WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1952
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1952
ตอนที่ 1,952 : หลี่อันเจียนคลั่ง!
“เรื่องที่ศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬ ‘ต้วนหลิงเทียน’ ได้ฆ่าพี่น้องสกุลหยวนไปนั้น แม้จะมีเหตุผลอันควรสืบอ้างจากการป้องกันตัวเองก็จริง ทว่าการฆ่าหยวนค่วงที่พลังฝีมืออ่อนด้อยกว่ามากนั้น…ยังถือว่าเป็นการกระทำที่รุนแรงเกินกว่าเหตุไปบ้าง…”
“เช่นนั้นแล้ว ข้าและอาวุโสหวู่ยี่ผู้คุมกฏของแท่นบูชานกไฟจึงได้เห็นพ้องต้องกันว่า…พวกเราจักส่งต้วนหลิงเทียนไปทำเหมืองลำดับที่หนึ่งของลัทธิบูชาไฟในอีก 3 เดือนหลังจากนี้ เป็นเวลาทั้งสิ้น 10 ปี!”
ท่ามกลางสายตาของผู้คน ผู้คุมกฏแท่นบูชาเต่าทมิฬ กัวฉง ได้ประกาศคำตัดสินต้วนหลิงเทียนออกมา!
หลังจากนี้อีก 3 เดือน ต้วนหลิงเทียนจะถูกส่งไปขุดเหมืองแรกของลัทธิบูชาไฟเป็นเวลาทั้งสิ้น 10 ปี!
ทันทีที่วาจาของกัวฉงดังจบคำ ฉากเรื่องราวก็เงียบงันไปปานคนตาย!
นอกเหนือจากใบหน้ากัวฉงกับหวูยี่ที่ยังสงบอยู่ได้ ก็มีเพียงต้วนหลิงเทียนอีกคนเท่านั้นที่ยังไม่ตกใจอะไร คล้ายจะรับรู้มานานแล้วว่าผลการตัดสินโทษของตัวเองต้องลงเอยอีหร็อบนี้…
สำหรับคนอื่นๆไม่เว้นหลี่อันและกู่ลี่ ต่างตกตะลึงกับการพิจารณาคดีครั้งนี้นัก!
“อาวุโสกัวฉง!”
สุดท้ายคนแรกที่ดึงสติกลับคืนได้ก่อนก็เป็นหลี่อัน มันมองกัวฉงพร้อมตะโกนเรียกเสียงดังด้วยใบหน้าถมึงทึง
“ต้วนหลิงเทียนฆ่าหยวนหง กล่าวอ้างว่าเป็นการป้องกันตัวข้ามิขัด…ทว่ากับหยวนค่วงไฉนท่านถึงตัดสินว่าเป็นการลงมือเพื่อป้องกันตัวด้วย? เดี๋ยวนี้ท่านควบคุมบังคับใช้กฏอย่างหละหลวมเช่นนี้แล้วรึ?”
หลี่อันจี้ถามกัวฉงออกมา
ทันใดนั้นหน้ากัวฉงก็บิดเบี้ยวขึ้นมาทันที หันไปมองหลี่อันด้วยสายตาเยียบเย็น “อาวุโสหลี่อันคำตัดสินของข้าถือเป็นการตัดสินใจอย่างเป็นเอกฉันท์จากข้าและอาวุโสหวู่ยี่…หากท่านเห็นต่างอันใด อีกสองสามวันก็ไปยังหอคุมกฏในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อยื่นอุทธรณ์เอาเถอะ!”
“ถึงตอนนั้นสำนวนการพิจารณาคดีทั้งคำตัดสินของข้าสมควรมีการลงบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรเอาไว้ในฐานข้อมูลของหอคุมกฏเรียบร้อย…ท่านเห็นต่างไม่ยอมรับก็ไปฟ้องร้องเอา!”
“ทว่าตอนนี้ ท่านมิมีคุณสมบัติพอจะแทรกแซงคำตัดสินของข้า!”
วาจายามกล่าวท้ายประโยคน้ำเสียงกัวฉงยังแฝงความเย้ยหยันหลี่อัน กระทั่งยังชมดูมันเหมือนตัวตลกอยู่บ้าง
เพราะสุดท้ายแล้ว กล่าวไปการที่มันสิ้นวาสนารับต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์ทั้งหมดก็เพราะหลี่อัน!
แม้พลังฝีมือของมันจะด้อยกว่าหลี่อันไม่มาก แต่อย่างไรก็ยังด้อยกว่า
นอกจากนี้ ‘เส้นสาย’ ของหลี่อันในลัทธิบูชาไฟเป็นอะไรที่เหนือกว่ามัน ถึงต้วนหลิงเทียนจะกราบมันเป็นอาจารย์ แต่มันก็ไม่แน่ว่าจะดูแลปกป้องต้วนหลิงเทียนได้
ด้วยเหตุนี้เพื่อไม่ให้อัจฉริยะอย่างต้วนหลิงเทียนถูกทำลาย มันจึงละทิ้งความต้องการส่วนตัว เลือกที่จะแนะนำต้วนหลิงเทียนให้กับจ้าวแท่นบูชาเต่าทมิฬแทน
เพราะตราบใดที่ต้วนหลิงเทียนกลายเป็นศิษย์จ้าวแท่นบูชาเต่าทมิฬล่ะก็…หลี่อันย่อมไม่กล้าที่จะแตะต้องต้วนหลิงเทียนอย่างบุ่มบ่ามแน่!
จ้าวแท่นบูชาเต่าทมิฬของมันนั้น เป็นถึงอาวุโสเพลิงทองที่นับว่ามีศักดิ์ฐานะในลัทธิบูชาไฟสูงนัก!
“เจ้า!!”
เมื่อได้ยินคำของกัวฉง หลี่อันก็เดือดดาลขึ้นมาด้วยโทสะ สองตาถลึงมองกัวฉงอย่างดุร้าย ร่างสะท้านไปด้วยความโกรธ แลดูคล้ายมันเจียนคุ้มคลั่งเต็มที!
อย่างไรก็ตามกัวฉงนั้นเมินเฉยหลี่อันไปอย่างสิ้นเชิง เรียกว่าไม่แยแสเลยว่าหลี่อันจะมองมันด้วยทีท่าอย่างไร
เพราะตราบใดที่หลี่อันกล้าลงมือกับมันล่ะก็ มันมั่นใจเต็มที่ว่าสามารถส่งตัวหลี่อันไปยังหอคุมกฏในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้แน่! แม้โทษหลี่อันจะไม่ถึงตายแต่อย่างน้อยๆก็ต้องจ่ายราคามหาศาล!!
“อาวุโสหวู่ยี่…ท่านเองก็เห็นด้วยกับคำตัดสินนี้ของอาวุโสกัวฉงงั้นรึ?”
สูดหายใจเข้าลึกๆระงับโทสะอารมณ์พักหนึ่ง สายตาหลี่อันก็ละออกจากร่างกัวฉงไปตกยังร่างหวู่ยี่
“มิใช่อาวุโสกัวฉงกล่าวออกไปแต่แรกแล้วหรือ ว่าคำตัดสินนี้เป็นพวกเราเห็นพ้องต้องกัน!”
หวู่ยี่กล่าวตอบออกมาด้วยทีท่าน้ำเสียงรำคาญเมื่อได้ยินคำถามของหลี่อัน
“ดี ดี! ดียิ่ง! อีกไม่กี่วันบันทึกคำตัดสินคดีนี้ของพวกท่านจะถูกเก็บไว้ในหอคุมกฏ ข้าจะไปเยือนหอคุมกฏที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์สักคราเพื่อยื่นอุทธรณ์เรื่องนี้ ข้าจะคืนความเป็นธรรมให้หยวนค่วงให้จงได้!!”
ได้ฟังคำยืนยันจากปากหวู่ยี่ หน้าหลี่อันก็อัปลักษณ์ปั้นยากนัก
หลังจากนั้นหลี่อันก็หันไปมองหวู่ยี่กับกัวฉงด้วยสายตาเยียบเย็น ก่อนที่จะหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเย้ยเยาะ “ต้วนหลิงเทียนแม้ข้าจักมิรู้ว่าเจ้าทำอันใดลงไป ถึงทำให้พวกมันถือหางเจ้าได้เช่นนี้…”
“แต่ข้าจะบอกเจ้าเอาไว้! หอคุมกฏของลัทธิบูชาไฟ…ไม่ใช่อะไรที่พวกมันทั้งคู่จะใช้สองมือปิดฟ้าได้!”
“เมื่อสำนวนพิจารณาคดีของพวกมันถูกส่งไปเก็บไว้ที่หอคุมกฏเมื่อใด ข้าจะยื่นอุทธรณ์ทั้งฟ้องร้องเรื่องคำตัดสินของพวกมันในวันนี้!”
“ถึงตอนนั้นหอคุมกฏต้องส่งผู้คุมกฏออกมาสืบเสาะเรื่องราว รื้อคดีนี้ของเจ้าขึ้นมาอีกครั้งเพื่อขุดคุ้ยความจริง…ต่อให้วันนี้เจ้าจักรอดชีวิตไปได้ แต่ชีวิตนี้ที่เก็บกู้มาของเจ้าก็อยู่ได้อีกมิกี่วันหรอก!!”
ขณะกล่าวถึงท้ายประโยค สายตาที่หลี่อันใช้มองต้วนหลิงเทียนยังคล้ายมันกำลังมองคนตาย!
เผชิญหน้ากับสายตาเย็นชาวาจาดุร้ายของหลี่อัน แต่ต้นจนจบต้วนหลิงเทียนไม่นำพาแม้แต่น้อย กระทั่งหางตายังไม่เหลียวแล และทันทีที่หลี่อันกล่าวจบ ต้วนหลิงเทียนพลันพูดออกมาลอยๆ “ตัวโง่งม!”
ตัวโง่งม!
วาจาที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกรอบนี้ นับว่าทำให้เหล่าศิษย์แท่นบูชานกไฟสมองตื้อไปแล้วจริงๆ!
ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ จะไม่ก้าวร้าวเกินไปหน่อยรึไร!!
พี่ท่านถึงกับกล้าเรียกหาอาวุโสหลี่อันว่าตัวโง่งมโต้งๆเลยรึ!!
“ต้วนหลิงเทียน เจ้ามันรนหาที่ตายเอง!!”
หลี่อันที่ไฟโทสะสุมทรวงพอมาได้ยินวาจาด่าทอของต้วนหลิงเทียนว่า ‘ตัวโง่งม’ มันก็ปรี๊ดแตกทันที ทั่วร่างปรากฏไอพลังปะทุออกในฉับพลัน คล้ายมันกำลังจะลงมือต่อต้วนหลิงเทียนแล้ว!!
ในสายตาของมัน…
วันนี้ต่อให้มันไม่อาจฆ่าต้วนหลิงเทียนได้ แต่จะขอทุบตีสอนสั่งบทเรียนอีกฝ่ายให้เจียนตายสักครา! ข้อหาลบหลู่ผู้อาวุโส!!
“อะไรกัน…นี่อาวุโสหลี่อันคงไม่ได้คิดอยู่หรอกนะว่า ‘ตัวโง่งม’ เป็นข้าเรียกหาท่าน? เพราะข้าไม่แม้แต่จะเอ่ยชื่อท่านกระทั่งหน้าท่านข้ายังไม่มองด้วยซ้ำ…หรือที่แท้อาวุโสหลี่อันมีชื่อเล่นว่าตัวโง่งมกัน?”
ในขณะที่หลี่อันกำลังจะลงมือ ต้วนหลิงเทียนพลันหันมองมองถามหลี่อันด้วยสีหน้าขบขันทั้งไม่แยแส
สีหน้าไร้แยแสหากแต่คล้ายกำลังเย้ยเยาะเช่นนี้ ยิ่งมายิ่งทำให้หลี่อันโมโหเจียนคลั่ง! มันขบฟันดังกรอดๆในใจใคร่ฉีกร่างต้วนหลิงเทียนให้แหลกเป็นหมื่นๆชิ้น!!
แต่มันรู้ดีแก่ใจว่าวันนี้มันไม่อาจลงมือทำอะไรต้วนหลิงเทียนได้อีกต่อไป…
เพราะเมื่อวาจาของต้วนหลิงเทียนดังจบคำ มันก็สังเกตเห็นว่าสายตาของกัวฉงและหวู่ยี่เพ่งเล็งมาที่มันเขม็ง คล้ายอีกฝ่ายจะกล่าวบอกมันทางสายตาว่า ‘หากวันนี้เจ้ากล้าลงมือกับต้วนหลิงเทียน พวกเราจะร่วมมือกันจัดการเจ้า!!’
“ต้วนหลิงเทียน เจ้าย่ามใจอยู่ได้อีกมินานนักหรอก!”
หลังถลึงตามองต้วนหลิงเทียนอย่างดุร้ายอีกครั้ง หลี่อันก็ไม่รอให้ต้วนหลิงเทียนตอบสนองอันใด มันสะบัดมือจนแขนเสื้อสะบัดดังฝับ ก่อนที่จะเหินร่างจากไปด้วยโทสะ!
ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดหยีหรี่มองแผ่นหลังที่จากไปไวๆของหลี่อัน ลึกลงไปในแววตาปรากฏประกายเยียบเย็นหนึ่งวูบวาบ
หากมีโอกาสล่ะก็ เขาไม่มีวันปล่อยให้หลี่อันมีลมหายใจอยู่บนโลกสืบไป!
เพราะการที่หลี่อันยังมีลมหายใจอยู่ สำหรับเขาไม่ต่างใดกับเก็บ ‘ภัยซ่อนเร้น’ เอาไว้แม้แต่น้อย
“ที่แท้มันเกิดเรื่องราวอันใดขึ้นในเขตแดนเพลิงไฟนั่นกันแน่…”
“ต้วนหลิงเทียนสังหารคนของแท่นบูชานกไฟเราไป 2 ทว่ากลับถูกตัดสินความผิดด้วยโทษทัณฑ์เพียงเท่านี้เหรอ?”
“เรื่องนี้จักไม่เหลวไหลเกินไปหน่อยหรือไร อาวุโสหวู่ยี่กางเขตแดนเพลิงนั่นออกมา ที่แท้ไปทำอันใดกับอาวุโสกัวฉงและต้วนหลิงเทียนกันแน่…ไฉนอยู่ดีๆเรื่องราวถึงเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าคว่ำดินเช่นนี้ได้?”
“นั่นสิ เห็นๆกันอยู่ว่าก่อนหน้านี้ ทั้งอาวุโสกัวฉงกับอาวุโสหวู่ยี่ก็แลดูดุร้ายเอาเรื่องกับต้วนหลิงเทียนทั้งคู่…แต่ดูตอนนี้เข้าเถอะ! หลังออกมาจากเขตแดนเพลิงนั่น…ทั้งคู่คล้ายจะเข้าข้างต้วนหลิงเทียน กระทั่งยังปกป้องต้วนหลิงเทียนจากอาวุโสหลี่อันออกหน้าออกตา ยังถึงขั้นแก้ต่างเรื่องคดีให้ต้วนหลิงเทียน!”
“จุดเปลี่ยนสมควรอยู่ภายในเขตแดนเพลิงนั่นเป็นแน่…น่าเสียดายที่พวกเรามิอาจล่วงรู้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
…
เหล่าศิษย์กระซิบกระซาบกันไม่หยุด ต่างข้องใจและสงสัยเรื่องการตัดสินคดีความครั้งนี้ของต้วนหลิงเทียนนัก
เพราะเรื่องที่ผู้อาวุโสคุมกฏของแท่นบูชาเต่าทมิฬกัวฉง กับผู้อาวุโสคุมกฏแท่นบูชานกไฟของพวกมันอย่างหวู่ยี่ ก่อนและหลังเข้าไปในเขตแดนเพลิง ท่าทีเปลี่ยนไปเช่นไรพวกมันก็เห็นกันอยู่คาตา…
ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงอดงุนงงไปเสียไม่ได้
เพราะการเปลี่ยนแปลงก่อนหลังครั้งนี้มันมากมายเกินไป!
จากการพยายามยัดเยียดโทษประหารให้ต้วนหลิงเทียน กลายเป็นแก้ต่างกระทั่งปกป้องต้วนหลิงเทียนออกหน้าออกตา…ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไปจนพวกมันตั้งตัวไม่ทันกันแล้วจริงๆ
แต่พวกมันมั่นใจได้เลย ว่าอะไรสักอย่างของต้วนหลิงเทียนที่ทำให้ทั้งคู่เปลี่ยนใจ ต้องไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยแน่นอน!
เพื่อไปจัดการเรื่องสำนวนการตัดสินและลงบันทึกคดีที่หอคุมกฏ กัวฉงและหวู่ยี่จึงไม่รั้งรออะไรอีก ต่างเหินร่างจากไปทันที
“เฮ่ๆ! ต้วนหลิงเทียนเจ้าช่วยบอกพวกเราได้หรือไม่ ว่าไฉนทีท่าของอาวุโสกัวฉงกับอาวุโสหวู่ยี่ถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้หลังกางเขตแดนเพลิงเล่า?”
ขณะเดียวกันเหล่าศิษย์แท่นบูชาไฟที่อยากรู้จัด ก็ทนไม่ไหวกล่าวถามออกมาตรงๆ
“พี่ชายท่านนี้หากท่านอยากรู้เรื่องราว รบกวนท่านไปถามอาวุโสหวู่ยี่เอาเถอะ ข้าไม่สะดวกกล่าวจริงๆ…”
เผชิญหน้ากับเหล่าศิษย์ที่มารุมถาม ต้วนหลิงเทียนได้แต่กล่าวตอบออกไปด้วยรอยยิ้ม ยกอ้างอาวุโสหวู่ยี่ขึ้นมาเป็นเกราะป้องกันตัว
หลังจากนั้นแม้จะมีเหล่าศิษย์พยายามเซ้าซี้ถามต้วนหลิงเทียนอีกพักหนึ่ง แต่พอเห็นต้วนหลิงเทียนไม่คิดจะตอบเรื่องราวอะไร พวกมันก็ได้แต่จนใจไม่คิดหาความอะไรจากต้วนหลิงเทียนอีก…
“น้องหลิงเทียน ที่แท้มันเกิดอะไรขึ้นหรือ?”
หลังจากกลุ่มศิษย์แท่นบูชานกไฟแยกย้ายกันไปเพราะไร้เรื่องราวอะไรแล้ว กู่ลี่ที่เห็นว่าตอนนี้ในที่สุดมันก็ได้อยู่กับต้วนหลิงเทียนตามลำพัง จึงอดถามออกมาด้วยความสงสัยเสียไม่ได้
ไม่เพียงแต่เหล่าศิษย์แท่นบูชานกไฟจะสับสนสงสัย กู่ลี่เองก็สงสัยและอยากรู้เรื่องราวเช่นกัน
“จริงๆแล้วก็ไม่มีอะไรมากหรอกพี่กู่…ข้าแค่พิสูจน์ให้ทั้งคู่เห็นถึงคุณค่าของข้าก็เท่านั้น”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ ค่อยตอบกลับ
“คุณค่าอันใดหรือ?”
ได้ยินคำตอบของต้วนหลิงเทียน กู่ลี่ก็ยิ่งอยากรู้มากขึ้น
“ข้าบอกไปว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของข้า…คือรากวิญญาณสีน้ำเงินน่ะ”
ต้วนหลิงเทียนตอบกลับด้วยรอยยิ้มบางๆ
ต่อหน้ากู่ลี่เขาก็ไม่คิดจะปิดบังอะไร
“ระ…รากวิญญาณสีน้ำเงิน!!”
และทันทีที่กู่ลี่ได้ยินคำตอบนี้ของต้วนหลิงเทียน สองตามันก็เบิกโพลงปานลูกวัวแรกเกิด! จากนั้นมันก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยความตื่นตระหนก “นี่…มัน ที่แท้เกิดอันใดขึ้นกันแน่ มิใช่พรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าคือสีเหลืองหรอกรึ?”
ข่าวเรื่องต้วนหลิงเทียนมีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลืองนั้น ได้แพร่กระจายไปทั่วแท่นบูชาจตุรลักษณ์แล้ว
กู่ลี่เองก็ย่อมต้องเคยได้ยินเรื่องนี้เป็นธรรมชาติ
อย่างไรก็ตามตอนนี้อยู่ๆต้วนหลิงเทียนกลับบอกว่า พรสวรรค์รากวิญญาณของตัวคือสีน้ำเงิน!
กู่ลี่ถึงกับอึ้งตะลังงันไปทันที
“ข้าไม่คิดเลยที่แท้พรสวรรค์รากวิญญาณของน้องหลิงเทียนที่แท้จะเป็นสีน้ำเงินเช่นนี้…อย่างไรก็ตามดูเหมือนจะมีเพียงรากวิญญาณสีน้ำเงินที่คู่ควรกับอัจฉริยะยุทธ์เช่นเจ้า!”
หากแต่กู่ลี่ก็สามารถดึงสติกลับคืนได้ทันที พอใจคิดไปว่าข่าวจากแท่นบูชาเต่าทมิฬที่ได้ยินมาในกาลก่อนสมควรเป็นข่าวลวง มันจึงไม่ได้ติดใจอะไรอีก
“พี่กู่ พรสวรรค์รากวิญญาณของท่านเองก็สมควรดีใช่หรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถาม
“ยังอ่อนด้อยกว่าเจ้า…พรสวรรค์รากวิญญาณของข้าเป็นเพียงรากวิญญาณสีเขียวเท่านั้น”
กู่ลี่ตอบ
“รากวิญญาณสีเขียวหรือ นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ