WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1950
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1950
ตอนที่ 1,950 : ความจริงจะพิสูจน์ทุกสิ่ง!
แม้ว่าสำหรับหลี่อันแล้วนี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่กัวฉงไม่ไว้หน้ามัน
อย่างไรก็ตามท่ามกลางสายตาคนมากมายเช่นนี้ แต่กัวฉงยังจะกล่าวกับมันออกมาตรงๆ! ใจของมันย่อมอดไม่ได้ที่จะมีโทสะขึ้นมา! ขุ่นเคืองนัก!!
แต่แน่นอนถึงแม้ใจหลี่อันจะมากโทสะเพียงไร มันก็ไม่กล้าเปิดเผยออกมา
อย่างน้อยๆมันรู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่มันจะหืออือ
ผู้ใดจะไปรู้เกิดมันใช้อารมณ์ค้านแย้งกัวฉงขึ้นมาตอนนี้ อีกฝ่ายเกิดมีโมโหหันไปเข้าข้างต้วนหลิงเทียนขึ้นมา…ไม่ย่ำแย่แล้วหรือ!
ถึงแม้ว่าตาม กฏ ของลัทธิบูชาไฟ การที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าคนต่อหน้าพยานมากมายต้องตายแน่แท้…แต่ผู้ใดจะไปรู้ว่ากัวฉงจะบังเกิดจิตคิดเข้าข้างต้วนหลิงเทียนขึ้นมาเพราะเคืองมันหรือไม่…
เพื่อเป็นสักขีพยานในการสำเร็จโทษต้วนหลิงเทียน มันเลือกที่จะอดทนเอาไว้!
จากจุดนี้เห็นได้ชัดว่าหลี่อันอยากให้ต้วนหลิงเทียนถูกประหารเพียงใด…
“ต้วนหลิงเทียน!”
หลังจากละสายตาจากหลี่อัน กัวฉงก็หันมามองต้วนหลิงเทียนทันที ลูกตาของมันเผยประกายเยียบเย็นวูบวาบออก กล่าวถามไปเสียงขรึม “ข้าได้ยินรายงานมาว่า…เจ้าฆ่าศิษย์แท่นบูชานกไฟไป 2 คนงั้นรึ?”
ขณะที่กัวฉงมองถามต้วนหลิงเทียน สายตาของคนทั้งหมดในที่นี้ก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนเป็นสายตาเดียวกัน
“ใช่!”
ภายใต้สายตาของทุกคน ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวยอมรับออกไปด้วยทีท่าปลอดโปร่ง
“เพราะอะไร”
กัวฉงกล่าวถามออกมาอีกคำ แม้ทุกอย่างยังกระทำไปตามขั้นตอนแต่ตอนนี้เสียงของมันก็นับว่าเย็นชามากแล้ว
“หยวนหงมันคิดฆ่าข้า เช่นนั้นข้าฆ่ามันก็ถือว่าเป็นการป้องกันตัวโดยชอบธรรม!”
ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวออกมาอย่างประจวบเหมาะ “สำหรับหยวนค่วงนั่นแม้มันจะไม่ได้ลงมือกับข้าก็จริง แต่มันกลับข่มขู่คุกคามชีวิตสหายของข้า กระทั่งยังทำร้ายสหายของข้าขณะที่ข้าประมือกับหยวนหง เห็นชัดว่ามันมีเจตนาทำให้ข้าเสียสมาธิ เช่นนั้นกล่าวได้ว่ามันเองก็มีความผิดข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับหยวนหงเพื่อฆ่าข้า…เช่นนั้นข้าฆ่ามันทิ้งบ้าง ก็ถือว่าเป็นการป้องกันตัวเช่นกัน!”
วาจาของต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างลื่นไหลไม่รีบไม่ร้อน หากแต่ชัดถ้อยชัดคำคล้ายเรียบเรียงมาช้านาน
ได้ยินความดังกล่าวจากต้วนหลิงเทียน ฉากเรื่องราวโดยรอบพลันเงียบงันปานคนตาย!
เหล่าศิษย์ของแท่นบูชานกไฟได้แต่หันหน้ามองสบตากันเอง และต่างได้เห็นถึงความประหลาดใจในสายตาของกันและกัน
ครู่ต่อมาพลันมีเสียงกระซิบเบาๆแว่วดังขึ้นมาว่า “ต้วนหลิงเทียนผู้นี้…จักไม่ไร้ยางอายไปหน่อยหรือ?”
“ย่อมไร้ยางอายถึงที่สุด! มันฆ่าหยวนหงนั้น สามารถกล่าวได้ว่าเป็นการป้องกันตัวเอง…แต่หยวนค่วงไม่ได้ลงมือทำอะไรมันเลย มาอ้างว่าฆ่าหยวนค่วงเพื่อป้องกันตัวเองเช่นนี้ช่างเหลวไหลยิ่งนัก!”
“นี่มันกล้ากล่าวความเท็จออกมาจริงๆ…หรือมันไม่กลัวว่าอาวุโสคุมกฏกัวฉงจะพิสูจน์เรื่องที่มันกล่าวได้?”
“ในสายตาข้า มันไม่เพียงแต่คิดว่าอาวุโสคุมกฏของแท่นบูชาเต่าทมิฬหลอกง่ายเท่านั้น มันยังไม่เห็นหัวอาวุโสคุมกฏของแท่นบูชานกไฟเราอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ”
……
เดิมทีเหล่าศิษย์แท่นบูชานกไฟก็กระวิบกล่าวกันเบาๆ แต่ดูท่าจะเพลินกันไปหน่อยจึงกล่าวกันออกมาเสียงดังโดยไม่รู้ตัว
หลังได้ยินวาจาเหล่านี้ของเหล่าศิษย์แท่นบูชานกไฟโดยรอบ กัวฉง อาวุโสคุมกฏของแท่นบูชาเต่าทมิฬ ก็บังเกิดความไม่พอใจขึ้นมาอย่างแรง!
“อาวุโสกัวฉง อย่าได้ฟังวาจาเหลวไหลไร้สาระของต้วนหลิงเทียนแล้ว! เรื่องวันนี้ข้าได้ตรวจสอบกับศิษย์แท่นบูชานกไฟข้ามาเรียบร้อย…หยวนหงนั้นแม้จะเป็นฝ่ายลอบลงมือทำร้ายมันก่อน แต่เรื่องมีจิตสังหารหรือไม่ก็ยังไม่แน่!”
ตอนนี้เองหวู่ยี่อาวุโสคุมกฏของแท่นบูชานกไฟ พลันมองกัวฉงพร้อมกล่าวเสริมออกมา “ตอนนี้พวกเราเพียงคุยกันอยู่บนฐานที่ว่าหยวนหงเจตนาฆ่าต้วนหลิงเทียนก่อนเท่านั้น มันจึงต้องลงมือฆ่าคนเพื่อป้องกันตัว ใช่คนคิดลงมือฆ่าคนก่อนจริงหรือไม่ก็ยังไม่ชี้ชัด! อีกทั้งจากการตรวจสอบของข้า หยวนค่วงนั้นเพียงแค่ทุบตีสหายของมันเท่านั้น มิได้ข่มขู่จะเอาชีวิต หรือใช้เป็นตัวประกันให้ต้วนหลิงเทียนไขว้เขวอันใด!”
“และนี่มิใช่เรื่องยากที่จะยืนยัน…เพียงให้สหายของมันคนนั้นกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์อัสนีว่ามันกล่าวความจริง! ข้าเชื่อว่าสหายของมันผู้นี้จักเป็นตัวยืนยันได้เป็นอย่างดี ว่าที่แท้หยวนค่วงใช่คุกคามชีวิตมันเพื่อข่มขู่ต้วนหลิงเทียนจริงหรือไม่!”
ขณะที่กล่าววาจาประโยคบนออกมา สองตาหวู่ยี่ก็ส่ายกวาดผ่านเหล่าศิษย์แท่นบูชานกไฟที่อยู่ไม่ไกล จนไปตกที่ร่างของกู่ลี่ในที่สุด
พอได้ยินคำของหวู่ยี่กระทั่งสุดท้ายถูกหวู่ยี่จับจองมองมาที่ตัว สีหน้ากู่ลี่พลันเปลี่ยนไปทันที
มันไม่กลัวความตาย!
หากความตายของมันทำให้ศิษย์น้องทั้งสหายอันดีอย่างน้องหลิงเทียนคนนี้อยู่รอดปลอดภัยได้ล่ะก็…แม้ตายมันก็ไม่เสียดาย!
ทว่าหากมันต้องกล่าวคำสาบานทำนองที่หวู่ยี่ว่าออกมาจริงๆ ไม่เพียงแต่มันต้องตายแน่ แต่สมควรส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อน้องหลิงเทียนของมันเช่นกัน!
เพราะถึงตอนนั้น…เรื่องราวจะถูกพิสูจน์ชัดว่าหยวนค่วงไม่ได้ใช้ชีวิตมันข่มขู่ต้วนหลิงเทียน! ทำให้การฆ่าหยวนค่วงมิอาจยกอ้างว่าป้องกันตัวเองได้!!
และศิษย์คนใดในลัทธิบูชาไฟที่สังหารสหายศิษย์ที่เป็นผู้บริสุทธิ์…มันต้องโทษประหารชีวิต!!
“อาวุโสหวู่ยี่ เรื่องนั้นไม่จำเป็นหรอก”
เมื่อวาจาของหวู่ยี่ดังจบคำ ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวออกมาทันที ทำให้ทุกสายตาของผู้คนไม่เว้นอาวุโสคุมกฏของแท่นบูชาเต่าทมิฬอย่างกัวฉง ก็หันไปมองจ้องต้วนหลิงเทียนเป็นสายตาเดียวกัน
และทันทีที่เขาพูดขึ้นมา หวู่ยี่ก็ชะงักไปทันที
“อะไร? หรือเจ้าคิดจะยอมรับแล้วว่าเจ้าเจตนาฆ่าสหายศิษย์อย่างไร้เหตุผล?”
และพอได้ยินคำที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวออก หวู่ยี่ก็ละสายตาจากกู่ลี่ หันกลับไปมองจ้องต้วนหลิงเทียน พรอมถามออกมาอีกครั้งด้วยรอยยิ้มเย็นชา
หลี่อันที่มองต้วนหลิงเทียนตาไม่กระพริบแต่แรก ตอนนี้ลูกตาเผยประกายอำมหิตเย็นเยือกวูบวาบออกมาไม่หยุด มุมปากยังปรากฏรอยยิ้มโหดเหี้ยมยกขึ้น!
คล้ายมันได้เห็นฉากต้วนหลิงเทียนถูกประหารแล้วอย่างไรอย่างนั้น!
“อาวุโสหวู่ยี่ ข้อกล่าวหานี้ของท่านข้าไม่อาจรับ”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา
“ต้วนหลิงเทียน! หากเจ้าปากแข็งมิยอมรับ เช่นนั้นก็ทำอย่างที่อาวุโสหวู่ยี่กล่าวเถอะ! ให้สหายของเจ้ามันก้าวออกมากล่าวคำสาบานเพื่อพิสูจน์ทุกสิ่ง! ถึงตอนนั้นความจริงก็จักกระจ่าง!!”
ตอนนี้กระทั่งกัวฉงเองก็มีโมโหขึ้นมาแล้ว
“อาวุโสกัวฉง ท่านใจเย็นลงก่อน”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาอีกครั้ง ค่อยหันไปมองกัวฉงพร้อมส่งเสียงกล่าวผ่านพลังบอกเรื่องราวบางสิ่ง…
และเสียงผ่านพลังที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวบอก ก็ทำให้ลูกตากัวฉงหดหยีลงทันใด แววตายังเผยความดุร้ายและความไม่เชื่อออกมาชัดเจน
อย่างไรก็ตามแม้สายตาของมันจะดุร้ายและไม่เชื่อ หากแต่ยังมีความสงสัยเจือปนเอาไว้เช่นกัน
สุดท้ายกัวฉงจึงหันไปมองอาวุโสคุมกฏแท่นบูชานกไฟอย่างหวู่ยี่ และกล่าวส่งเสียงเพื่อบอกเรื่องราวก่อนหน้าที่ต้วนหลิงเทียนบอกมันแก่หวู่ยี่เช่นกัน
ทันใดนั้นแววตาหวู่ยี่ก็เปลี่ยนไปเป็นดุร้ายไม่เชื่อทันที หากแต่ลึกลงไปก็ยังคงเผยความสงสัยเช่นกัน
“หืม?”
ในขณะที่ทุกคนไม่เว้นหลี่อันสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างนั้นเอง
ครืน! ครืน! ครืน! ครืน!
พลันบังเกิดความปั่นป่วนขึ้นยังมวลอากาศรอบกายของอาวุโสหวู่ยี่ผู้คุมกฏของแท่นบูชานกไฟ เป็นมวลพลังขุมหนึ่งที่อยู่ๆก็อุบัติขึ้นอย่างกะทันหัน และทันใดนั้นมวลพลังดังกล่าวก็เริ่มก่อเกิดเป็นสนามพลังเปลวเพลิงร้อนระอุ!
สนามพลังเพลิงดังกล่าวเมื่อก่อเกิดก็คลุมครอบต้วนหลิงเทียน กัวฉง และตัวอาวุโสหวู่ยี่เอาไว้ทันที!
เพียงชั่วพริบตาก็ปรากฏเขตแดนเปลวเพลิงจ้าทรงกลมกินรัศมีร้อยหมี่ ต่อหน้าต่อตาคนทุกผู้
ลูกไฟขนาดมหึมาปรากฏขึ้นตรงหน้า! แผดเผาร้อนลวกอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน ปิดกั้นสายตาของผู้คนเอาไว้ไม่ให้แลเห็นสิ่งภายใน!!
“หวู่ยี่มันคิดทำอะไร…”
เห็นฉากนี้คิ้วหลี่อันพลันขมวดขึ้นมาเป็นปมทันที
ถึงจะคิดฆ่าต้วนหลิงเทียนตามกฏ แต่ไม่ใช่ต้องประกาศคำตัดสินโทษให้เป็นทางการก่อนหรือไร?
ไม่ทราบว่าทำไม แต่ขณะนี้ในใจของหลี่อันพลันบังเกิดสังหรณ์พิกลขึ้นมา และลางสังหรณ์ดังกล่าวยิ่งมายังยิ่งแรงกล้ามากขึ้นทุกที!
จังหวะนี้หลี่อันบังเกิดจิตคิดอยากบุกฝ่าเข้าไปในเขตแดนของหวู่ยี่นัก! เพื่อดูว่าหวู่ยี่กับกัวฉงคิดทำอะไรกันแน่…อย่างไรก็ตามสุดท้ายมันก็ได้แต่รั้งตัวเอาไว้!!
มันคิดบุกฝ่าเข้าไปย่อมกระทำได้ไม่ยากเย็น
หากแต่ผลที่ตามมานั้น ไม่ใช่ราคาที่มันจะจ่ายไหว!
เพราะถึงตอนนั้นหากกัวฉงกับหวู่ยี่ร่วมมือกันกล่าวหามันขึ้นมาว่าก้าวก่าย ‘ผู้อาวุโสคุมกฏ’ ต่อหน้าผู้อาวุโสในหอคุมกฏที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ล่ะก็ แม้มันจะเป็นอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของแท่นบูชาเต่าทมิฬ มันก็แบกรับข้อกล่าวหานี้ไม่ไหว!
ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสคุมกฏประจำแท่นบูชาทั้งกัวฉงและหวู่ยี่นั้น…อยู่ภายใต้อำนาจของหอคุมกฏในดินแดนศักดิ์สิทธิ์โดยตรง! มันไม่อาจล่วงเกินก้าวก่ายอีกฝ่ายในเรื่องนี้ได้!!
“นั่นอาวุโสหวู่ยี่กับอาวุโสกัวฉงคิดกระทำสิ่งใดกัน?”
“ใช่คิดฆ่าต้วนหลิงเทียนแล้วหรือไม่?”
“ไม่น่า…แม้จะคิดประหารต้วนหลิงเทียนจริง แต่ตามกฏแล้วจำต้องประกาศความผิดทั้งบทลงโทษต่อที่สาธารณชนอย่างเป็นทางการเสียก่อน”
“บางทีต้วนหลิงเทียนใช่ทำให้อาวุโสคุมกฏทั้ง 2 มีโทสะเกินไปแล้วหรือไม่ ถึงได้หลงลืมวาจาประกาศอย่างเป็นทางการ กระทั่งยังจะทุบตีผู้คนก่อนฆ่า?”
“เรื่องนี้ก็อาจเป็นได้!”
“สมควรคิดทุบตีผู้คนระบายอารมณ์ก่อนค่อยฆ่าจริงๆ…เขตแดนนั่น คงเพราะมิอยากให้พวกเราเห็นฉากนั้นกระมัง”
……
ในขณะที่เหล่าศิษย์เริ่มพ่นความสงสัยในใจออกมา กว่า 9 ส่วนก็กลายเป็นเห็นพ้องต้องกันเรื่องหนึ่ง
เหตุผลที่อยู่ๆอาวุโสคุมกฏแท่นบูชานกไฟอย่างหวู่ยี่เปิดกางเขตแดนขึ้นมาแบบนี้ เพราะคิดฆ่าต้วนหลิงเทียนแน่แล้ว!
กู่ลี่เองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน…
เพียงครู่เดียวใบหน้ากู่ลี่ก็ซีดลงไร้สีเลือด สองหมัดยังกำแน่นเล็บจิกเข้าเนื้อโลหิตรินไหล ร่างสั่นสะท้านไปอย่างไม่รู้ตัว
ตอนนี้มันเกลียดตัวเองนัก!
เกลียดตัวเองที่อ่อนแอเกินไป!
ไม่อาจช่วยอะไรได้เลย!
การอุบัติขึ้นของเขตแดนเปลเพลิงคล้ายจะแยกโลกออกเป็นสองก็ไม่ปาน…
ด้านนอกเขตแดนเปลวเพลิงนั้น ผู้คนมากมายล้วนคิดไปว่าต้วนหลิงเทียนกำลังจะถูกประหาร
อย่างไรก็ตามภายในเขตแดนเปลวเพลิงดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนยังคงอยู่ดี คนลอยร่างเผชิญหน้ากับอาวุโสคุมกฏทั้งสองด้วยท่าทีปลอดดโปร่งแลดูสงบนัก
ขวับ! วูบ!
กัวฉงและหวู่ยี่ต่างสะบัดมือเรียกลูกแก้วโปร่งแสงหนึ่งออกมา มันคือลูกแก้ววิญญาณที่ใช้ในการตรวจสอบพรสวรรค์รากวิญญาณแต่กำเนิด!
เหตุผลที่หวู่ยี่กางเขตแดนเพื่อปิดกั้นทัศนวิสัยของผู้อื่น เห็นชัดว่ากระทำไปด้วยเหตุผลนี้นั่นเอง!
“ต้วนหลิงเทียน หากเจ้ากล้าที่จะหลอกข้ากับอาวุโสกัวฉงล่ะก็…แม้ว่าสุดท้ายข้าจะยังต้องประหารเจ้าให้ตาย แต่ก่อนเจ้าจะตายข้าจะให้เจ้ารู้…ว่าอยู่ไม่สู้ตายเป็นเช่นไร!!”
ในขณะที่กล่าวส่งเสียงผ่านพลังไปถึงต้วนหลิงเทียน ลูกตาหวู่ยี่ที่เล็กหยีก็เผยประกายดุร้ายอำมหิตนัก
แม้กัวฉงจะไม่กล่าวอะไร หากแต่สายตาที่ใช้มองมายังต้วนหลิงเทียนเขม็งอย่างแหลมคมนั่น ก็อธิบายทุกสิ่งโดยไม่ต้องกล่าวคำ
“ความจริงจะพิสูจน์เรื่องราวทุกอย่าง…”
หลังจากรับลูกแก้ววิญญาณทั้ง 2 ลูก จากอาวุโสคุมกฏ ต้วนหลิงเทียนก็ถือมันไว้ข้างละลูก และเฝ้ารอเวลาอย่างเงียบงัน
เป็นธรรมดาที่หลังจากผ่านไป10 ลมหายใจแล้ว ผลลัพธ์ก็จะปรากฏออกมาชัดเจน
ก่อนหน้านี้…วาจาผ่านพลังที่ต้วนหลิงเทียนส่งไปถึงกัวฉงนั้น เป็นเหมือนระเบิดห่าใหญ่ก็ว่าได้…
เพราะว่าจาที่เขาส่งไปกล่าวว่า…พรสวรรค์รากวิญญาณของเขา คือรากวิญญาณสีน้ำเงิน!
ในฐานะผู้อาวุโสคุมกฏของแท่นบูชาเต่าทมิฬ แน่นอนว่ากัวฉงย่อมไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์หรือรู้จักมักคุ้นอะไรกับต้วนหลิงเทียนมาก่อน จนกระทั่งเกิดเรื่องเมื่อ 10 วันก่อนขึ้นมา…
และเป็นเพราะเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น อาวุโสกัวฉงก็ได้กลับไปสืบค้นจนรับทราบเรื่องราวเกี่ยวกับต้วนหลิงเทียนมาบ้าง
ในบรรดาเรื่องที่มันสืบทราบ ในนั้นก็มีเรื่องที่พรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนนั้นเป็นเพียง ‘รากวิญญาณสีเหลือง’ เท่านั้น…
กระทั่งวันที่มันได้ทราบเรื่องนี้มันยังอึ้งไปทั้งสงสัยไม่น้อย
ศิษย์ใหม่แท่นบูชาเต่าทมิฬที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณเพียงแค่รากวิญญาณสีเหลือง ที่แท้ไปเอาความกล้ามาจากที่ใดกันแน่ ถึงได้หาญกล้าแข็งข้อต่อต้านอาวุโสหลี่อัน อย่างที่ศิษย์ทั่วๆไปไม่แม้แต่จะกล้าคิดด้วยซ้ำ…!
ทว่าอยู่ๆวันนี้ต้วนหลิงเทียนกลับบอกมันว่า…
พรสวรรค์รากวิญญาณของตัวหาใช่พรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลืองไม่…แต่เป็นรากวิญญาณสีน้ำเงิน!
ในลัทธิบูชาไฟนั้นนิยมชมชอบอัจฉริยะนัก โดยเฉพาะเหล่าอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินขึ้นไป จะได้รับการดูแลอย่างพิเศษ และสามารถกระทำบางสิ่งอย่างที่ศิษย์ทั่วไปไม่อาจกระทำได้…
ในบรรดาเรื่องพวกนั้น ไม่เว้นฆ่าสหายศิษย์!
10 วันที่แล้วไฉนกู่หลงถึงได้กล้าลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียนอย่างอุกอาจ?
ไม่ใช่เพราะตัวมันคิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินหรือไร? ไม่ใช่เพราะความกระหายอยากได้ผู้มีพลังฝีมือสูงล้ำในอนาคตของลัทธิบูชาไฟหรือไร? ถึงทำให้มันรู้ว่ามันไม่ต้องรับโทษถึงตายจริงๆ!!