WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1957
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1957
ตอนที่ 1,957 : การมาถึงของอาวุโสหอคุมกฏ!
“ให้ตายเถอะ สุดท้ายข้ายังไร้ความคืบหน้าสำคัญอะไร…ดูเหมือนว่าทางเดียวที่ข้าจะเข้าใจเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬได้ในเวลาอันสั้น มีเพียงแต่ต้องเห็นคนใช้เวทย์พลังนี้กับตาให้เป็นแนวทางซะก่อน…”
ภายในชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ หลังจากพยายามทำความเข้าใจเวทย์พลังอยู่ 3-4 วัน สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ลืมตาขึ้นมาทำหน้ายู่เพราะในเคล็ดความช่างกล่าวไว้คลุมเครือนัก…
‘อย่างไรก็ตาม เห็นว่าในแท่นบูชาเต่าทมิฬมีผู้ที่แตกฉานเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬไม่ถึง 10คน…และตอนนี้ที่ยังอยู่ในแท่นบูชาเต่าทมิฬก็มีแต่จ้าวแท่นบูชาเต่าทมิฬเท่านั้น…งานหยาบแล้วสิ’
ต้วนหลิงเทียนลอบคิดในใจ
จ้าวแท่นบูชาเต่าทมิฬนั้น เป็นถึงอาวุโสเพลิงทองของลัทธิบูชาไฟ กระทั่งได้ยินมาว่าอีกฝ่ายเป็นถึงยอดฝีมือลำดับที่ 50 ในรายนามยอดเซียน!
“ต้วนหลิงเทียน!!”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังครุ่นคิดว่าจะเข้าหาจ้าวแท่นบูชาเต่าทมิฬอย่างไร และจะเกลี้ยกล่อมอีกฝ่ายอีท่าไหนเพื่อให้สำแดงเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬให้เขาดูชมสักรอบ พลันมีเสียงหนึ่งดังก้องขึ้นมาปลุกสติเขาเสียก่อน
เสียงดังกล่าวดังทะลุค่ายกลเก็บเสียงเบื้องต้นของเรือนชั้นรอง กระทั่งดังเข้ามาถึงในเจดีย์หลิงเลง 7สมบัติ
“ใครมาเรียกหาข้ากัน?”
ต้วนหลิงเทียนอดสงสัยไม่ได้ เมื่อได้ยินเสียงเรียกดังกล่าว
เขามั่นใจได้เต็มที่ว่าเขาไม่เคยได้ยินเสียงนี้มาก่อนเลย
เสียงเรียกที่ว่าฟังแล้วแหบแห้ง ผู้มาเรียกหาเขาสมควรเป็นชายชราไม่ผิดแน่
“ข้าคืออาวุโสเพลิงเงินของแท่นบูชาเต่าทมิฬ เมิ่งจิน!”
ผู้ที่เรียกหาต้วนหลิงเทียน ประกาศฐานะทั้งนามออกมาทันที ด้วยกลัวว่าต้วนหลิงเทียนจะไม่แยแสคำเรียกหาของมัน
“เมิ่งจิน?”
ต้วนหลิงเทียนนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง สักพักเขาก็จดจำได้ ดูเหมือนแท่นบูชาเต่าทมิฬจะมีอาวุโสเพลิงเงินนามนี้อยู่จริงๆ อีกฝ่ายเป็น 1 ใน 5 ของอาวุโสเพลิงเงินประจำแท่นบูชาเต่าทมิฬ!
ด้วยความที่ต้วนหลิงเทียนคุ้นชินก็แต่หลี่อัน กัวฉง และเถิงชานเท่านั้น กับเมิ่งจินเขาไม่เคยพบเจอมาก่อน เช่นนั้นต้องใช้เวลาครู่หนึ่งก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะนึกออก
หลังออกจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เก็บเจดีย์ไว้กับตัวเรียบร้อย ค่อยออกจากห้องพัก และเปิดประตูเรือนชั้นรองออกไปพบคน
ทันทีที่เขาเปิดประตูเรือนชั้นรอง ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันทีถึงสายตา 2 คู่ที่มองจ้องมายังเขา อีกทั้ง 1 ในนั้นยังเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองหาเจ้าของสายตาดังกล่าวทันที
มองไปก็เห็นร่างคน 2 คนกำลังลอยตัวเหนือเรือนชั้นรองของเขา หนึ่งนำหนึ่งตาม
ผู้ที่เหินร่างอยู่ด้านหน้านั้นเป็นชายชราสวมชุดประจำตัวบ่งบอกฐานะอาวุโสเพลิงเงินประจำแท่นบูชาเต่าทมิฬจริงๆ ร่างกายของอีกฝ่ายแลดูกระฉับกระเฉงแข็งแรง หากไม่เหลียวมองไปยังใบหน้าคงยากจะบอกได้ว่าเป็นผู้ชราแล้วคนหนึ่ง
ส่วนชายที่ลอยร่างอยู่ด้านหลังผู้ชรา กลับไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับต้วนหลิงเทียนแต่อย่างใด…
เพราะเมื่อ 2 เดือนก่อน คนผู้นี้ได้ประมือกับเขาและมันก็เป็นฝ่ายแพ้พ่าย กระทั่งสภาพหลังแพ้พ่ายยังหมอบกระแตสิ้นท่าเหมือนสุนัขตาย..ไม่ใช่ใครอื่น เป็นจางจี้!
เห็นได้ชัดว่าผู้ที่เรียกหาเขาก่อนหน้า สมควรเป็นผู้ชรานามเมิ่งจิน
“อาวุโสเมิ่งจิน ท่านมีธุระอะไรกับข้างั้นหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนมองถามชายชราด้วยความสงสัย
“เจ้าติดตามข้ามา”
เมิ่งจินปรายตามองต้วนหลิงเทียนเล็กน้อยค่อยกล่าวออก
และทันทีที่มันกล่าวจบคำร่างของมันก็เหินออกจากเขตที่พักของเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬทันที คล้ายกับมันมั่นใจหนักหนาว่าต้วนหลิงเทียนต้องเร่งรุดติดตามมันมาแน่
“ท่านอาจารย์ เช่นนั้นข้าขอตัวลาไปก่อน”
ต้วนหลิงเทียนยังไม่ทันได้เหินร่างติดตามชายชราไป เสียงจางจี้ที่ลอยร่างอยู่ไม่ไกลพลันดังขึ้นมา
‘อาวุโสเมิ่งจินคนนี้…เป็นอาจารย์ของจางจี้งั้นเหรอ?’
เห็นฉากนี้ต้วนหลิงเทียนเองก็ประหลาดใจเล็กน้อย
ตอนแรกแม้จะเห็นว่าจางจี้ลอยร่างอยู่ข้างๆเมิ่งจิน แต่เขาคิดไปว่าคงเป็นอาวุโสเมิ่งจินที่ใช้ให้จางจี้พามาหาเขาเท่านั้น แต่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าที่แท้เมิ่งจินจะเป็นอาจารย์ของจางจี้
อย่างไรก็ตามแม้จะรู้ว่าเมิ่งจินเป็นอาจารย์ของจางจี้ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้กริ่งเกรงอะไร
ด้วยมีคนเยอะแยะเฝ้ามองเรื่องราวอยู่โดยรอบ ไหนเลยเขายังต้องกลัวเมิ่งจินกล้าลงมือทำอะไรเขา จึงเหินร่างติดตามอีกฝ่ายไปทันที
“ต้วนหลิงเทียน กับอาวุโสเมิ่งจินพากันเหินร่างออกไปแล้ว”
“อาวุโสเมิ่งจินดูเหมือนจะมาหาต้วนหลิงเทียนโดยเฉพาะ…นี่ใช้คิดล้างแค้นสอนสั่งบทเรียนให้ต้วนหลิงเทียนเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนทุบตีศิษย์จนแพ้พ่ายเมื่อสองเดือนก่อนหรือไม่?”
“เหอะๆ เจ้าคิดว่าเรื่องพรรค์นี้จะเป็นไปได้หรือ?เรื่องราวมันก็ผ่านมาตั้งสองเดือนกว่าแล้ว…หากอาวุโสเมิ่งจินคิดลงมือทุบตีต้วนหลิงเทียนเพราะเหตุผลนี้ ไยต้องรอเนิ่นนานกว่าสองเดือนเล่า?”
“อ่า…ถูกของเจ้า เช่นนั้นมีอันใดกันนะ?”
……
เมื่อได้เห็นต้วนหลิงเทียนเหินร่างติดตามอาวุโสเมิ่งจินที่มาตามตัวถึงบ้านพัก เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย
วาจาโดยรอบจะสองคำสามคำก็ไม่พ้นกล่าวถึงต้วนหลิงเทียน
“ไม่ว่าจะอะไรข้าเชื่อว่าศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนมิเสียเปรียบแน่นอน! สองเดือนที่แล้วมิใช่ศิษย์พี่ต้วนบุกไปฆ่าผู้อื่นถึงถิ่น 2 ศพรึไร? กระทั่งการลงมืออุกอาจเช่นนี้ ยังต้องโทษให้ไปขุดเหมืองแค่ 10 ปีเท่านั้น…ฆ่าคนปกติแล้วไหนเลยจะมีโทษสถานเบาเช่นนี้ได้!”
“ก็มิใช่ว่าศิษย์ 2 คนนั้นของแท่นบูชานกไฟเป็นฝ่ายลอบทำร้ายศิษย์พี่ต้วนก่อนหรือไร…การลงมือด้วยเหตุป้องกันตัวเช่นนี้ ได้รับโทษสถานเบาก็ถูกแล้วนี่”
“เหอะๆ พวกเจ้าไม่รู้อะไร เรื่องจริงมิใช่เช่นนั้นเลย…ข้าเองก็มีสหายในแท่นบูชานกไฟที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นด้วย สหายข้ากล่าวได้เต็มปาก ว่าจริงอยู่ที่ศิษย์คนแรกที่ตกตายนั้นเป็นฝ่ายลงมือลอบทำร้ายต้วนหลิงเทียนก่อน…แต่ทว่าการลงมือกลับไร้ซึ่งเจตนาฆ่าฟันอันใด เห็นว่า 9 ใน 10 ส่วนล้วนเป็นการลงมือด้วยหวังสั่งสอนบทเรียนให้ต้วนหลิงเทียนล้างแค้นให้ อาวุโสหลี่อันของแท่นบูชาเต่าทมิฬเรา!”
“หืม? ศิษย์แท่นบูชานกไฟคิดลงมือสอนสั่งบทเรียนศิษย์พี่ต้วนเพื่อล้างแค้นให้อาวุโสหลี่อัน? ศิษย์พี่ท่านนี้แน่ใจหรือว่าได้ยินมาถูก?”
“เจ้ายังมิทราบเรื่องนี้เลยมิเข้าใจ…ทว่ามีข่าวลือกันว่าศิษย์แท่นบูชานกไฟที่ตกตายไปนั้น มันเป็นศิษย์ของอาวุโสเพลิงทองแดงคนหนึ่งซึ่งอาวุโสคนนั้นที่แท้กลับเป็นศิษย์คนโตของอาวุโสหลี่อัน! กล่าวได้ว่าเป็นศิษย์เอกของอาวุโสหลี่อันก็มิเกินเลย…เช่นนั้นมันแปลกหรือไรที่เจ้านั่นจะล้างแค้นให้บรรพจารย์?”
“และพวกเจ้าลืมเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าศิษย์ของศิษย์เอกอาวุโสหลี่อันไปได้เลย…เพราะน้องชายของศิษย์ผู้นั้นยังไม่ได้ลงมืออะไรกับต้วนหลิงเทียนก็ยังถูกฆ่าเช่นกัน นี่เห็นชัดว่าต้วนหลิงเทียนมีเจตนาฆ่าคนบริสุทธิ์จริง! แต่กระนั้นแล้วสุดท้ายอาวุโสกัวฉงผู้คุมกฏแท่นบูชาเต่าทมิฬเรา กลับตัดสินให้ต้วนหลิงเทียนไปขุดเหมือง 10 ปีเท่านั้น!!”
“ศิษย์พี่ท่านนี้…ใช่ท่านกำลังจะบอกว่า การตัดสินพิจารณาคดีของอาวุโสกัวฉงมีปัญหางั้นหรือ?”
“ยังเห็นว่าเรื่องนี้ก่อนจะทำการตัดสิน อาวุโสกัวฉงของเรากับอาวุโสหวู่ยี่ที่เป็นผู้คุมกฏของแท่นบูชานกไฟก็เห็นพ้องต้องกันแล้วนี่นา…”
……
เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬเริ่มจับกลุ่มสนทนากันอย่างออกรส หัวข้อสนทนาไม่พ้นเรื่องราววีรกรรมที่ต้วนหลิงเทียนไปสร้างไว้เมื่อ 2 เดือนก่อน ประเด็นหลักยังมุ่งเน้นไปที่คำตัดสินของอาวุโสคุมกฏทั้งสอง
เรื่องราวใหญ่โตเช่นนั้นแน่นอนว่าต้องแพร่มาถึงแท่นบูชาเต่าทมิฬเช่นกัน
และเรื่องนี้ก็ทำให้เหล่าศิษย์มากมายเคลือบแคลงการตัดสินคดีครั้งนี้ของผู้อาวุโสคุมกฏทั้ง 2 กันไม่น้อย แต่แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าพูดอะไรมากความ
มีคำกล่าวที่ว่า ‘คนตัวเล็กเสียงเบา’ เรื่องนี้เป็นความจริงอย่างไม่ต้องสงสัย
(คนตัวเล็กเสียงเบา = คนไร้อำนาจย่อมไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไร /บ้านเราก็เป็นแบบนี้ล่ะ น่าเศร้าเนาะ)
เช่นนั้นเมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ก็มีคนพูดถึงเรื่องนี้น้อยลงเรื่อยๆ…
แต่ลึกๆในใจของเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬรวมถึงแท่นบูชาอื่นๆ ก็ล้วนคิดกันไปว่า…
ต้วนหลิงเทียนสมควรมีฐานะไม่ธรรมดามีความเป็นมาใหญ่โตแน่!
หาไม่แล้วไหนเลยจะสามารถฆ่าคนโดยไม่ต้องชดใช้ชีวิตเช่นนี้ได้!?
ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้น ต้วนหลิงเทียนที่เหินตามเมิ่งจินมา หลังมองไปรอบๆและเริ่มเห็นว่ามีคนอยู่บางตาแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมาเสียงดัง “อาวุโสเมิ่งจิน นี่ท่านคิดจะพาข้าไปที่ไหนกันแน่?”
“ไปที่ใดเดี๋ยวเจ้าก็จักได้รู้เอง”
เมิ่งจินหยุดร่างลงก่อนหันมาตอบคำต้วนหลิงเทียนเสียงเบา
อย่างไรก็ตามหลังได้ยินคำตอบนี้ของเมิ่งจิน ต้วนหลิงเทียนกลับหยุดร่างลงกลางหาว ขมวดคิ้วกล่าวออกทันที “อาวุโสเมิ่งจิน หากท่านไม่ให้ความกระจ่างกับข้า เช่นนั้นอย่าได้โทษข้าหากข้าไม่ให้ความร่วมมือกับท่าน เพราะผู้ใดจะไปรู้ว่าใช่ท่านกำลังหาทางแก้แค้นให้ศิษย์ของท่านที่ถูกข้าทุบตีไปเมื่อสองเดือนที่แล้วหรือไม่?”
“แก้แค้นเจ้า?”
ได้ยินวาจานี้ของต้วนหลิงเทียน เมิ่งจิน ถึงกับอึ้งไปพักหนึ่ง ค่อยระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังร่า “ฮ่าๆๆ เจ้าหนุ่มเจ้าวางใจเถอะ! อาวุโสเช่นข้ามิลดตัวลงไปทุบตีทำร้ายพวกเจ้าเรื่องทะเลาะเบาะแว้งของชนรุ่นหลังสองคนหรอก! นอกจากนั้นที่เจ้าทุบตีศิษย์ข้ามีอันใดไม่ดี? ยังถือว่าเป็นการลดความจองหองถือดี มอบบทเรียนล้ำค่าให้แก่มัน! ตัวข้ามีแต่จะสุขใจยิ่ง ไฉนข้าต้องไปล้างแค้นอันใดกับเจ้าเล่า?”
เมิ่งจินหัวเราะเสียงดังทั้งวาจาที่กล่าวออกก็เปิดเผยจริงใจราวคนใจกว้างผู้หนึ่ง ทำให้ต้วนหลิงเทียนที่จับจ้องมองตาอีกฝ่ายไม่กระพริบ สามารถพบได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายกล่าวออกจากใจจริงๆ เช่นนั้นจึงเหินร่างติดตามไปต่อโดยไม่คลางแคลงอะไรอีก
“แต่จักว่าไป ตรงนี้ก็มิค่อยมีผู้คนแล้ว เช่นนั้นข้าบอกเจ้าไว้ก่อนก็มิเสียหายอันใด…”
ครู่ต่อมาหลังเหินร่างไปสักพัก เมิ่งจิน พลันกล่าวบอกออกมาต่อว่า “เหตุผลที่ข้ามาตามตัวเจ้าเช่นนี้ เป็นเพราะการมาเยือนของอาวุโสคุมกฏจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์”
“หือ? ผู้อาวุโสคุมกฏจากดินแดนศักดิสิทธิ์มาหาข้างั้นเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนหยีตาลง กล่าวถามออกไปทันที “อาวุโสเมิ่งจิน รบกวนบอกข้าได้หรือไม่ ว่าอาวุโสคุมกฏจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาหาข้าเรื่องอะไร…”
แม้ปากจะกล่าวถามออกไปแบบนั้น แต่ในใจต้วนหลิงเทียนตอนนี้อดไม่ได้ที่จะกระตุกไปวูบหนึ่ง…
‘หรือว่าหลี่อันมันสามารถค้านคำตัดสินของอาวุโสกัวฉงเมื่อ 2 เดือนก่อนได้แล้ว?’
อย่างไรก็ตามความคิดดังกล่าวพึ่งผุดขึ้นในหัวไม่ทันไร ต้วนหลิงเทียนก็ปัดมันตกไปทันที
เพราะเขารู้สึกว่าเรื่องนี้มันมน่าจะเป็นไปได้!
ด้วยระดับพรสวรรค์รากวิญญาณของเขาตอนนี้ หอคุมกฏไม่มีทางเปลี่ยนคำตัดสินและลงโทษเขาแน่!
‘แต่ถ้าไม่ใช่เพราะคำตัดสินของอาวุโสกัวฉงถูกค้าน ทำไมอาวุโสคุมกฏของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ถึงต้องมาหาข้าถึงแท่นบูชาเต่าทมิฬตอนนี้กัน?’
ต้วนหลิงเทียนรู้สึกงุนงงอยู่บ้าง
“ข้าเองก็มิรู้จุดประสงค์ที่แน่ชัดนัก…อย่างไรก็ตาม ‘เว่ยเหอ’ ก็มากับอาวุโสคุมกฏคนนั้นเช่นกัน”
เมิ่งจินที่เหินร่างนำหน้ากล่าวตอบ
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วอีกครั้งเมื่อได้ยินนาม ‘เว่ยเหอ’
เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อนี้…
“เว่ยเหอที่ข้ากล่าว มันเป็นศิษย์เอกของอาวุโสหลี่อันประจำแท่นบูชาเต่าทมิฬเรา นอกจากนี้ยังเป็นอาจารย์ของหยวนหง ศิษย์แท่นบูชานกไฟที่เจ้าฆ่าตายไปเมื่อ 2 เดือนก่อน”
คล้ายรับรู้ถึงความสงสัยของต้วนหลิงเทียนก็ไม่ปาน เมิ่งจินพลันกล่าวออกมาอีกครั้ง
อาจารย์ของหยวนหง?
ต้วนหลิงเทียนฟังแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้ว ความสงสัยในใจยังมากขึ้นตามติด
ภายใต้การนำทางของอาวุโสเมิ่งจิน ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็เหินร่างมาถึงตำหนักหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเขตพื้นที่แท่นบูชาเต่าทมิฬ ตำหนักแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าลึก แลดูไม่ได้โดดเด่นอะไรสักเท่าไหร่
หากไม่ได้เมิ่งจินเป็นคนนำทางมา เกรงว่าต้วนหลิงเทียนคงยากจะหาสถานที่แห่งนี้ได้พบ
ตำหนักแลดูเก่าแก่โบราณ แต่ยังคงสะอาดสะอ้านคล้ายดูแลรักษาอย่างดี
หลังจากที่เมิ่งจินเหินร่างลงไปและเข้าไปในตำหนัก ต้วนหลิงเทียนที่ตามติดเข้ามา ไม่นานก็พบเห็นร่างที่คุ้นตาในห้องโถงของตำหนัก
ร่างที่คุ้นตาดังกล่าว เป็นหนึ่งใน 3 ร่างที่คล้ายเฝ้ารอการมาของเขาในห้องโถง คนผู้นั้นไม่ใช่ใครอื่น นอกจากอาวุโสคุมกฏประจำแท่นบูชาเต่าทมิฬ กัวฉง!
“อาวุโสกัวฉง ไฉนท่านมาที่นี่ด้วยเล่า?”
ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงผ่านพลังกล่าวถามกัวฉงทันทีที่เห็นอีกฝ่าย
“มีคนกล่าวหาว่าข้าใช้อำนาจโดยมิชอบเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว บิดเบือนความจริงกล่าวรายงานเท็จเรื่องพรวรรค์รากวิญญาณของเจ้า เพื่อช่วยเหลือเจ้าให้รอดพ้นความผิดน่ะสิ!”
กัวฉงกล่าวส่งเสียงตอบ
“ว่าอะไร?!”
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะอึ้ง เมื่อได้ยินคำตอบของกัวฉง
หลังจากนั้นสายตาของเขาก็เบนไปตกยังร่างชายวัยกลางคนที่จ้องเขาไม่วางตาตั้งแต่เขาเข้ามาในห้องโถงทันที
จากสายตาเย็นชาคล้ายมีความแค้นใหญ่หลวงนี้ ต้วนหลิงเทียนสามารถเดาตัวตนอีกฝ่ายได้ทันที ‘มันน่ะเหรอเว่ยเหอ? มันเป็นคนที่กล่าวหาอาวุโสกัวฉงว่าใช้อำนาจโดยมิชอบเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว กล่าวรายงานเท็จเรื่องพรสวรรค์รากวิญญาณข้าให้รอดจากโทษประหาร?’
‘ลองมันเลือกจะกล่าวหาอาวุโสกัวฉงด้วยเหตุผลนี้ หมายความว่าหลี่อันคงไม่เชื่อสินะ…ว่าข้ามีรากวิญญาณสีน้ำเงินจริงๆ’
เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนย่อมคาดเดาได้ไม่ยาก