WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1920
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1920
ตอนที่ 1,920 : บุกมาคาดโทษ!
“มันมาทำอะไร?”
ได้ยินเสียงนี้ของหลี่อันต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย หยุดทำความเข้าใจเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬทันที
จนถึงตอนนี้เวลาที่เข้าใช้ในชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเพื่อตีความปราการเต่าทมิฬก็ปาเข้าไปครึ่งปีดีดักแล้ว!
อย่างไรก็ตามแม้จะผ่านไปถึงครึ่งปี หากแต่เขาก็เพียงตีความได้เล็กน้อยราวกับ ‘ขนอุย’ พึ่งขึ้น
หากแต่กับอีแค่ ‘ขนอุย’ ของเขา ลองศิษย์ของแท่นบูชาเต่าทมิฬได้รับทราบล่ะก็ ไม่รู้ว่าจะมีกี่คนที่ขนลุกเกรียวขึ้นมา!
ทว่าต้วนหลิงเทียนกลับไม่ได้พอใจแม้แต่นิดเดียว!
ในอดีตไม่ว่าจะเป็นเวทย์พลังอันใด เขาใช้เวลาตีความกระทั่งเข้าใจถึงขั้นเพาะสร้างได้ในเวลาอันสั้นทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเวทย์พลังระดับสูงอย่าง ‘ปฐมเวทย์กลืนกิน’ หรือ ‘เซียนอมตะข้ามภพ’ ก็ตาม
อย่างไรก็ตามเขาที่จมจ่อมอยู่กับปราการเต่าทมิฬกลับทำได้แค่ ‘ขนอุย’
เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้สึกขัดใจ กระทั่งบังเกิดความไม่พอใจอย่างช่วยไม่ได้!
ยังดีที่ผู้อื่นไม่ทราบว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนมีความเข้าใจในปราการเต่าทมิฬถึงระดับดังกล่าวแล้ว หากได้รับทราบล่ะก็ น่ากลัวว่าคนที่ใช้เวลาทำความเข้าใจมานานกว่าสิบปีแต่ไม่ได้อะไร คงได้ตาแดงก่ำเจียนร่ำไห้กันบ้าง!
และหากพวกมันได้รู้ว่า…ขนาดนี้แล้วในหัวของต้วนหลิงเทียนยังเต็มไปด้วยความไม่พอใจล่ะก็ ไม่แคล้วคงได้มีโมโหจนรู้สึกอยากทุบตีผู้คนขึ้นมาตงิดๆ!
“ท่าจะมาเพราะเรื่องของกู่ชุนสินะ…”
ประกายหนึ่งสว่างวาบขึ้นในใจต้วนหลิงเทียน เขาเดาได้ทันทีว่าที่หลี่อันมาเยือนเป็นเพราะเรื่องอะไร
หากแต่นี่ก็เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น
อย่างไรก็ตามถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะทราบว่าที่ดีไม่มาที่มาไม่ดี ทว่าใบหน้าของเขายังคงสงบนิ่งเฉยเมยคล้ายไม่ยี่หระอันใดทั้งสิ้น ประหนึ่งให้ไท่ซานถล่มลงตรงหน้าก็ไม่ไหวติง
วูบ!
เท่าทันความคิด ร่างต้วนหลิงเทียนวูบออกจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติทันที
หลังออกจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมับติแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เดินไปเปิดประตูบ้านพักชั้น 3 อย่างไม่รีบไม่ร้อน
ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนเปิดประตูออกมา เขาก็สัมผัสได้ถึงสายตาของผู้คนนับพันๆคู่หันมองจ้องมาที่เขาเป็นสายตาเดียวกัน
ท่ามกลางสายตาเหล่านั้น มีสายตา 2 คู่ที่แลดูจะพิเศษกว่าชาวบ้านเขา
เพราะดวงตาทั้ง 2 คู่นี้ยามที่จ้องมองมา กลับเต็มไปด้วยความเยียบเย็น กระทั่งยังระอุไปด้วยจิตสังหารอย่างไม่อาจปกปิด!
ไม่ต้องเงยหน้าไปมองดูต้วนหลิงเทียนก็รู้ได้ทันทีว่าเจ้าของสายตาสองคู่ดังกล่าวเป็นใคร!
มันต้องเป็นหลี่อันกับกู่ชุนแน่!!
เหตุผลที่ทำให้เขาสามารถคาดเดาได้ง่ายดายนักก็ไม่ใช่อะไรอื่น เพราะตั้งแต่เขามาที่แท่นบูชาเต่าทมิฬแห่งนี้เขาก็ไม่ได้มีความบาดหมางกับใครอื่นอีก นอกจากศิษย์อาจารย์หลี่อันและกู่ชุนคู่นี้
ขณะเดียวกันสายตาของเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬโดยรอบ ล้วนมองมาที่ต้วนหลิงเทียนด้วยความสงสารเห็นใจ
“อาวุโสหลี่อัน ไม่ทราบมีธุระอะไรกับข้างั้นเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนก้าวเท้าเหินร่างขึ้นไปในอากาศ ไม่นานคนก็ลอยล่องขึ้นมาอยู่ในเพดานบินระดับเดียวกันกับหลี่อันและกู่ชุน สองตามองไปยังคู่อริทั้งสองที่อยู่ไม่ไกลด้วยความไร้แยแส
“ต้วนหลิงเทียน เจ้ามันขวัญกล้านักนะ!”
ในขณะที่เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬอดไม่ได้ที่จะแปลกใจเมื่อเห็นความสงบของต้วนหลิงเทียน ลูกตาของหลี่อันที่เดิมเย็นเยียบอยู่แล้วกลับยะเยือกปานจะแช่ร่างผู้คน เสียงคำรามแฝงพลังน่าเกรงขุมดั่งออกมาสนั่นปานฟ้าร้องก้องกึกในหูทุกผู้คน!!
เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬที่พลังฝึกปรือไม่ได้สูงส่งถึงกับตกใจ บ้างก็หน้าซีดลงทันทีด้วยความกลัว
กลับกัน ต้วนหลิงเทียนที่เป็นเป้าหมายเสียงนี้โดยตรง กลับเฉยเมยไม่ได้ออกอาการอะไร
เรียกว่าใบหน้าเขาสงบดั่งทะเลสาบไร้ระลอก ไม่ได้นำพาอะไรวาจาขู่ข่มของหลี่อันแม้แต่น้อย ราวกับต่อให้ขุนเขาใหญ่ถล่มเบื้องหน้าก็ไม่สนใจ
“ต้วนหลิงเทียนคนนี้ดูเหมือนจะไปสร้างความหมางใจให้กับอาวุโสหลี่อันจริงๆ…”
“ข้าอยู่ในแท่นบูชาเต่าทมิฬมาก็นานหลายปี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นอาวุโสหลี่อันมีโมโหขนาดนี้…ข้าไม่รู้จริงๆว่าคราวนี้ต้วนหลิงเทียนไปทำอะไรให้อาวุโสหลี่อันกันแน่ อาวุโสหลี่อันถึงได้มีโทสะนัก”
“รอดูไปเถอะ เดี๋ยวเจ้าก็จะได้รับทราบเอง”
…
เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬกระซิบกระซาบถามไถ่กันด้วยสงสัย หากแต่สองตาที่มองฉากเรื่องราวกลับลุกวาวขึ้นมาราวกับกำลังดูการแสดงสนุกสนาน!
“อาวุโสหลี่อันกล่าวมาเช่นนี้ที่แท้หมายความว่าอะไร ข้าไม่เข้าใจ…”
ได้ยินเสียงดุร้ายของหลี่อัน ต้วนหลิงเทียนเพียงขมวดคิ้วด้วยสงสัยกล่าวถามออกมาด้วยใบหน้างุนงง
“ต้วนหลิงเทียน เจ้าอย่าได้มาตีหน้าซื่อทำเป็นไร้เดียงสา!”
ทันใดนั้นเองก่อนที่หลี่อันจะได้กล่าวคำใด เป็นกู่ชุนที่อดตะโกนออกมาไม่ได้ “เป็นเจ้าทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของข้าแท้ๆ! แต่ยังกล้ามาเสแสร้งแสดงเป็นตัวโง่งมไม่รู้เรื่องราวงั้นหรือ!?”
“หืม? ทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้ารึ?”
ใบหน้าของต้วนหลิงเทียนไม่เหลือความงุนงงสงสัยอีกต่อไป หากแต่เผยความแปลกใจแทน ยังมองถามกู่ชุนด้วยน้ำเสียงค่อนแคะ “กู่ชุน ต่อให้เจ้าจะอยากยัดข้อหาเพื่อใส่ร้ายป้ายสีข้าเพียงไหน แต่ไม่ใช่ว่าเจ้าควรหาข้ออ้างที่มันดีกว่านี้หน่อยรึไง? ข้าน่ะหรือไปทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้า…เรื่องแบบนั้นข้า ต้วนหลิงเทียน สามารถกระทำได้ด้วย?”
“นี่เจ้าคิดว่าพวกเราเป็นตัวโง่งม หรือที่แท้เจ้าคิดว่าอาวุโสหลี่อันเป็นตัวโง่งมกันแน่?”
ขณะที่กล่าวค่อนแคะออก สายตาที่ต้วนหลิงเทียนใช้มองกู่ชุนก็ฉายความระอาเย้ยเหยียดปานกำลังมองชมตัวโง่งมแห่งยุค
“เจ้า…เจ้า…”
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนปากแข็งไม่ยอมรับความผิด กู่ชุนก็อดไม่ได้ที่จะมีโมโหจนพูดอะไรไม่ออก!
และสิ่งที่ทำให้มันยิ่งโมโหจนจุกอกกว่านั้นก็คือ….
ตอนนี้ไม่ใช่แค่เพียงแต่ต้วนหลิงเทียนจะมองมันด้วยสายตาทำราวกับมองตัวโง่งม กระทั่งศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬโดยรอบนับพันๆก็มองมาที่มันด้วยสายตาราวกับมันเป็นตัวโง่งมไร้สติปัญญาไปแล้วจริงๆ!
“กู่ชุนนั่น…มันบอกว่าต้วนหลิงเทียนไปทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของมันเหรอ?”
“ช่างเป็นเรื่องน่าขันแห่งยุคเสียจริง! ยังมีผู้ใดที่ไม่รู้อีกบ้างว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของคนเรานั้นซุกซ่อนอยู่ในส่วนลึกของดวงจิต! และหากจะยุ่งเกี่ยวกับพรสวรรค์รากวิญญาณอย่างน้อยๆก็ต้องสัมผัสถึงพรสวรรค์รากวิญญาณให้ได้ก่อน! แถมต่อให้เป็นตัวตนระดับยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ ถึงแม้จะสัมผัสได้…แต่ก็ไม่มีทางทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของผู้ใดได้โดยไม่ทำลายดวงจิตของผู้คนไปด้วย!!”
“กลับหาข้ออ้างเหลวไหลพรรค์นี้มาป้ายสีใส่ร้ายผู้คน…หรือกู่ชุนมันเห็นว่าพวกเราเป็นตัวโง่งมแล้วจริงๆ?”
“เหอะๆ มารดาของมันเถอะ! หากมันจะหาข้ออ้างใส่ร้ายต้วนหลิงเทียน ก็สมควรหาอะไรที่มันฟังขึ้นบ้าง! ข้าล่ะหมดคำจะพูดจริงๆ!!”
“อาวุโสหลี่อัน…คงมิใช่ว่าหลงเชื่อข้ออ้างเหลวไหลนี้ของกู่ชุนจริงๆหรอกนะ?”
……
เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬเริ่มถกความเห็นกันอย่างออกรสชาติ
ฟังจากวาจาของทุกคน เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครเชื่อคำอ้างของกู่ชุนเลยสักคน นั่นเพราะวาจาของกู่ชุนเป็นอะไรที่ขัดต่อสามัญสำนึกของพวกมันอย่างสิ้นเชิง!
ขณะเดียวกันทุกคนยังเริ่มหันไปมองหลี่อันด้วยสายตาแปลกๆแทน
หากแต่จะอย่างไรหลี่อันก็คืออาวุโสเพลิงเงินอันดับหนึ่งของแท่นบูชาเต่าทมิฬ ไหนเลยผู้คนจะกล้ากล่าวพาดพิงออกมาตรงๆได้
เพราะสุดท้ายแล้วนี่มันก็เรื่องของต้วนหลิงเทียน พวกมันกล่าวแทนไปก็ไร้ประโยชน์
อย่างไรก็ตามแม้ทุกคนจะไม่กล้ากล่าวออกมาตรงๆ หากแต่ยังลอบส่งเสียงพูดคุยกับสหายกันอย่างสนุกปาก “หากอาวุโสหลี่อันเชื่อคำอ้างนี้ของกู่ชุนจริงก็โง่แล้ว!”
“ข้าก็มิคิดว่าอาวุโสหลี่อันจะเชื่อข้ออ้างโง่ๆนี่ได้ลงคอหรอก…”
“เหอะๆ หากไม่เชื่อแล้วไฉนถึงมาหาต้วนหลิงเทียนเพื่อออกหน้าแทนกุ่ชุนเช่นนี้เล่า?”
“บางทีอาวุโสหลี่อันคงแค่อยากหาข้ออ้างดีๆในการเล่นงานต้วนหลิงเทียน…ถึงแม้ว่าพวกเราจะรู้กันดีว่าต้วนหลิงเทียนไม่มีทางทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่ชุนได้ แต่อาวุโสหลี่อันก็สามารถใช้สิ่งนี้เป็นข้อกล่าวหาคาดโทษต้วนหลิงเทียนได้เช่นกัน! กระทั่งสุดท้ายอาจตัดสินให้ต้วนหลิงเทียนมีความผิด โทษฐานละเมิดกฏห้ามทำร้ายศิษย์ร่วมลัทธิถึงตายและพิกลพิการ!!”
“นั่นสินะ! ไฉนเรื่องง่ายๆแค่นี้ข้ากลับคิดไม่ได้ หากอาวุโสหลี่อันสามารถยัดเยียดข้อหานี้ให้ต้วนหลิงเทียนได้จริงๆ ก็สามารถลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียนได้อย่างชอบธรรมทันที! อาวุโสหลี่อันช่างโหดเหี้ยมนัก!!”
……
วาจาทำนองดังกล่าวถูกส่งกันอย่างลับๆในบรรดาเหล่าศิษย์โดยรอบ
ครู่ต่อมาพวกมันอดไม่ได้ที่จะมองไปยังหลี่อันด้วยสายตาหวาดกลัว เพราะคิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 จะโหดเหี้ยมเช่นนี้!
ดูท่าแล้วอาวุโสหลี่อันคนนี้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสามารถกระทำได้ทุกวิธีการจริงๆ!!
ขณะเดียวกันยามพวกมันหันกลับมามองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในสายตาก็เต็มไปด้วยความสงสารทั้งเห็นใจ
หลายคนยังอดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน ด้วยพากันคิดไปว่าวันนี้ท่าทางต้วนหลิงเทียนจะไม่รอดพ้นมือมารแน่แล้ว
“ต้วนหลิงเทียน!”
ภายใต้สายตาแปลกๆของุทกคน หลี่อันพลันเปิดปากกล่าวคำออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้ารู้ว่าเจ้าคงไม่ยอมรับว่าเป็นเจ้าที่ทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่ชุนศิษย์ข้าออกมาง่ายๆ…หากแต่เรื่องที่พรสวรรค์รากวิญญาณของกู่ชุนถูกทำลายไปแล้วเป็นความจริง! และเรื่องนี้ข้าสามารถยืนยันกับจ้าวแท่นด้วยตัวเอง!!”
กล่าวถึงจุดนี้สองตาหลี่อันก็เผยประกายเย็นเยียบ
และวาจาดังกล่าวของหลี่อันก็ทำให้ศิษย์แทน่บูชาเต่าทมิฬถึงกับนิ่งค้างอื้ออึงกันไปแล้ว
พวกมันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าหลี่อันจะกล้ายกจ้าวแท่นมาอ้าง!
ต้องทราบด้วยว่าในแท่นบูชาเต่าทมิฬแห่งนี้ จ้าวแท่น นับเป็นตัวตนอันสูงสุด หากที่หลี่อันกล่าวออกมาเป็นเท็จ ก็ไม่พ้นสร้างความเสื่อมเสียให้จ้าวแท่นแล้ว ไหนเลยจ้าวแท่นบูชาจะปล่อยมันไปง่ายๆ
ด้วยเหตุนี้ทั้งหมดจึงตระหนักได้ว่า วาจาที่หลี่อันกล่าวที่แท้น่าจะเป็นความจริง!
กู่ชุนถูกทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณไปแล้วจริงๆ!
“เรื่องแบบนี้…เป็นไปได้ยังไงกัน?”
“ก็นั่นน่ะสิ ข้าพเจ้าเกิดมามิเคยได้ยินเลยว่ามีใครสามารถรอดชีวิตอยู่ได้หลังถูกทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณ แต่นี่ก็เห็นๆกันอยู่ว่ากู่ชุนมันยังอยู่ดี…ไฉนอาวุโสหลี่อันถึงได้ยกจ้าวแท่นขึ้นมาอ้างได้เล่า เรื่องนี้น่าสงสัยยิ่ง!”
“ที่แท้นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? หรือต้วนหลิงเทียนจะมีวิธีทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่ชุนจริงๆ?”
……
เหล่าศิษย์เริ่มกระซิบกระซาบถกความเห็นกันระงม สายตาทุกคนอดไม่ได้ที่จะหันไปมองต้วนหลิงเทียนอย่างพร้อมเพรียง คราวนี้ลึกลงไปในแววตาผู้คนกลับเผยความหวาดกลัวระคนสงสัย
ต้องกล่าวเลยว่าหลี่อันในฐานะอาวุโสเพลิงเงินอันดับหนึ่ง นับว่าเอาเรื่องอยู่บ้าง!
เพียงวาจาไม่กี่ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนตกเป็นเป้าของสาธารณชนทันที
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่อยากยอมรับ แต่ก็ต้องถือเลยว่าไม้นี้ของหลี่อันได้ผลจริงๆ
“อาวุโสหลี่อัน ในเมื่อท่านกล่าวอ้างถึงจ้าวแท่นมาขนาดนี้ แม้จะไม่เต็มใจแต่ข้าก็ไร้หนทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อว่ากู่ชุนสูญเสียพรสวรรค์รากวิญญาณไปแล้ว…”
ในขณะที่ทุกสายตาเพ่งเล็งมาที่ต้วนหลิงเทียน เขาพลันหันไปมองถามหลี่อันด้วยน้ำเสียงจริงจังเสียงขรึม “ข้าเชื่อว่าอาวุโสหลี่อันคงไม่กล้ายกอ้างจ้าวแท่นมาล้อเล่นใช่หรือไม่?”
“จ้าวแท่นบูชาเต่าทมิฬเป็นตัวตนอันใด ข้าไหนเลยจะกล้ายกจ้าวแท่นมาล้อเล่นได้!”
หลี่อันกล่าวเย้ย
หากไม่เพราะมันคิดจะหาข้ออ้างสังหารต้วนหลิงเทียนอย่างชอบธรรมแล้วล่ะก็ มันไม่คิดจะมาเสียเวลาต่อปากต่อคำกับต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย
“โฮ่! หากเป็นเช่นนั้นไฉนอาวุโสหลี่อันถึงคิดว่าข้าต้วนหลิงเทียนคนนี้ เป็นคนที่ทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่ชุนเล่า?”
หน้าของต้วนหลิงเทียนยังไม่เปลี่ยนสีแม้แต่น้อย “เท่าที่ข้าทราบมา ไม่ใช่ว่าอะไรอย่างพรสวรรค์รากวิญญาณของผู้คนนั้น…ด้วยสำนึกเทวะของข้าในตอนนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะสัมผัสถึงการคงอยู่ของมันหรอกหรือ? แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่ข้าจะไปมีสามารถถึงขั้นทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณได้?”