญาณก่อนหน้า จึงไม่มีใครคิดแคลงใจสงสัยคำพูดของมัน
“นั่นสินะ…เมื่อวานนี้พวกเราเองก็เห็นกันชัดๆ ว่าเจ้านั่นมันถูกอาวุโสหลี่อันซัดจนสาหัสเจียนตาย…แต่ด้วยสารรูปเช่นนั้น กลับใช้ออกด้วยเวทย์พลังประหลาดเพิ่มพูนพลังขึ้นมาจนสามารถฆ่าหยางหวู่ได้อย่างง่ายดาย!”
“ถึงแม้ทั้งหมดอาจเป็นเพราะเวทย์พลังที่ร้ายกาจนั่น แต่จะอย่างไรก็ต้องอาศัยพลังฝึกปรือทั้งพลังวิญญาณเป็นทุน…นั่นหมายความว่าพลังฝึกปรือที่แท้จริงก็ยังสมควรสูงกว่าหยางหวู่มากแน่!”
“เช่นนั้นกล่าวได้ว่าพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนต่ำๆก็เป็นเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดงั้นสิ…ให้ตายเถอะ อายุยังไม่ถึง 40 ปีแต่บรรลุถึงเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดแล้ว พรสวรรค์เช่นนี้อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นรากวิญญาณสีน้ำเงิน กระทั่งอาจจะเป็นสีคราม!”
“รากวิญญาณสีน้ำเงิน? รากวิญญาณสีคราม? เท่าที่ข้ารู้มามีเพียงอัจฉริยะระดับหัวกะทิของ 3 ลัทธิเท่านั้นที่มีรากวิญญาณสีคราม…อย่าได้บอกข้าเชียวว่าลัทธิบูชาไฟกำลังจักได้รับอัจฉริยะรากวิญญาณสีครามเพิ่มอีกคนแล้ว?”
“หากรากวิญญาณของเจ้านั่นเป็นสีครามจริง ข้าเกรงว่ากระทั่งจ้าวลัทธิบูชาไฟ ก็ต้องรีบร้อนอยากรับตัวมันเป็นศิษย์!”
……
ผู้คนกล่าวกันอยากออกรส ยังมองต้วนหลิงเทียนตาไม่กระพริบ
ในแววตาและสีหน้าของพวกมันยังเผยถึงความคาดหวังออกมาเต็มเปี่ยม อยากรู้กันนักว่าผลการทดสอบพรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนจะออกมาเป็นเช่นไร!
จะเป็นรากวิญญาณสีน้ำเงิน หรือรากวิญญาณสีครามกันแน่?
“รากวิญญาณสีครามมิน่าจักเป็นไปได้หรอก…กล่าวกันว่าอัจฉริยะดั่งสัตว์ประหลาดของลัทธิบูชาไฟ สามารถทะลวงถึงขอบเขตเซียนปฐพีได้ตั้งแต่อายุ 30 ต้นๆแล้ว…หากให้ข้าเดาเจ้านี่อย่างดีก็มีรากวิญญาณสีน้ำเงินเท่านั้น”
ในกลุ่มคนมีชายหนุ่มคนหนึ่งกล่าวออกอย่างมีเหตุผล
หากทว่าทันทีที่เสียงของชายหนุ่มผู้นี้ดังจบคำ ผู้คนรอบๆตัวมันก็กล่าวแย้งออกมาทันที “เหอะๆ แล้วเจ้าจักรู้ได้อย่างไรว่าพลังฝึกปรือที่แท้จริงของต้วนหลิงเทียนมิใช่ขอบเขตเซียนปฐพี? อย่าได้ลืมไปตอนที่ตรวจสอบพลังฝึกปรือมัน ผลกลับออกมาเป็นอริยะเซียนขั้นสูงสุด…หากแต่ด้วยพลังฝีมือที่สำแดงออกย่อมมิอาจเป็นไปได้เลยว่าจักอยู่ในขอบเขตอริยะเซียน!”
“เจ้ามิเห็นหรือไร เมื่อวานคนก็บาดเจ็บจนเจียนจะยืนไม่ไหวอยู่รอมร่อ แต่กลับรับกระบวนสังหารที่โถมมาด้วยพลังทั้งหมดของหยางหวู่ได้อย่างง่ายดาย กระทั่งหักคอผู้คนราวหักคอไก่!”
“อืม! ผู้แซ่ต้วนสมควรรู้ทักษะลับปกปิดพลังฝึกปรือที่พวกเรามิรู้จักเป็นแน่…เป็นไปมิได้เลยที่พลังฝึกปรือจะอยู่ในขอบเขตอริยเซียนจริงๆ”
“หากเรื่องนี้เป็นจริง…เผลอๆต้วนหลิงเทียนอาจจะอยู่ในขอบเขตเซียนปฐพีแล้ว และมีความเป็นไปได้ที่จะมีรากวิญญาณสีคราม!”
“พวกเจ้าจักเถียงกันทำอะไร เพียงรอดูไปเถอะ…อีกเดี๋ยวก็จักได้รู้แล้วมิใช่หรือว่าที่แท้รากวิญญาณของมันสีอันใดกันแน่?”
…
เรียกว่าบทสนทนายิ่งมายิ่งคึกคัก และสายตาที่จ้องมองมายังร่างต้วนหลิงเทียนก็ทวีความขึงขังมากยิ่งขึ้น
พวกมันแต่ละคนล้วนอยากรู้กันนักว่าที่แท้พรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนเป็นอย่างไร ที่แท้จะเป็นรากวิญญาณสีน้ำเงิน หรือรากวิญญาณสีครามกันแน่!
‘รากวิญญาณสีน้ำเงิน? รากวิญญาณสีคราม?’
‘อายุไม่ถึง 40 ปี? ขอบเขตเซียนปฐพี?’
ต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างขึ้นฟ้าไปหยุดอยู่เบื้องหน้าอาวุโสเพลิงทองแดง พอได้ยินบทสนทนาด้านล่างมุมปากก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกขึ้นมาตงิดๆ
หลังจากนั้นไม่นานยิ้มขื่นขมก็เผยออก
รากวิญญาณสีน้ำเงินเอย
รากวิญญาณสีครามเอย…
ไม่ต้องกล่าวถึงสีของรากวิญญาณระดับค่อนข้างสูงเหล่านั้นเลย กับอีกแค่รากวิญญาณระดับกลางๆอย่างรากวิญญาณสีเขียว เขายังไม่กล้าคิดฝันด้วยซ้ำ!
เขาย่อมรู้สถานการณ์ของตัวเองดีที่สุด
อายุน้อยกว่า 40 ปี?
นั่นเป็นเพราะหลายปีหลังมานี้ เขาได้ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ! ถึงแม้กาลเวลาในเจดีย์จะไหลผ่านไปหลายปีดีดัก หากแต่อายุขัยและวงปีบอกเวลาชีวิตของเขายังคงเหมือนเดิมไม่แปรเปลี่ยน!!
หากจะนับรวมเวลาทั้งหมดล่ะก็ อายุของเขาสมควรเลย 40 ไปไกลแล้ว!
แต่แน่นอนว่าในภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ก็มีคนอายุ 300 หรือ1,000 ปี กระทั่งหลายพันปีขึ้นไปให้เห็นเกลื่อนกลาด เช่นนั้นอายุ แค่ 40 ก็เปรียบได้ดั่ง ‘ทารกน้อย’ แล้วจริงๆ
ขอบเขตเซียนปฐพี?
ตอนนี้พลังฝึกปรือเขาพึ่งทะลวงมาถึงขอบเขตเซียนมนุษย์ได้หยกๆ และเหตุผลที่ทำให้พลังฝึกปรือของเขาตอนนี้สามารถบรรลุได้ถึงขอบเขตเซียนมนุษย์ได้อย่างรวดเร็วนั้น นอกจากสิ่งที่เขาพบพานมาตลอดทาง ก็ยังมีสระชำระมังกรรวมถึงเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น!
หากไม่มีเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ และไม่ได้พบพานโอกาสล้ำค่าใดๆ น่ากลัวว่าพลังฝึกปรือของเขาคงไม่อาจมาถึงระดับนี้ได้ในวัยนี้
‘รากวิญญาณของข้า เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเขียวหรือสูงกว่านั้น…’
นี่คือการคาดเดาของต้วนหลิงเทียน
แน่นอนว่าจะอย่างไรคาดเดาก็เป็นแค่การคาดเดา จะรู้แน่ก็ต่อเมื่อลองทดสอบดูเอาเท่านั้น
“รากวิญญาณสีน้ำเงิน? รากวิญญาณสีคราม?”
หลี่อันเองก็ก้มหน้าลงมา สายตาไปหยุดที่ต้วนหลิงเทียนเขม็ง
แม้แต่รากวิญญาณของตัวมันเองก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่ารากวิญญาณสีน้ำเงินเท่านั้น!
ทว่าสารเลวน้อยเบื้องหน้าที่มันอยากฆ่าให้ตาย อาจจะมีรากวิญญาณสีครามงั้นหรือ?
จังหวะนี้หลี่อันสัมผัสได้ความต้องการฆ่าคนที่เอ่อล้นขึ้นมาท่วมใจ
รากวิญญาณสีครามมีความหมายว่าอะไร มันเข้าใจดี!
ตัวตนที่มีรากวิญญาณสีคราม หากเติบโตขึ้นไปในวันหน้า เกรงว่าในลัทธิบูชาก็ยังเป็นถึงชนชั้นสูง อย่างต่ำๆก็ต้องเป็นถึงอาวุโสเพลิงทอง!
และหากมีวาสนาดีเข้าหน่อย กระทั่งชนชั้นรองจ้าวลัทธิ หรือแม้แต่ชนชั้นจ้าวลัทธิก็อาจเป็นได้!
พอนึกถึงเรื่องสารเลวน้อยเบื้องล่างผู้มีความแค้นอย่างที่ไม่อาจลดราวาศอกกับมันได้ มีโอกาสที่รากวิญญาณจะเป็นสีคราม หลี่อันก็แทบรอฆ่าอีกฝ่ายไม่ไหวแล้ว!
เพราะหากอีกฝ่ายมีรากวิญญาณสีครามจริงๆ เมื่อเติบโตขึ้นต้องมีพลังฝีมือสูงพอจะฆ่ามันให้ตายได้แน่!
เช่นนั้นมันต้องชิงบีบคออีกฝ่ายให้ตายตั้งแต่อยู่ในเปล!
‘อย่างไรก็ตามมิใช่ว่ารากวิญญาณของมันจะเป็นสีครามซะเมื่อไหร่ เผลอๆอาจจะเหมือนข้า เป็นเพียงรากวิญญาณสีน้ำเงินเท่านั้น…แต่ต่อให้มันจะมีรากวิญญาณสีน้ำเงิน มันก็ต้องถูกกำจัดโดยเร็วที่สุด ข้าต้องรีบตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม เพื่อมิให้เกิดหายนะอันใดในภายภาคหน้า!’
ใจของหลี่อันตัดสินโทษตายให้ต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง
“รากวิญญาณสีคราม?”
เถิงชานที่มองต้วนหลิงเทียนอยู่เช่นกัน สองตาเผยประกายวูลวาบ ใบหน้ายังเต็มไปด้วยสีสันความยินดี ‘ต้วนหลิงเทียนข้าหวังว่ารากวิญญาณของเจ้าจะมีสีครามจริงๆ…หากพรสวรรค์รากวิญญาณเจ้าสูงถึงระดับนั้นจริง ทันทีที่ท่านจ้าวลัทธิออกจากการปิดด่าน ท่านต้องรีบมารับเจ้าเป็นศิษย์อย่างมิต้องสงสัยเลย!’
‘ถึงตอนนั้น กระทั่งหลี่อันก็ต้องเร่งรีบหาวิธีปรองดองกับเจ้า’
จังหวะนี้กระทั่ง 3 คนที่เหินร่างขึ้นมาพร้อมต้วนหลิงเทียน ก็ไม่คิดจะยื่นมือออกไปวางบนลูกแก้ววิญญาณ เพราะต่างเฝ้ารอให้ต้วนหลิงเทียนทำการทดสอบเสร็จก่อน
สายตาของพวกมันก็ไม่ต่างอะไรไปจากอาวุโสเถิงชานและคนอื่นๆ ต่างจับจ้องมองต้วนหลิงเทียนเขม็ง และรอให้ต้วนหลิงเทียนวางมือลงบนลูกแก้ววิญญาณเพื่อทดสอบพรสวรรค์อย่างใจจดจ่อ
ผู้อาวุโสเพลิงทองแดงทั้ง 4 นั้นเมื่อวานไม่ได้มาที่นี่แต่อย่างไร ทว่าพวกมันก็ยังได้ยินเรื่องราวการประลองเป็นตายระหว่างต้วนหลิงเทียนกับหยางหวู่มาแล้ว กระทั่งรู้ว่าต้วนหลิงเทียนฆ่าหยางหวู่ บุตรชายอาวุโสลำดับ 5 แห่งวังอุดรไพศาล สหายสนิทของหลี่อันได้ง่ายดายเพียงใด…
สำหรับต้วนหลิงเทียนที่มีอายุน้อยกว่า 40 ปี แต่เป็นผู้ฝึกตนที่มีพลังฝึกปรืออย่างน้อยๆก็เซียนมนุษย์ขั้นสูงสุด พวกมันเองก็สงสัยนัก ว่าที่แท้พรสวรรค์รากวิญญาณของอีกฝ่ายจะเป็นรากวิญญาณสีน้ำเงิน หรือรากวิญญาณสีครามกันแน่?
“ต้วนหลิงเทียน รีบทดสอบเข้าเถิด…”
อาวุโสเพลิงทองแดงที่อยู่ตรงหน้าต้วนหลิงเทียน พอเห็นว่าต้วนหลิงเทียนนิ่งไปสักพักแล้วแต่ก็ยังไม่ลงมือสักที มันก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวเตือน
หากแต่น้ำเสียงยามกล่าววาจายังเต็มไปด้วยความสุภาพนัก
เพราะหลังจากทั้งหมดแล้ว ชายหนุ่มเบื้องหน้าของมันคนนี้ก็อาจมีรากวิญญาณสีน้ำเงิน หรือกระทั่งสีคราม!
ตัวตนดังกล่าวหากเติบโตขึ้นไปล่ะก็ วันหน้าอย่างน้อยๆ ก็ต้องเป็นถึงอาวุโสเพลิงเงินของลัทธิบูชาไฟ!
ต่อให้รากวิญญาณของอีกฝ่ายจะเป็นแค่รากวิญญาณสีน้ำเงิน แต่ความสำเร็จในภายภาคหน้าก็ยังเหนือล้ำกว่าพวกมันแน่ๆ!
ตัวตนเช่นนี้แม้จะยังเติบโตไม่เต็มที่ แต่พวกมันก็ไม่อาจล่วงเกินได้!
“อ่า”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าตอบอาวุโสเพลิงทองแดง
เมื่อเห็นว่าทุกสายตากำลังมองมาที่เขาด้วยความอยากรู้จับใจ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าไปมา สุดท้ายก็ค่อยๆเอื้อมมือไปวางทาบบนลูกแก้ววิญญาณเบื้องหน้า
ลูกแก้ววิญญาณนั้นให้สัมผัสเย็นๆ อีกทั้งยังทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกแปลกๆเล็กน้อย
เพราะคล้ายหลังจากสัมผัสไปแล้ว มันจะทำให้เขารู้สึกคันยุบยิบที่ฝ่ามือ
ราวกับลูกแก้ววิญญาณกำลังแผ่พุ่งพลังบางอย่างชำแรกเข้าฝ่ามือต้วนหลิงเทียนอย่างไรอย่างนั้น
จังหวะนี้ฉากเรื่องราวกลับกลายเป็นเงียบสงัดราวป่าช้า ทุกสายตาจดจ่อไปยังลูกแก้ววิญญาณที่มีมือต้วนหลิงเทียนวางทาบอยู่ไม่วางตา!
เวลาค่อยๆไหลผ่านไปอย่างเงียบงัน
หนึ่งลมหายใจผ่านไป…สองลมหายใจผ่านไป…สามลมหายใจผ่านไป…
ฉากยังคงเงียบสนิท ไร้แม้กระทั่งเสียงลมหายใจ!
เพราะตอนนี้ทุกคนรวมไปถึงต้วนหลิงเทียนกำลังกลั้นหายใจ สองตามองจ้องไปยังลูกแก้ววิญญาณอย่างใจจดใจจ่อ
และในที่สุด 10 ลมหายใจที่คล้ายจะยาวนานยิ่งกว่าครั้งใดก็ผ่านไป แสงเรืองๆเริ่มทอประกายขึ้นมาจากลูกแก้ววิญญาณ
“มาแล้ว!”
นอกจากตัวต้วนหลิงเทียนเองแล้ว ทุกผู้คนที่กำลังลุ้นระทึกกันอยู่เรียกว่าตื่นเต้นไม่น้อย!
แววตาหลี่อันเริ่มเย็นเยียบลง
หากพรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนกลับเผยออกมาเป็น ‘รากวิญญาณสีคราม’ จริง มันคงต้องเปลี่ยนแผนจัดการอีกฝ่ายใหม่เสียแล้ว!
เพราะหากต้วนหลิงเทียนมีรากวิญญาณสีครามนั้น ไม่พ้นจ้าวลัทธิบูชาไฟต้องคิดรับอีกฝ่ายเป็นศิษย์ส่วนตัว และให้การสนับสนุนอย่างดีแน่นอน!
นั่นเป็นอะไรที่มันไม่อยากจะเห็น!
‘หากรากวิญญาณของมันมีสีครามจริง ข้าต้องฆ่ามันให้ตายก่อนที่จ้าวลัทธิจะออกจากการปิดด่านฝึกตน! ไม่อาจปล่อยให้มันมีโอกาสได้เป็นศิษย์ของท่านจ้าวลัทธิเด็ดขาด!!’
หลี่อันกล่าวในใจอย่างแน่วแน่
เพราะหากต้วนหลิงเทียนกลายเป็นศิษย์ส่วนตัวของจ้าวลัทธิขึ้นมาล่ะก็ เว้นแต่มันจะอยากตาย หาไม่แล้วมันก็ไม่กล้าลงมือกับต้วนหลิงเทียนเด็ดขาดไม่ว่าจะทางใดก็ทางหนึ่ง กระทั่งต่อให้มีความกล้ามากกว่านี้สักร้อยเท่ามันก็ไม่กล้า!!
ในฐานะจ้าวลัทธิบูชาไฟที่ยิ่งใหญ่ประหนึ่งแผ่นฟ้า ย่อมไม่ใช่ตัวตนที่ใครจะหลอกได้ง่ายๆ!
‘หากรากวิญญาณของมันเป็นสีครามจริงข้าต้องรีบลงมือให้เร็วที่สุด! ข้าไม่อยากก้มหัวหรือคุกเข่าขอโทษมันอย่างเป็นทางการตอนมันกลายเป็นศิษย์ส่วนตัวของจ้าวลัทธิ!!’
หลี่อันครุ่นคิดด้วยจิตอำมหิต แรงจูงใจในการฆ่ายิ่งมายิ่งเพิ่มพูนทวี ยากที่จะปล่อยวางได้อีก…