WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1914
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1914
ตอนที่ 1,914 : กลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณ!
กู่ชุนที่กำลังเปิดประตูเข้าบ้านชั้นสามด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องนั้น ในขณะที่กำลังจะปิดประตูเข้าบ้าน มันก็พบว่ามีร่างหนึ่งวูบมาดั่งภูตผี ทั้งยังเอื้อมมือมาดั่งเงาพรายดึงรั้งประตูเอาไว้ให้มิอาจปิด!
“ต้วนหลิงเทียน!”
เมื่อมองไปก็พบว่าคนที่ขวางไม่ให้มันปิดประตูนั้นมิใช่ใครที่ไหน แต่เป็นต้วนหลิงเทียนนั่นเอง!
และเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับต้วนหลิงเทียนจ่อๆแบบนี้ ในแววตาของกู่ชุนอดไม่ได้ที่จะเผยประกายหวาดกลัวออกมาให้เห็น!
มันเองก็ได้รับทราบจากศิษย์ใหม่ที่มีรากวิญญาณสีเหลืองแล้ว พบว่าในขณะที่ทำการทดสอบพลังฝีมือ พลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนเองก็ได้ทะลวงถึงขอบเขตเซียนปฐพีขั้นต้นเป็นที่เรียบร้อย…พริบตานั้นมันก็ตระหนักดีว่าตัวเองยังห่างชั้นจากต้วนหลิงเทียนหลายขุม!
ไม่ต้องกล่าวใดให้มาก เอาแค่เวทย์พลังประหลาดที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนปะทุพลังสังหารหยางหวู่ได้แม้จะบาดเจ็บเจียนตายนั่น ก็ทำให้มันไร้หนทางจะต่อกรกับต้วนหลิงเทียนแล้ว!!
“เจ้าทำอันใดของเจ้ากัน…เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่!?”
เช่นนั้นแล้วเมื่อต้องเจอหน้าต้วนหลิงเทียนแบบนี้ ไหนเลยมันจะไม่หวาดกลัวหวั่นใจได้! ไม่อาจนำไปเทียบกับกรณีของหวังจิวได้เลย!
เพราะถึงแม้มันจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหวังจิวเมื่อครู่ แต่ด้วยความที่อาจารย์ของมันก็คือ ‘หลี่อัน’ ผู้อาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของแท่นบูชาเต่าทมิฬ มันจึงไม่คิดว่าหวังจิวจะกล้าทำอะไรมัน!
ทว่าต้วนหลิงเทียนนั้นต่างออกไป!
ด้วยสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนกระทำไปเมื่อวานนี้ มันย่อมมองออกได้ไม่ยากว่าต้วนหลิงเทียนไม่หวาดกลัวอาจารย์ของมัน!
เช่นนั้นเมื่อต้องเผชิญกับต้วนหลิงเทียนซึ่งๆหน้า ศีรษะที่เคยเชิดก็จำต้องลดลง น้ำเสียงโอหังวางท่ายังอ่อนลงหลายส่วน!!
จังหวะนี้หวังจิวที่แต่เดิมมีโมโหทั้งคับแค้นแต่ไม่อาจทำอะไรได้อยู่เป็นทุน พอได้เห็นจึงแทบกระอักเลือดตาย!
ศิษย์เก่าเช่นมันกลับไร้อำนาจสะกดข่มศิษย์ใหม่…แต่ศิษย์ใหม่คนนั้นกลับกลัวศิษย์ใหม่ด้วยกัน! นี่ทำให้เหมือนชีวิตที่ผ่านมาหลายปีของมันเสมือนไร้ค่าเยี่ยงสุนัขแล้ว!!
แต่แน่นอนว่ามันเองก็ได้ยินบทสนทนาของเหล่าศิษย์ใหม่รอบๆ จึงได้รู้ว่าศิษย์ใหม่ที่ชื่อต้วนหลิงเทียนคนนั้น ที่แท้กลับเป็นผู้ที่ร้ายกาจคนหนึ่งยังไม่ทันเข้าร่วมแท่นบูชาเต่าทมิฬ ก็ไปเขม่นมีเรื่องกับหลี่อันซึ่งๆหน้าเสียแล้ว!
ต้วนหลิงเทียนคนนั้น กระทั่งกับหลี่อันยังไม่กลัว! เช่นนั้นกับอีแค่ศิษย์ของหลี่อันยังจะนับเป็นตัวอะไรได้!!
“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้นับว่าน่ารักยิ่ง!”
เมื่อเห็นสีหน้ากู่ชุนบิดเบี้ยวคล้ายเคี้ยวข้าวถูกแมลงวัน หวังจิวก็รู้สึกสบายอารมณ์ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก!
เรียกว่าการที่ต้วนหลิงเทียนทำให้กู่ชุนนั่นหน้าซีดได้ ทำให้หวังจิวพึงพอใจในระดับหนึ่ง!
ถึงขั้นยังทำให้มันรู้สึกประทับใจในตัวต้วนหลิงเทียนขึ้นมา!
และอันที่จริงก็ไม่ใช่แต่หวังจิวที่ถูกกู่ชุนดั่งจิ้งจอกใช้บารมีเสืออวดตัวเท่านั้นที่พึงพอใจต้วนหลิงเทียน กระทั่งศิษย์เก่าหลายต่อหลายคนก็อดรู้สึกประทับใจต่อต้วนหลิงเทียนขึ้นมาไม่ได้!
กล่าวได้เลยว่าการอวดอ้างบารมีจอมปลอมของกู่ชุนนั้น มันสร้างความไม่พอใจให้ใครหลายๆคนไม่มากก็น้อย!
ทั้งหมดเพราะพวกมันกริ่งเกรงหลี่อันที่อยู่เบื้องหลังกู่ชุน! ถึงแม้พวกมันจะไม่พอใจท่าทางอวดโอ่โอหังของกู่ชุนมากเพียงใดพวกมันก็ไม่กล้าทำอะไรอีกฝ่าย!
ทว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกลับออกหน้าลงมือกระทำในสิ่งที่พวกมันไม่กล้าทำ ย่อมทำให้พวกมันรู้สึกสะใจ อีกทั้งยังมองต้วนหลิงเทียนในแง่ดีอย่างไม่รู้ตัว!
กระทั่งเหล่าศิษย์ใหม่ที่เสมือนถูกต้วนหลิงเทียน ‘เสแสร้งเป็นทารก’ หลอกมาก่อนหน้า ตอนนี้ยังถึงกับต้องมองต้วนหลิงเทียนใหม่!
เพราะพวกมันไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะกล้าได้กล้าเสียขนาดนี้!
“ข้าจะทำอะไรน่ะเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนที่ยืนมองหน้ากู่ชุนพลันแสยะยิ้มกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “ก็ไม่อะไรมากหรอก พอดีข้าชมชอบบ้านชั้นสามหลังนี้น่ะ”
“เช่นนั้นข้าต้วนหลิงเทียนเลยขอท้าเจ้ากู่ชุนประลอง!”
ทันทีที่เปิดปากกล่าวคำ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่รั้งรอ กล่าวท้าประลองชิงบ้านออกมาทันที!
ได้ยินคำตอบนี้กู่ชุนถึงกับหน้าเสียทันที! แต่เมื่อแลเห็นสายตาเย็นชาที่จ้องมาไม่วางของต้วนหลิงเทียน มันก็ไม่เหลือความกล้าอะไรอีก!!
‘ลูกผู้ชายยืดได้หดได้! ให้มันย่ามใจไปก่อนเถอะ…วันหลังข้าจะมาทวงคืนให้สาสมใจ! สำหรับบ้านชั้น 3 นี่ก็ไม่นับว่ามีดีอันใด อย่างไรก็ตามด้วยอำนาจข้าตอนนี้ไหนเลยจะไถบ้านชั้น 3 จากผู้อื่นไม่ได้’
คิดถึงจุดนี้กู่ชุนก็เดินออกจากบ้านดังกล่าวทันที ราวกับมันส่งมอบบ้านหลังนี้ให้แต่ต้วนหลิงเทียนแต่โดยดี
“เหอะ! นี่น่ะเหรอศิษย์คนใหม่ของอาวุโสหลี่อัน ช่างทำให้อาวุโสหลี่อันเสื่อมเสียนัก!”
“หากข้าเป็นอาวุโสหลี่อันข้าจะขับไล่สัดใส่ข้าวที่ใช้การมิได้เช่นมันออกไปเสีย!”
“เหอๆ…นี่น่ะเหรอคนที่มีรากวิญญาณสีเขียว กลับไม่กล้าแม้แต่จะหืออืออันใดต่อหน้าคนที่มีรากวิญญาณสีเหลือง?”
……
เนื่องจากต้วนหลิงเทียนชิงบ้านมาจากกู่ชุน เช่นนั้นบ้านหลังนี้ก็เป็นของต้วนหลิงเทียนโดยสดุดี ศิษย์เก่าก็ไม่คิดจะไปช่วงชิงมา
พวกมันยังคงกล่าววาจาเสียดสีกู่ชุนกันอย่างสนุกปาก
หลายคนถึงกับจงใจตะโกนกล่าวทั้งมองหน้ากู่ชุนออกมาตรงๆโดยไม่กลัวกู่ชุน เพราะยามนี้ต่างมีคนทำเช่นเดียวกันมากมายนัก ไหนเลยจะมีใครกลัวกู่ชุนเพ่งเล็ง!
ได้ยินวาจาเสียดสีจากผู้คนโดยรอบสีหน้ากู่ชุนที่ดูไม่ได้อยู่เป็นทุน ก็ยิ่งอัปลักษณ์หนักข้อ สองหมัดมันกำแน่นจนข้อขาว บริเวณขมับปรากฏเส้นเลือดปูดโปนเขียวปี๋ รู้สึกอัปยศอดสูนัก!
กระทั่งฟันกรามยังขบแน่นดังกรอดๆ ราวกับจะขบเคี้ยวให้แตกกันไปข้างอย่างไรอย่างนั้น!
‘ทน ตอนนี้ข้าต้องอดทนเอาไว้ก่อน! ลูกผู้ชายล้างแค้นสิบปีไม่สาย วันนี้ข้าสู้มันไม่ได้แต่วันหน้าข้าต้องก้าวข้ามมันไปได้แน่นอน ถึงวันนั้นข้าจะให้มันชดใช้ทั้งต้นทั้งดอก!!’
กู่ชุนลอบปฏิญาณในใจอย่างมุ่งมั่น!
‘จะอย่างไรมันก็แค่รากวิญญาณสีเหลือง ส่วนข้ามีรากวิญญาณสีเขียวไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่ข้าจะก้าวข้ามมัน!’
ในสายตาของกู่ชุนนั้น…
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะเหมือนมันคือบรรลุถึงเซียนปฐพีขั้นต้น แต่เนื่องจากพรสวรรค์รากวิญญาณของมันเหนือกว่า การที่มันจะเหนือกว่าต้วนหลิงเทียนก็เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น…
ตราบใดที่มันได้บ่มเพาะฝึกฝนในสถานที่อันมีพลังวิญญาณฟ้าดินเหมือนกันกับต้วนหลิงเทียน ไฉนมันต้องกลัวว่าจะก้าวข้ามต้วนหลิงเทียนไม่ได้ด้วย!? และเวทย์พลังน่ากลัวนั่นของต้วนหลิงเทียนวันนี้แม้มันกลัวแต่วันหน้าเล่า!
ถึงเมื่อวานนี้ต้วนหลิงเทียนที่บาดเจ็บสาหัสจะใช้เวทย์พลังประหลาด จนเอาชนะหยางหวู่มาได้ก็ตาม!
แต่แม้มันจะไม่รู้ว่าต้วนหลิงเทียนใช้เวทย์พลังผีสางอันใด ทว่ากู่ชุนรู้ดีว่าเวทย์พลังนั้นไม่ธรรมดาเป็นแน่
ด้วยเหตุนี้ทำให้กู่ชุนยังคงตระหนักได้ชัดเจนดี…
ว่าหากต้วนหลิงเทียนใช้เวทย์พลังนั่นขึ้นมา มันย่อมไม่ใช่คู่มือของต้วนหลิงเทียน!
“ข้าบอกให้เจ้าไปได้แล้วรึไง?”
ทว่าในขณะที่กู่ชุนกำลังเดินจากไป และกำลังจะเหินร่างไปให้พ้นแถวนี้นั้นเอง ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ พาลให้กู่ชุนชะงักทันที!
กู่ชุนคนนี้มันตั้งแง่กับเขาตั้งแต่แรก…
ทว่าตอนแรกเขาก็คร้านจะสนใจอะไรมันมากมาย เพราะในสายตาเขามันก็ไม่ต่างอะไรจากสุนัขข้างทางตัวหนึ่ง…
แต่ใครจะไปคิดกัน…
ว่าเพียงเพื่อให้ได้เป็นศิษย์ของหลี่อัน มันถึงกับไม่ลังเลที่จะประจบสอพลอหลี่อัน โดยการบอกว่าจะจัดการเขาเพื่อหลี่อัน…
กู่ชุนคิดเล่นงานเขาเพื่อเอาใจหลี่อัน เช่นนั้นเขาจะให้กู่ชุนมันเดินสะดวกได้หรือ?
“ต้วนหลิงเทียน บ้านชั้น 3 ข้าก็มอบให้เจ้าไปแล้ว! เจ้ายังจะมีเรื่องอันใดอีก?”
กู่ชุหันกลับมามองต้วนหลิงเทียนที่กำลังก้าวเดินเข้าหามันทีละก้าวด้วยสีหน้าแววตาหวั่นหวาด
เนื่องจากมันบังเกิดจิตขลาดเขลาตั้งแต่แรก สภาวะของมันจึงถูกต้วนหลิงเทียนสะกดข่มโดยสมบูรณ์ จึงไม่เหลือทีท่าต่อต้านอะไรเลย
แต่ละก้าวที่ต้วนหลิงเทียนย่างเท้าก้าวเข้ามา ยังราวกับอีกฝ่ายกำลังย่ำเหยียบใจมัน! พาลให้มันรู้สึกสะท้านในใจ!!
“เจ้าอย่าได้คิดทำอะไรข้าเชียว! อาจารย์ข้าคืออาวุโสหลี่อัน ท่านอาจารย์ยังเป็นอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของแท่นบูชาเต่าทมิฬ!”
เห็นต้วนหลิงเทียนใกล้เข้ามาทุกที กู่ชุนถึงกับอกสั่นขวัญแขวนกล่าววาจาอย่างร้อนรนอยู่บ้าง
ในตอนนี้คล้ายมันจะลืมเลือนไปเสียสิ้นแล้ว…
ว่าแต่ไหนแต่ไร ต้วนหลิงเทียนไม่เคยหวาดกลัวหลี่อันอาจารย์ของมันเลย!
“ใจเย็นหน่า เจ้าไม่ต้องกลัวข้าฆ่าเจ้าหรอก…เพราะกฏของลัทธิบูชาไฟคงไม่ปล่อยให้ข้าฆ่าเจ้า! ข้าแค่อยากจะสั่งสอนบทเรียนชีวิตให้เจ้าจดจำไว้สักบท!”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเฉยเมยเบาๆ หากแต่มันดังประหนึ่งฟ้าร้องในหูกู่ชุน!
“จะ…เจ้ากล้า!”
และในขณะที่มันกำลังกล่าวออกมาด้วยความกลัวนั้นเอง มันก็ต้องชะงักไปอีกครา เพราะยามนี้อยู่ดีๆ อาณาบริเวณโดยรอบพลันอุบัติโดมแสงสีทองสว่างไสวปานดวงตะวันเจิดจ้าขึ้นมา! อีกทั้งโดมแสงสีทองดังกล่าวแผ่ขยายครอบคลุมฉับไว คล้ายจะกลืนกินร่างของมันหายไป!!
และพริบตานี้ กระทั่งทัศนวิสัยของเหล่าศิษย์โดยรอบก็ถูกโดมแสงสีทองดังกล่าวบดบังหมดสิ้น!
“นี่มันเขตแดนอันใดกันแน่?!”
พวกมันยอมตระหนักได้ว่าโดมแสงสีทองดั่งสนามพลังขุมหนึ่งที่อยู่ๆก็ปรากฏขึ้นมานั้น…เป็นเขตแดนที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออก!
แม้ไม่ทราบว่าเขตแดนอันเป็นแสงสีทองปานตะวันนี้มีพลานุภาพอันใด แต่ที่แน่ๆสามารถบดบังสายตาของพวกมันได้หมดสิ้น!
“เฮ่ยๆ ต้วนหลิงเทียนคงไม่ถึงกับฆ่ามันหรอกนะ?”
เหล่าศิษย์ใหม่อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมาด้วยความตกใจ
“คงไม่หรอก กฏลัทธิบูชาไฟเข้มงวดกวดขันนัก ศิษย์ทะเลาะวิวาทสู้รบกันยังถือเป็นเรื่องปกติ แต่เรื่องฆ่าฟันกระทั่งทำให้พิการเป็นข้อห้ามอันเด็ดขาด! หากไร้คุณงามความดีอันได้ เห็นว่าโทษนั้นยังร้ายแรงถึงขั้นประหารชีวิต!”
ศิษย์คนหนึ่งที่เลื่อมไสศรัทธาลัทธิบูชาไฟมานานกล่าวออก
“น่าเสียดายที่เขตแดนของต้วนหลิงเทียนมันช่างเจิดจ้าเสียเหลือเกิน…ข้ามองมิเห็นจริงๆว่าด้านในเกิดอะไรขึ้น พวกเจ้ามีผู้ใดแลเห็นกันหรือไม่?”
“ข้าเองก็มิเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ข้าสงสัยว่าที่ต้วนหลิงเทียนทำเช่นนี้ใช้เจตนาบดบังสายตาพวกเราหรือไม่…หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ท่าทางกู่ชุนจะโดนดีมิใช่น้อย!”
“ตัวโง่งมใช้บารมีผู้อื่นอวดโอ่เช่นมัน สมควรโดนดีซะบ้าง!!”
……
ในขณะที่เหล่าศิษย์ทั้งใหม่เก่ากำลังสนทนากล่าวความเห็นกันนั้น
โดมแสงสีทองที่อยู่ๆก็ผุดโผล่ขึ้นมาคลุมครอบอาณาบริเวณกินรัศมีร้อยหมี่รอบตัวต้วนหลิงเทียน ก็คือเขตแดนหมื่นกระบี่ที่ต้วนหลิงเทียนเปิดใช้ออกด้วยพลังเซียนสุริยิน ทำให้แสงสีทองยิ่งสว่างคล้ายดวงตะวันมากยิ่งขึ้น
และภายในเขตแดนหมื่นกระบี่ ร่างต้วนหลิงเทียนก็ยืนตระหง่านปานหอกแหลมคม
ส่วนบนพื้นไม่ทราบกู่ชุนมันโดนอะไรกันแน่ แต่บัดนี้นอนหมอบกระแตแน่นิ่งแทบเท้า ปานลูกแกะที่รอเวลาถูกเชือด!
แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้คิดจะฆ่ามันแต่อย่างไร…
เหตุผลที่ต้วนหลิงเทียนกางเขตแดนออกมาก็เพราะมีเจตนาบังตาทั้งปิดกั้นสำนึกเทวะสอดรู้ของผู้คนจริงๆ
“ผู้เฒ่าหั่วหากข้าจะกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของมัน…ข้าต้องทำอย่างไรหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนติดต่อผู้เฒ่าหั่วที่อยู่ในชั้น 1 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเพื่อขอความเห็นทันที
เขาตั้งใจทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่ชุนไปเสีย!
พรสวรรค์รากวิญญาณของกู่ชุนก็คือรากวิญญาณสีเขียว ซึ่งเหนือกว่ารากวิญญาณสีเหลืองของเขาขั้นหนึ่ง!
หากเขาสูบกลืนพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่ชุนได้…ตามทฤษฎีแล้วพรสวรรค์รากวิญญาณของเขาสมควรกลายเป็นรากวิญญาณสีเขียวทันที
หากแต่แน่นอนว่านี่เป็นเพียงทฤษฎีเท่านั้น
ต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะทำได้หรือเปล่ากระทั่งต้องทำอย่างไร ถึงได้ติดต่อไปหาผู้เฒ่าหั่วทันทีแบบนี้
และไม่นานเสียงของผู้เฒ่าหั่วก็ดังขึ้นในหูเขา “ด้วยพลังฝึกปรือของเจ้ายามนี้ยังมิมีทางที่เจ้าจะสัมผัสได้ถึงรากวิญญาณของผู้อื่นด้วยสำนึกเทวะของเจ้าเองเลย…เช่นนั้นข้าจักใช้สัมผัสเทวะของข้าชักนำสำนึกเทวะของเจ้า เพื่อค้นหาพรสวรรค์รากวิญญาณของมัน หลังจากที่พบเจอแล้ว เจ้าก็ใช้ปฐมเวทย์กลืนกินดูดกลืนมันได้ทันที!”
“ได้!”
หลังได้ยินคำชี้แนะของผู้เฒ่าหั่วต้วนหลิงเทียนย่อมเห็นด้วยทันที ขณะเดียวกันยังหวังไว้เป็นอย่างยิ่งว่าวิธีนี้จะได้ผล…เพราะหากเขาทำได้สำเร็จล่ะก็ เขาไม่จำเป็นต้องไปหา ‘ทรัพยากรวิญญาณ’ ที่หาได้ยากเย็นเหล่านั้น!