WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1931
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1931
ตอนที่ 1,931 : ทะลวงถึงเซียนมนุษย์ขั้นกลาง!
ตั้งแต่ที่ใช้เวลาไปเดือนหนึ่งเต็มๆ พอต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ว่าเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬอันเป็นเวทย์พลังประจำแท่นบูชาเต่าทมิฬนั้นยากที่จะเข้าใจเพราะไร้แนวทาง เขาก็ไม่คิดจะจมอยู่กับมันอีกต่อไป
แม้เวลา 1 เดือนจะฟังดูน้อย ทว่าในชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติมันผ่านไปแล้วถึง 300 วัน!
300 วันนี่ก็เกือบจะปีเข้าไปแล้ว!!
และในตอนนั้นนอกจากทำความเข้าใจเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬ ต้วนหลิงเทียนก็บ่มเพาะพลังโดยใช้รากวิญญาณสีเหลืองเข้มที่มี จนมาถึงครึ่งทางสู่ขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นกลาง…
และอีกครึ่งที่เหลือนั้น หากคำนวณโดยใช้รากวิญญาณสีเหลืองเข้มเหมือนเดิมล่ะก็ เกรงว่าจะต้องใช้เวลาอีกถึง 1 ปีครึ่ง!
แน่นอนว่าหนึ่งปีครึ่งในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ก็เทียบได้กับเวลาภายนอกแค่ 50 วันเท่านั้น
และทั้งหมดด้านบน ก็เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นหากพรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนยังมีสีเหลืองเข้ม
ทว่าตอนนี้พรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนได้เปลี่ยนไปแล้ว! ด้วยความช่วยเหลือจากปฐมเวทย์กลืนกิน ที่ได้กลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินของกู่หลงมา ทำให้ในที่สุดพรสวรรค์รากวิญญาณของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นสีเขียว!!
กระทั่งยังเป็นสีเขียวเข้ม!!
และรากวิญญาณสีเขียวเข้มนี้ ในบรรดาผู้มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเขียว ยังถือว่ามีคุณภาพอยู่ในระดับต้นๆ!
“ยังไม่ถึง 10 วันดีเลย…”
ต้วนหลิงเทียนที่กักตัวฝึกตนในชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติมาพักหนึ่ง ยามนี้ทั่วร่างปรากฏกลิ่นอายพลังลึกล้ำขุมหนึ่งแผ่พุ่งออกมาฉาบคลุมไว้ทั่วกาย คนลืมตาขึ้นมาพร้อมประกายระยิบระยับ
ตอนนี้เรียกว่ากลิ่นอายทั่วร่างต้วนหลิงเทียนแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!
เขาทะลวงผ่านแล้ว!
แม้จะเป็นเวลาแค่ 10 วันในโลกภายนอก แต่บนชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติแห่งนี้ ก็ล่วงเลยไปแล้วถึง 3 เดือนเศษ และต้วนหลิงเทียนก็ประสบความสำเร็จในที่สุด
การทะลวงผ่านครั้งนี้ ยังผลให้พลังฝึกปรือของเขาอยู่ในขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นกลาง!!
“มันร้ายกาจกว่าเดิมถึง 5 เท่า…หากข้าไม่ได้กลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่หลง และยังมีรากวิญญาณสีเหลืองเข้มล่ะก็ ไม่มีทางที่ข้าจะใช้เวลาภายนอกแค่ 10 วันทะลวงผ่านได้แบบนี้! จากการกะประมาณเผลอๆ รากวิญญาณสีเหลืองเข้มอันเก่า จำต้องใช้ถึง 50 วันภายนอกด้วยซ้ำข้าถึงจะทะลวงด่านได้!”
ขณะพึมพำบ่นกับตัว มุมปากต้วนหลิงเทียนก็เผยรอยยิ้มชื่นบานออกมา
การยกระดับพัฒนาของพรสวรค์รากวิญญาณ ทำให้ความเร็วในการบ่มเพาะของเขา เสมือนยกเครื่องใหม่หมด!
‘ด้วยพรสวรรค์รากวิญญาณของข้าในตอนนี้ พร้อมด้วยสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะของชั้น 4 เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ…ถึงจะเป็นอัจฉริยะร้ายกาจที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงิน ความเร็วในการบ่มเพาะยังสมควรช้ากว่าข้าราวๆ 2 เท่า!’
คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาต้วนหลิงเทียนก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ
‘อย่างไรก็ตามถึงความเร็วในการบ่มเพาะของข้าจะเร็ว แต่หากเปรียบเทียบกับพวกอัจฉริยะปีศาจที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีครามแล้ว ยังนับว่าช้ากว่ากันมาก…’
พอคิดถึงอัจฉริยะที่เก่งกาจราวปีศาจผู้มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีคราม ต้วนหลิงเทียนคล้ายถูกจับโยนลงไปในบ่อน้ำเย็น สติสตังกลับเข้าร่องเข้ารอย ถูกปลุกให้ตื่นจากฝันทันที!
‘ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าพี่สาวฝาแฝดของเค่อเอ๋อสมควรเป็นอัจฉริยะไร้ผู้ต้านที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีคราม 9 ใน 10 ส่วน…หาไม่แล้วนางไม่มีทางบรรลุถึงขอบเขตเซียนปฐพีได้ด้วยวัยสามสิบต้นๆแน่!’
ทันใดนั้นในหัวต้วนหลิงเทียนก็ปรากฏภาพสตรีที่หน้าตาเหมือนกันกับเค่อเอ๋ออย่างกับแกะขึ้นมา
วันนั้นกระทั่งตี้จิ่วที่อยู่ในขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุด ยังเผยทีท่าหวั่นหวาดไม่ต่างใดจากหนูเห็นแมวเมื่ออยู่ต่อหน้านาง
เรื่องนี้บอกให้รู้ชัดว่าพลังฝึกปรือของนางสมควรอยู่เหนือขอบเขตเซียนมนุษย์…
‘อย่างไรก็ตามด้วยเวทย์พลังปฐมเวทย์กลืนกิน สักวันพรสวรรค์รากวิญญาณของข้าจะต้องก้าวข้ามนาง! และอีกไม่นานข้าต้องเหนือกว่านางแน่!’
ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ ลูกตาต้วนหลิงเทียนก็เผยประกายเจิดจ้าออกมาอีกครั้ง ยังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นคาดหวังนัก
เพราะตราบใดทีพรสวรรค์รากวิญญาณของเขาพัฒนาไปเป็นรากวิญญาณสีน้ำเงินล่ะก็ ด้วยมีเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติช่วยเหลือ ความเร็วในการบ่มเพาะของเขาสมควรทัดเทียมได้กับเหล่าอัจฉริยะไร้ผู้ต้านทั่วไปพวกนั้น…
อัจฉริยะไร้ผู้ต้านทั่วไปที่เขาว่า ก็หมายถึงอัจฉริยะที่เกิดมามีพรสวรรค์รากวิญญาณสีครามอ่อน…
เพราะสุดท้ายแล้วในบรรดาอัจฉริยะไร้ผู้ต้านที่มีรากวิญญาณสีครามก็ยังมีสูงต่ำ
สีครามนั้นจำแนกได้ 3 แบบคร่าวๆ สีครามอ่อน สีครามปกติ และสีครามเข้ม…พรสวรรค์เหล่านี้ย่อมแตกต่างกัน!
เช่นเดียวกันกับต้วนหลิงเทียนในตอนนี้ ที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเขียวเข้ม! แม้จะเป็นในหมู่อัจฉริยะที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเขียว ก็ถือได้ว่าเป็นชนชั้นมากพรสวรรค์ระดับแนวหน้า…
‘ตอนนี้ข้าทะลวงถึงเซียนมนุษย์ขั้นกลางแล้ว ด้วยพลังเซียนสุริยันของข้า ก็มากพอจะเทียบได้กับเหล่าผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนปฐพีขั้นกลาง…ตอนนี้ต่อให้ไม่ต้องใช้กระบี่นิลสวรรค์ เรื่องจะเอาชนะยอดฝีมือขอบเขตเซียนนภาขั้นต้นก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้!’
พอคิดถึงจุดนี้ร่างต้วนหลิงเทียนก็วูบออกจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติกลับมายืนในห้องนอนทันที
“ถึงเวลาเปลี่ยนสถานที่บ่มเพาะแล้ว….”
เมื่อเดินออกมานอกบ้านชั้น 3 ต้วนหลิงเทียนก็เงยหน้าแหงนมองขึ้นไปบนฟ้าสูงที่เหนือกว่าเพดานบินยามปะทะกับกู่หลงเมื่อ 10 วันก่อน…หมู่เกาะลอย จำนวนนับร้อยนั่น!
บรรดาเกาะลอยนับร้อยนั่น แต่ละเกาะล้วนมีเรือนที่ใหญ่โตกว่าบ้านชั้น 3 ปลูกสร้างเอาไว้…ยังมีพื้นที่ว่างส่วนตัวให้ได้ใช้งานพอสมควร
และเมื่อเทียบกับสภาพแวดล้อมในบ้านพักชั้น 3 แล้ว เรือนชั้นรองเรียกว่าดีกว่ากันนิดหน่อย!
เพราะเรือนชั้นรองนั้น มีค่ายกลรวมวิญญาณจัดตั้งทับซ้อนกันอยู่ 5 ค่ายกล! เป็นจำนวนครึ่งหนึ่งของตำหนักเอกอุ!
“เรือนชั้นรองทั้ง 100 หลังนั่น…เห็นว่าศิษย์ที่เข้าพักส่วนใหญ่จะมีด่านพลังฝึกปรืออยู่ในขอบเขตเซียนนภาขั้นต้น บ้างก็เป็นเซียนนภาขั้นกลาง!”
หลังมาอยู่แท่นบูชาเต่าทมิฬได้ระยะหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนย่อมเข้าใจความแตกต่างระหว่างบ้านพักในระดับต่างๆชัดเจน
นอกจากนั้นเขายังรับทราบถึงพลังฝีมือคร่าวๆของเหล่าศิษย์ที่อาศัยอยู่ในที่พักระดับต่างๆอีกด้วย
‘ข้าคงไม่ดวงซวยเลือกเจอเรือนชั้นรองที่มีศิษย์ขอบเขตเซียนนภาขั้นกลางเข้าพักอยู่หรอกนะ ถึงตอนนั้นท่าทางจะได้เจ็บตัวกันบ้าง…’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ ขณะที่เหินร่างขึ้นไปยังฟ้าสูง
“เฮ่ย! นั่นมันต้วนหลิงเทียนไม่ใช่เรอะ!”
“หืม? ต้วนหลิงเทียนคล้ายจะมุ่งหน้าขึ้นไปยังเกาะลอยของเรือนชั้นรอง…นั่นมันคิดจะทำอะไรกัน?”
“เอ่อ…คงไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนคิดไปท้าทายเหล่าศิษย์พี่เพื่อชิงเรือนชั้นรองหรอกนะ?”
……
เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬนั้นโดยมากแล้วต่างเก็บตัวเงียบบ่มเพาะพลังในที่พัก แต่ก็มีบ้างที่ติดจุดรอคอยออกมาสนทนากับสหาย บ้างก็เดินเล่นอะไรเรื่อยเปื่อย และคนกลุ่มนี้เองก็เป็นคนที่พบว่าต้วนหลิงเทียนกำลังเหินร่างออกจากบ้านพักชั้น 3 ไปยังเรือนชั้นรอง
หากเป็นศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬคนอื่นพวกมันคงไม่สนใจอะไร
แต่ต้วนหลิงเทียนในฐานะ ‘คนดัง’ ของแท่นบูชาเต่าทมิฬ ไหนเลยพวกมันจะไม่สนใจได้!
ต้วนหลิงเทียนผู้นี้พึ่งเข้ามาในแท่นบูชาเต่าทมิฬได้ไม่ทันไรก็มีชื่อเสียงโด่งดังแล้ว
เพราะนับเป็นศิษย์คนแรกเลยจริงๆ ที่กล้าแข็งข้อกับอาวุโสหลี่อันซึ่งเป็นถึงอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของแท่นบูชาเต่าทมิฬ!
แม้จะอยู่ต่อหน้าหลี่อัน แต่กลับกล้าสังหารบุตรชายของสหายสนิทหลี่อัน! เรื่องนี้ไม่ใช่อะไรที่ใครจะกล้าทำกันได้ง่ายๆ!!
แต่ต้วนหลิงเทียนกล้ากระทำ!
ไม่ลังเลที่จะบาดหมางกับหลี่อัน!
หลังจากนั้นก็เมื่อ 10 วันก่อน ต้วนหลิงเทียนยังฆ่าศิษย์ใหม่นามกู่หลง ที่พึ่งเข้าร่วมแท่นบูชาเต่าทมิฬได้ไม่ทันถึงวัน จนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตดังกระฉ่อนไปทั่วแท่นบูชาเต่าทมิฬอีกครั้ง!!
เพรากู่หลงคนนี้ไม่เพียงพลังฝึกปรือจะบรรลุถึงจุดสูงสุดขอบเขตเซียนปฐพีแล้วเท่านั้น อีกฝ่ายยังเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินอีกด้วย!
กลับกัน ต้วนหลิงเทียนมีแค่พรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลือง ทั้งพลังฝึกปรือยังเป็นเพียงเซียนปฐพีขั้นต้น!
เมื่อทั้งคู่ปะทะรบพุ่งกัน ตอนแรกไม่มีใครมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับต้วนหลิงเทียนสักคน
อย่างไรก็ตามแม้จะไม่มีใครมองโลกในแง่ดีให้เขา แต่ต้วนหลิงเทียนก็สามารถตอบโต้กู่หลงได้ด้วยเวทย์พลังอันเหนือชั้น ที่ต้องสงสัยกันว่าสมควรเป็นเวทย์พลังชั้นสูง กระทั่งสุดท้ายยังสามารถฆ่ากู่หลงจนตกตาย!!
หากบอกว่าก่อนหน้านี้ต้วนหลิงเทียนมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาเพราะแข็งข้อกับหลี่อันล่ะก็…
ตอนนี้ที่ต้วนหลิงเทียนมี่ชื่อเสียงในแท่นบูชาเต่าทมิฬได้ ล้วนเป็นเพราะพลังฝีมือส่วนตัวล้วนๆ!
ชื่อเสียงทั้ง 2 อย่างนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!
ดั่งเช่นตอนนี้ แม้ศิษย์หลายคนอาจจะยังไม่อะไรมากมาย แต่ศิษย์บางคนที่เห็นต้วนหลิงเทียน แววตาก็เผยความยำเกรงออกมาหลายส่วน!
ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนทำให้พวกมันหวาดกลัว!
“ดูเหมือนว่าต้วนหลิงเทียนคิดจะท้าทายศิษย์พี่เรือนชั้นรอง…และคิดจะชิงเรือนชั้นรองนั่น!”
ศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬที่เดินเตร่บางคน ก็มองเจตนาของต้วนหลิงเทียนออก เพราะมันเห็นต้วนหลิงเทียนแหงนหน้ามองจ้องไปที่หมู่เกาะเรือนชั้นรองแต่แรก ไม่ยากที่จะเดาว่าต้วนหลิงเทียนกำลังจะทำอะไร
“ข้าตอนนี้ชื่นชมพลังฝีมือศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนนัก…หากแต่ด้วยพลังฝีมือของศิษย์พี่ต้วน มิใช่ว่าคิดจะชิงเรือนชั้นรองยังเป็นเรื่องยากกระทำหรือไร?”
ตอนนี้เองเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬที่นับถือฝีมือต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวออกความเห็นขึ้นมา
“นั่นสิ! เมื่อ 10 วันที่แล้วแม้พลังฝีมือศิษย์พี่ต้วนจะร้ายกาจ….แต่นั่นก็ร้ายกาจแค่ในขอบเขตเซียนปฐพีเท่านั้น! หากเทียบกับขอบเขตเซียนนภาแล้วยังห่างอยู่อีกมาก!”
“เหล่าศิษย์พี่ที่อยู่ในเรือนชั้นรอง พลังฝีมือล้วนแล้วแต่บรรลุเซียนนภาขั้นต้นเป็นอย่างต่ำทั้งสิ้น…อาศัยพลังฝีมือของศิษย์พี่ต้วนในตอนนี้ ข้าเกรงว่ายังไม่พอหากจะแข่งขันช่วงชิงด้วย!”
“พวกเจ้าคิดมากเกินไปหรือไม่? บางทีศิษย์พี่ต้วนอาจไปหาคนรู้จักที่บังเอิญอยู่เรือนชั้นรองก็เป็นได้! แถมพวกเจ้าคิดว่าศิษย์พี่ต้วนเป็นตัวโง่งมคิดเรื่องเท่านี้ไม่ได้รึไง? หากคิดไปท้าทายชิงเรือนชั้นรองจริง นั่นหมายความว่าคนย่อมมีความมั่นใจในพลังฝีมือตัวเอง!!”
……
เหล่าศิษย์แท่นบูชาทมิฬออกความเห็นมาถกกันยกใหญ่ หลายคนรู้สึกว่าพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนไม่สูงพอจะชิงเรือนชั้นรอง แต่ก็มีบางคนที่คิดว่าต้วนหลิงเทียนมั่นใจในตัวเองว่าพลังฝีมือสูงพอจะลงสนาม…
อย่างไรก็ตามคนกลุ่มหลังเทียบกันแล้ว นับว่ามีน้อยกว่าคนกลุ่มแรกมาก…
หลายคนต่างลงความเห็นกันเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนยังสูงไม่พอจะไปประชันขันแข่งกับเหล่าศิษย์พี่เรือนชั้นรอง
นั่นเพราะเมื่อ 10 วันก่อนพวกมันได้เห็นพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนมากับตา จึงมีความเข้าใจในพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนอยู่บ้าง…
และไม่มีใครคิดว่าพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนจะก้าวหน้าขึ้นได้ในระยะเวลาสั้นๆเพียงแค่ 10 วัน!
แอ๊ด…
ทันใดนั้นเองเสียงเปิดประตูหนึ่งพลันดังขึ้น ดึงความสนใจต้วนหลิงเทียนที่เหินร่างขึ้นมาบนฟ้าสูง และกำลังว่ายตามองไปยังเรือนชั้นรองแต่ละหลังทันที
เสียงเปิดประตูที่ว่าย่อมมาจากเรือนชั้นรองหลังหนึ่ง!
ในเขตที่พักของเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬนั้นยังมีกฏอีกประการหนึ่งที่สำคัญมาก…นั่นคือไม่อนุญาตให้ผู้ใดรบกวนการบ่มเพาะฝึกปรือของศิษย์ที่กำลังปิดด่านบ่มเพาะอยู่เด็ดขาด!
เพราะการรบกวนผู้อื่นที่กำลังบ่มเพาะพลังอยู่ เป็นเรื่องต่ำทรามไร้มารยาทถึงขีดสุด!
มีเพียงให้ศิษย์ออกจากที่พักด้วยตัวเองเท่านั้น ถึงจะท้าประลองชิงที่พักได้!