WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1919
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1919
ตอนที่ 1,919 : ผู้มาไม่ดี
พรสวรรค์รากวิญญาณของผู้คนนั้น มันดำรงอยู่ในส่วนลึกของดวงจิต!
โดยทั่วไปแล้วต่อให้เป็นสุดยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ ที่แม้แต่จะทะลวงถึงเปลี่ยนที่ 9 เปลี่ยนสู่สวรรค์ไปแล้ว ก็ยังไม่มีพลังอำนาจยุ่งเกี่ยวอะไรกับพรสวรรค์รากวิญญาณของผู้คนโดยที่ไม่ส่งผลกระทบต่อดวงจิตของผู้คนนั้นๆ!
เพราะเมื่อพรสวรรค์รากวิญญาณของใครถูกทำลาย ดวงจิตของคนผู้นั้นก็จะแตกสลายไปด้วย!
เว้นเสียแต่ว่าจะมีกลวิธีพิเศษอันใด ที่สามารถยุ่งเกี่ยวกับพรสวรรค์รากวิญญาณได้โดยตรง
ทว่ากลวิธีดั่งลักฟ้าเปลี่ยนสวรรค์นั้น เป็นอะไรที่ดำรงอยู่ก็แต่ในตำนานปรัมปราเท่านั้น…
อย่างน้อยๆตลอดชั่วชีวิตของหลี่อัน มันก็ไม่เคยได้ยินว่ามีใครที่มีความสามารถเลิศล้ำเช่นนั้นมาก่อน!
“ท่านอาจารย์ข้ารู้สึกว่า ตัวข้าหาได้ไวต่อพลังวิญญาณฟ้าดินเหมือนกาลก่อนไม่ กระทั่งยังชักนำพลังวิญญาณฟ้าดินเข้าร่างเพื่อบ่มเพาะแทบมิได้ ต่อให้เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณต่ำต้อยก็ไม่มีทางเป็นแบบนี้…เหมือนกับพรสวรรค์รากวิญญาณของข้ามันหายไป…ท่านอาจารย์ท่านลองตรวจสอบข้าดูเถอะ ไม่ใช่ว่าหากมีความผิดปกติอันใดกับพรสวรรค์รากวิญญาณของข้า ท่านจะสามารถพบได้ทันทีหรือ?”
เมื่อเห็นหลี่อันเผยสีหน้าไม่เชื่อ กู่ชุนก็ทำได้แค่อธิบายเรื่องราวออกมาด้วยใบหน้าขมขื่น ร้องขอให้หลี่อันทำการตรวจสอบอีกครั้ง
“ว่าอะไร?”
หลี่อันตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินคำของกู่ชุน แถมจากสีหน้าอีกฝ่ายก็คล้ายจะไม่ได้พูดโกหก!
ยิ่งไปกว่านั้นมันเชื่อว่ากู่ชุนไม่กล้าโกหกมัน!
“อย่าได้ต่อต้านสำนึกเทวะของข้า!”
ทันใดนั้นหลี่อันก็แผ่สำนึกสติเข้าสู่ร่างของกู่ชุนทันที ดำดิ่งลงสู่ดวงจิตของกู่ชุน
ในฐานะที่เป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์แล้ว สำนึกเทวะของหลี่อันก็มีพลังมากพอจะรู้ว่าพรสวรรค์รากวิญญาณอยู่ตรงไหนและมีสีอะไร
อย่างไรก็ตามหลังหลี่อันแผ่สำนึกเทวะล่วงลึกถึงใจกลางดวงจิตกู่ชุน มันกลับพบเพียงแต่ความว่างเปล่า ไม่อาจพบแม้แต่ร่องรอยใดๆของพรสวรรค์รากวิญญาณได้เลย…
สุดท้ายมันก็ได้คำตอบอันน่าอัศจรรย์ใจประการหนึ่ง…
ในดวงจิตของกู่ชุน กลับไม่มีพรสวรรค์รากวิญญาณดำรงอยู่!
“เรื่องพรรค์นี้มันจักเป็นไปได้อย่างไร?”
หลังจากคืนสติกลับมารู้ตัว หลี่อันพลันชักสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันใด ลูกตายังหดหยีเผยความหวาดหวั่น
ขณะเดียวกันในใจมันก็ปั่นป่วนดังมีห่ามรสุมเข้า!
กู่ชุนเคยมีพรสวรรค์รากวิญญาณ เรื่องนี้มันมั่นใจได้เต็มสิบส่วน!
เพราะเมื่อไม่นานมานี้ กู่ชุนก็เข้าร่วมการประเมินพรสวรรค์รากวิญญาณ กระทั่งทดสอบพรสวรรค์รากวิญญาณด้วยลูกแก้ววิญญาณ จนเผยรากวิญญาณสีเขียวต่อหน้าต่อตาของมัน…
แต่มาวันนี้สึกนึกเทวะของมันกลับหาพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่ชุนไม่พบ!!
ด้วยวิธีนี้สมควรมีความเป็นไปได้เพียง 2 ประการเท่านั้น…
ประการแรก พรสวรรค์รากวิญญาณของกู่ชุนมันไม่ได้อยู่ในดวงจิตเหมือนผู้อื่น แต่สถิตย์อยู่ที่อื่น
ประการที่สอง พรสวรรค์รากวิญญาณของกู่ชุนหายไปแล้ว!
ในสายตาของหลี่อัน ความเป็นไปได้ทั้ง 2 ประการล้วนเป็นเรื่องเหลวไหลนัก!
ประการแรกนั้น มันก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีใครที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสถิตย์อยู่ที่อื่นนอกจากดวงจิต ประการที่สองมันยิ่งไม่เคยได้ยินว่าจะมีใครที่อยู่ๆพรสวรรค์รากวิญญาณหายไปแบบนี้แล้วยังมีชีวิตอยู่ได้!
เมื่อเห็นว่าหลี่อันอุทานออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม หน้าของกู่ชุนพลันเปลี่ยนสีกลับกลายครั้งใหญ่ ใจคอยังรู้สึกไม่ดีเลย…หากแต่ยังไม่กล้ากล่าวทักรบกวนหลี่อัน
จนเมื่อเห็นว่าหลี่อันกลับเงียบไปอยู่เนิ่นนานแล้ว ในที่สุดมันก็อดไม่ได้ที่จะเรียกหาออกมา “ท่านอาจารย์…”
อย่างไรก็ตามมันพึ่งอ้าปากกล่าวคำไม่ทันได้จบประโยค หลี่อันพลันกล่าวขัดออกมาเสียก่อน
“เจ้าลองทดสอบอีกครั้ง”
ขณะกล่าวหลี่อันยังสะบัดมือเบาๆ พลันปรากฏลูกแก้วกลมใสลูกหนึ่งผุดจากความว่างมาลอยล่องกลางอากาศ เป็นลูกแก้ววิญญาณที่ใช้ทดสอบพรสวรรค์รากวิญญาณ!
เมื่อเห็นการกระทำดังกล่าวของหลี่อัน กู่ชุนไม่ทราบเพราะอะไร แต่ใจคอที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ยิ่งกลายเป็นเลวร้ายหนักข้อ! สังหรณ์อัปมงคลประการหนึ่งผุดขึ้นในใจ!!
อย่างไรก็ตามสุดท้ายกู่ชุนยังคงกัดฟันระงับอารมณ์ปั่นป่วน ยื่นมือที่สั่นระริกเอื้อมออกไปวางทาบบนลูกแก้ววิญญาณเบื้องหน้า
ครู่ต่อมากู่ชุนถึงกับกลั้นหายใจ สองตาจับจ้องมองเพ่งลูกแก้ววิญญาณตาเขม็ง รอคอยเวลาอย่างเงียบงัน…
หนึ่งลมหายใจผ่านไป…
สองลมหายใจผ่านไป…
สามลมหายใจผ่านไป…
…
จนเมื่อครบ 10 หายใจกู่ชุนถึงกับสูดอากาศเข้าดังฟืดด้วยความตื่นเต้นลุ้นระทึก มองจ้องไปยังลูกแก้ววิญญาณไม่วางตา ใจเต้นรัวปานจะระเบิดออกมานอกอก!
“หืม?”
อย่างไรกู่ชุนจำต้องประหลาดใจอีกครั้ง เพราะเมื่อครบ 10 หายใจแล้วแท้ๆ แต่ลูกแก้ววิญญาณยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอันใดทั้งสิ้น!
“ท่านอาจารย์นี่มัน…”
จังหวะนี้ใจกู่ชุนอดคิดไปไม่ได้ว่าลูกแก้ววิญญาณลูกนี้ใช่เจ๊งแล้วหรือไม่?
อย่างไรก็ตามไม่ทันที่มันจะได้ถามอะไร ก็เห็นหลี่อันเอามือวางทาบบนลูกแก้วบ้าง และหลังจากรออีก 10 ลมหายใจ ลูกแก้ววิญญาณพลันเรืองแสงสีน้ำเงินขึ้นมา พาลให้หน้าของมันเปลี่ยนสีกลับกลายทันที!
จังหวะนี้ใจของกู่ชุนย่อมตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่างรางๆ แผดเสียงร่ำร้องออกมาดังลั่นในใจ ‘ไม่! ไม่จริง…เป็นไปไม่ได้! เรื่องแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้!!’
“หากข้าเดาไม่ผิด…พรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าหายไปแล้ว”
ในขณะที่ใจกู่ชุนกำลังร่ำร้องเสียงหลง เสียงของหลี่อันพลันดึงขึ้นอย่างประจวบเหมาะกล่าวคำออกมาเสียงเรียบ หากแต่เป็นดั่งคำตัดสินมอบโทษประหารให้แก่กู่ชุน
ปงงง!!
วาจานี้ของหลี่อันได้พังปราการสุดท้ายในใจของกู่ชุนจนแหลกสลาย ทำให้กู่ชุนถึงกับพังทลายล้มครืน ร่างของมันเสมือนสิ้นไร้เรี่ยวแรงทรุดลงไปนั่งกองกับพื้นอย่างอิดโรย
“ไฉนถึงเป็นเช่นนี้?”
“ไฉนถึงเป็นเช่นนี้ไปได้?”
“พรสวรรค์รากวิญญาณของข้าหายไป…ข้ากลายเป็นตัวไร้ค่าแล้ว! ข้าเป็นตัวไร้ค่าแล้ว!!”
กู่ชุนที่ทรุดตัวล้มลงกล่าวคำออกมาด้วยน้ำเสียงปานจะขาดใจ ในแววตาปวดปร่าสิ้นหวัง เปี่ยมล้นไปด้วยความไม่ยินยอมพร้อมใจถึงขีดสุด
“เกิดอันใดขึ้นกับพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้ากันแน่? บอกข้า ไฉนอยู่ดีๆมันถึงได้หายไป?”
จนเมื่อเสียงของหลี่อันดังขึ้น กู่ชุนจึงค่อยๆสงบจิตสงบใจลง
หลังจากที่สงบอารมณ์จนกลับมาครองสติได้แล้ว ร่างของต้วนหลิงเทียนพลันปรากฏขึ้นในใจกู่ชุนอีกครั้ง มันกัดฟันกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเล็ดรอดไรฟัน “ต้วนหลิงเทียน! ทั้งหมดเป็นเพราะต้วนหลิงเทียน! เป็นมันที่ทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของข้า!!”
ในที่สุดมันก็โพล่งกล่าวออกมา!
เดิมทีหลี่อันคิดว่ากู่ชุนต้องประสบอุบัติเหตุอันใดมาแน่ ถึงได้เสียรากวิญญาณไปแบบนี้
แต่พอมาได้ยินคำตอบของกู่ชุน คิ้วหลี่อันพลันขมวดย่นยู่ทันที สีหน้ายังแปรเปลี่ยนไปเป็นอึมครึม กล่าวถามออกด้วยน้ำเสียงน่ากลัว “ต้วนหลิงเทียน?”
“เป็นมัน! ต้องเป็นสารเลวต้วนหลิงเทียนนั่นที่ทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของข้าแน่!!”
กู่ชุนถึงกับคำรามร้องออกมาอย่างโกรธแค้น ยังถลันตัวเข้าไปกอดขาของหลี่อันเอาไว้ราวกับคว้าฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย กล่าววิงวอนออกมาทั้งน้ำตาคลอหน่วย “ท่านอาจารย์! ท่านต้องล้างแค้นให้ข้า! ท่านต้องช่วยข้าล้างแค้นมัน!!”
“ข้าอยากให้ต้วนหลิงเทียนตาย ข้าอยากจะสับร่างของมันให้เป็นพันหมื่นชิ้นเอาให้ร่างมันสลายกลายเป็นธุลีดิน! ข้ายังอยากจับสหายทั้ง 2 ของมันมาแล่เนื้อให้สุนัขรับประทานทีละชิ้นๆจนตาย!!”
กู่ชุนร่ำร้องออกมาไม่หยุดปาก คล้ายจะคำรามโพล่งความปวดร้าวในใจจากการสูญเสียพรสวรรค์รากวิญญาณออกมาให้หมด
การสูญเสียพรสวรรค์รากวิญญาณไปแบบนี้ นั่นหมายถึงหนทางแห่งการบ่มเพาะฝึกตนได้ถูกตัดขาดลง…หนทางเป็นอมตะจบสิ้นแล้ว!
เพราะตอนนี้มันยังมีความสามารถไม่เท่าคนที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีแดงด้วยซ้ำ! ดั่งมันจะถูกลิขิตให้อยู่ในขอบเขตเซียนปฐพีขั้นต้นไปชั่วชีวิต!!
เรื่องนี้จะให้ตัวมันที่เคยเปี่ยมล้นไปด้วยความฝันทำใจรับไหวได้อย่างไร!!
“ที่แท้เกิดอันใดขึ้นกันแน่?! พูด!!”
หลี่อันกล่าวออกเสียงเข้มเบาๆ หากแต่คล้ายแฝงเร้นไปด้วยเวทมนตร์อันยิ่งใหญ่ สามารถครอบงำทับเสียงร่ำร้องโวยวายของกู่ชุนได้ชะงัด
“ท่านอาจารย์ ต้วนหลิงเทียนมัน…”
กู่ชุนเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่ได้รับฟังจากปากศิษย์ใหม่ที่อยู่ในเหตุการณ์ออกมาหมดสิ้น
กระทั่งยังบอกถึงต้นตอเรื่องราวทั้งหมด
“มันจงใจเปิดใช้เขตแดนประหลาดนั่นเพื่อบดบังสายตาของผู้คนมิผิดแน่! เป็นมันที่ต้องใช้กลวิธีชั่วร้ายบางประการที่มิอาจให้คนอื่นแลเห็นได้ทำร้ายข้า…เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับการที่พรสวรรค์รากวิญญาณของข้าหายไป!!”
กู่ชุนที่กัดฟันแน่น เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดออกมาจนจบ
“ไม่ผิดที่จะคิดไปในทางนี้…ดูเหมือนว่าจะมากจะน้อยการหายไปของพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้า ต้วนหลิงเทียนนั่นสมควรมีเอี่ยวด้วยแน่!”
ลูกตาหลี่อันเผยประกายเย็นเยียบพุ่งแผ่ออกมา
“ท่านอาจารย์ ท่านต้องช่วยข้าล้างแค้นมัน!!”
กู่ชุนมองหลี่อันด้วยใบหน้าเศร้าโศก ยังกล่าวร้องขอออกมาด้วยสายตาเปี่ยมความหวัง
“อย่าได้กังวลไป! หากเรายืนยันได้ว่าเป็นต้วนหลิงเทียนทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าจริงๆ มันตายแน่!”
หลี่อันกล่าวออกเสียงเย็น
“เรื่องนี้ยังไม่ชัดเจนอีกหรือ?”
กู่ชุนขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินว่าหลี่อันคิดยืนยันเรื่องนี้ก่อน
อย่างไรก็ตามเสียงถามของมันพึ่งดังจบคำ มันก็รู้สึกว่าร่างกายเบาหวิวเสมือนขนนก เป็นหลี่อันที่หอบหิ้วพามันเหินร่างไปยังส่วนตะวันตกของแท่นบูชาเต่าทมิฬด้วยความเร็วสูง
“ต้วนหลิงเทียน!!”
แม้จะยังอีกไกลกว่าที่จะไปถึงส่วนที่พักของเหล่าศิษย์ ทว่าหลี่อันกลับคำรามออกมาด้วยโทสะดังลั่น!
เสียงเปี่ยมโทสะดังกล่าวยังควบผสานไปกับพลังอำนาจน่ากลัวขุมหนึ่ง พาลให้ดังสนั่นลั่นปานฟ้าร้องในหู!
ชั่วพริบตามันก็กึกก้องกังวานไปทั่วทั้งเขตที่พักของเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬ!
ทันใดนั้นเหล่าศิษย์ของแท่นบูชาเต่าทมิฬทุกคน ขอเพียงไม่ได้ออกไปฝึกฝนเคี่ยวกรำตัวเองด้านนอก แม้จะปิดด่านบ่มเพาะอยู่ก็ยังได้ยินเสียงนี้ของหลี่อัน!!
กระท่อมชั้น 4 เบื้องล่างปรากฏเหล่าศิษย์มากมายนับพันๆทยอยกันเปิดประตูออกมาจากกระท่อมแล้วเหินร่างขึ้นมาปานเมฆดำทะมึนเพื่อชมดูเรื่องราว
ส่วนบ้านชั้น 3 ศิษย์หลายร้อยก็ค่อยๆเปิดประตูออกมาชมดูเรื่องราวเช่นกัน
เรื่องชั้น 2 เองก็ทยอยกันออกมาหลายสิบ
สำหรับตำหนักเอกอุด้านบนสุดนั้น ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวอะไร
“เกิดอันใดขึ้นกัน?”
“ต้วนหลิงเทียนไปยั่วโทสะผู้ใดเข้าอีกเล่า?”
“ว่าแต่ไฉนเสียงนี้ข้าฟังแล้วคุ้นหูนักนะ…”
……
เพราะเสียงของหลี่อันดังกังวานมาถึงก่อนที่คนจะปรากฏตัว เหล่าศิษย์ที่ตกใจจนออกมาชมดูเรื่องราวจึงอดไม่ได้ที่จะสับสนเมื่อไม่เห็นคน ได้แต่คาดเดากันไปเรื่อย…
“ข้าจำได้แล้ว! เสียงนี่มันเป็นเสียงของผู้อาวุโสหลี่อันไม่ผิดแน่!!”
ศิษย์ที่พึ่งออกจากบ้านชั้น 3 คนหนึ่งพลันตะโกนออกมาด้วยสายตาลุกวาว เมื่อจดจำได้ว่าเสียงนี้เป็นเสียงของใคร
ถึงแม้เสียงมันจะไม่ถึงกับดังก้องไปทั่ว แต่ผู้คนนับร้อยๆที่อยู่ใกล้ๆมันก้ได้ยินชัดถนัดหู
จากหนึ่งเป็นสิบจากสิบเป็นร้อย บอกต่อๆกันไปปากต่อปาก!
หลังจากนั้นไม่ทันไรเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬที่ออกจากที่พักมาด้วยความสนใจ ก็ได้รับทราบว่าใครเป็นเจ้าของเสียงเปี่ยมโทสะดังกล่าว…ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นอาวุโสหลี่อัน อาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 แห่งแท่นบูชาเต่าทมิฬ!!
ในแท่นบูชาเต่าทมิฬแห่งนี้ ฐานะของหลี่อันกล่าวได้ว่าเป็นรองก็แต่เพียงจ้าวแท่นบูชาเต่าทมิฬเท่านั้น อยู่ใต้หนึ่งอยู่เหนือนับหมื่น!!
“ต้วนหลิงเทียนไปก่อเรื่องอันใดมาอีกแล้วเล่า อาวุโสหลี่อันถึงกับบุกมาถึงหน้าประตูเช่นนี้!?”
เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬหลายต่อหลายคนหันมองสบตากันด้วยความตกใจ บ้างก็เผยแววตาหวั่นกลัว
พวกมันไม่คิดไม่ฝันจริงๆ ว่าศิษย์ที่พึ่งเข้ามาแท่นบูชาเต่าทมิฬได้ไม่ทันไร กลับทำให้อาวุโสหลี่อันของพวกมันมีโทสะครั้งแล้วครั้งเล่า!
“ถึงขั้นที่อาวุโสหลี่อันบุกมาถึงหน้าประตูเช่นนี้ เห็นทีจะมิใช่แค่เรื่องเล็กน้อยแน่! ท่าทางคราวนี้ต้วนหลิงเทียนจะถึงวาระแล้วล่ะ!!”
“ท่าทางดวงต้วนคุ้มคลั่งจะกุดซะแล้ว…”
เหล่าศิษย์กล่าวออกความเห็นกันอย่างอื้ออึง
หลังจากนั้นภายใต้สายตาของเหล่าศิษย์นับพันๆ ร่างหนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกันกับกู่ชุน!
ก่อนมาถึงตรงนี้หลี่อันก็ปล่อยให้กู่ชุนเหาะเอง และมันก็ลอยร่างติดตามมาด้านหลังเงียบๆ
ถึงแม้กู่ชุนจะลอยร่างอยู่ด้านหลังหลี่อัน หากแต่ดวงตาของมันกลับจดจ้องไปยัง บ้านชั้น 3 หลังหนึ่งในบรรดาพันหลัง แววตายังเต็มไปด้วยเพลิงแค้นแสนเกลียด!
และบ้านพักชั้น 3 หลังนั้นก็ไม่ใช่ของใครที่ไหน เป็นของต้วนหลิงเทียนที่มันทนรอฆ่าอีกฝ่ายให้ตายแทบไม่ไหวแล้ว!
“หลี่อันรึ?”
ในขณะเดียวกันนั้น ต้วนหลิงเทียนที่อยู่ในชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติก็ถูกปลุกขึ้นมาจากภวังค์ณาน เมื่อได้รับทราบการมาถึงของหลี่อัน…