WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1940
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1940
ตอนที่ 1,940 : แท่นบูชาพยัคฆ์ขาว หลิวมู่!
‘อย่างไรก็ตามถึงแม้พี่กู่กับจ้าววังจูจะเชี่ยวชาญทักษะลับนี้และสามารถปกปิดข้อมูลภูมิหลังของข้าได้…แต่นี่ก็เหมือนดื่มโอสถประคองอาการไม่ได้รักษาจนหายขาด…’
‘ด้วยฐานะของหยางชง ตราบใดที่มันทุ่มกำลังและอำนาจทั้งหมด…ก็เป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นก่อนที่มันจะตรวจพบภูมิหลังของข้า กระทั่งค้นพบตำหนักเมฆาครามที่ภูมิภาคเบื้องล่าง…’
คิดถึงจุดนี้สีหน้าของต้วนหลิงเทียนก็กลายเป็นอึมครึมขรึมเคร่งอีกครั้ง
‘ข้าต้องแข็งแกร่งขึ้นก่อนที่หยางชงมันจะพบเรื่องในภูมิภาคเบื้องล่าง! อย่างน้อยๆพลังฝีมือของข้าต้องมากพอจะฆ่ามัน…เจ้าหยางชงนั่นเหมือนจะอยู่ในอันดับที่ 146 ในรายนามยอดเซียน’
‘หมายความว่ามันคงไม่ใช่เซียนสวรรค์ทั่วๆไป พลังฝึกปรือไม่น่ามีอยู่แค่เปลี่ยน 2 เปลี่ยน สมควรอยู่ในเปลี่ยนที่ 3 กระทั่งอาจจะเหนือกว่านั้น’
รายนามยอดเซียนนั้น ไม่ต่างใดจากทำเนียบยอดฝีมือ ซึ่งจัดอันดับยอดฝีมือที่เปิดเผยตัวทั่วภูมิภาคเบื้องบนดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเอาไว้
มาจนวันนี้หลังต้วนหลิงเทียนได้อยู่ในแท่นบูชาเต่าทมิฬของลัทธิบูชาไฟมาพักหนึ่ง เขาก็ได้รับทราบเรื่องราวหลายอย่างจากเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬ บางเรื่องเขาเองก็ไม่เคยได้รู้มาก่อน
ยกตัวอย่างเช่น
ตั้งแต่อันดับที่ 100 ไปจนถึงอันดับที่ 200 ในรายนามยอดเซียนนั้น ผู้ที่อ่อนแอที่สุดอย่างน้อยๆก็เห็นว่าพลังฝึกปรือได้บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว…
จนถึงตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ได้พบยอดฝีมือในรายนามยอดเซียนมาแล้วทั้งสิ้น 4 คน ซึ่งทั้งหมดล้วนติดอยู่ใน 200 อันดับแรกทั้งสิ้น!
ในบรรดาคนเหล่านั้นรวมถึงอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของแท่นบูชาเต่าทมิฬอย่างหลี่อันด้วย
หลี่อันนั้นเป็นยอดฝีมืออันดับที่ 139 ในรายนามยอดเซียน ซึ่งนับเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขารู้จัก
อันดับที่ 2 ก็เป็นอาวุโสเพลิงเงินของแท่นบูชาเต่าทมิฬทั้งยังควบตำแหน่งอาวุโสคุมกฏ กัวฉง
กัวฉงนั้นอยู่ในอันดับที่ 142 ของรายนามยอดเซียน พลังฝีมือนับว่ามิได้ด้อยไปกว่าหลี่อันมากเท่าไหร่
ถัดมาก็จะเป็นหยางชงอาวุโส 5 แห่งวังอุดรไพศาลที่เขาได้พบในวันนี้
และหยางชงนั้นก็อยู่ในอันดับ 146 ของรายนามยอดเซียน!
สำหรับคนสุดท้ายก็คืออาวุโสเพลิงเงินของแท่นบูชาเต่าทมิฬนี้เช่นกัน เถิงชาน
เถิงชานนั้นพลังฝีมือถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 173 ของรายนามยอดเซียน
จากเรื่องนี้จะพบว่าความกล้าแข็งของพลังฝีมือนั้น หลี่อัน หยางชงและกัวฉงจะไล่เลี่ยกัน ส่วนเถิงชานนั้นก็จะอ่อนด้อยกว่า 3 คนก่อนหน้า
‘หากคิดจะฆ่าหยางชงนั่นให้ได้อย่างน้อยๆพลังฝึกปรือข้าต้องบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์! แต่ตอนนี้ข้ามันก็แค่เซียนมนุษย์คนหนึ่ง ขอบเขตเซียนสวรรค์ยังอีกไกลนัก!’
‘ดูเหมือนว่า…ข้าต้องหาโอกาสสูบกลืนรากวิญญาณของผู้อื่น เพื่อเสริมสร้างพรสวรรค์รากวิญญาณของข้าให้ยกระดับสูงขึ้น’
‘ตราบใดที่พรสวรรค์รากวิญญาณของข้าถูกยกระดับจนกลายเป็นถึงพรสวรรค์รากวิญญาณสีม่วงได้ล่ะก็…ด้วยความช่วยเหลือของชั้น 4 เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ข้าคงใช้เวลาไม่นานก็บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ได้!’
จังหวะนี้ในใจของต้วนหลิงเทียนหลงเหลือเพียงหนึ่งความคิดเท่านั้น
ต้องแข็งแกร่งขึ้นให้จงได้!
เขาต้องมีพลังฝีมือสูงพอจะฆ่าหยางชงนั่นให้ได้ ก่อนที่หยางชงอาวุโส 5 แห่งวังอุดรไพศาลคนนี้มันจะพบความเป็นมาของเขา! ไม่งั้นครอบครัวทั้งญาติสนิทมิตรสหายในภูมิภาคเบื้องล่างคงต้องตกอยู่ในอันตรายเป็นแน่!
หากบิดามารดาทั้งภรรยาลูกน้อยรวมถึงสหายของเขาเกิดเรื่องอะไรขึ้นเพราะเขาล่ะก็…ชาตินี้ทั้งชาติเขาก็ไม่มีวันอภัยให้ตัวเองได้!
ห้วงเวลานี้ต้วนหลิงเทียนปรารถนาในพลัง…ยังเป็นพลังที่มากพอจะสยบโลกหล้า!
‘ไปหาจ้าววังจูก่อน’
หลังที่สงบอารมรณ์ได้ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่รอช้ารุดออกจากเรือนชั้นรอง มุ่งหน้าออกจากเขตที่พักแท่นบูชาเต่าทมิฬ และมุ่งหน้าไปยังแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือทันที
ลัทธิบูชาไฟนั้น…
ได้แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ อันได้แก่ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และ เขตของแท่นบูชาจตุรลักษณ์…
พื้นที่ส่วนหลังจะห้อมล้อมพื้นที่ส่วนแรกเอาไว้
สำหรับแท่นบูชาจตุรลักษณ์ทั้งหลาย แท่นบูชามังกรครามจะตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แท่นบูชาพยัคฆ์ขาวตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก แท่นบูชานกไฟตั้งอยู่ทางทิศเหนือ และสุดท้ายแท่นบูชาเต่าทมิฬตั้งอยู่ทางทิศใต้
กล่าวได้ว่า
มังกรครามประจิม!
พยัคฆ์ขาวบูรพา!
นกไฟอุดร!
เต่าทมิฬทักษิน!
ทั้งหมดรวมกันเป็นแท่นบูชาจตุรลักษณ์ของลัทธิบูชาไฟ!
เหตุผลที่ต้วนหลิงเทียนเลือกจะไปหาจ้าววังจูที่แท่นบูชาพยัคฆ์ขาวก่อนนั้น เพราะสถานที่ตั้งของแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวมันอยู่ใกล้กับแท่นบูชาเต่าทมิฬของเขามากกว่า
ถึงแม้ว่าห่างนับกันจริงๆแล้วการไปยังแท่นบูชานกไฟก็แค่มุ่งหน้าขึ้นเหนือไปตรงๆมองไปคล้ายจะเดินทางไปง่ายกว่าที่ต้องอ้อมรอบนอก ทว่าการจะไปยังแท่นบูชานกไฟด้วยเส้นทางตรง จำต้องผ่านดินแดนสักดิ์สิทธิ์! และที่ลัทธิบูชาไฟแห่งนี้ ศิษย์ของแท่นบูชาจตุรลักษร์ที่ไม่มีป้ายผ่านห้ามมิให้ล่วงล้ำเข้าไปเด็ดขาด! ฝ่าฝืนยังต้องโทษสถานหนัก!!
ดังนั้นหากต้วนหลิงเทียนจะไปหากู่ลี่ที่แท่นบูชานกไฟทางตอนเหนือ ก็มีแต่อ้อมซ้ายหรืออ้อมขวาเท่านั้น
ทางอ้อมที่ว่าหากไม่ใช่แท่นบูชามังกรครามก็เป็นแท่นบูชาพยัคฆ์ขาว
เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนที่จะอย่างไรก็ต้องไปพบจูลี่ฉีด้วย จึงเลือกเดินทางไปยังแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวเสียก่อน
ในแท่นบูชาจตุรลักษณ์นั้น เรื่องข้ามเขตไปมาก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องแปลกอะไร เพราะทั้ง 4 แท่นบูชาก็ล้วนติดต่อกันอยู่บ่อยครั้ง เช่นนั้นการปรากฏตัวของต้วนหลิงเทียนในแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวจึงไม่ได้กระตุ้นความสนใจของผู้คนแต่อย่างไร
หลังจากที่มาเยือนถึงเขตแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็คิดสอบถามทางไปยังเขตที่พักของแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวก่อนสิ่งใด
แน่นอนว่ายังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง และมีสถานที่บางแห่งที่เขามิอาจเข้าไปใกล้ได้
สถานที่แห่งนั้นก็คือตำแหน่งที่ตั้งแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวนั่นเอง เพราะในรูปปั้นพยัคฆ์ขาวบนแท่นบูชาก็จะมีเวทย์พลังประจำแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวอยู่ ซึ่งสงวนไว้ให้ศิษย์แท่นบูชาพยัคฆ์ขาวเท่านั้น!
นอกจากศิษย์แท่นบูชาพยัคฆ์ขาวแล้ว หากศิษย์อีก 3 แท่นบูชากล้าเข้าใกล้เขตที่ตั้งแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวล่ะก็ ต่อให้ไม่ได้ใช้สำนึกเทวะอ่านเคล็ดความเวทย์พลังอะไรก็จะถูกขับไล่ออกจากลัทธิบูชาไฟทันที!
หากใช้สำนึกเทวะอ่านหรือจดจำเคล็ดความล่ะก็…โทษตายสถานเดียว!
‘เห็นว่าแต่ละแท่นบูชาของลัทธิบูชาไฟ จะมีค่ายกลซ่อนเอาไว้เพื่อตรวจสอบสำนึกเทวะของเหล่าศิษย์ว่าใช่คนของแท่นบูชานั้นๆหรือไม่ เพื่อหยุดศิษย์นอกแท่นลอบทำความเข้าใจเวทย์พลัง!’
ขณะครุ่นคิด สำนึกเทวะของต้วนหลิงเทียนก็ลองแผ่ออกไปสำรวจใกล้ๆแท่นบูชาพยัคฆ์ขาว
และเมื่อสำนึกเทวะของเขาเข้าไปถึงเขตที่ตั้งแท่นบูชาพยัคฆ์ขาว เขาก็พบว่ามีพลังไร้สภาพประการหนึ่งปิดกั้นสำนึกเทวะของเขาเอาไว้
‘มีค่ายกลซ่อนอยู่จริงๆ! เว้นแต่ข้าจะไปยืนอยู่ใกล้ๆแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวจริงๆ ไม่งั้นไม่มีทางลอบแผ่สำนึกเทวะลักจำเคล็ดความจากที่ไกลๆได้เลย…’
หลังจากที่ทดลองตรวจสอบจนรู้แล้วต้วนหลิงเทียนก็ถอนสำนึกเทวะกลับมาทันที
ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นศิษย์แท่นบูชาพยัคฆ์ขาวคนหนึ่งกำลังเหินร่างผ่านมาใกล้ๆเขาพอดี
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็เลือกจะเหินร่างไปหยุดอีกฝ่ายเอาไว้ทั้งประสานมือกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม “พี่ชายท่านนี้ รบกวนข้าขอถามที่ตั้งเขตที่พักของศิษย์พยัคฆ์ขาวของท่านสักหน่อยได้หรือไม่…พอดีข้าคิดไปหาสหายที่อยู่ในแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวแห่งนี้น่ะ…”
ศิษย์แท่นบูชาพยัคฆ์ขาวคนนี้ชุดคลุมก็มีลักษณะคล้ายคลึงกับเขา
ความแตกต่างเดียวก็คือลายปักบนเสื้อคลุมอีกฝ่ายนั้น เป็นรูปพยัคฆ์ขาวส่วนของเขาเป็นเต่าทมิฬ
เรื่องนี้ทำให้แยกความแตกต่างระหว่างศิษย์ของแต่ละแท่นบูชาได้ทันที แน่นอนว่าในลัทธิบูชาไฟก็ทำได้แค่สวมใส่เสื้อผ้าตามฝ่ายที่ตนสังกัดเท่านั้นและแน่นอนว่าโทษของการปลอมแปลงฐานะหากถูกจับได้ก็ถึงตายเช่นกัน!
“เขตที่พักของศิษย์แท่นบูชาพยัคฆ์ขาวของพวกเราน่ะหรือ มันก็ตั้งอยู่ในส่วนใต้ของพื้นที่แท่นบูชาพยัคฆ์ขาวเรานี่ล่ะ…ในเมื่อเจ้าเป็นคนของแท่นบูชาเต่าทมิฬ เช่นนั้นระหว่างเจ้าเดินทางมาที่นี่เจ้าก็คงจะเหินผ่านไปแล้วล่ะ”
ศิษย์แท่นบูชาพยัคฆ์ขาวคนดังกล่าวกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง “ตอนนี้ข้าก็กำลังจะไปธุระแถวนั้นพอดี งั้นน้องชายเจ้ามากับข้าเลยก็ได้”
“ขอบคุณพี่ชายมาก”
ต้วนหลิงเทียนเร่งขอบคุณด้วยรอยยิ้มทันที
“น้องชาย ว่าแต่เจ้าเรียกว่าอะไรรึ?”
ศิษย์แท่นบูชาพยัคฆ์ขาวคนนี้คล้ายจะคุยเก่งเพื่อไม่ให้บรรยากาศเงียบเหงาเกินไป
“ต้วนหลิงเทียน”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะถามกลับไปอย่างสุภาพว่า “แล้วไม่ทราบพี่ชายมีนามสูงส่งว่าอะไรหรือ?”
“ชื่อข้าตัวเดียวว่ามู่ แซ่หลิว”
ศิษย์แท่นบูชาพยัคฆ์ขาวนาม หลิวมู่ ตอบคำถามต้วนหลิงเทียนทันที ก่อนที่คล้ายมันจะทำหน้าครุ่นคิดคล้ายนึกทบทวนอะไรบางอย่าง “เอ…ต้วนหลิงเทียน…ดูเหมือนข้าจะเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนนะ…ต้วนหลิงเทียน…แท่นบูชาเต่าทมิฬ”
ทันใดนั้นสองตาหลิวมู่พลันเบิกกว้างขึ้นมา หันมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยความสนใจทันที “ฮ้า! นี่เจ้าคือหัวขบถต้วนหลิงเทียนของแท่นบูชาเต่าทมิฬคนนั้นงั้นเหรอเนี่ย?”
“หัวขบถ?”
ต้วนหลิงเทียนกระพริบตาปริบๆ ค่อยถามกลับ “เอ่อพี่หลิว…ท่านใช่จำคนผิดรึเปล่า?”
“แล้วมีกี่ต้วนหลิงเทียนในแท่นบูชาเต่าทมิฬเจ้าเล่า?”
หลิวมู่กล่าวถามออกมาอีกครั้ง
“ข้าเองก็พึ่งอยู่ในแท่นบูชาเต่าทมิฬได้ไม่นานมากนัก จึงไม่ทราบว่าในแท่นบูชาเต่าทมิฬจะมีคนเรียกว่าต้วนหลิงเทียนเหมือนข้าอยู่อีกหรือไม่…”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา
“เห เจ้าเองก็พึ่งมาถึงแท่นบูชาเต่าทมิฬไม่นานหรือ?เท่าที่ข้ารู้มาหัวขบถต้วนหลิงเทียนของแท่นบูชาเต่าทมิฬก็พึ่งเข้าร่วมแท่นบูชาเต่าทมิฬได้ไม่นานเช่นกัน เป็นผู้ที่พึ่งผ่านการประเมินทดสอบรอบล่าสุดนี่เอง”
หลิวมู่หยีตามองต้วนหลิงเทียน ลึกลงไปในดวงตาเผยประกายสว่างขึ้นวาบหนึ่ง
“การประเมินทดสอบรอบล่าสุด?”
ต้วนหลิงเทียนพูดทวนคำรอบหนึ่ง ค่อยเผยยิ้มขื่นขมออกมา “พี่ชายหลิว หากหัวขบถต้วนหลิงเทียนที่ท่านว่าพึ่งผ่านการประเมินล่าสุดล่ะก็…ดูท่าหัวขบถคนนั้นก็เป็นข้าเองแหล่ะ”
“ฮ่าๆๆ…ว่าแต่นี่เจ้าเป็นพวกหัวขบถจริงๆหรือ?”
หลิวมู่กล่าวถามออกมาด้วยความสนใจ “จากที่ข้าได้ยินมา เจ้าถึงกับไปมีเรื่องบาหมางเพาะสร้างความแค้นกับอาวุโสหลี่อัน อาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1ของแท่นบูชาเต่าทมิฬตั้งแต่มาถึง…แถมเมื่อ 10 วันก่อนเจ้ายังฆ่าอัจฉริยะพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินที่จะฝากตัวเป็นศิษย์ของอาวุโสหลี่อันไปอีก!”
“และจากที่ข้ารู้มาดูเหมือนพลังฝึกปรือของเจ้าจะเป็นเพียงเซียนปฐพีขั้นต้นเท่านั้น แต่กลับสังหารอัจฉริยะรากวิญญาณสีน้ำเงินผู้นั้น…ที่มีพลังฝึกปรือบรรลุถึงเซียนปฐพีขั้นสูงสุดได้!”
หลิวมู่มองถามต้วนหลิงเทียนไม่วางตา
“ข้าแค่บังเอิญมีโชคน่ะ”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาด้วยความสุภาพ ขณะเดียวกันก็ลอบประหลาดใจไม่น้อย ด้วยไม่คิดเลยว่าเรื่องราวของเขามันจะโด่งดังมาถึงแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวแล้ว!
“เจ้าไม่ต้องถ่อมตนนักหรอก”
หลิวมู่ส่ายหัวไปมา ค่อยกล่าวว่า “ถึงแม้ความแข็งแกร่งของเจ้าจะน่าประหลาดใจ…แต่ที่ข้าชื่นชมเจ้ามากที่สุดกลับไม่ใช่พลังฝีมือของเจ้า! ทว่าเป็นเรื่องที่เจ้าพึ่งมาถึงแท่นบูชาเต่าทมิฬแท้ๆแต่กลับกล้าล่วงเกินอาวุโสหลี่อันแล้ว…”
“ลืมเรื่องที่พลังฝึกปรือข้าที่บรรลุถึงเพียงเซียนนภาขั้นเชี่ยวชาญไปได้เลย ต่อให้พลังฝึกปรือของข้าบรรลุเซียนนภาขั้นสูงสุด กระทั่งให้ทะลวงผ่านไปถึงขอบเขตเซียนสวรรค์แล้ว ข้าก็ยังไม่กล้าล่วงเกินอาวุโสหลี่อันของแท่นบูชาเต่าทมิฬเจ้าด้วยซ้ำ…ไม่ต้องพูดถึงเรื่องความกล้าจะไปฆ่าว่าที่ศิษย์ของมันเลย”
“เช่นนั้นนี่จึงเป็นอะไรที่ทำให้ข้ารู้สึกนับถือเจ้านัก…ช่างร้ายกาจจริงๆ!”
หลิวมู่กล่าวถึงตรงนี้ก็ยกนิ้วโป้งให้ต้วนหลิงเทียน
เมื่อได้ยินคำของหลิวมู่รวมถึงทีท่าของอีกฝ่ายที่คล้ายจะไม่ได้ล้อเล่นต้วนหลิงเทียนก็ถึงกับกระพริบตาปริบๆรู้สึกพูดไม่ออกอยู่บ้าง นอกจากนั้นเขายังประหลาดใจกับพลังฝึกปรือของหลิวมู่คนนี้ไม่น้อย
เขาไม่คิดไม่ฝันเลย เพียงแค่เห็นใครกำลังผ่านมาแล้วไปหยุดอีกฝ่ายเพื่อถามทางแบบนี้ จะได้พบศิษย์แท่นบูชาพยัคฆ์ขาวที่พลังฝึกปรือบรรลุถึงเซียนนภาขั้นเชี่ยวชาญแล้ว
“พี่ชายหลิว เท่าที่ข้ารู้มาไม่ใช่ว่าศิษย์ที่มีพลังฝึกปรือบรรลุถึงเซียนนภาขั้นเชี่ยวชาญ สามารถเข้ารับการประเมินทดสอบจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เพื่อกลายเป็นศิษย์ในแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ไม่ใช่หรือ…ทำไมท่านยังรั้งอยู่ที่แท่นบูชาพยัคฆ์ขาวเล่า?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกไปด้วยความสงสัย