WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1933
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1933
ตอนที่ 1,933 : จบแล้วเหรอ?
ในสายตาของเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬส่วนใหญ่
ถึงแม้ว่าพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนจะดี ถึงขั้นสามารถฆ่ากู่หลงได้เมื่อสิบวันก่อน แต่จะอย่างไรกู่หลงก็เป็นเพียงผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนปฐพีขั้นสูงสุดเท่านั้น เรื่องนี้ไม่ได้หมายความว่าต้วนหลิงเทียนจะมีพลังฝีมือเหนือกว่าจางจี้!!
บางทีในแง่ของพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินกู่หลงอาจจะเหนือกว่าจางจี้
อย่างไรก็ตามในแง่ของพลังฝีมือแล้ว…
จางจี้เป็นอะไรที่อยู่ไกลเกินกว่ากู่หลงจะเทียบเคียงได้!
เพราะจนแล้วจนรอดกู่หลงมันก็แค่เซียนปฐพีขั้นสูงสุดเท่านั้น!!
จางจี้ในฐานะศิษย์ระดับต้นๆของแท่นบูชาเต่าทมิฬ พลังฝึกปรือของมันได้บรรลุถึงเซียนนภาขั้นต้นแล้ว และด้วยความที่มันเป็นผู้ฝึกมารที่มุ่งเน้นไปในหนทางของการขัดเกลาเสริมความแข็งแกร่งของร่างกาย ก็ทำให้พลังต่อสู้ของมันสูงกว่าเหล่าศิษย์แท่นบูชาทมิฬกว่า 8 ส่วน!
‘ศิษย์ระดับชั้นนำของแท่นบูชาเต่าทมิฬ ยังเป็นผู้ฝึกมารที่มุ่งเน้นในการเสริมแกร่งร่างกายงั้นเหรอ?’
เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬที่กระซิบกระซาบกันอยู่ วาจาของพวกมันย่อมไม่รอดพ้นโสตประสาทรับฟังของต้วนหลิงเทียนที่ทะลวงเปิดจุดชีพจรเรียบร้อย ทำให้ล่วงรู้ตื้นลึกหนาบางของจ้างจี้ครบถ้วน
เขาย่อมไม่คิดพลาดฟังและวิเคราะห์เรื่องราวโดยรอบมาแต่ไหนแต่ไร
ดั่งคำกล่าวที่ว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งจึงชนะร้อยครั้ง
และแม้จะได้รับทราบถึงก้นบึ้งของจางจี้แล้ว หากแต่สีหน้าต้วนหลิงเทียนยังคงสงบไม่นำพา ไม่ได้มีเค้าลางความหวาดกลัวแม้แต่น้อย
ต่อให้เป็นเมื่อสิบวันที่แล้ว แม้จะต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนนภาขั้นต้นจริง เขาก็ยังพอฟัดพอเหวี่ยงกับมันได้หากเขาเลือกจะแปลงกายเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บ! ถึงแม้ว่าผลลัพธ์สุดท้ายเขาอาจจะเป็นฝ่ายแพ้ก็ตาม…
แต่นั่นเพราะปฐมเวทย์กลืนกินมันสิ้นเปลืองพลังวิญญาณมหาศาล เขาคงไม่อาจประคองสภาพหรือใช้มันซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเอาชนะผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนนภาขั้นต้นได้…
ทว่าวันนี้ด่านพลังฝึกปรือของเขาบรรลุถึงเซียนมนุษย์ขั้นกลางแล้ว คิดจะเอาชนะผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนนภาขั้นต้นก็ไม่ใช่อะไรที่ยากเกินไป!
ต่อให้จางจี้ที่อยู่เบื้องหน้าจะเป็นผู้ฝึกมารขอบเขตเซียนนภาขั้นต้น และเป็นศิษย์ที่ร้ายกาจระดับบนๆของศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬก็ตาม เขายังมีความมั่นใจเกิน 8 ส่วนที่จะเอาชนะมันได้!
เหตุผลที่ไฉนเขายังไม่มั่นใจเต็มสิบส่วนนั้น เพราะเขายังไม่ทราบว่าจางจี้มีเวทย์พลังระดับสูงอะไรหรือไม่…
หากจางจี้มีเวทย์พลังระดับสูงอะไรล่ะก็ คิดเอาชนะมันก็คงเป็นเรื่องยากอยู่บ้าง!
ตอนนี้ศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬคงไม่อาจคิดคาดกันได้จริงๆ…
ว่าเมื่อสิบวันที่แล้วยามประมือกับกู่หลงนั้น ต้วนหลิงเทียนยังไม่ได้ลงมือด้วยพลังทั้งหมด ยังเก็บงำพรสวรรค์มังกรแปลงเอาไว้!
เหตุผลที่ต้วนหลิงเทียนไม่แปลงกายเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บนั้น เพราะเขาคิดว่ามันไม่จำเป็น! ต่อให้ไม่ต้องแปลงเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บเขาก็สามารถฆ่ากู่หลงได้!!
และตอนจบก็พิสูจน์แล้วว่าเขาคิดถูก
‘ไม่รู้วันนี้ข้าจะเอาชนะจางจี้อะไรนี่ได้โดยที่ไม่ต้องแปลงร่างเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บหรือไม่…’
ต้วนหลิงเทียนที่กำลังเผชิญหน้ากับจางจี้ด้วยทีท่าสงบ ลอบคิดอย่างใจเย็น
ในการประมือกับจางจี้นั้น เขาเองก็ไม่คิดจะแปลงร่างเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บตั้งแต่แรก
กล่าวให้ชัดคือหากไม่ถึงคราวจำเป็นจริงๆ เขาไม่คิดจะแปลงร่างเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บ!
อาจกล่าวได้ว่าการแปลงร่างเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บนั้นเป็นเหมือนไพ่ตายใบหนึ่งของเขาก็ว่าได้ หากไม่ถึงคราวจำเป็นจริงๆเขาก็ไม่อยากเปิดเผยมันออกมา
ไพ่ตายที่ซุกซ่อนเอาไว้ ยามถึงคราววิกฤตย่อมสามารถใช้แก้สถานการณ์ได้ดีกว่า!
‘มาถึงลัทธิบูชาไฟไม่ทันไร กระทั่งไม่ทันเข้าร่วมแท่นบูชาเต่าทมิฬก็มีเรื่องบาดมหางกับอาวุโสหลี่อัน อีกทั้งเมื่อ 10 วันก่อนยังสังหารอัจฉริยะพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินที่มีพลังฝึกปรือขอบเขตเซียนปฐพีขั้นสูงสุด โดยอาศัยเวทย์พลังระดับสูง 2 ชนิด ทั้งๆที่มีระดับพลังฝึกปรือเพียงเซียนปฐพีขั้นต้นงั้นเหรอ?’
ในขณะเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนเข้าใจตื้นลึกหนาบางของจางจี้ ด้านจางจี้ก็ได้รับทราบข้อมูลของต้วนหลิงเทียนจากเหล่าศิษย์ที่ซุบซิบกันโดยรอบเช่นกัน แววตาของมันอดไม่ได้ที่ฉายถึงความประหลาดใจออกมา
มันไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าศิษย์ที่กำลังจะท้าประลองชิงเรือนชั้นรองที่มันพักอาศัยอยู่ จะเป็นเพียงผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนปฐพีขั้นต้นเท่านั้น!
หรืออย่างน้อยๆ เมื่อสิบวันที่แล้วก็ยังเป็นเซียนปฐพีขั้นต้น!
อย่างไรก็ตาม พอได้ทราบว่าต้วนหลิงเทียนสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ด่านพลังเซียนปฐพีขั้นสูงสุดได้ มันก็ไม่กล้าดูแคลนอะไรต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป เพราอย่างน้อยๆพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนก็ต้องเทียบได้กับเซียนปฐพีขั้นสูงสุด!!
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เห็นว่ายามต้วนหลิงเทียนใช้เวทย์พลังเสริมการเคลื่อนไหวบางอย่าง ทำให้ความเร็วของอีกฝ่ายพุ่งสูงขึ้นมาเทียบได้กับความเร็วของเซียนนภาขั้นต้น!!
ทั้งหมดทั้งมวลมันล้วนได้รับทราบจากเหล่าศิษย์ที่จ้อกันอยู่โดยรอบ!
“โฮ่…ข้าไม่คิดเลยจริงๆว่าในขณะที่ข้าปิดด่านบ่มเพาะอยู่ จะมีตัวตนเช่นเจ้าเข้าร่วมแท่นบูชาเต่าทมิฬของเรา…ข้าเชื่อว่าในช่วงเวลา 10 วันที่ผ่านมา มิพ้นเจ้าทะลวงถึงขอบเขตเซียนปฐพีขั้นกลางแล้วสินะ?”
จางจี้มองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาคมกล้า กล่าวออกด้วยน้ำเสียงไร้แยแส คล้ายไม่ได้ยึดถือเป็นจริงจังอะไร
ในสายตาของมัน การที่ต้วนหลิงเทียนไม่เคยท้าชิงที่พักจากใครมาก่อน ไม่พ้นอีกฝ่ายต้องตระหนักถึงพลังสามารถของตัวเองดี
แต่วันนี้การที่อีกฝ่ายเลือกจะมาท้าทายชิงเรือนชั้นรอง ก็เผยให้เห็นว่าสมควรมีความมั่นใจในพลังฝีมือของตัวเองว่ามีมากพอแล้ว!
“ทำไม? เจ้ากลัวแล้ว?”
เผชิญหน้ากับการถามไถ่อย่างไร้แยแสของจางจี้ ต้วนหลิงเทียนพลันแสยะยิ้มตอบกลับไปเสียงเรียบ
“กลัว?”
จางจี้ได้ฟังคำถามนี้ของต้วนหลิงเทียน มันก็พลันแสยะยิ้มเย้ยหยันสวนออกไปท่ามกลางสายตาของผู้คนทันที “ต้วนหลิงเทียน เจ้าประเมินพลังฝีมือของตัวเองสูงเกินไปหรือไม่? ข้ายอมรับว่าเจ้าเองก็มีพลังฝีมือมิใช่ชั่วถึงขั้นใช้พลังฝึกปรือเซียนปฐพีขั้นต้นสังหารเซียนปฐพีขั้นสูงสุดมาได้…คาดว่าเจ้าสมควรมีพลังรบมากพอจะสู้กับเซียนนภาขั้นต้นแล้วสินะ? แต่เจ้าคิดจริงๆหรือว่าข้าจางจี้ผู้นี้เป็นเพียงเซียนนภาขั้นต้นดาษๆ?”
“วันนี้ข้าจางจี้จะให้รู้ถึงคำเหนือฟ้ายังมีฟ้า!!”
ประกาศคำด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวออกมาอีกครั้ง ร่างจางจี้ก็พุ่งทะยานปรี่เข้าใส่ต้วนหลิงเทียนทันที! คนคล้ายกลับกลายเป็นภูตผี! ร่างวูบไหวไปดั่งเงาเลือน!!
วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม!
…
และในขณะที่จางจี้พุ่งไปหมายจู่โจมต้วนหลิงเทียนนั้น อาณาบริเวณกินรัศมีร้อยหมี่รอบกายของมัน ก็ปรากฏสนามพลังขุมหนึ่งถูกเพาะสร้างควบแน่นขึ้นมา ปราณมารทะลักออกมาปานเขื่อนแตก! ควบแน่นก่อเกิดเป็นร่างดำทะมึนเต็มไปด้วยไอความชั่วร้ายนับร้อย!!
เพียงเวลาแค่ชั่วพริบตาเหนือฟ้าก็คล้ายจะถูกปกคลุมไปด้วยปราณมารสีมืด!
มองไปคล้ายดั่งเมฆฝนที่ก่อตัวคลุมเมือง!!
ทุกผู้คนยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวั่นหวาดเมื่อสัมผัสได้ถึงไอพลังชั่วร้ายของมวลความมืดเหนือฟ้า!!
“นี่มันเขตแดนศตมาร!”
(ศตมาร = ร้อยมาร)
“ไม่คิดเลยว่าศิษย์พี่จางจี้จะควบสร้างเขตแดนศตมารทันทีแบบนี้! ดูเหมือนว่าหลังได้รับทราบวีรกรรมของต้วนหลิงเทียน ศิษย์พี่จางจี้ก็ไม่คิดดูเบาต้วนหลิงเทียนอีก!”
“สมควรต้องกระทำเช่นนี้! วันนี้ต้วนหลิงเทียนกล้าคิดช่วงชิงเรือนชั้นรอง เช่นนั้นต้องเป็นอย่างที่ศิษย์พี่จางจี้คาดเดาไม่ผิดแน่! พลังฝึกปรือมันสมควรก้าวหน้าแล้ว! และต้วนหลิงเทียนที่ทะลวงถึงเซียนปฐพีขั้นกลางก็มีพลังพอจะสู้กับเซียนนภาขั้นต้นได้แน่! ศิษย์พี่จางจี้ยังจะกล้าประมาทได้หรือไร?”
“มิผิด! ถึงแม้ศิษย์พี่จางจี้จะได้ชื่อว่าเป็นเซียนนภาขั้นต้นที่ค่อนข้างแข็งแกร่งในหมู่เซียนนภาขั้นต้นด้วยกัน แต่จะอย่างไรด่านพลังก็ยังคงอยู่แค่เซียนนภาขั้นต้นเท่านั้น มิใช่ครึ่งก้าวเซียนนภาขั้นกลางอะไรทำนองนั้น!”
…
ในขณะที่เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬเห็นจางจี้เปิดกางเขตแดนออกมา พวกมันก็เริ่มสนทนากันอย่างออกรส
จางจี้ที่เปิดกางเขตแดนออกมา ร่างมันก็ยังคงพุ่งจี้เข้าใส่ต้วนหลิงเทียนด้วยความเร็วสูง สภาวะถูกเร่งเร้าถึงขีดสุด!
“หมู่มารแซ่ซ้อง!”
ทันใดนั้นเองดั่งฟ้าลั่นในหูผู้คน จางจี้พลันคำรามออกมาเสียงเข้มก้องฟ้า!
และพร้อมกันนั้นเองเหล่ามารดำทมิฬที่ควบแน่นขึ้นจากปราณมารนับร้อย ก็คล้ายมีชีวิตพวกมันพุ่งโถมเขาใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างดุร้ายด้วยความเร็วเหนือล้ำ พริบตาก็เสมือนต้วนหลิงเทียนกำลังจะถูกคลื่นน้ำซัดกลืน!
เรียกว่ามารนับร้อยได้แยกย้ายกันไปก่อตัวดั่งเมฆดำ โอบล้อมต้วนหลิงเทียนเอาไว้ทุกทิศทาง ก่อนจะโจนทะยานเข้าใส่ด้วยความไวอันน่าตื่นตระหนก!
ความเร็วนี้ไม่เพียงไม่ใช่ชั่ว ยังนับว่าเหนือกว่าเซียนนภาขั้นต้นทั่วไปนัก!
“ปฐมเวทย์กลืนกิน!”
“ปีกอีกาทองคำ!”
เผชิญหน้ากับหมู่มารที่แยกย้ายกันมาทั่วสารทิศปกคลุมโอบล้อมเอาไว้ดั่งเมฆดำ สีหน้าต้วนหลิงเทียนแปรเปลี่ยนเป็นขึงขังขึ้นมา ปลดปล่อยพลังเซียนสุริยันที่เร่งเร้าไว้แต่แรก วังวนพลังดูดกลืนของปฐมเวทย์กลืนกินอุบัติขึ้นในชั่วพริบตาสูบกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบอย่างฉับไว
ทั้งพริบตาต่อมา มวลพลังเซียนสุริยันที่เพิ่มพูนขึ้นจากพลังรอบกาย ก็ทะลักออกไปควบรวมผนึกสร้างปีกเพลิงที่กลางหลัง! ต้วนหลิงเทียนยังควบคุมบังคับให้ปีกเพลิงดังกล่าวสะบัดกระพือทันที!
ฟั่บบ! ปง! ปง! ปง! ปง!
…
ปีกมหึมากลางหลังปะทุเพลิงไฟออกมาอย่างรุนแรง! ยามสะบัดลงมันยังตลบม้วนมวลอากาศให้บีบอัดเค้นตรึงถึงขีดสุด! จนสุดท้ายพลันระเบิดออกดังสนั่น!!
ขณะเดียวกันร่างต้วนหลิงเทียนก็พุ่งทะยานออกไปปานลูกกระสุน! ความเร็วยังเหนือล้ำกว่าความเร็วของหมู่มารนับร้อยทั้งตัวจางจี้ที่โถมเข้ามา!
และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนพุ่งร่างออกมา เขาก็สังเกตเห็นหมู่มารที่จู่โจมผิดพลาดไม่ได้ไล่ตาม หากแต่พุ่งไปควบรวมยังร่างของจางจี้แทน!
สุดท้ายมารนับร้อยก่อนหน้าก็คล้ายจะกลั่นตัวเป็นไอพลังมารบริสุทธิ์ พุ่งไปควบแน่นก่อสร้างชุดเกราะสีดำ อันเปี่ยมล้นไปด้วยปราณมารน่ากลัวบนร่างจางจี้! ยังผลให้คนคล้ายกลับกลายเป็นเทพมารไปอย่างไรอย่างนั้น!!
“เขตแดนของมันใช้ทำแบบนี้ก็ได้ด้วย?”
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเมื่อเห็นฉากนี้
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนต้องประหลาดใจมากกว่านี้ยังไม่มา!
“ประทับเงามาร!”
จางจี้ที่ตอนนี้อยู่ในสภาพดั่งสวมชุดเกราะมารทมิฬ ยามนี้ใช้ออกด้วยเวทย์พลังระดับกลางหนึ่ง บังเกิดเป็นไอพลังลางเรือนดั่งเงาประทับเข้าร่าง! และทันใดนั้นความเร็วในการพุ่งจี้เข้าใส่ต้วนหลิงเทียนก็เสมือนถูกจุดระเบิด! คนกลายเป็นฉับไวขึ้นหลายส่วน!!
มองปราดเดียวก็ทราบได้ว่าความเร็วนี้ มิได้ด้อยไปกว่าความเร็วของต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป!!
“ต้วนหลิงเทียน! ข้อได้เปรียบเพียงหนึ่งเดียวที่เจ้าเคยมีต่อข้าคือความเร็ว…ยามนี้เจ้าจักทำอย่างไรหากเสียข้อได้เปรียบนั้นไปเล่า?!”
เสียงคำรามด้วยความเกรี้ยวกราดของจางจี้ดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกันนั้นเองปราณมารทั่วร่างของมันก็คล้ายจะทวีความดุร้ายขึ้นอีกเล็กน้อย ราวกับมันรีดเค้นมวลพลังออกมาด้วยอารมณ์โดยไม่รู้ตัว!!
ถึงแม้จะไม่ได้มากมายอะไร แต่ก็ทำให้ความเร็วของมันกลายเป็นเหนือกว่าความเร็วของต้วนหลิงเทียนอยู่เล็กน้อย ระยะห่างระหว่างมันกับต้วนหลิงเทียนค่อยๆกระชั้นขึ้นทุกที!
เห็นได้ชัดว่าอีกไม่นานต้วนหลิงเทียนต้องถูกมันไล่ตามทันแน่!
“ต้วนหลิงเทียนกำลังจะถูกจับได้ไล่ทันแล้ว!”
“สิบวันก่อนยามต้วนหลิงเทียนประมือกับกู่หลง ก็เป็นเพราะความเร็วที่ได้รับจากเวทย์พลังนั่นเหนือกว่ากู่หลง…หากความเร็วของกู่หลงเหนือกว่า ไม่แน่ว่าต้วนหลิงเทียนอาจจะสู้กู่หลงไม่ได้!”
“มิผิด สิ่งที่ได้เปรียบที่สุดของต้วนหลิงเทียนคือความเร็ว…แต่มาตอนนี้ข้อได้เปรียบด้านความเร็วดังกล่าวกลับถูกผู้อื่นเอาชนะได้แล้ว! เช่นนี้มิใช่หมายความว่าต้วนหลิงเทียนกำลังจะกลายเป็นปลาบนเขียงให้ศิษย์พี่จางจี้แล่สับตามใจรึไง?”
“ข้าไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าการต่อสู้พึ่งจะเริ่มได้ไม่ทันไร แต่กลับกำลังจะจบลงเช่นนี้…”
……
เมื่อเห็นฉากเรื่องราวเบื้องหน้า ที่อยู่ๆสถานการณ์การต่อสู้ก็คล้ายจะเปลี่ยนไป เหล่าศิษย์อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าไปมา…
“ศิษย์น้องต้วนหลิงเทียน…”
กระทั่งเจียงชูเองตอนนี้ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
มันเองก็ไม่คิดคาดเลยว่า ต้วนหลิงเทียนพึ่งเริ่มสู้กับจางจี้ไปได้ไม่ทันไร ความเร็วที่เสมือนข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของต้วนหลิงเทียนกลับหมดไปแล้วแบบนี้…!