WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1918
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1918
ตอนที่ 1,918 : กู่ชุนเป็นบ้า?
“ไม่จริง! เป็นไปไม่ได้!!”
“อีกที…ข้าต้องลองอีกที…ข้าทำได้แน่…มันต้องได้!!”
“พรสวรรค์รากวิญญาณของข้าเป็นสีเขียว ไหนเลยข้าจะมิอาจสัมผัสถึงพลังวิญญาณฟ้าดินได้! เรื่องพรรค์นั้นไม่มีทาง!!”
กู่ชุนที่แทบบ้าสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับอาการตื่นตระหนก ก่อนจะพยายามสัมผัสถึงพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบอีกครั้ง
เนื่องจากมีค่ายกลรวมวิญญาณทับซ้อนกันถึง 3 ค่าย พลังวิญญาณฟ้าดินในบ้านแน่นอนว่าย่อมหนาแน่นกว่าด้านนอกมาก
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ากุ่ชุนจะพยายามจับสัมผัสพลังวิญญาณฟ้าดินอย่างไร มันก็ไม่อาจจับสัมผัสได้เลย ราวกับพลังวิญญาณฟ้าดินได้สาบสูญไปจากโลกหล้าเสียแล้ว!
ตอนนี้มันรู้สึกเสมือนมันไม่ได้อยู่ในบ้านที่มีค่ายกลรวมวิญญาณ แต่เป็นค่ายกลปิดกั้นพลังวิญญาณฟ้าดิน!
“ต้องเกิดเหตุขัดข้องอันใดแน่…ข้าต้องลองต่อ! อีกครั้ง!!”
กู่ชุนเริ่มตื่นตระหนกขึ้นมาอีกรอบ หากแต่มันพยายามกัดฟันระงับสติ และตั้งหน้าตั้งตาสัมผัสถึงพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบอย่างเอาเป็นเอาตาย
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ชนชั้นอัจฉริยะไร้ผู้ต้าน แต่พรสวรรค์รากวิญญาณของมันก็คือรากวิญญาณสีเขียว นับว่าเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป!
ด้วยพรสวรรค์นี้ พลังฝึกปรือในอนาคตของมันถือว่ามีโอกาสสูงที่จะทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์!
เมื่อถึงตอนนั้นหากมันเต็มใจที่จะอยู่ในลัทธิบูชาไฟ มันก็สามารถกลายเป็น ‘ผู้อาวุโสเพลิงทองแดง’ ของลัทธิบูชาไฟได้แน่นอน
กู่ชุนคนนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันมีอนาคตที่สดใสรออยู่!
อย่างไรก็ตามตอนนี้หัวใจของมันกำลังจะจมจ่อมลงไปในห้วงแห่งความสิ้นหวังอยู่รอมร่อ!!
“ได้แล้ว! ข้าสัมผัสได้แล้ว!!”
และในขณะที่กู่ชุนกำลังจะสิ้นหวังหมดแรงใจนั้นเอง มันพลันสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณฟ้าดินได้! จึงรีบชักนำพลังวิญญาณฟ้าดินดังกล่าวเข้าร่างทันที!!
ทว่าวินาทีต่อมาสีหน้าของกู่ชุนก็จำต้องหวาดผวาขึ้นมาอีกครั้ง
เพราะไม่เพียงแต่มันแทบไม่อาจจับสัมผัสถึงพลังวิญญาณฟ้าดินได้ กระทั่งความเร็วในการชักนำพลังวิญญาณฟ้าดินเข้าร่างยังต่ำเตี้ยเรี่ยดิน…กระทั่งหอยทากทะยานหรือเต่าคลานก็แซงได้ทั้งสิ้น!
“เป็นไปไม่ได้! เรื่องพรรค์นี้มันเป็นไปไม่ได้!! ข้ามีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเขียว ความเร็วในการดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินไฉนถึงได้เชื่องช้าเช่นนี้! กระทั่งผู้ที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีแดงยังไม่เชื่องช้าถึงเพียงนี้!!”
กู่ชุนตื่นตระหนกทั้งเสียขวัญนัก
หากแต่มันยังพยายามสัมผัสถึงพลังวิญญาณฟ้าดินและชักนำเข้าร่างไม่หยุด ด้วยหวังว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ
อย่างไรก็ตาม หนึ่งวันผ่านไป สองวันผ่านไป…จนกระทั่งผ่านไปแล้วสามวันสามคืนเต็มๆ ความเร็วในการดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินเข้าร่างของมันก็ยังคงเชื่องช้าไม่แปรเปลี่ยน!!
ตูมมมม!!
เสียงสนั่นลั่นดังขึ้น เป็นกู่ชุนรีบร้อนออกจากบ้านชั้น 3 ถึงขั้นพังประตู!
การกระทำที่ราวกับคุ้มคลั่งดั่งกล่าวยอมดึงดูดความสนใจของผู้ที่ไม่ได้ปิดด่านบ่มเพาะเป็นธรรมดา “นั่นมันกู่ชุนไม่ใช่รึไง? เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน ไฉนมันแลดูลุกลี้ลุกลนทั้งหน้าเสียแบบนั้น…คงไม่ใช่เสียสติไปแล้วหรอกนะ?”
“หรือมันถูกธาตุไฟเข้าแทรกจนอาละวาด?”
“หืม? แล้วนั่นมันลงไปสระน้ำด้านล่างทำอะไร?”
……
ไม่นานเหล่าศิษย์ลัทธิบูชาไฟที่อยู่ในเหตุการณ์ก็แลเห็นกู่ชุนกุลีกุจอพุ่งร่างลงไปยังขอบสระน้ำ ก่อนที่จะก้มลงคุกเข่าเอาหัวชะเง้อมองลงไปในสระ…
ท่าทางของมันทำราวกับเด็กน้อยอยากรู้อยากเห็นว่าในน้ำมีอะไร หรือไม่ก็แลเห็นสมบัติล้ำค่าในน้ำ…
แน่นอนว่าเหล่าศิษย์ทุกคนไม่คิดว่าจะมีสมบัติอะไรในสระน้ำนั่นได้ ถึงแม้ว่าจะมีจริงแต่ไม่พ้นถูกผู้คนเอาไปเนิ่นนานแล้ว ไหนเลยจะเหลือมาถึงมือกู่ชุนได้?
“ข้ายังคงเป็นข้าอยู่! ไม่ผิด…ข้ายังเป็นตัวข้า! แต่ไฉนความเร็วในการดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินของข้าถึงได้เชื่องช้านัก! กระทั่งคนที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีแดงยังไม่ควรเชื่องช้าถึงขั้นนี้…เกิดอันใดขึ้นกัน? ไฉนอยู่ๆถึงเกิดเรื่องพรรค์นี้ได้?”
กู่ชุนยิ่งกระวนกระวายหนักข้อเมื่อเห็นว่าใบหน้าที่สะท้อนในน้ำก็คือใบหน้าของตัวมันเอง
ที่แท้มันคิดว่าใช่วิญญาณของมันหลุดลอยออกจากร่างไปเข้าร่างผู้อื่นหรือไม่? ไม่ก็ถูกคนโยกย้ายวิญญาณเปลี่ยนร่างอะไรไปทำนองนั้น…
แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันยังคงเป็นตัวของตัวเอง ร่างมันเอง ไม่ได้อยู่ในร่างใครอื่น!
ไม่นานกู่ชุนที่กระวนกระวายแทบบ้าก็สามารถสงบใจลงได้
หลังจากที่มันสงบอารมณ์แล้ว ร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นมาในใจของมันทันที
ร่างที่ปรากฏในใจของมันก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นต้วนหลิงเทียนเอง!
“ตั้งแต่ที่ข้าถูกมันทุบตี ข้าก็พักรักษาตัวอยู่ยี่สิบกว่าวันโดยมิได้บ่มเพาะพลังอันใด…วันนี้พอข้าเริ่มบ่มเพาะกลับพบว่าความเร็วในการดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินกลายเป็นเชื่องช้าอย่างยิ่ง!”
คิดถึงจุดนี้กู่ชุนก็ขบเขี้ยวเคี้ยวกันดังกรอดๆ
ครู่ต่อมากู่ชุนก็เร่งไปหาศิษย์โดยรอบทันที เพื่อถามไถ่เรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังสติมันดับวูบไปวันนั้น
มันอยากรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้นใจจะขาด!
เหล่าศิษย์ใหม่แม้จะไม่ชอบขี้หน้ากู่ชุนเท่าไหร่ แต่พวกมันก็ยังกริ่งเกรงกู่ชุนไม่น้อย เพราะอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นศิษย์อาวุโสหลี่อัน หากยังอยู่ในแท่นบูชาเต่าทมิฬไม่มีใครกล้าไม่ให้ความร่วมมือกับกู่ชุน!
“ก่อนที่ข้าจะสิ้นสติ ต้วนหลิงเทียนมันกางเขตแดนเพื่อบดบังสายตาของทุกคน?”
หลังได้ยินเรื่องราวจากปากของเหล่าศิษย์ที่เห็นเหตุการณ์ในวันนั้น ลูกตากู่ชุนอดไม่ได้ที่จะหดเล็กลง ใจยังนึกย้อนกลับไปในวันนั้น
‘สิ่งสุดท้ายที่ข้าจำได้ก่อนที่สติจะดับไปคือมีแสงสีทองบางอย่างสว่างวาบขึ้นตรงหน้า…สมควรเป็นต้วนหลิงเทียนนั่นจงใจเปิดใช้เขตแดนบังตาผู้คน เพื่อไม่ให้ใครเห็นว่ามันทำอะไรกับข้า!’
‘ต้วนหลิงเทียนนั่นดูแล้วพลังฝีมือมันเหนือกว่าข้านัก เช่นนั้นคิดทำร้ายข้าเรื่องเปิดใช้เขตแดนยังเกินจำเป็นไปบ้าง! ที่มันทำเช่นนั้น สมควรเพราะมันมีลับลมคมในบางอย่าง กระทั่งอาจเป็นเรื่องไร้มนุษย์ธรรม! มันจึงหวาดกลัวผู้คนพบเห็น…ดูเหมือนที่ความเร็วในการบ่มเพาะของข้ากลายเป็นเชื่องช้าลง สมควรเป็นเพราะมันเสีย 8 ใน 10 ส่วน!’
ใจของกู่ชุนแทบจะระเบิดความเยียบเย็นออกมาเมื่อนึกถึงเรื่องนี้
ถึงแม้มันไม่ทราบว่าต้วนหลิงเทียนทำอะไรกับมัน แต่ผลที่ตามมาหลังต้วนหลิงเทียนลงมือ ทำให้มันหวาดกลัวจนตัวสั่น!
มันรู้สึกเสมือนรากวิญญาณของมันถูกอีกฝ่ายทำลายไปแล้ว!
หาไม่แล้วไหนเลยความเร็วในการฝึกปรือของมันจะกลายเป็นเชื่องช้าขนาดนี้?
พรสวรรค์รากวิญญาณสีเขียวของมันไหนเลยจะใช้การไม่ได้ขนาดนี้!
เหตุผลที่กู่ชุนสามารถนึกถึงเรื่องที่รากวิญญาณสมควรเกิดปัญหาได้ เพราะมันเองก็รู้ดีว่าความเร็วในการสัมผัส เหนี่ยวนำ และดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดิน…ยังต้องพึ่งพาพรสวรรค์รากวิญญาณ!
ตอนนี้ไม่เพียงมันแทบสัมผัสถึงพลังวิญญาณฟ้าดินไม่ได้ กระทั่งจะชักนำเข้าร่างยังกลายเป็นเชื่องช้าปานหอยทากตะกาย เช่นนั้นรากวิญญาณสมควรมีปัญหาแน่แล้ว!!
แต่เป็นธรรมดาที่มันจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
อย่างไรก็ตามถึงมันไม่รู้ แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวจับใจ!
เพราะในอดีตที่ผ่าน มันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีใครที่สามารถลงมือต่อพรสวรรค์รากวิญญาณได้แบบนี้!
แม้จะเป็นตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ที่สามารถสัมผัสถึงพรสวรรค์รากวิญญาณได้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณโดยไม่ส่งผลกระทบต่อดวงจิตของคนๆนั้น!
ทว่าตอนนี้มันสัมผัสได้ชัดเจนว่าดวงจิตของมันยังอยู่ดีไม่บุบสลายอันใด
‘ข้าหวังว่ามันคงยังไม่ถึงขั้นทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของข้า เพียงแค่ใช้การสะกดอันใดบางอย่าง…หาไม่แล้วอนาคตชั่วชีวิตของข้าคงได้พินาศสิ้นแล้ว’
กู่ชุนลอบอธิษฐานในใจ
ในขณะเดียวกันลูกตามันพลันทอประกายเยียบเย็น ‘ต้วนหลิงเทียน ตราบใดที่ลูกพี่ลูกน้องของข้ามาถึง เจ้าจักต้องตกตายไร้ที่ฝัง! ก่อนที่เจ้าจะตายข้าจะสับร่างเจ้าเป็นพันชิ้น ให้เจ้าได้ลิ้มรสความเจ็บปวดที่สุดในโลกหล้า!!’
‘นอกจากนี้ข้าก็ยังมิลืมสหายทั้ง 2 นั่นของเจ้า…ข้าจำหน้าพวกมันได้หมดแล้ว! ตราบใดที่พวกมันผ่านการประเมินของแท่นบูชาอื่นใดใน 3 แท่นที่เหลือ ขอเพียงยังอยู่ในลัทธิบูชาไฟพวกมันได้ตายแน่! หากพวกมันจะโทษ ก็ต้องโทษที่พวกมันรู้จักกับเจ้า!!’
ใจของกู่ชุนเดือดดาลขึ้นมาด้วยโทสะ ยังลุกโหมขึ้นมาปานเพลิงไฟ!
จังหวะนี้กู่ชุนไม่เพียงจะไม่เสียใจที่ไปหาเรื่องต้วนหลิงเทียนก่อน แต่ยังกระฟัดกระเฟียดอยากล้างแค้นต้วนหลิงเทียนให้ได้!
สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นกับพรสวรค์รากวิญญาณนั้น ในหัวมันมั่นใจว่าต่อหน้าอาจารย์ของมัน หลี่อัน ผู้เป็นอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของแท่นบูชาเต่าทมิฬ! ต้องสามารถช่วยมันได้แน่นอน!!
‘หากพรสวรรค์รากวิญญาณของข้าถูกเจ้าทำลายไปแล้วจริงๆ…ไม่ว่าเจ้าหรือสหาย ข้าจะให้ทั้งหมดตกตายอย่างทรมาน! ข้าจะค่อยๆแล่เนื้อพวกเจ้าแล้วโยนให้สุนัขกินต่อหน้าพวกเจ้า!!’
กู่ชุนกลับกลายเป็นเหมือนคนคลั่งขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อนึกถึงเรื่องที่พรสวรค์รากวิญญาณของมันอาจถูกต้วนหลิงเทียนทำลายไปแล้วจริงๆ
“ไปหาท่านอาจารย์ก่อนดีกว่า”
หลังจากที่พยายามระงับอาการคุ้มคลั่ง กู่ชุนก็เหินร่างออกจากเขตที่พักของศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬอย่างไร้ลังเล มุ่งหน้าไปยังส่วนนตะวันออกของแท่นบูชาเต่าทมิฬเพื่อหาหลี่อัน อาจารย์ของมันทันที
“เจ้าไฉนแลดูรีบร้อนแตกตื่นนัก?”
หลี่อันขมวดคิ้วเมื่อเห็นสารรูปของกู่ชุนอันมีใบหน้าเต็มไปด้วยความกระวนกระวายท่วงท่ารีบร้อนคล้ายตื่นตระหนก ในแววตายังเผยความไม่พอใจขึ้นมา
กล่าวตามความสัตย์จริงหากเลือกได้มันไม่มีวันรับคนที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเขียวเป็นศิษย์เด็ดขาด!
ทว่าอีกฝ่ายกลับเสนอเงื่อนไขที่ตัวมันยากจะปฏิเสธได้ลงคอ
และนั่นก็คือ กู่ชุนจะให้ลูกพี่ลูกน้องกราบตัวมันหลี่อันเป็นอาจารย์!
และจากที่กู่ชุนบอก พรสวรรค์รากวิญญาณของลูกพี่ลูกน้องคนนี้คือ ‘รากวิญญาณสีน้ำเงิน’ อีกทั้งพลังฝึกปรือตอนนี้ยังขาดเพียงก้าวเดียวบรรลุเซียนนภา!
ที่สำคัญคือลูกพี่ลูกน้องที่ว่า อีกไม่นานก็จะเดินทางมาถึงลัทธิบูชาไฟแล้ว!
ลัทธิบูชาไฟมีกฏลอยอยู่ข้อหนึ่ง
ผู้ใดก็ตามที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินหรือกระทั่งสูงกว่านั้น สามารถเข้าร่วมลัทธิได้ตลอดเวลาและกลายเป็นศิษย์ของลัทธิ!
นี่คือกฏลอยของลัทธิบูชาไฟ ที่มีส่วนทำให้ลัทธิบูชาไฟมียอดฝีมือมากมาย
ภายในลัทธิบูชาไฟแห่งนี้ผู้ที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงิน ต่อให้เป็นอาวุโสเพลิงทองยังรู้สึกยั่วใจใคร่รับเป็นศิษย์ ไม่ต้องกล่าวถึงอาวุโสเพลิงเงินเลย!
ตัวมัน หลี่อันเป็นผู้อาวุโสเพลิงเงินของลัทธิบูชาไฟมานับพันๆปี หากแต่ศิษย์ของมันที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินก็มีอยู่กันแค่ 3 คนเท่านั้น!
ดังนั้นพอได้ยินกู่ชุนสัญญาว่าจะขอให้ลูกพี่ลูกน้องกราบมันเป็นอาจารย์ มันก็เห็นด้วยกับคำขอของกู่ชุนที่คิดอาศัยอยู่ใต้ปีกของมันในฐานะศิษย์
ในสายตาของมันนั้นทั้งหมดเพียงเพื่อลูกพี่ลูกน้องของกู่ชุนเท่านั้น
สำหรับกู่ชุนมันคิดเสียว่าเป็นตัวแถม!
“ท่านอาจารย์ ข้าขอรบกวนท่านให้ช่วยตรวจสอบพรสวรรค์รากวิญญาณของข้าที…สมควรมีบางอย่างผิดปกติกับพรสวรรค์รากวิญญาณของข้า”
กู่ชุนมองหลี่อันด้วยสีหน้าตื่นตระหนก เร่งถามขอความช่วยเหลือออกมาอย่างหวั่นใจ
“ตรวจสอบพรสวรรค์รากวิญญาณ? พรสวรรค์รากวิญญาณเจ้าจักมีอันใดผิดปกติได้อย่างไร?”
ได้ยินคำของกู่ชุนหลี่อันไม่เพียงไม่ลงมือกระทำ ยังหน้านิ่วคิ้วขมวดถามกลับทันที
ในฐานะยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ หลี่อันย่อมรู้ดี
ถึงแม้พรสวรรค์รากวิญญาณของผู้คนอาจเกิดปัญหาได้ แต่ทว่าไม่มีทางที่คนๆนั้นจะยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้เด็ดขาด!
ทว่ากู่ชุนที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ยังแลเป็นปกติดี!