WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1945
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1945
ตอนที่ 1,945 : หยวนหง…ตาย!
“เป็นไปมิได้!”
พอได้ยินว่ามีใครกล่าวว่าต้วนหลิงเทียนอาจจะมีเวทย์พลังสายจู่โจมขั้นสูงอีกชนิด เหล่าศิษย์แท่นบูชานกไฟหลายคนกล่าวแย้งออกมาทันที
“เวทย์พลังเสริมท่าร่างต้วนหลิงเทียนผู้ใดมองก็รู้กันดีว่าสมควรเป็นเวทย์พลังขั้นสูง…อีกทั้งเวทย์พลังสนับสนุนที่ทำให้พลังฝึกปรือผู้คนทะยานขึ้นมาสองขั้นได้เช่นนี้ 8 ใน 10 ส่วนล้วนต้องเป็นเวทย์พลังสนับสนุนขั้นสูงเช่นกัน!”
“มันสามารถพบเจอกระทั่งตีความจนแตกฉาน จนเพาะสร้างต้นแบบใช้เวทย์พลังขั้นสูงทั้ง 2 ได้…นับว่าเปี่ยมโชควาสนาอย่างยิ่งแล้ว! แต่พวกเจ้ายังจะกล้ากล่าวอีกรึ ว่ามันยังเชี่ยวชาญเวทย์พลังจู่โจมขั้นสูงเป็นชนิดที่ 3?”
“ฮ่าๆๆๆ…นั่นสิ พวกเจ้าใช่เลอะเลือนกันไปจริงๆแล้วหรือไม่? หรือพวกเจ้าคิดจริงๆว่าเวทย์พลังขั้นสูงจักเหมือนหัวผักกาดในตลาดที่ผู้ใดก็หาซื้อหยิบจ่ายได้?”
เหล่าศิษย์แท่นบูชานกไฟพวกนี้ วาจาท้ายประโยคยังแฝงเสียดสีไม่น้อย
ทันทีที่ว่าจาของพวกมันดังออก ก็คล้ายเป็นหมุดปักตอกย้ำความเชื่อ ทำให้เหล่าศิษย์แท่นบูชานกไฟก่อนหน้าที่ลังเลพลันเชื่อมั่น “ถูกแล้ว! ต้วนหลิงเทียนมิมีทางเข้าใจเวทย์พลังขั้นสูงอีกสายได้หรอก!”
“เวทย์พลังขั้นสูงไหนเลยจะตีความแตกฉานกันได้ง่ายๆ ยังไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ยากจะพบพานด้วยซ้ำ! ผู้ใดจะมีไว้ในครอบครองได้ดั่งใจต้องการ? ไม่ต้องกล่าวอื่นไกลลำพังหยวนหงที่บรรลุถึงเซียนนภาขั้นต้นแล้ว ก็ยังไม่แม้แต่จะมีโอกาสได้เข้าใจเวทย์พลังขั้นสูงสักชนิดด้วยซ้ำ!”
“ดูเหมือนว่าวันนี้ต้วนหลิงเทียนนั่นจะถึงวาระแล้วจริงๆ…”
“จริง หากมันแพ้พ่ายล่ะก็มันได้ทรมานหนักแน่! ถึงแม้หยวนหงพี่น้องจะกริ่งเกรงกฏของลัทธิบูชาไฟเราจนไม่กล้าฆ่าหรือทำให้มันพิการ แต่มันสมควรถูกทุบตีทำร้ายจนรู้สึกตายเสียดีกว่าอยู่!”
“สมควรเป็นเช่นนั้นจริงๆ ดูเหมือนหยวนหงมันคิดทุบตีทำร้ายต้วนหลิงเทียนให้ร่ำร้องหาความตายเพื่อเอาใจบรรพจารย์ของมันอย่างอาวุโสหลี่อันเป็นแน่!”
“ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นช่างน่าสงสารยิ่งนัก กลับถูกใช้เป็นเครื่องมือสร้างความพึงพอใจให้อาจารย์และบรรพจารย์ของหยวนหง”
……
ฟังจากวาจาของเหล่าศิษย์แท่นบูชานกไฟกลุ่มนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าในสายตาของพวกมันผลแพ้ชนะวันนี้ได้ถูกตัดสินไปแล้ว และผู้แพ้ย่อมเป็นต้วนหลิงเทียนอย่างไม่ต้องสงสัยเลย กระทั่งชะตากรรมหลังจากนี้ก็เกรงว่าจะมิค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่
อาจถูกทุบตีถึงขั้นตายเสียดีกว่าอยู่!
ส่วนเหล่าคนกลุ่มน้อยบางส่วนที่กล่าวว่าต้วนหลิงเทียนอาจมีเวทย์พลังสายจู่โจมขั้นสูงอีกสายนั้น ก็ทำได้แต่สงบปากสงบคำ เพื่อมิให้ตัวกลายเป็นเรือทวนกระแสน้ำ แม้ในใจพวกมันจะยังคงคิดเหมือนเดิมก็ตามที!
แน่นอนว่าตอนนี้พวกมันก็ทำได้แค่คิดเท่านั้น
เพราะหากพูดออกไป ไม่วายได้โดนผู้คนถล่มด่าว่าเลอะเลือนอีกรอบแน่!
เมื่อเห็นว่าเพียงหมัดเดียวของหยวนหงก็ซัดต้วนหลิงเทียนให้ปลิดปลิวไปแบบนี้ได้ง่ายๆ หยวนค่วงก็โล่งใจขึ้นมาไม่น้อย ยังไม่ลืมหันไปมองกู่ลี่ที่ตอนนี้มันกระชากคอเสื้อหอบหิ้วอีกฝ่ายไว้คล้ายไม่ใช่ผู้คนด้วยวาจาเหยียดหยามสายตาสะใจ “กู่ลี่เจ้าเห็นสภาพน้องหลิงเทียนของเจ้าชัดตาดีหรือไม่?จริงอยู่ที่ความเร็วของมันเหนือพี่ข้า แต่เมื่อเผชิญหน้ากับพี่ข้าตรงๆให้มันใช้กระบี่ร้อยอาคมเซียนยังมิอาจต้านทานพี่ข้าได้สักครึ่งท่า ไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของพี่ข้าได้!!”
กู่ลี่ที่ตอนนี้ชักสีหน้าเคร่งขรึมมองต้นหลิงเทียนที่อยู่ไกลห่างด้วยแววตาเปี่ยมกังวล
“น้องหลิงเทียนมิต้องห่วงข้า อาศัยที่ผลของเวทย์พลังเจ้ายังอยู่เร่งรีบหลบหนีไปเสีย ไปจากแท่นบูชานกไฟและอย่าได้กลับมาอีก! อย่างน้อยๆเจ้าก็ไปจากแท่นบูชานกไฟนี่จนกว่าจะมีพลังเหนือกว่าสารเลวหยวนหงนั่น!!”
กู่ลี่ไม่แยแสวาจาหยามหมิ่นเย้ยเยาะของหยวนค่วง ขณะที่ชักหน้าเคร่งขรึม มันก็เร่งส่งเสียงกล่าวบอกต้วนหลิงเทียน และเร่งเร้าให้ต้วนหลิงเทียนรีบหนีไปจากแท่นบูชานกไฟโดยเร็ว!
อนิจจาวาจาส่งเสียงผ่านพลังคราวนี้ กลับไร้ซึ่งการตอบสนองอันใดจากต้วนหลิงเทียน
ต้วนหลิงเทียนยังคงลอยร่างเฉยเมยคล้ายไม่ได้ยินเสียงมัน
กู่ลี่ที่ร้อนใจก็ได้แต่ส่งเสียงไปด้วยความกังวลไม่หยุดหย่อน แต่ผลก็คงเดิม…ไร้ซึ่งการตอบสนองอันใด
‘น้องหลิงเทียน เจ้าคิดจะทำอะไรของเจ้ากันแน่…’
ครู่ต่อมากู่ลี่ก็ยิ่งเป็นกังวลหนัก ฟันกรามขบกันดังกรอดแทบแหลก
ภายใต้สายตาของผู้คน ปีกสีทอง ด้านหลังของต้วนหลิงเทียนอยู่ดีๆพลันกระพืออีกครั้ง พาลให้มวลอากาศใต้ปีกถูกบีบอัดคัดเค้นถึงขีดสุด!
ปง! ปง! ปง! ปง!
…
ยามเมื่ออากาศที่บีบอัดจนแตกระเบิด ลมบางเบาที่ม้วนตลบก่อนหน้าก็คล้ายกลับกลายเป็นใต้ฝุ่นอันตราย ระเบิดกวาดออกไป ส่งเสียงดังไม่หยุด!
ฟุ่บ!!
ขณะเดียวกันภายใต้สายตาของทุกคน ร่างต้วนหลิงเทียนก็พุ่งทะยานออกไปคล้ายศรแหลมคมลั่นยิงออกจากเกาทัณฑ์ คนเหินทะลวงหมู่เมฆเบื้องบนจนหายลับตาไปในท้องฟ้า!
เห็นฉากนี้กู่ลี่พอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก…
พอคิดไปว่าที่แท้น้องหลิงเทียนยังคงฟังวาจาของมันอยู่ และเลือกจะหลบหนีออกไปจากแท่นบูชานกไฟแต่โดยดี ไม่ดื้อรั้นอันใด…มันก็โล่งใจนัก!
“เฮอะ! สวะเจ้าคิดหนีงั้นเรอะ! อย่าได้ฝัน!!”
หยวนหงแสยะยิ้มเย็นเยือก ก่อนที่จะปะทุพลังชั่วชีวิตพุ่งร่างทะยานตามต้วนหลิงเทียน ที่หายลับไปหลังเมฆต่อหน้าทุกคน!
“เพ้ย! ไปกันแล้ว พวกเรารีบตามไปชมดูเร็ว!!”
ขณะเดียวกันเหล่าศิษย์แท่นบูชานกไฟที่ชมดูก็อึ้งไปชั่วลมหายใจ ก่อนจะคืนสติและรีบร้อนโคจรพลังหมายทะยานร่างพุ่งตามไปชมดูเรื่องราวสนุกสนานบันเทิงใจบทนี้ ว่าที่แท้จะจบลงเช่นไร
ทว่ามวลพลังพึ่งก่อเกิดหมุนเวียนในร่างเตรียมปะทุใช้ออกเพื่อเหินขึ้นฟ้า พวกมันก็จำต้องชะงักลงจนขุมพลังขาดห้วง เหม่อมองขึ้นไปบนฟ้าด้วยความประหลาดใจแทน…
กล่าวให้ชัดพวกมันกำลังมองเมฆก้อนหนึ่งที่ต้วนหลิงเทียนกับหยวนหงพุ่งหายลับไปก่อนหน้า…บัดนี้ได้ถูกผู้คนใจร้ายพุ่งร่างฉับไวจนทำให้สายลมปั่นป่วนพัดพาจนแตกกระจาย…
และหลังม่านเมฆที่กระจายตัวออก ต้วนหลิงเทียนที่ทุกผู้คนคิดว่าหนีไปแล้วนั้น…กลับลอยร่างอยู่อย่างสงบ
ไม่เพียงแค่นั้น…
นอกจากคนลอยร่างอย่างสงบ ในมือของต้วนหลิงเทียนยังหอบหิ้วคอเสื้อของร่างๆหนึ่งเอาไว้….เป็นร่างของหยวนหงที่พึ่งพุ่งร่างตามขึ้นไปนั่นเอง!
และตอนนี้ร่างหยวนหงที่ถูกหอบหิ้วอยู่ก็ปรากฏหลุมโลหิตตามร่างถึง 3 หลุม โลหิตของมันไหลออกจ๊อกๆ ร่วงลงจากฟ้าแตกกระจายเป็นบุปผาสีชาดกลางหาว…สภาพคนมองไปยังคล้ายตอนเป็นเพียงสิ่งของดั่งหมูไก่สุนัขเจียนตายรอลงหม้อต้ม…
เหตุผลที่กล่าวว่าเจียนตาย เพราะทุกคนยังสัมผัสได้ว่าหยวนหงยังหลงเหลือลมหายใจอยู่!
และในสภาพที่ทุกผู้คนเงียบงันถึงขั้นหยุดลมหายใจ เสียงลมหายใจรวยรินของหยวนหงจึงดังให้ทุกคนได้ยินกันชัดถนัดหู…หากไม่รีบรักษาเกรงว่าลมหายใจนี้คงได้หายไปจริงๆแน่!!
ต้วนหลิงเทียนหอบหิ้วหยวนหงไว้ดั่งหมูไก่เช่นนี้ พาลให้ทุกผู้คนรู้สึกละม้ายคล้ายคุ้นไม่น้อย
ทันใดนั้นเหล่าศิษย์แท่นบูชานกไฟบางคน ถึงกับอดไม่ได้ที่จะหันมองไปทางหนึ่งอย่างไม่รู้ตัว สุดท้ายจึงได้แลเห็นภาพกู่ลี่ที่กำลังถูกหยวนค่วงหอบหิ้วคอเสื้อเอาไว้ เหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน…
ไม่ว่าพวกมันจะคิดอะไรกันบ้าง แต่ในใจต่างพากันคิดไปว่าใช่ต้วนหลิงเทียนเลียนแบบหยวนค่วงอยู่หรือไม่…
“นิ…นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?”
อย่างไรก็ตามมีหลายคนที่ไม่ได้หันไปมองเพราะมัวแต่มองเรื่องราวบนฟ้าสูงด้วยความตกตะลึง ตกตะลึงในในความร้ายกาจของต้วนหลิงเทียน!
เพราะตัดสินจากฉากเรื่องราวที่สองตาแลเห็นเบื้องหน้า ไม่พ้นพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนต้องเหนือกว่าหยวนหงแน่แท้!
หาไม่แล้วหยวนหงจะตกอยู่ในกำมืออย่างสิ้นท่าเช่นนี้ได้หรือ?
“ท่านพี่!!!”
เมื่อเห็นหยวนหงหลงเหลือเพียงลมหายใจรวยรินแผ่วเบาใกล้ดับลงเต็มทีในมือต้วนหลิงเทียน หยวนค่วงพลันตะโกนออกมาด้วยความหวาดกลัวทั้งโศกเศร้าสุดใจ
ยามมองไปยังร่างต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง แววตาฉายชัดถึงความหวาดผวาพรั่นกลัว
มันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนที่แท้จะมีพลังฝีมือกล้าแข็งร้ายกาจถึงขั้นสยบพี่ชายของมัน หยวนหง แบบนี้ได้!
“มัน…เชี่ยวชาญเวทย์พลังสายจู่โจมขั้นสูงจริงๆหรือ?”
เหล่าศิษย์แท่นบูชานกไฟส่วนน้อยก่อนหน้า กล่าววาจาเดิมออกมาด้วยความสงสัย แต่ตอนนี้ทุกอย่างคล้ายตอบความสงสัยพวกมันชัดเจน!
ต้วนหลิงเทียน ที่แท้กลับสำเร็จเวทย์พลังสายจู่โจมขั้นสูงแล้วจริงๆ!
มิฉะนั้นต้วนหลิงเทียนคงไม่สยบหยวนหงได้ในเวลาชั่วอึดใจที่พวกมันคลาดสายตาไปได้เช่นนี้!
“สัตว์ประหลาด! ไม่อยากจะเชื่อเลยมันกลับสำเร็จเวทย์พลังขั้นสูงถึง 3 สายจริงๆ!!”
“นี่มันบ้าอะไรกัน! มันมิใช่ว่าเป็นเพียงผู้ที่มีพลังฝึกปรือเซียนปฐพีขั้นกลางทั้งพรสวรรค์รากวิญญาณยังเป็นสีเหลืองเท่านั้นหรือไร…หากรากวิญญาณมันมิใช่สีเหลืองแต่เป็นสีเขียวกระทั่งสูงกว่านั้น! ด้วยไหวพริบปฏิภาณเช่นนี้อนาคตภายภาคหน้าย่อมไร้จำกัด! ช่างน่าเสียดายยิ่ง!!”
“มิผิดช่างน่าเสียดายยิ่ง! พรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลืองถูกฟ้าลิขิตมาแล้วว่าชั่วชีวิตมิมีวันย่างถึงขอบเขตเซียนสวรรค์…แม้จะโชคดีที่สามารถทะลวงถึงขอบเขตเซียนนภาได้ แต่ไม่มีหนทางไหนเลยจะบรรลุเซียนสวรรค์จริงๆ! หากมีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเขียวยังพอมีโอกาสบรรลุถึงเซียนสวรรค์ได้!!”
“นั่นสิ หากต้วนหลิงเทียนผู้นี้สามารถบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ได้ อาศัยเวทย์พลังขั้นสูงทั้ง 3สายนี้ น่ากลัวว่ายอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ทั่วไป ย่อมมิใช่คู่มือมัน!”
“เป็นฟ้าริษยาอัจฉริยะแล้วจริงๆ ตัวตนเช่นนี้กลับมีพรสวรรค์รากวิญญาณเพียงแค่สีเหลืองเหมือนคนทั่วไปเท่านั้น…”
……
พอพูดถึงเรื่องพรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนที่เป็นเพียงรากวิญญาณสีเหลืองขึ้นมา เหล่าศิษย์หลายคนอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าไปมาด้วยความเสียดาย
ผู้ที่เชี่ยวชาญแตกฉานเวทย์พลังขั้นสูงถึง 3 สาย กลับมีพรสวรรค์รากวิญญาณเพียงแค่สีเหลืองเท่านั้น…
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจกับตัวตนเช่นนี้จากใจ
“ปล่อย!!”
ขณะที่ต้วนหลิงเทียนโรยร่างลงจากฟ้าสูง หยวนค่วงพลันตะโกนร่ำร้องออกมาให้ต้วนหลิงเทียนปล่อยพี่ชายของมัน
ทว่าการตอบรับเสียงร้องครั้งนี้ ต้วนหลิงเทียนเพียงหันไปเหลือบมองหยวนค่วงด้วยสายตาไร้แยแส ลึกลงไปในตาซ้ายพลันสว่างวาบคราหนึ่ง พลังวิญญาณควบแน่นก่อเกิดเป็นมังกรตัวเล็กพุ่งทะยานออกไปฉับไว!
อำนาจจิตจู่โจมวิญญาณของต้วนหลิงเทียน ลัดฟ้าจู่โจมเข้าร่างหยวนค่วงในชั่วพริบตาและกระแทกกระทั้นเข้ากับดวงจิตของมันอย่างแรง จนวิญญาณของมันคล้ายจะสะท้านไปทั้งร่าง
และในขณะที่วิญญาณสะท้าน หยวนค่วงก็เผลอปล่อยมือที่จับคอเสื้อกู่ลี่เอาไว้อย่างไม่รู้ตัว
หยวนค่วงปล่อยมือทั้งลืมเลือนกู่ลี่ไปชั่วขณะ เช่นนั้นก็ไม่อาจประคองพลังสะกดกู่ลี่เอาไว้ได้สืบไป พลังทั่วร่างของกู่ลี่จึงโคจรหมุนเวียนได้อย่างอิสระทันที!
“น้องหลิงเทียน!”
หลังได้อิสรภาพกลับคืนอย่างไม่ทันตั้งตัว กู่ลี่ก็ไม่ตกใจอะไรยังใช้โอกาสนี้อย่างไม่สิ้นเปลืองเร่งรุดเหินร่างออกไปทันที
จนกระทั่งมันมาหยุดลอยร่างข้างๆต้วนหลิงเทียน จึงค่อยระบายลมหายใจอย่างโล่งอกออกมาเฮือกหนึ่ง ด้วยรู้ว่าวันนี้มันรอดพ้นอันตรายแล้ว
สำหรับอำนาจจิตจู่โจมวิญญาณนั้น…ด้วยพลังฝึกปรือที่แท้จริงของต้วนหลิงเทียนยังคงอยู่ในขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นกลาง…
เช่นนั้นพลังวิญญาณของเขาก็ยังอยู่ในระดับดังกล่าวเช่นกัน อำนาจจิตจู่โจมวิญญาณนี้จึงไม่อาจทำร้ายอะไรหยวนค่วงได้เลย
หยวนค่วงนั้นจะอย่างไรก็บรรลุขอบเขตเซียนปฐพีแล้ว พลังวิญญาณของมันกล้าแข็งกว่าเขามาก!
แต่แน่นอนว่าอำนาจจิตที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกไม่ได้ใช้เพราะคิดฆ่าหยวนค่วง เขาเพียงแค่ทำให้มันเสียสมาธิไปเท่านั้น
ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าหยวนค่วงต้องไม่กล้าทำอะไรกู่ลี่เพราะเขากุมชีวิตพี่มันไว้อยู่ แต่เขาก็ไม่พอใจจะเห็นกู่ลี่ตกอยู่ในกำมืออีกฝ่ายเช่นนั้น!
เพราะเรื่องนี้มันเป็นอะไรที่ ‘เกิน’ ไปสำหรับเขา และเขาไม่ชอบความรู้สึก ‘เกิน’ ไปดังกล่าว
หยวนค่วงที่โดนอำนาจจิตเพียงงุนงงอยู่ครู่หนึ่งก็รู้สึกตัว
หลังจากที่มันรู้สึกตัว พอพบว่ากู่ลี่กลับหลุดรอดเงื้อมมือไปแล้ว หน้ามันก็เปลี่ยนสีทันที
สูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับอารมณ์ครั้งหนึ่ง หยวนค่วงก็มองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงเย็น “ต้วนหลิงเทียน ยังไม่รีบปล่อยพี่ชายข้าอีก!”
“ปล่อยพี่เจ้า? แล้วทำไมข้าต้องปล่อยพี่เจ้าด้วย?”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ
อย่างไรก็ตามรอยยิ้มบางๆของต้วนหลิงเทียนนี้สำหรับหยวนค่วงแล้วมันมีเลศนัยนัก! พาลให้รู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างไรไม่ทราบ!!
“เจ้าไม่ยอมปล่อยคนเช่นนั้นเจ้าคิดจะทำอะไร!? หรือเจ้ากล้าฆ่าพี่ชายของข้า?”
หยวนค่วงกล่าวออกด้วยโทสะ
“ก็อย่างที่เจ้าว่านั่นล่ะ…ข้าแค่อยากจะฆ่าพี่ชายของเจ้า!”
ลูกตาต้วนหลิงเทียนพุ่งยิงรังสีอำมหิตเย็นเยียบออกมาขุมหนึ่ง มุมปากยังแสยะยิ้มเย้ยหยันออกมา
“ฆ่าพี่ชายของข้างั้นหรือ! ถ้างั้นเจ้าเองก็ไม่มีวันรอดชีวิตไปได้หรอก!!”
ได้ยินวาจาแฝงอำมหิตของต้วนหลิงเทียน ลูกตาหยวนค่วงหดเล็กลง ปากกล่าวออกไปเสียงเย็น “อย่าได้ลืม ‘กฏ’ ของลัทธิบูชาไฟเร…!”
แคร่ก! กร๊อบ!!
คำว่า กฏ ยังดังออกจากปากหยวนค่วงไม่ทันขาดคำด้วยซ้ำ เสียงบางสิ่งแตกหักก็ดังออกมาให้ได้ยินกันชัด
เป็นต้วนหลิงเทียนหักคอหยวนหงโต้งๆ!
ง่ายดายนัก!
หักคอกันโต้งๆเช่นนี้!
ซึ่งๆหน้า!
ไร้ปราณี!!
ชิ้ง! ชิ้ง!
หลังหักคอหยวนหงแล้ว ต้วนหลิงเทียนยังสะบัดมือจี้ดัชนีกระบี่แทงออกไป 2 ครั้ง…
ดัชนีกระบี่ครั้งหนึ่งทะลวงหว่างคิ้วทำลายดวงจิตของหยวนหงจนพินาศ!
อีกครั้งทะลวงป่นหัวใจของหยวนหงจนแหลกเหลว!
ตอนนี้ต่อให้ทวยเทพลงมาจากสวรรค์ก็เกรงว่าคงไม่อาจช่วยชีวิตหยวนหงเอาไว้ได้แล้ว…
เพราะหยวนหงได้ตกตายคาที่! ตายอย่างที่ไม่อาจตายมากไปกว่านี้ได้อีก!!
พริบตาที่หยวนหงถูกฆ่า ฉากเรื่องราวกลับกลายเป็นเงียบงันดั่งคนตาย!
เหล่าศิษย์แท่นบูชานกไฟตกตะลึงจนขวัญหนีดีฝ่อ พวกมันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนจะเพิกเฉย ‘กฏ’ ของลัทธิบูชาไฟแบบนี้!
ครู่ต่อมาหยวนค่วงที่คล้ายยังไม่อาจตามเรื่องราวได้ทันก็ดึงสติกลับคืนจากอาการตะลึง มันมองต้วนหลิงเทียนราวกับมองคนตาย กล่าวร่ำร้องออกมาเสียงสั่น “สารเลวเจ้า…เจ้ากล้าพี่ชายของข้าได้อย่างไรกัน! สารเลว!!”
“ตายแน่! คราวนี้เจ้าได้ตายแน่!!”
วาจาท้ายประโยคหยวนค่วงยังคำรามออกมาด้วยความเคียดแค้นชิงชังทั้งเต็มไปด้วยความโศกศัลย์นัก!