WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1913
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1913
ตอนที่ 1,913 : สุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ!
“เจ้าท้าทายข้างั้นเหรอ?”
ศิษย์เก่าของแท่นบูชาเต่าทมิฬที่ตกเป็นเป้าท้าสู้ของกู่ชุนอดไม่ได้ที่จะอึ้ง เมื่อได้ยินคำท้าทายของกู่ชุนแบบนี้
ถึงแม้ว่าพลังฝีมือของมันจะไม่ได้ยอดเยี่ยมมากมายอะไรในบรรดาผู้ที่ถือครองบ้านชั้น 3 ทั้ง 1,000 หลัง…แต่ในฐานะที่มันเองก็เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนปฐพีขั้นเชี่ยวชาญ ก็กล่าวได้ว่าพลังฝีมือของมันจัดว่าอยู่ในระดับกลางๆ!
ทว่าตอนนี้ศิษย์พึ่งเข้าร่วมแท่นบูชาเต่าทมิฬได้หยกๆกลับคิดท้าสู้มันหมายชิงบ้านพักของมัน?
เมื่อศิษย์เก่าคนดังกล่าวมองกู่ชุนอีกครั้ง ในแววตายังเต็มไปด้วยความเยียบเย็น
‘เจ้ากู่ชุนนั่นมันไปกินดีหมีหัวใจเสือมารึไง ถึงได้ท้าศิษย์เก่าที่บรรลุเซียนปฐพีขั้นเชี่ยวชาญแบบนั้นทั้งๆที่มันเป็นแค่เซียนปฐพีขั้นต้น?’
ต้วนหลิงเทียนหยีตามองกู่ชุนด้วยความงุนงง ด้วยไม่เข้าใจว่ากู่ชุนไปพกพาความเชื่อมั่นมาจากที่ไหน
ศิษย์เก่าของแท่นบูชาเต่าทมิฬที่สามารถพักอาศัยอยู่ในบ้านชั้น 3 เหล่านี้ได้ สมควรมิใช่ชนชั้นอ่อนแอ อย่างน้อยๆพลังฝึกปรือขอบเขตเซียนปฐพีขั้นต้นก็มีน้อยนิดหยิบมือ ส่วนใหญ่มักเป็นเซียนปฐพีขั้นกลางหรือสูงกว่านั้นทั้งสิ้น ทว่ากู่ชุนที่เป็นเซียนปฐพีขั้นต้นกลับหาญกล้าท้าคน?
เรียกว่าจังหวะนี้เหล่าศิษย์ใหม่ไม่เว้นต้วนหลิงเทียน กระทั่งอาวุโสบางคนของแท่นบูชาเต่าทมิฬก็มารวมตัวกันอย่างไว เพื่อชมดูเรื่องราวสนุกสนานบันเทิงใจ
“ฮ่าๆๆ…อะไรกันหวังจิว นี่เจ้ากำลังจะถูกผู้คนรังแกรึ? ฮัยยา! กระทั่งศิษย์มาใหม่แท้ๆ ยังเห็นเจ้าเป็นลูกพลับสุกนุ่มนิ่มเสียได้!!”
เหล่าศิษย์เก่าที่รุดมาชมดูเรื่องราวสนุกสนานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะทั้งกล่าวแซวศิษย์เก่าคนที่ถูกกู่ชุนท้าทายออกมา
ได้ยินเสียงหัวเราะกล่าวแซวกันอย่างสนุกสนานของผู้คนโดยรอบ สีหน้าหวังจิวยิ่งมายิ่งมืดดำปานจะคั้นได้เป็นน้ำหมึก แววตาที่ใช้มองกู่ชุนก็ยิ่งดุร้ายเอาเรื่องมากขึ้นทุกขณะ “ไอ้หนู! ข้าหวังจิวยอมรับว่าเจ้ากล้าหาญชาญชัยนัก ให้ข้าดูเถอะ! ว่าที่แท้เจ้ามีดีอันใดถึงได้หาญท้าข้าหวังจิว!!”
สิ้นคำกล่าวเย็นชาของหวังจิว กลิ่นอายพลังน่าเกรงขามขุมหนึ่งพลันแผ่พุ่งออกมาจากทั่วร่างของมัน!
“เจ้าเรียกว่าหวังจิวเช่นนั้นรึ?”
อย่างไรก็ตามแม้หวังจิวจะเร่งเร้าพลังเตรียมพร้อมลงมือแล้ว หากแต่กู่ชุนยังคงยืนนิ่งมองถามหวังจิวอย่างไม่แยแส ไม่มีวี่แววว่าจะลงมือต่อสู้แม้แต่น้อย
“อะไร? เจ้าเป็นฝ่ายท้าทายข้าเองแท้ๆหรือคิดเปลี่ยนใจไม่กล้าสู้แล้ว?”
หวังจิวหัวเราะออกมาเบาๆ ใบหน้าเผยความเหยียดหยามให้เห็นชัด ด้วยคิดว่าอีกฝ่ายเกิดหวาดกลัวไม่กล้าสู้แล้ว
“บางครั้งแม้ท้าทายไปแล้วแต่ก็มิจำเป็นต้องลงมือ..เพราะมิแน่ว่าบางทีศิษย์พี่จิวอาจจะยอมแพ้ข้าเองก็เป็นได้…”
ภายใต้สายตาจดจ้องมองมาของทุกคน กู่ชุนแสยะยิ้มกล่าวออกมาด้วยสีหน้ามั่นใจ ราวกับกุมชัยชนะไว้ในมือเรียบร้อยแล้ว!
“ยอมแพ้? ข้าน่ะหรือจะยอมแพ้เจ้า? นี่เจ้าฝันกลางวันอยู่รึไง?!”
ได้ยินคำของกู่ชุน หวังจิวถึงกับอึ้งไปพักหนึ่งค่อยกล่าวเย้ยออกมา
“หวังจิวอาจยอมแพ้เอง? ไฉนอยู่ดีๆกู่ชุนกลับกล่าวถึงเรื่องแบบนั้นออกมา? ผู้ใดจะไปยอมแพ้ทั้งๆที่ยังไม่ได้สู้กัน!?”
ศิษย์ใหม่หลายคนได้แต่ส่ายหน้าไปมา สองตามองแคลนกู่ชุนราวกับมองตัวโง่งม
“กู่ชุนนั่นใช่สมองมันมีปัญหาอันใดมาหรือไม่ มันก็แค่ศิษย์ใหม่พลังฝึกปรือเซียนปฐพีขั้นต้น ไฉนทำเป็นกล่าวราวกับศิษย์เก่าจะยอมแพ้ไปเองได้…ฝันละเมอของตัวโง่งม!”
“ข้าก็หลงคิดว่าผู้มีรากวิญญาณสีเขียวจะเป็นเช่นไร…ช่างเลอะเทอะสิ้นดี!”
……
เหล่าศิษย์ใหม่ที่มาพร้อมต้วนหลิงเทียนและมีรากวิญญาณสีเหลืองเหมือนกัน กล่าวเยาะเย้ยกู่ชุนออกมาโต้งๆ
หากแต่ไม่ทราบเพราะอะไรศิษย์ใหม่ที่มาพร้อมกู่ชุนกลับไม่มีผู้ใดกล่าวคำ
หลายคนยังหันไปมองกู่ชุนด้วยสายตาเลื่อนลอย ราวกับนึกถึงอะไรบางอย่าง
“หืม? เซียนปฐพีขั้นต้นงั้นเหรอ?”
ศิษย์ใหม่พูดคุยกันเสียงดังไม่น้อย ไม่นานเหล่าศิษย์เก่าทั้งหลายจึงได้รับทราบตื้นลึกหนาบางของกู่ชุน
ทันใดนั้นพวกมันก็หันไปมองหวังจิวอีกครั้ง ยังกล่าวหยอกล้อกันออกมาอย่างสนุกสนาน “เฮ่ยหวังจิว! เจ้าได้ยินแล้วรึยัง? ถึงแม้พลังฝึกปรือของเจ้าหนูหน้าใหม่นี่จะยังพึ่งเป็นเซียนปฐพีขั้นต้น! หากแต่พรสวรรค์รากวิญญาณของมันกลับเป็นรากวิญญาณสีเขียวเชียว มันมิใช่อะไรที่เจ้าจะตอแยได้ด้วยนา!!”
“ใช่แล้วๆ สหายจิวรีบยอมแพ้เร็วเข้า…น้องชายผู้นี้แม้วันนี้อาจไม่ร้ายกาจเท่าเจ้า แต่วันหน้าย่อมไม่ยากที่จะก้าวข้ามเจ้าไปได้! เจ้าจะลงมือวันนี้แล้วเลือกหลับฝันร้ายไปตลอดสิบปีหรือไม่เล่า?”
“หวังจิวลูกผู้ชายยืดได้หดได้…หากวันหน้าเจ้าไม่อยากถูกทุบตีรังแก วันนี้ก็รีบๆยอมแพ้เถอะ มอบบ้านชั้น 3 นั่นของเจ้าให้เด็กใหม่ไปเสีย! กระท่อมด้านล่างยังว่างเยอะ!!”
…
เหล่าศิษย์เก่ากล่าววาจาโน้มน้าวกันออกมาเสียงดัง หากฟังผ่านๆอาจเหมือนพวกมันหวังดี แต่ที่แท้ทั้งหมดล้อเลียนหวังจิวอย่างสนุกสนานทั้งสิ้น
พรสวรรค์รากวิญญาณของกู่ชุนเป็นรากวิญญาณสีเขียวแล้วจะอย่างไร?
อาศัยพรสวรรค์เพียงเท่านี้ ยังไม่ถือว่ามีสิทธิพิเศษมากมายถึงขั้นที่ใครจะมอบบ้านชั้น 3 ให้ง่ายๆ!
“รากวิญญาณสีเขียว?”
เผชิญหน้ากับวาจาหยอกล้อกันอย่างสนุกปากของสหายเลวรอบๆ หน้าหวังจิวถึงกับแดงก่ำด้วยความโมโห “บัดซบ! ให้เจ้ามีรากวิญญาณสีเขียวแล้วจะอย่างไร เท่านั้นยังมีคุณสมบัติไม่พอให้ข้าหวังจิวผู้นี้ยอมแพ้!”
“อาศัยเซียนปฐพีขั้นต้นกลับกล้าดูถูกพ่นวาจาผายลมใส่ข้า…วันนี้หากข้าหวังจิวไม่ทุบตีสั่งสอนบทเรียนให้เจ้าสักครา ข้าไม่ขอใช้แซ่หวังสืบไป!”
ยามหวังจิวประกาศเจตนาออกมาครั้งนี้ น้ำเสียงของมันช่างเย็นชาพาลให้ทุกคนสยิวกายนัก
กู่ชุนยังคงสงบ มองกล่าวกับหวังจิวด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “จริงอยู่ที่อาศัยเพียงรากวิญญาณสีเขียวของข้าไม่เพียงพอที่จะข่มขู่เจ้าหวังจิวให้หวาดกลัว กระทั่งคงไม่พอที่จะให้เจ้ายอมแพ้ส่งบ้านชั้น 3 นั่นมาให้ข้าแต่โดยดี…แต่ถ้าข้าบอกเจ้าว่าอาจารย์ของข้าคืออาวุโส หลี่อัน อาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของแท่นบูชาเต่าทมิฬเล่า?”
กล่าวถึงตรงนี้นมุมปากกู่ชุนก็ยกยิ้มแสยะ ศีรษะเชิดขึ้นกลอกตาเหลือบมองหวังจิวอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า
หลี่อัน!
ได้ยินวาจาที่กู่ชุนกล่าวออกมา ยกเว้นเหล่าศิษย์ใหม่ที่มีรากวิญญาณสีเขียวและกลับมาพร้อมหลี่อันแล้ว ไม่ว่าจะศิษย์ใหม่หรือศิษย์เก่า ไม่เว้นต้วนหลิงเทียนถึงกับหยีตาลงทันใด บางคนก็เผยความหวาดกลัวออกมาให้เห็นในสายตา!
และโทสะอันเกรี้ยวกราดที่ประหนึ่งภูเขาไฟเจียนระเบิดของหวังจิวก็ดับทอดลงปานมีน้ำเย็นห่าใหญ่ราดรด สลายหายไปไม่มีเหลือ!
หากอีกฝ่ายเป็นเพียงศิษย์ของอาวุโสเพลิงเงินอีก 4 คนที่เหลือวันนี้จะอย่างไรมันต้องลงมือฟาดปากอีกฝ่ายให้แตกสักแผล ไม่มียอมลงให้ง่ายๆแน่…!
ทว่าหลี่อันผู้นั้นไม่ใช่ตะเกียงขาดน้ำมันอันใด แต่มันก็คือผู้อาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 แห่งแท่นบูชาเต่าทมิฬ!
ชื่อเสียงของหลี่อันไม่เพียงแต่แท่นบูชาเต่าทมิฬเท่านั้น กระทั่งในบรรดาอาวุโสเพลิงเงินของลัทธิบูชาไฟมันก็เด่นดังไม่น้อย
ผู้ใดที่หาญกล้าล่วงเกินหลี่อัน ล้วนไม่มีจุดจบอันดีสักคน!
ดังนั้นในแท่นบูชาเต่าทมิฬแห่งนี้กระทั่งในลัทธิบูชาไฟ หากพื้นหลังของท่านไม่แข็งแกร่งพอ…อย่าได้แหยมหลี่อันเป็นอันขาด! กระทั่งคนรอบกายและศิษย์ของมันก็ไม่เว้น!!
ด้วยเหตุนี้ไฟโทสะของมันจึงดับมอดลงในพริบตา
นามหลี่อันนี้ มากพอจะทำให้ร่างมันสั่นสะท้าน!
“อะไร! มันเป็นศิษย์ของอาวุโสหลี่อันหรือ?”
“อาวุโสหลี่มิได้รับศิษย์มานานปีแล้ว ไฉนอยู่ดีๆถึงได้รับมันที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณแค่รากวิญญาณสีเขียวเป็นศิษย์ได้?”
“นั่นสิ! เท่าที่ข้ารู้…ศิษย์ทั้ง 3 ของอาวุโสหลี่อันล้วนเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินทั้งสิ้น!พลังฝีมือก็ร้ายกาจ คนมากไหวพริบ! อาศัยแค่ศิษย์ใหม่ที่มีรากวิญญาณสีเขียวไฉนถึงไปเข้าตาอาวุโสหลี่อันได้กัน?”
……
เหล่าศิษย์เก่าที่ได้ยินคำของกู่ชุนถึงกับงุนงงไปด้วยความประหลาดใจ
ไฉนสายตามองคนของอาวุโสหลี่อันถึงกลายเป็นย่ำแย่ลงเสียแล้วเล่า?
แน่นอนว่าพวกมันไม่คิดว่ากู่ชุนจะกล้าพูดโกหก!
ในแท่นบูชาเต่าทมิฬไม่มีใครกล้าเอาอาวุโสหลี่อันมาล้อเล่น!
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
“นั่นสิ ไฉนอยู่ดีๆกู่ชุนถึงได้กลายเป็นศิษย์ของอาวุโสหลี่อันได้?”
“อย่าได้บอกข้าเชียวว่ายามประเมินทดสอบ แม้จะเป็นเพียงรากวิญญาณสีเขียวแต่มันกลับแสดงความสามารถเลิศล้ำจนต้องตาพึงใจอาวุโสหลี่อันเข้า?”
……
เหล่าศิษย์ใหม่ที่มีรากวิญญาณสีเหลืองได้แต่กล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย ยังมองไปยังเหล่าศิษย์ใหม่ที่มีรากวิญญาณสีเขียวด้วยสายตาไถ่ถาม ราวกับจะขอคำตอบจากพวกมัน
ได้ยินวาจาของเหล่าศิษย์ใหม่กลุ่มใหญ่ ศิษย์เก่าก็หันไปมองศิษย์ใหม่กลุ่มที่มีไม่กี่คนทันที
“ตอนทำการประเมินทดสอบพลังฝีมือ ความสามารถของหลี่อันก็มิได้โดดเด่นหรือเหนือไปกว่าพวกเราแต่อย่างไร…เหตุผลเดียวที่ทำให้มันสามารถเป็นศิษย์ของอาวุโสหลี่อันได้ เพราะมันรับปากว่าจะช่วยอาวุโสหลี่อันจัดการกับต้วนหลิงเทียน!”
หนึ่งในบรรดาศิษย์ใหม่ที่มีรากวิญญาณสีเขียวกล่าวตอบออกมาไขข้อสงสัยให้แก่ทุกคน
“เพราะจะช่วยจัดการต้วนหลิงเทียน?”
ทันใดนั้นสายตาของเหล่าศิษย์ใหม่ กลุ่มที่มีรากวิญญาณสีเหลืองพลันหันไปจับจ้องมองไปยังร่างของต้วนหลิงเทียนทันที
“เหอๆ…อาวุโสหลี่อันต้องเคียดแค้นคนชื่อต้วนหลิงเทียนถึงขั้นใดกัน เพียงแค่กู่ชุนบอกว่าจะช่วยจัดการต้วนหลิงเทียนให้ก็ถึงกับยอมรับมันเป็นศิษย์เสียแล้ว?”
“ดูเหมือนว่าเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนคนนั้นสังหารบุตรชายของสหายสนิท จะทำให้อาวุโสหลี่อันเกลียดต้วนหลิงเทียนเข้ากระดูกดำแล้วจริงๆ…”
“นี่มันจะไม่เหลวไหลไปหน่อยรึไง อาวุโสหลี่อันไฉนคิดตื้นนักเล่า?”
…
ในขณะที่เหล่าศิษย์ใหม่กำลังมองต้วนหลิงเทียนพร้อมกล่าวพึมพำกันด้วยความเหลือเชื่อนั้น เหล่าผู้อาวุโสที่อยู่ด้วยก็งุนงงไม่แพ้กัน พวกมันมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเหลือเชื่อไม่ต่าง
อันที่จริงก็ไม่ใช่แค่พวกมัน กระทั่งต้วนหลิงเทียนเองยังอึ้ง ได้รู้ว่าหลี่อันรับกู่ชุนเป็นศิษย์เพราะเรื่องนี้เขาก็รู้สึกหมดคำจะพูดอยู่บ้าง
นี่มันจะไม่เหลวไหลไปหน่อยรึไง?
ในขณะเดียวกัน ด้านศิษย์เก่าเองพอได้ยินบทสนทนา พวกมันก็เริ่มเข้าใจเรื่องราวแล้วเช่นกัน ที่แท้ก็สุนัขจิ้งจอกอวดอ้างบารมีเสือ!!
หลังได้รับทราบว่าต้วนหลิงเทียนถึงกับสังหารบุตรชายสหายสนิทของอาวุโสหลี่อัน อันเป็นอาวุโสลำดับ 5 ของวังอุดรไพศาลต่อหน้าต่อตาหลี่อัน พวกมันก็ถึงกับต้องลอบยกนิ้วให้ต้วนหลิงเทียนอย่างนับถือ!
ถึงแม้ว่าพวกมันจะรู้ดีว่าจุดจบของผู้ที่กล้าล่วงเกินอาวุโสหลี่อันในแท่นบูชาเต่าทมิฬจะอนาถเพียงใด แต่ตอนนี้พวกมันอดไม่ได้ที่จะชื่นชมต้วนหลิงเทียนจากก้นบึ้งของหัวใจจริงๆ!
“ให้ตายเถอะ…ที่แท้อาวุโสหลี่อันต้องเกลียดมันปานใดกัน ถึงขั้นลดมาตรฐานตัวเองไปรับคนที่มีรากวิญญาณสีเขียวมาเป็นศิษย์เช่นนี้?”
ในเรื่องนี้จนแล้วจนรอดศิษย์เก่าก็ยากจะเชื่อได้ลงคอ
แต่สุดท้ายพวกมันก็ได้แต่สรุปไปว่าอาวุโสหลี่อันคงเคียดแค้นต้วนหลิงเทียนเข้าไส้แล้วจริงๆ ถึงขั้นกระทำอะไรแบบนี้ได้
และในตอนนี้เองเหล่าศิษย์ใหม่ที่ลอยร่างอยู่ใกล้ๆต้วนหลิงเทียน ก็อดไม่ได้ที่จะรีบเหินร่างถอยหนีออกไป ทำราวกับต้วนหลิงเทียนเป็นเทพแห่งโรคห่า!
“ข้ายอมแพ้…”
พร้อมกันนั้นเองหวังจิวที่สามารถระงับโทสะลงได้แล้ว มันที่เผชิญหน้ากับคำท้าทายของกู่ชุน ในที่สุดก็กล่าวคำยอมแพ้ออกมา
หลังจากกล่าวยอมแพ้แล้ว มันก็เข้าไปเก็บของใช้ส่วนตัวในบ้านพัก ก่อนที่จะเหินร่างจากไปหาบ้านพักหลังใหม่โดยไม่คิดจะพูดจากับใครทั้งสิ้น
“หวังจิว ผู้ฉลาดย่อมรู้สถานการณ์ เจ้านับว่าตัดสินใจได้ดีที่สุดแล้ว!”
กู่ชุนเงยหน้าขึ้นมาอย่างหยิ่งยโส หลังจากกล่าวคำทิ้งท้ายกับหวังจิวอย่างไม่แยแสมันก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเหนือกว่าทันที
ตอนนี้หลายๆคนคิดไปว่าที่หลี่อันรับกู่ชุนเป็นศิษย์นั้น เพียงเพราะกู่ชันรับปากจะจัดการต้วนหลิงเทียนไปแล้วจริงๆ…
หากแต่มีเพียงตัวมันเองเท่านั้นที่รู้ว่ายังมีเหตุผลที่สำคัญอีกประการหนึ่ง…
นั่นคือมันกล่าวว่าจะแนะนำคนผู้หนึ่งที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณเป็นรากวิญญาณสีน้ำเงินให้หลี่อัน! และมันยังรับปากหลี่อันแถมให้คำประกันเป็นมั่นเหมาะว่ามั่นใจถึง 10 ส่วนเต็ม ว่าอีกไม่นานคนผู้นั้นจะมาฝากตัวเป็นศิษย์หลี่อันแน่นอน!!
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่มันลอบตกลงกับหลี่อัน!
“เหอะ!”
เมื่อเห็นว่ากู่ชุนที่กำลังกระหยิ่มยิ้มย่องเดินเข้าบ้านพักชั้น 3 และเตรียมจะปิดประตู ต้วนหลิงเทียนพลันแค่นคำสบถเสียงเย็นคำหนึ่ง! ก่อนร่างคนจะวูบไหวไปราวภูตผี อยู่ดีๆก็ปรากฏหน้าประตูบ้านหลังดังกล่าว มือพุ่งออกไปหยุดประตูที่กำลังจะปิดเอาไว้ได้ทันเวลา…!