WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1912
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1912
ตอนที่ 1,912 : ส่วนที่พักศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬ
ส่วนที่พักของศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬนั้น มันอยู่ในพื้นที่ส่วนตะวันตกของแท่นบูชา
บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ราบลุ่ม มีกระท่อมไม้ขนาดเล็กแลดูร้ายๆตั้งเรียงรายเป็นทิวแถว
เหนือขึ้นไปบนน่านฟ้าของพื้นที่ราบลุ่มอันมีกระท่อมไม้ร้ายๆดังกล่าว ปรากฏเกาะใหญ่น้อยมากมายลอยล่องอยู่กลางหาว เฉลี่ยแล้วขนาดตัวเกาะก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมายนัก แต่ละเกาะปรากฏบ้านไม้ปลูกสร้างอยู่เช่นกัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ใหญ่กว่ากระท่อมไม้และหรูกว่าอะไรมากมาย แต่ก็ยังถือว่ามีสภาพดีกว่ากันชัดเจน
หมู่เกาะที่ลอยล่องอยู่กลางอากาศในน่านฟ้าระดับนี้มีจำนวนมากมายนัก ยากจะที่จะมองปราดเดียวแล้วนับได้ว่าที่แท้มันมีกี่เกาะกันแน่
หากทว่าเมื่อมองขึ้นไปเหนือจากหมู่เกาะดังกล่าว ก็จะพบเกาะลอยอีกเช่นกัน ทว่าเป็นการลอยตัวสูงขึ้นไปคนละเพดานบิน
เกาะที่ลอยสูงขึ้นไปเหล่านี้แต่ละเกาะมีพื้นที่ส่วนตัวค่อนข้างกว้างขวาง สภาพบ้านพักก็แลดูดีมีระดับ พื้นที่ว่างในเกาะยังมีบุปผานานาพรรณปลูกไว้ ยังมีชุดโต๊ะหินอ่อนไว้ให้นั่งเล่นผ่อนคลายจิตใจ
เทียบกับบ้านไม้และกระท่อมไม้ร้ายๆเบื้องล่างแล้วประหนึ่งสวรรค์กับนรก!
ทว่าหากตาดีๆมองสูงขึ้นไปอีกชั้น ก็จะพบว่ามีเกาะลอยอยู่อีก 10 เกาะ! และขนาดของมันก็ใหญ่โตมหึมากว่าชั้นเมื่อครู่มากนัก!
อีกทั้งบนเกาะทั้ง 10 นี้ กลับมีบ้านที่ใหญ่โตจนสามารถเรียกได้ว่าตำหนักปลูกสร้างเอาไว้ บรรยากาศคละคลุ้งไปด้วยไอหมอก ให้ความรู้สึกดั่งควันเลือนรางยากจับต้อง
แม้มองจากไกลตาก็สามารถบอกได้ชัดเจนว่าเกาะลอยทั้ง 10 เกาะนี้มีพลังวิญญาณฟ้าดินหนาแน่นบริบูรณ์เพียงใด ม่านหมอกที่ปกคลุมไว้ทั่วเกาะดังกล่าวก็ล้วนคือพลังวิญญาณฟ้าดินที่ผนึกตัวหนาแน่นนั่นเอง!
ไม่ทันรู้ตัว ต้วนหลิงเทียนกับศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬหน้าใหม่ก็ถูกอาวุโสเพลิงทองแดงทั้ง 2 พาชมดูที่พักของแท่นบูชาเต่าทมิฬครบถ้วนแล้ว
แน่นอนว่าสายตาของทุกคนล้วนไปหยุดอยู่ที่ตำหนักบนเกาะ 10 เกาะที่ลอยล่องอยู่สูงสุด
“พวกเจ้าสมควรเห็นตำหนักที่ลอยล่องอยู่บนฟ้าสูงทั้ง 10 แล้วสินะ นั่นคือตำหนักเอกอุ ของศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬ บ้านแต่ละหลังจักมีค่ายกลรวมวิญญาณกว่า 10 ค่ายจัดตั้งซ้อนเสริมกันเอาไว้ ทำให้สภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะ มิได้ด้อยไปกว่าสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะของที่พักท่านจ้าวแท่น อาวุโสเพลิงเงินและอาวุโสเพลิงทองแดงแม้แต่น้อย!”
หนึ่งในอาวุโสเพลิงทองแดงกล่าวอธิบายออกมา
ค่ายกลรวมวิญญาณขนาดใหญ่ทับซ้อนกัน 10 ค่าย?
สภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะไม่ได้ด้อยไปกว่าที่พักของจ้าวแท่นบูชาและเหล่าอาวุโส?
ได้ยินคำของอาวุโสเพลิงทองแดงคนนี้ สองตาต้วนหลิงเทียนก็ลุกวาวขึ้นมาทันที ยังเผยความตื่นเต้นไม่น้อยขณะมองไปยังตำหนักที่ลอยล่องอยู่บนฟ้าสูงทั้ง 10
คนอื่นๆ ก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆด้วยความตื่นเต้น และมองจ้องไปตาเป็นมันเช่นกัน
“ตำหนักเอกอุเรียกว่าเป็นที่พักอาศัยที่ดีที่สุดของศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬก็ว่าได้ และเจ้าของตำหนักทั้ง 10 หลังนั่นก็คือยอดฝีมืออันดับ 1 ถึงอันดับ 10 ของแท่นบูชาเต่าทมิฬ!”
อาวุโสเพลิงทองแดงอีกคนกล่าวเสริมขึ้นมาอย่างประจวบเหมาะ
และทันทีที่วาจานี้ล่วงล้ำออกจากลำคอของมัน ก็ประหนึ่งมีถังน้ำเย็นฉ่ำราดรดลงบนหัวต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆทันที พอทุกคนฟื้นสติกลับคืนก็อดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มแหยๆออกมา
“ข้าก็ว่าแล้วเชียว…คนธรรมดาไหนเลยจะได้อยู่ในที่อันประเสริฐเช่นนั้น”
“มารดาของเรา…ศิษย์ยอดฝีมือ 10 อันดับแรกของแท่นบูชาเต่าทมิฬงั้นหรือ…เช่นนั้นพลังฝึกปรือต่ำๆก็สมควรบรรลุถึงเซียนนภาใช่หรือไม่? พวกมันใกล้จะได้เป็นศิษย์ฝ่ายในกันแล้วสิ?”
“สมควรเป็นเช่นนั้น! มี 3 วิธีที่ศิษย์จากแท่นบูชาจตุรลักษณ์จักสามารถเข้าไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์และยกระดับเป็นศิษย์ที่นั่นได้!”
“เรื่องนี้ข้าเองก็เคยได้ยินมา! เห็นว่าอย่างแรกเลยก็คือการทำความเข้าใจเวทย์พลังประจำแท่นบูชาและสามารถเพาะสร้างมันได้ ประการที่สองหากผู้ใดมีพรสวรรค์สูงล้ำเข้าตาของจ้าวแท่นบูชา ก็อาจจะได้รับการแนะนำเป็นพิเศษ ส่วนประการสุดท้ายก็คือเข้ารับการทดสอบประเมินของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นอะไรที่ยากเย็นยิ่ง!”
“มิผิด! ประการสุดท้ายนั้นยากเย็นจริงๆ อย่างน้อยๆพลังฝึกปรือจำต้องบรรลุถึงขอบเขตเซียนนภาขั้นเชี่ยวชาญเสียก่อนจึงจะมีคุณสมบัติ! ซ้ำร้ายยังมีศิษย์ของแท่นบูชาบางคนพึ่งทะลวงมาถึงเซียนนภาขั้นเชี่ยวชาญ แต่ก็ยังมิอาจผ่านการประเมินทดสอบได้…เห็นชัดว่าบททดสอบยากยิ่งนัก!!”
……
ศิษย์ใหม่สองสามคนของแท่นบูชาเต่าทมิฬ ที่พอรู้ข้อมูลเริ่มกล่าวออกมาอย่างผู้รู้
‘หืม แบบนั้นพวก 10 ยอดฝีมือในแท่นบูชาเต่าทมิฬไม่ใช่ว่าพลังฝึกปรือต่ำๆก็สมควรเป็นเซียนนภาขั้นกลางรึไร? แถมบางคนอาจจะเป็นเซียนนภาขั้นเชี่ยวชาญแล้วด้วยซ้ำ!’
ได้ยินบทสนทนาของเหล่าศิษย์ทั้งหลาย ต้วนหลิงเทียนก็พอเดาเรื่องราวได้ไม่ยาก
‘ด้วยความแข็งแกร่งของข้าในตอนนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะชิงที่พักจากพวกนั้นมาได้…’
ต้วนหลิงเทียนเองก็รู้ตัวดี
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ติดใจอะไรมากมาย เรียกว่าไม่สนสิ่งที่ยังทำไม่ได้จะดีกว่า
เพราะชั้นที่ 4 ของเจดีย์หลิงหลงซ่อมแซมฟื้นฟูดีแล้ว สภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะสมควรไม่ได้อยู่ระดับเดียวกับชั้น 3 อย่างสิ้นเชิง และอาจทำให้เขาประหลาดใจก็เป็นได้!
แน่นอนว่าจากที่ผู้เฒ่าหั่วกล่าวบอกเพิ่มเติม ต้วนหลิงเทียนรับทราบว่าตอนนี้สภาพแวดล้อมภายนอก เริ่มส่งผลกระทบต่อพื้นที่ภายในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติในระดับหนึ่งแล้ว! ยิ่งภายนอกมีพลังวิญญาณฟ้าดินมาก พลังวิญญาณฟ้าดินด้านในก็จะดีขึ้นตามไปด้วย!!
หากทำได้ต้วนหลิงเทียนก็อยากจะได้สถานที่อันมีสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะดีที่สุดเช่นกัน
แต่พอรับทราบว่ายอดฝีมือ 10 อันดับแรกของแท่นบูชาเต่าทมิฬสมควรมีพลังฝึกปรืออยู่ที่เซียนนภาขั้นกลางขึ้นไป เขาก็ไม่กล้าคิดชิงตำหนักเอกอุนั่นอีก!
พวกมันไม่ใช่อะไรที่เขาในตอนนี้จะแหยมได้
ในบรรดาพวกมัน ฟังว่าที่พลังบ่มเพาะต้อยต่ำที่สุดก็สมควรบรรลุเซียนปฐพีขั้นสูงสุดไปแล้ว ส่วนตัวเขายังห่างอีกไกลกว่าจะบรรลุถึงเซียนปฐพีขั้นต้น นับประสาอะไรกับเซียนนภา!
ครู่ต่อมาสายตาของเหล่าศิษย์ใหม่ไม่เว้นต้วนหลิงเทียนก็ลดระดับลงมา มองไปยังบ้านไม้บนเกาะลอยที่อยู่ต่ำกว่าตำหนักเอกอุทันที เมื่อลองนับดูแล้วชั้นนี้มีเกาะลอยบ้านไม้ทั้งสิ้น 100 เกาะ
เสียงอาวุโสเพลิงทองแดงคนหนึ่งก็ดังขึ้นพอดี “บ้านลานบนเกาะลอยทั้ง 100 เกาะที่พวกเจ้ากำลังชมมองอยู่ตอนนี้เรียกว่าเรือนชั้นรอง ถึงแม้สภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะมิอาจเทียบได้กับตำหนักเอกอุ หากแต่พวกมันก็มีค่ายกลรวมวิญญาณเหมือนกับตำหนักเอกอุถึง 5 ค่ายกล!”
เรือนชั้นรอง!
ลูกตาต้วนหลิงเทียนลุกวาวส่องแสงจ้าขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
ตำหนักเอกอุทั้ง 10 หลังนั้นเป็นดั่งที่พักของศิษย์ที่พลังฝึกปรือบรรลุถึงเซียนนภาขั้นกลางขึ้นไป
ส่วนเรือนชั้นรองทั้ง 100 หลังนี้สมควรเป็นสถานที่พักของศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬที่พลังฝืมืออยู่ในขอบเขตเซียนนภาขั้นต้นกับเซียนปฐพีขั้นสูงสุด!
กับศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬที่บรรลุถึงขอบเขตเซียนนภาขั้นต้นไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนรู้ดีว่ายากต่อกร
แต่กับศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬที่บรรลุถึงฝึกปรือเซียนปฐพีขั้นสูงสุด เขาถามตัวเองแล้วก็ตอบได้ว่า…ยังพอมีทางสู้!
เหล่าศิษย์ใหม่ไม่กี่คนที่บรรลุถึงฝึกปรือขอบเขตเซียนปฐพีขั้นสูงสุดกันแล้วต่างก็มีความคิดแบบเดียวกันกับต้วนหลิงเทียน
“ข้าไม่เชื่อหรอก…ว่าข้าจะมิใช่คู่มือของศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬที่พักอาศัยในเรือนนชั้นรองทั้ง 100 คน! ต้องมีใครสักคนที่ข้าสามารถเอาชนะได้ ทีนี้เรือนชั้นรองหนึ่งในร้อยหลังนี้ต้องเป็นของข้า!!”
“เรือนชั้นรองหนึ่งในนั้นต้องเป็นของข้าด้วย!!”
…
ศิษย์ใหม่แท่นบูชาเต่าทมิฬ 2 คนที่พลังฝึกปรือถึงขอบเขตเซียนปฐพีขั้นสูงสุดแล้วประกาศกร้าวออกมาอย่างมาดมั่น
“หึ!”
ทว่าความมั่นใจอันล้นปรี่ของมัน กลับถูกอาวุโสเพลิงทองแดงทั้ง 2 คนเย้ยหยันเสียอย่างนั้น
และในขณะที่ศิษย์ใหม่ทุกคนหันไปมองว่าอาวุโสเพลิงทองแดงทั้ง 2 ตัดกำลังใจผู้อื่นทำอะไร หนึ่งในอาวุโสเพลิงทองแดงพลันชี้ลงไปเบื้องล่าง “พวกเจ้าเห็นบ้านไม้กับกระท่อมไม้ด้านล่างพวกนั้นหรือไม่…นั่นเรียกว่าบ้านชั้นสามกับกระท่อมชั้นสี่!”
“บ้านชั้น 3 มีทั้งสิ้น 1,000 หลัง ส่วนกระท่อมชั้น 4 มีทั้งสิ้น 10,000 หลัง มิเพียงเท่านั้นแต่จำนวนคนที่เข้าพักกระท่อมชั้น 4 ไปแล้วยังมีมากกว่า 8 ส่วน!”
“นั่นหมายความว่าในแท่นบูชาเต่าทมิฬของเรายามนี้มีศิษย์รวมทั้งสิ้นเกือบหมื่นคน! แล้วพวกเจ้าคิดจริงๆหรือว่าศิษย์ที่สามารถเบียดผู้คนนับพันนับหมื่นจนสามารถขึ้นมาอยู่ในเรือนชั้นรองที่มีเพียง 100 กว่าหลังได้…จะฝีมืออ่อนด้อย? พวกเจ้ากลับกล้าคิดช่วงชิงบ้านพักด้วยพลังฝีมือเล็กน้อยเพียงเท่านี้จริงๆ?”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้อาวุโสเพลิงทองแดงทั้งสองคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน พาลให้ศิษย์ใหม่ทั้ง 2 ที่ประกาศกร้าวก่อนหน้าอายจนหูแดง!
‘มีศิษย์เกือบหมื่นเลยงั้นเหรอ?’
ต้วนหลิงเทียนตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินคำของอาวุโสเพลิงทองแดง มันไม่ได้อยู่ในหัวของเขาเลยเรื่องที่ศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬจะมีจำนวนเกือบหมื่นคนแบบนี้
ต้องทราบด้วยว่าแท่นบูชาเต่าทมิฬเป็น 1 ในแท่นบูชาจตุรลักษณ์ของลัทธิบูชาไฟ!
‘แบบนี้…หมายความว่าลำพังแท่นบูชาจตุรลักษณ์หรือฝ่ายนอกของลัทธิบูชาไฟก็มีศิษย์เกือบๆ 40,000 คน อีกทั้งคน 40,000 คนพวกนี้จะเลวร้ายอย่างไรก็ถือได้ว่าเป็นชนชั้นหัวกะทิของภูมิภาคเบื้องบนแล้วทั้งสิ้น เพราะการคัดคนเข้ามาเพียงแค่ไม่กี่ร้อยจากคนนับพันหมื่นทุกรอบ คงจากจะมีตัวอ่อนด้อยไร้สามารถหลุดมา…’
คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บกับขุมพลังของลัทธิบูชาไฟ
แค่ฝ่ายนอกก็มีกำลังพลนับ 40,000 แล้ว!
และก็อย่างที่ต้วนหลิงเทียนว่า อัจฉริยะเป็นดั่ง ‘นกดีเลือกไม้งามทำรัง’ ลัทธิบูชาไฟแห่งนี้ เรียกว่าที่สามารถครองอำนาจในฐานะ 1 ใน 3 มหาอำนาจของภูมิภาคเบื้องบนได้ นับว่าไม่อาจดูแคลนได้จริงๆ
‘แค่ศิษย์ฝ่ายนอกของ 4 แท่นบูชาก็เป็นยอดฝีมือที่คัดมาแล้วทั้งสิ้น…ยิ่งผู้ที่โดดเด่นกว่าใคร ก็เสมือนอัจฉริยะแนวหน้าของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!’
มาตอนนี้ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันหนักอึ้งจากมหาอำนาจยักษ์ใหญ่อย่างลัทธิบูชาไฟ!
กลับกัน เขามันก็แค่คนตัวเล็กๆไม่ควรให้กล่าวถึง!
“อ้อในบ้านไม้ชั้นสามเองก็ยังมีค่ายกลรวมวิญญาณจัดตั้งอยู่ 3 ค่าย…ส่วนกระท่อมชั้น 4 นั้นแต่ละหลังเพียงจัดตั้งค่ายกลรวมวิญญาณไว้แค่ 1 ค่ายเท่านั้น”
อาวุโสเพลิงแดงยังคงกล่าวอธิบายสืบต่อ
“ข้าคิดว่าทุกคนคงทราบดีอยู่แล้วแต่ข้าจะบอกกฏของที่นี่อีกครา…ในสถานที่พักแห่งนี้ ห้ามมิให้เข่นฆ่าผู้อื่นหรือลงมือทำร้ายจนถึงขั้นพิกลพิการด้วยเจตนาเด็ดขาด! และตราบใดที่พลังฝีมือของเจ้าเหนือกว่าเจ้าสามารถท้าประลองช่วงชิงที่พักที่หมายตาจากผู้อื่นได้!”
วาจาท้ายประโยคของอาวุโสเพลิงทองแดงได้จุดไฟต่อสู้ของเหล่าศิษย์ใหม่ให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง ในนั้นก็รวมถึงต้วนหลิงเทียนด้วย
“เอาล่ะ ก่อนอื่นทุกคนลงไปเลือกกระท่อมไม้ชั้น 4 เพื่อเข้าพักเสีย ไปเปลี่ยนชุดอันใดให้เรียบร้อย หลังจากนั้นหากพวกเจ้าจะมองหาที่พักอันใดได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับสายตามองคนของพวกเจ้าแล้ว”
หลังจากกล่าวบอกทุกอย่างที่ต้องแจ้งให้กับต้วนหลิงเทียนและศิษย์ใหม่คนอื่นหมดแล้ว อาวุโสเพลิงทองแดงทั้ง 2 ก็เหินร่างจากไป
ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนเองก็โรยตัวลงมาจากฟ้าพร้อมเหล่าศิษย์กลุ่มใหญ่เพื่อไปหาที่พัก
กระท่อมชั้น 4 นั้น แม้จะมีคนอาศัยอยู่ไปแล้วถึง 8 ส่วน ทว่าอีก 2 ส่วนที่เหลือก็มีเกือบๆ 2,000 หลังที่ว่างอยู่
“ศิษย์ใหม่ของรอบนี้มากันแล้วหรือ?”
ตอนนี้เองกระท่อมไม้ชั้น 4 กับบ้านชั้น 3 ก็เริ่มมีความเคลื่อนไหว ผู้คนทยอยกันเปิดประตูออกมาชมดูคนมาใหม่ด้วยความสนใจ
“ข้าขอท้าเจ้า!!”
ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งโณยตัวลงมาได้ไม่ทันไร พลันได้ยินเสียงคุ้นเคยหนึ่งดังขึ้น
และเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นได้ทันที
ว่ากู่ชุนผู้มีรากวิญญาณสีเขียวที่มีปากเสียงกับเขาเล็กน้อยบริเวณลานทดสอบพลังฝีมือของแท่นบูชาเต่าทมิฬ ได้หยุดอยู่หน้าบ้านชั้น 3 หลังหนึ่ง พร้อมกล่าวคำท้าศิษย์เก่าที่พึ่งเปิดประตูออกมาชมดูเรื่องราว
“พวกมันมาถึงแล้วหรือ…”
หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็เห็นเหล่าศิษย์ใหม่ของแท่นบูชาเต่าทมิฬที่มีรากวิญญาณสีเขียว ที่แยกตัวไปกับหลี่อันก่อนหน้า…