WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1916
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1916
ตอนที่ 1,916 : ชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ!
“พรสวรรค์รากวิญญาณของข้ายังไม่ได้เปลี่ยนเป็นสีเขียวงั้นเหรอ?”
ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงด้วยความประหวั่นหลังได้ยินคำของผู้เฒ่าหั่ว ‘บ้าน่า พรสวรรค์รากวิญญาณของข้ายังไม่แม้แต่จะเป็นสีเขียวด้วยซ้ำ แต่สัมผัสข้ากลับไวต่อพลังวิญญาณฟ้าดินมากกว่าเดิม 2 เท่าแล้ว!’
‘แล้วนี่ถ้ารากวิญญาณของข้ามันกลายเป็นสีเขียวจริงๆ ไม่ใช่ว่าข้าจะไวต่อพลังวิญญาณฟ้าดินมากกว่านี้งั้นเหรอ!?’
เมื่อคิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะสูดอากาศเข้าเฮือกใหญ่ ทั่วร่างสะท้านขึ้นมาคราหนึ่ง
เขาไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าที่แท้พรสวรรค์รากวิญญาณสีเขียวจะเลิศล้ำเหนือกว่าพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลืองของเขามากมายขนาดนี้!
‘หากกระทั่งรากวิญญาณสีเขียวยังน่าทึ่งขนาดนี้…แล้วรากวิญญาณสีน้ำเงินล่ะ สีครามล่ะ กระทั่งสีม่วงล่ะ จะไม่เร็วหลุดโลกไปเลยรึไง!?’
คิดถึงจุดนี้ลมหายใจของต้วนหลิงเทียนก็ไม่ไหวจะสงบ กลายเป็นฟืดฟาดเร่งร้อนขึ้นทันที!
‘ปฐมเวทย์กลืนกิทำได้สำเร็จแบบนี้ ข้าย่อมสามารถสูบกลืนพรสวรรค์รากวิญญาณผู้อื่นมาส่งเสริมพรสวรรค์รากวิญญาณข้าได้แน่นอน! นั่นหมายความว่าตราบใดที่ข้ายังใช้มันสูบกลืนพรสวรรค์รากวิญญาณของผู้อื่นต่อไป วันหน้าไม่ใช่แค่รากวิญญาณสีเขียว กระทั่งสีน้ำเงิน หรือสีม่วงข้าก็มีได้!’
‘เอาแค่รากวิญญาณสีเขียว ความไวต่อพลังวิญญาณฟ้าดินก็มากกว่าเดิมไม่รู้ตั้งกี่เท่า! แล้วสีอื่นเล่าไม่ไวเป็นจรวดเลยรึไง!?’
‘หากข้ามีรากวิญญาณสีม่วง พร้อมด้วยห้วงเวลาที่ไหลตัวช้าลงสิบเท่าของชั้น 4 เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ…ในอนาคตความเร็วในการบ่มเพาะพลังของข้า ว่ายตามองทั่วแดนดินจะมีใครเทียบได้?’
พอคิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกอื้ออึงทั้งคึกคักอักโขนัก ตอนนี้สองตาถึงกับลุกวาวดั่งดาราสกาวกลางราตรีกาล ในใจเห็นภาพอนาคตที่สดใสอย่างไร้สิ้นสุด!
‘แน่นอนว่าก่อนอื่นเลยต้องหาทางทำให้รากวิญญาณของข้ากลายเป็นสีเขียวให้ได้ซะก่อน…หนทางหมื่นลี้จำต้องเริ่มที่ก้าวแรก!’
หลังจากผ่านไปไม่กี่ลมหายใจ ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็ดึงสติกลับมาได้สำเร็จ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆอีกคราค่อยหันมาตระหนักความเป็นจริงก่อนหน้า ‘พรสวรรค์รากวิญญาณของกู่ชุนมันเป็นสีเขียว…ตามหลักแล้วพรสวรรค์รากวิญญาณของข้าที่มีแค่สีเหลือง พอกลืนกินพลังของมันมาข้าก็น่าจะมีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเขียวทันที…’
‘อย่างไรก็ตามดูเหมือนในระหว่างกระบวนการกลืนกิน พลังบางส่วนของมันกลับสลายหายไปอย่างเสียเปล่าอย่างที่ผู้เฒ่าหั่วบอก เพราะแบบนี้ทำให้พลังของมันหลงเหลืออยู่แทบไม่ถึงครึ่ง รากวิญญาณของข้าจึงไม่กลายเป็นสีเขียว…’
‘แต่ผู้เฒ่าหั่วก็บอกว่าแม้ยังไม่สีเขียว แต่ตอนนี้รากวิญญาณของข้าก็ไม่ใช่สีเหลืองธรรมอีกแล้วมันเป็นสีเหลืองเข้ม…และเห็นได้ชัดว่าสัมผัสข้ากลับไวต่อพลังวิญญาณฟ้าดินมากขึ้น ทำให้รู้สึกว่าพลังวิญญาณฟ้าดินรอบๆกลายเป็นหนาแน่นกว่าเดิมถึง 2 เท่า! ดูเหมือนว่าแม้จะเป็นสีเดียวกันแต่ก็ยังแบ่งออกได้เป็นหลายเฉด สามหกเก้าอะไรทำนองนี้ ในเหลืองก็มีเหลืองอ่อนเหลืองเข้ม’
ต้วนหลิงเทียนครุ่นคิดทบทวนถึงหลายๆสิ่ง
‘ข้าอยากจะเห็นสีหน้าของกู่ชุนนี่ชะมัด ว่าตอนมันตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าพลังวิญญาณฟ้าดินรอบกายร่อยหรอแทบไม่อาจสัมผัส กลายเป็นบ่มเพาะพลังได้เชื่องช้ายิ่งกว่าเต่าคลานแล้วมันจะทำหน้ายังไง! เกรงว่าต่อให้มันหลับก็ยังไม่เคยฝัน ว่าพรสวรรค์รากวิญญาณสีเขียวของมันจะกลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของพรสวรรค์รากวิญญาณข้าไปแล้ว!!’
มองกู่ชุนที่ยังสลบแทบเท้า มุมปากต้วนหลิงเทียนยกยิ้มแสยะออกมาอย่างชั่วร้าย
กลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณทำลายอนาคตชั่วชีวิตกู่ชุนจนย่อยยับเช่นนี้ ต้วนหลิงเทียนไม่แม้แต่จะมีเศษเสี้ยวของความรู้สึกผิด!
เพราะหากปล่อยให้กู่ชุนเติบโตต่อไป ก็รังแต่จะเป็นภัยต่อเขาในวันหน้าเท่านั้น!
ศัตรูน้อยลงอีกคนมีอะไรไม่ดี!
เรียกว่าตอนนี้เขาเสมือนพึ่งบีบคอทารกในเปลจนตาย!
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
…
เพียงห้วงคิดจิตสั่งพลังเคลื่อน กระบี่สีทองมีสภาพนับหมื่นเล่มพลันอุบัติก่อตัวกลางความว่าง ขาขวาขยับคราหนึ่ง หวดเตะร่างกู่ชุนที่นอนไม่ได้สติจนลอยโด่งขึ้นมา ทันใดนั้นกระบี่พลังมีสภาพสีทองจ้าทั้งหมื่นเล่มก็คล้ายปิรันย่าพบพานเนื้อชุ่มเลือด พวกมันกรูกันเข้ามาเชือดเฉือนรุมทึ้งร่างกู่ชุนทันที!
อย่างไรก็ตามกระบี่พลังมีสภาพทั้งหมื่นเล่มไม่ได้ทะลวงทำลายจุดสำคัญหรือหั่นตัดอวัยวะใดมันทั้งสิ้น เพียงแค่แล่เนื้อเถือหนังออกไปเล็กน้อยกรีดเฉือนไปทั่วร่าง จนไม่อาจมองเห็นส่วนใดไม่มีแผลก็เท่านั้น…
“อ๊าคคคค!!”
ท่ามกลางเสียงกระบี่กรีดเนื้อนับพันนับหมื่นครั้ง พลันมีเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเจียนตายดังขึ้น เป็นกู่ชุนที่สิ้นสติก่อนหน้าถูกความเจ็บปวดยากทานรับปลุกขึ้นมา มันอดร่ำร้องปานจะขาดใจออกมาเสียมิได้ คนล้มลงไปดิ้นบนพื้นทันที…
พร้อมกันกับที่กู่ชุนร่วงไปกองกับพื้นดั่งหมูถูกน้ำร้อนลวก เขตแดนหมื่นกระบี่ก็ถูกต้วนหลิงเทียนคลาย
ตอนนี้เองร่างอเนจอนาถหาส่วนที่ยังสมบูรณ์ดีไม่ได้ของกู่ชุน ก็เผยออกมาสู่สายตาเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬที่มาร่วมชมดูอีกครา…
เมื่อเห็นว่าทั่วร่างของกู่ชุนมีแต่แผล โลหิตทะลักออกมาเจิ่งนอง เนื้อตัวเหวอะหวะยับเยินจนไม่อาจมองได้เป็นผู้คน เหล่าศิษย์ทั้งหมดอดขนลุกขึ้นมาเสียไม่ได้ หลายคนก็สูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ รู้สึกสยิวกายด้วยความกลัวจับใจ!
พวกมันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะลงมือได้โหดเหี้ยมอำมหิตแบบนี้!
ถึงแม้ว่าร่างกู่ชุนจะเป็นดั่งผ้าขี้ริ้วชุ่มเลือด แต่แน่นอนว่าบาดแผลเหล่านี้ก็ไม่ถือว่าร้ายแรงถึงตายแต่อย่างไร หากแต่ความเจ็บปวดที่เคี่ยวกรำไปทั้งร่างนั่นคงทำให้คนแทบขาดใจตายแน่แล้ว…
จุดนี้ทุกคนและเห็นได้ชัดเจนจากใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของกู่ชุน!
“อาศัยพลังฝีมือเพียงเท่านี้ คิดจัดการข้าให้หลี่อัน…เจ้ามันประเมินตัวเองสูงไป!”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองกู่ชุนที่นอนดิ้นโอดโอยบนพื้นด้วยสายตาเย็นชากล่าวคำด้วยน้ำเสียงปรามาส ก่อนที่จะเดินเข้าบ้านชั้น 3 และปิดประตูบ้านหน้าตาเฉย…
จนกระทั่งต้วนหลิงเทียนปิดประตูไปพักหนึ่งแล้ว ทุกคนค่อยดึงสติกลับมาอยู่กับเนื้อตัว และหันไปมองกู่ชุนอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าใบหน้ากู่ชุนยังเต็มไปดว้ยความเจ็บปวดถึงขั้นร่ำไห้น้ำตาไหล ดิ้นกระแด่วอยู่บนพื้น ทุกคนจึงอดไม่ได้ที่จะสยิวกายขึ้นมาอีกครา ยังรู้สึกหนาวเยือกจับใจ “ต้วนหลิงเทียนช่างอำมหิตเหลือเกิน สวรรค์! จากวันนี้ยังจะมีผู้ใดกล้าไปหาเรื่องมันอีกเล่า…นั่นคือ ‘คนบ้า’ ที่ไม่กลัวกระทั่งอาวุโสหลี่อันด้วยซ้ำ!”
“ข้าว่าเจ้านั่นมันไม่น่าชื่อต้วนหลิงเทียนนะ…เปลี่ยนเป็นต้วนคุ้มคลั่งเถอะ!”
…
เหล่าศิษย์ใหม่ที่กลับมารู้สึกตัวก็หันหน้ามองสบตากันปริบๆ กล่าวแสดงความเห็นออกมาอย่างผวา ในแววตาแต่ละคนล้วนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
กระทั่งเหล่าศิษย์เก่าก็อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว บางคนก็รู้สึกสยดสยองในใจนัก
ไม่นานหลังจากนั้นฉายา ‘ต้วนคุ้มคลั่ง’ ของต้วนหลิงเทียนที่หาญกล้าแตกหักกับศิษย์ของอาวุโสหลี่อันก็เริ่มแพร่กระจายออกไป จนศิษย์นับหมื่นของแท่นบูชาเต่าทมิฬแทบจะได้ยินกันทุกคน…
แน่นอนว่าทั้งหมดทั้งมวลนั่นต้วนหลิงเทียนไม่ได้รู้เลย
เพราะพลังจากเข้ามาในบ้านชั้น 3 และปิดประตูไม่รับแขกแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็รีบแจ้นไปยังห้องนอนเพื่อเขาไปในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติก่อนอื่นใด “ตั้งแต่ที่ชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติฟื้นฟูสมบูรณ์ข้ายังไม่ว่างเข้าไปดูที…ขอชมหน่อยเถอะ!!”
ตั้งแต่ที่ชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติซ่อมแซมเสร็จ ต้วนหลิงเทียนยังไม่ได้เข้าไปสักครั้ง
แน่นอนว่านี่เป็นเพราะเขาไม่มีโอกาส
มาตอนนี้เขามีที่พักในแท่นบูชาเต่าทมิฬเป็นหลักแหล่งแล้ว แน่นอนว่าสิ่งแรกที่กระทำก็คือการเข้าไปชมดูชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ!
“ให้ตายเถอะ พลังวิญญาณฟ้าดินหนาแน่นชะมัด!”
เพียงแค่ก้าวเท้าขึ้นมาถึงชั้น 4 ได้ไม่ทันไร สิ่งแรกที่ตีเข้าหน้าต้วนหลิงเทียนก็คือพลังวิญญาณฟ้าดินเข้มข้นแน่นหนา!
นับว่าความพลังวิญญาณฟ้าดินของชั้น 4 เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติมันบริบูรณ์พร้อมพรั่งนัก ยังนับว่าหนาแน่นกว่าพลังวิญญาณฟ้าดินในบ้านพักชั้น 3 ที่มีค่ายกลรวมวิญญาณทับซ้อนกันสามค่าย ถึง 2 เท่า!
แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนรู้ดีที่พลังวิญญาณมันหนาแน่นได้ขนาดนี้ก็ต้องขอบคุณบ้านพักชั้น 3 ที่มีค่ายกลรวมวิญญาณทับซ้อนกัน 3 ค่าย!
เมื่อเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติตั้งอยู่ในห้องของบ้านชั้น 3 นั่นหมายความว่ามันจะยึดระดับพลังวิญญาณฟ้าดินในบ้านชั้น 3 เป็นฐาน พาลให้พลังวิญญาณฟ้าดินในเจดีย์มันเพิ่มตามไปด้วย
สำหรับต้วนหลิงเทียนแล้ว เรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องที่ดีงามมากๆ!
“ชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ..”
หลังจากนั้นสองตาต้วนหลิงเทียนก็เริ่มว่ายมองไปรอบๆชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ มองไปทางใดก็พบพานแต่หมอกสลัวๆ และมีเพียงแท่นหินสีดำปานน้ำหมึกที่มีขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กแท่นหนึ่งที่ลอยล่องอยู่กลางชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเท่านั้น…
บนแท่นมีบางสิ่งที่คล้าย ‘ไม่บรรทัด’ วางตั้งอยู่
ไม้บรรทัดนี้ยาวเพียง 3 ฉื่อเท่านั้น มันวางตั้งอยู่บนแท่นหินสีดำปานน้ำหมึกอย่างสงบ หากแต่มีอำนาจดึงความสนใจอย่างประหลาด
เมื่อเห็นไม้บรรทัดดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจหันมองอื่นใดได้อีก
เพราะไม้บรรทัดดังกล่าวไม่ทราบมีเวทมนตร์อันใด มันดึงดูดความสนใจของต้วนหลิงเทียนไปได้อย่างสมบูรณ์!
“นี่น่ะเหรอยอดสมบัติสวรรค์ประจำชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ…บรรทัดจักรวาล!”
วาจาครึ่งประโยคหลังของต้วนหลิงเทียนเผยความตื่นเต้นไม่น้อย แววตายังแลดูเร่าร้อนขึ้นมา
เรื่อง ‘สมบัติทั้ง 7’ ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัตินั้นผู้เฒ่าหั่วได้กล่าวบอกเขาเอาไว้แต่แรกแล้ว และสมบัติประจำชั้นที่ 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติก็คือ…บรรทัดจักรวาล!
นอกจากนี้เท่าที่ผู้เฒ่าหั่วกล่าวบอกเขา ยอดสมบัติที่เก็บอยู่ในเจดีย์นั้น ยิ่งอยู่บนชั้นสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีพลังอำนาจสูงส่งมากขึ้นเท่านั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หอกสวรรค์สงคราม! ที่เก็บอยู่บนชั้น 7 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัตินั้น มีพลังอำนาจไร้เทียมทานสยบพิชิตได้ทั้งแดนสวรรค์!!
(เปลี่ยนหอกนภาสงคราม เป็นหอกสวรรค์สงครามนะ)
พลังอำนาจไร้เทียมทานที่สามารถสยบพิชิตได้ทั้งแดนสวรรค์…นี่มันทรงพลังถึงระดับใดกัน!?
“แต่ก็นะ ถึงบรรทัดจักรวาลนี่แลดูน่าจะเบากว่ากระบี่นิลสวรรค์ แต่ข้าคงไม่มีปัญญายกมันขึ้นมาใช้ได้…”
ปรากฏว่าต้วนหลิงเทียนเดาได้ถูกเผง เขาเกร็งพลังออกแรงจนหน้าเขียวก็ทำได้แค่ยกบรรทัดจักรวาลขึ้นมาจากแท่นหินและถือดูอยู่พักหนึ่งเท่านั้น
แน่นอนว่าการยกขึ้นมาง่ายๆเพียงเท่านี้ก็ทำให้เขาต้องออกแรงจนหายใจแทบไม่ออก!
“นอกจากกระบี่นิลสวรรค์ที่ข้าสามารถใช้ได้เพราะยอดใจกระบี่แล้ว มีเพียงแต่ข้าต้องบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ก่อนเท่านั้นถึงจะใช้ยอดสมบัติในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติที่เหลือได้ แถมกระทั่งต่อให้ทะลวงผ่านไปแล้วก็ไม่แน่ว่าจะมีปัญญาใช้ยอดสมบัติสวรรค์ทั้ง 5 พวกนั้นได้…เพราะจะอย่างไรยอดสมบัติสวรรค์พวกนี้ ปกติก็มีไว้ให้เหล่าผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนอมตะใช้กัน…”
เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็สามารถตระหนักรู้ได้ด้วยตัวเอง
เซียนอมตะ ตัวตนที่เป็นดั่งเทวดาและนางฟ้าในโลกมนุษย์นั้น เป็นตัวตนที่อยู่เหนือขอบเขตเซียนสวรรค์ไปอีกที…
เมื่อผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์บรรลุถึง 9 เปลี่ยน จะสามารถชักนำทัณฑ์สายฟ้าจากสวรรค์ลงมาได้ เมื่อข้ามผ่านหายนะสายฟ้าไปได้สำเร็จทั้งเตรียมความพร้อมเสร็จเมื่อใด ก็จะถือว่าเป็นเซียนอมตะที่แท้จริง
เซียนอมตะนั้น แตกต่างจากมนุษย์อย่างสิ้นเชิง…
เพราะเซียนอมตะนั้นมีชีวิตยืนยาวไร้สิ้นสุด สามารถดำรงอยู่ได้จวบจนสวรรค์และโลกล่มสลายหากไม่ถูกผู้ใดฆ่าตายไปเสียก่อน
แต่แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เซียนอมตะเท่านั้นที่สามารถมีชีวิตนิรันดร์ได้
ในขอบเขตเซียนสวรรค์เอง ตราบใดที่ฝึกฝนบ่มเพาะจนบรรลุถึง เปลี่ยนที่ 7 ‘ฝืนลิขิตสวรรค์’ ได้สำเร็จ ก็จะสามารถมีชีวิตนิรันดร์ได้เช่นกัน
เปลี่ยนที่ 7 ของขอบเขตเซียนสวรรค์นั้น ที่เรียกว่าฝืนลิขิตสวรรค์…เพราะมันเป็นตามนั้นจริงๆ เพราะอายุขัยจะหาได้อยู่ที่สวรรค์ลิขิตอีกต่อไปไม่! ฝ่าฝืนสวรรค์จนเป็นผู้อมตะได้สำเร็จ!!
‘ตอนนี้พรสวรรค์รากวิญญาณของข้าพัฒนาขึ้นมาแล้ว ด้วยสภาพแวดล้อมดีๆแบบนี้ความเร็วในการบ่มเพาะของข้าสมควรเพิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก!’
เมื่อนึกถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ไร้อช้าสืบไป ลอยร่างนั่งขัดสมาธิกลางหาวเริ่มต้นโคจรบ่มเพาะพลังตามเคล็ด 9 มังกรทันที ดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบเข้าร่างอย่างหิวกระหาย!
หลังโคจรบ่มเพาะพลังไปได้ 7 วัน ต้วนหลิงเทียนก็ลืมตาตื่นขึ้นมา และความเร็วในการบ่มเพาะก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกมีความสุขนัก!
‘ความเร็วในการบ่มเพาะเพิ่มขึ้นรวดเร็วถึงขนาดนี้! ด้วยความเร็วในการบ่มเพาะระดับนี้มากที่สุดข้าก็ใช้แค่ 2 ปีเท่านั้น ข้าต้องทะลวงถึงเซียนมนุษย์ขั้นกลางได้แน่!’
สองตาที่ลืมเปิดขึ้นมาของต้วนหลิงเทียน ฉายประกายแห่งความมั่นใจออกมาเจิดจ้าปานดาราสกาว
แน่นอนว่า 2 ปีที่ต้วนหลิงเทียนพูดออกมา ก็หมายถึง 2 ปีในชั้นที่ 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ
และ 2 ปีบนชั้น 4 เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติแห่งนี้ โลกภายนอกก็เพียงราวๆ 2 เดือนเศษเท่านั้น…