WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1962
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1962
ตอนที่ 1,962 : ตะกร้าใหญ่พิเศษ!
พอมองไปตามสายตาของกัวฉง สิ่งที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของต้วนหลิงเทียน ก็คือหุบเขาอันกว้างใหญ่ปานจะไร้ขอบเขต!
เหนือขึ้นไปยังน่านฟ้าท่ามกลางหุบเขาแห่งนี้ ปรากฏเกาะที่ลอยล่องอยู่ในอากาศมากมาย พวกมันถูกเมฆหมอกบดบังเอาไว้ทำให้ยากที่จะแลเห็นได้ชัด
เมื่อมองลงมายังพื้นดินเบื้องล่างก็จะเห็นคนมากมายจนนับไม่ถ้วน
พอกวาดตามองไปพบว่าบางคนกำลังขุดเจาะอะไรไปตามประสา มีบ้างที่คล้ายจะเป็นโพรงถ้ำอันบ่งบอกให้รู้ว่ามีการขุดลงไปลึกมากมายแล้ว
และหลังจากที่คนพวกนี้ขุดอะไรเสร็จสิ้น พวกมันก็คล้ายจะมุ่งหน้าไปยังสถานที่เดียวกัน
“ตรงหน้าพวกเราก็คือเขตลงทัณฑ์ของเหมืองลำดับที่ 1”
“เหล่าศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์ที่กระทำความผิด ล้วนจะถูกส่งมาใช้แรงงานที่นี่” กัวฉงพลันกล่าวบอกต้วนหลิงเทียนออกมาในเวลาที่เหมาะสม “ในเขตลงทัณฑ์นั้นศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์ทุกคนมีงานที่ได้รับมอบหมายให้กระทำทุกวัน และหากกระทำเสร็จสิ้น ก็สามารถกลับไปพักผ่อนได้”
“คนพวกนั้นที่กำลังเดินออกมา…เพราะพวกมันทำงานประจำวันเสร็จสิ้นแล้วงั้นเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย
“ไม่แน่นัก”
กัวฉงส่ายหัว “ผู้ที่เจ้าเห็นว่ากำลังทยอยกันออกมานั้น ส่วนใหญ่ล้วนออกมาส่งหินเซียนที่พวกมันพึ่งขุดได้ทั้งสิ้น…เพราะในที่นี้ทุกคนมิได้รับอนุญาตให้พกพาอุปกรณ์พื้นที่หรือแหวนมิติอันใด เช่นนั้นพวกมันทำได้แต่หอบหิ้วหินเซียนออกมาส่งเป็นรอบๆจนกว่าจะครบกำหนดที่พวกมันต้องขุดในแต่ละวัน…”
“เจ้าคงสังเกตเห็นตระกร้าที่พวกมันถือแล้วใช่หรือไม่…นั่นคือสิ่งที่เขตลงทัณฑ์จะแจกให้ทุกคน และมีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่เจ้าจะใช้เก็บหินเซียนเพื่อมาส่งได้ไม่อาจใช้สิ่งอื่นได้อีก”
กัวฉงกล่าวออกมาอีกครั้ง
ต้วนหลิงเทียนพอได้ฟัง ก็มองสังเกตทุกคนอีกครั้งอย่างละเอียด
ผู้ที่เข้าๆออกๆอยู่นั้น ล้วนแล้วแต่สะพายตะกร้าเอาไว้ด้านหลังจริงๆ
พอมองให้ดีก็พบว่าผู้ที่กำลังเดินเข้าไปในหุบเขานั้น ตะกร้าด้านหลังของพวกมันล้วนว่างเปล่าทั้งสิ้น
กลับกันผู้ที่กำลังเดินออกจากหุบเขา ในตะกร้าด้านหลังล้วนเต็มไปด้วยหินเซียน
สำหรับเหตุผลที่ไฉนในเขตลงทัณฑ์แห่งนี้ไม่มีใครพกพาอุปกรณ์มิติจำพวกที่เก็บของอะไรเข้ามา ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้ไม่ยาก
ไม่พ้นเขตลงทัณฑ์จะต้องทำการริบสิ่งของจำพวกนี้เอาไว้แต่แรกเป็นแน่
หาไม่แล้วจะมัวมานั่งเฝ้าระวังทุกครั้งว่ามีผู้ใดลักขโมยหินเซียนเช่นนั้นหรือ?
แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะทำการใช้สำนึกเทวะตรวจสอบตามตัว ทั้งให้ทำการลบสิทธิ์ถือครองแหวนเพื่อตรวจสอบ ทว่าเรื่องราวเช่นนั้นพูดง่ายแต่เหนื่อยกระทำ…ด้วยจำนวนผู้คนที่มากมาย การตรวจสอบดังกล่าวย่อมสิ้นเปลืองเวลาไม่น้อย!
เช่นนั้นจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่จะริบอุปกรณ์พื้นที่ไว้เสีย และให้ใช้ตะกร้าเช่นนี้ในการขนถ่ายหินเซียนแทน
ฟุ่บ!
ต้วนหลิงเทียนกับกัวฉงที่ลอยร่างอยู่พลันพบว่ามีร่างหนึ่งที่กำลังเหินมาแต่ไกลๆ และเพียงไม่นานร่างดังกล่าวก็ลุมาถึงเบื้องหน้าทั้งคู่
เป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่มาในชุดคลุมบ่งบอกถึงฐานะอาวุโสเพลิงทองแดงของลัทธิบูชาไฟ และพิจารณาจากลายปักก็บอกได้ทันทีว่ามันเป็นผู้อาวุโสเพลิงทองแดงของแท่นบูชาเต่าทมิฬ!
ในเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้แปลกใจอะไร
ก่อนที่จะมาถึงที่นี่กัวฉงก็ได้บอกกล่าวเรื่องโครงสร้างการทำงานและบุคลากรของสถานที่แห่งนี้เอาไว้ให้เขาฟังคร่าวๆเรียบร้อยแล้ว
นอกจากอาวุโสเพลิงทองและเพลิงเงินจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ยังมีอาวุโสเพลิงทองแดงจากแท่นบูชาจตุรลักษณ์ถูกส่งมาทำหน้าที่คอยดูแลความเรียบร้อยและจัดการเรื่องราวต่างๆด้วย
“อาวุโสคุมกฏกัวฉง”
อาวุโสเพลิงทองแดงอันเป็นอาวุโสของแท่นบูชาเต่าทมิฬที่ได้รับมอบหมายให้ลาดตระเวนพื้นที่ทางตอนใต้ของเหมืองลำดับที่ 1 คนนี้ แน่นอนว่าย่อมต้องรู้จักกัวฉง…เพราะอย่างไรก็มาจากแท่นบูชาเต่าทมิฬเหมือนกัน!
และเมื่อเผชิญหน้ากับกัวฉงอาวุโสผู้นี้ย่อมเผยท่าทีสุภาพเคารพเป็นปกติ
กระทั่งอาวุโสเพลิงเงินในแท่นบูชาเต่าทมิฬยามพบกัวฉงยังต้องให้ความเคารพ
เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงอาวุโสเพลิงทองแดงเลย
“ข้าจำเจ้าได้…ดูเหมือนเจ้าจะเรียกว่าเผิงฮั่วใช่หรือไม่?”
กัวฉงพยักหน้ารับคำทักทายของอีกฝ่าย ก่อนที่จะกล่าวถามย้ำความมั่นใจของตัวเองออกมา
“ข้าเผิงฮั่ว มิคิดเลยว่าท่านอาวุโสคุมกฏกัวฉงจะจดจำข้าน้อยได้ นับว่าเป็นเกียรติของข้าน้อยยิ่งนัก”
ได้ยินคำของกัวฉง อาวุโสเพลิงทองแดงคนนี้รู้สึกเป็นปลื้มนัก
กัวฉงนั้นด้วยฐานะอาวุโสคุมกฏ แน่นอนว่าย่อมสามารถเข้าออกเหมืองที่แท่นบูชาจตุรลักษณ์ดูแลอยู่ได้อย่างอิสระ…เช่นนั้นแล้วพอเผิงฮั่วพบว่าผู้มาคือกัวฉง มันก็ไม่คิดขัดขวางอะไรปล่อยให้ผ่านเข้าไปแต่โดยดี กับต้วนหลิงเทียนเองมันก็ไม่ได้ขัดขวางเช่นกัน
“ชายหนุ่มผู้นี้…คือต้วนหลิงเทียนศิษย์ใหม่ที่กำลังโด่งดังของแท่นบูชาเต่าทมิฬงั้นหรือ?”
มองไปยังแผ่นหลังของต้วนหลิงเทียนที่เหินร่างติดตามกัวฉงเข้าไปด้านใน สองตาเผิงฮั่วพลันลุกวาวขึ้นมาคล้ายกำลังมองเห็นสิ่งมหัศจรรย์
มันไม่อาจไม่ประหลาดใจได้!
ถึงแม้โดยปกติแล้วมันจะอาศัยอยู่ในเขตลงทัณฑ์ของเหมืองลำดับที่ 1 แต่มันก็ยังพอรับทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายนอกอยู่บ้าง เพราะมีศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์ที่ถูกส่งมาเขตลงทัณฑ์เพื่อประสานงานอยู่เสมอ
ในบรรดาผู้มา มีหลายคนที่คอยเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้มันฟัง หนึ่งในนั้นรวมถึงวีรกรรมที่ต้วนหลิงเทียนได้ก่อเอาไว้!
ยิ่งเมื่อ 3 เดือนที่แล้วนั้น เรื่องราวของต้วนหลิงเทียนถึงกับโด่งดังเป็นพิเศษ ยังแพร่ไปทั่วแท่นบูชาจตุรลักษณ์ในเวลาอันสั้น!
เพราะสุดท้ายแล้ว นี่ก็คือเรื่องราวของศิษย์ใหม่ที่หาญกล้าแข็งข้อกับอาวุโสหลี่อัน ผู้เป็นถึงอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของแท่นบูชาเต่าทมิฬ!
และเป็นที่แน่นอนว่าเรื่องราวที่ต้วนหลิงเทียนก่อไว้เมื่อ 3 เดือนก่อน จะเป็นที่กล่าวขานถึงกันไม่น้อยกระทั่งในเขตลงทัณฑ์แห่งนี้
เพราะตอนนั้น ต้วนหลิงเทียนถึงขั้นสังหารศิษย์แท่นบูชานกไฟไป 2 คน ทว่าผลการตัดสินคดีกลับเป็นอะไรที่น่ากังขาของผู้คนนัก! เพราะโทษที่ได้รับก็มีเพียงถูกส่งมาใช้แรงงานที่เหมืองแห่งนี้แค่ 10 ปีเท่านั้น!!
กล่าวได้ว่าเรื่องราวพิจารณาคดีดังกล่าวไม่เพียงแต่จะเป็นที่ฮือฮา จนทำให้ผู้คนในแท่นบูชาจตุรลักษณ์กล่าวถึงไม่หยุด กระทั่งในเขตลงทัณฑ์ก็ยังถกถึงประเด็นนี้กันไม่น้อย…
“คำนวณจากเวลาแล้ว…วันนี้เป็นวันที่ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นสมควรมาเหมืองลำดับที่ 1 แล้วจริงๆ…ชายหนุ่มผู้นั้นสมควรเป็นต้วนหลิงเทียนไม่ผิดคนแน่”
ไม่นานเผิงฮั่วก็ยืนยันได้
“อย่างไรก็ตามมิใช่มันเป็นเพียงศิษย์ที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลืองหรือไร…ไฉนอาวุโสกัวฉงถึงได้ปกป้องมันเช่นนั้น กระทั่งหอคุมกฏยังปกป้องมันด้วย…”
ในเรื่องนี้เผิงฮั่วเองก็ยังไม่อาจเข้าใจได้จริงๆ
เรื่องของอาวุโสเพลิงทองแดงอันเป็นศิษย์เอกของหลี่อันและอาจารย์ของหยวนหงที่ถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าตาย ได้ยื่นฟ้องร้องอาวุโสกัวฉงนั้น แน่นอนว่าย่อมแพร่มาถึงเหมืองลำดับที่ 1 แล้วเช่นกัน
ทว่าแม้ทางหอคุมกฏจะส่งคนมาสืบสวนคดีใหม่ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นเว่ยเหอที่สามหาวดูหมิ่นหอคุมกฏไปเสียได้ ยังถูกประหารตกตายไปเมื่อ 3 วันก่อน!
ด้วยเหตุนี้ทำให้ทุกคนตระหนักได้ว่า ไม่เพียงแต่กัวฉงจะปกป้องต้วนหลิงเทียนเท่านั้น แต่คล้ายทางหอคุมกฏเองก็ให้การปกป้องต้วนหลิงเทียนด้วยเช่นกัน
นั่นเพราะเรื่องราวเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว มีศิษย์แท่นบูชานกไฟหลายคนที่เห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นชัดเจน และหากเรื่องราวมันดำเนินไปตามกฏเกณฑ์และขั้นตอนจริงๆ…ต้วนหลิงเทียนมิพ้นต้องถูกประหารตายตกแน่!
ทว่าสุดท้ายต้วนหลิงเทียนกลับไม่ตาย กระทั่งได้รับการปกป้องจากหหอคุมกฏอีกด้วย!
เรื่องนี้นับว่าพาลให้จินตนาการของทุกคนพุ่งพล่าน คิดกันไปต่างๆนาๆ
อย่างไรก็ตามไม่มีใครเชื่อมโยงไปยังเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนอาจมีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินเลย!
สาเหตุที่เป็นแบบนี้เพราะเรื่องพรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนที่เป็นเพียงรากวิญญาณสีเหลืองนั้นได้แพร่กระจายออกมาทั่วแท่นบูชาจตุรลักษณ์นานแล้ว ทั้งหมดจึงคิดว่าต้วนหลิงเทียนก็แค่ศิษย์ดาษๆที่มีพรสวรรค์พอใช้เท่านั้น…
หาไม่แล้วพวกมันคงไม่ต้องครุ่นคิดกันหัวแทบแตก ว่าไฉนทั้งอาวุโสคุมกฏทั้งสอง ไม่วายกระทั่งหอคุมกฏเองถึงได้เข้าข้างต้วนหลิงเทียนอย่างออกหน้าออกตาแบบนี้!
อีกด้านหนึ่งนั้น ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ถูกกัวฉงพามาถึงสถานที่ขึ้นทะเบียนสำหรับศิษย์ต้องโทษให้ใช้แรงงานเหมืองที่มาใหม่ เพื่อทำการลงทะเบียนรับข้าวของ
หลังจากพาต้วนหลิงเทียนมาส่งแล้ว กัวฉงก็อำลาต้วนหลิงเทียนก่อนที่จะเหินร่างจากไปทันที
การมาส่งต้วนหลิงเทียนถึงที่นี่ ย่อมหมายความว่าหน้าที่ของมันจบลงแล้ว
บังเอิญหรืออย่างไรไม่ทราบ แต่ผู้ที่รับหน้าที่ลงทะเบียนศิษย์มาใหม่นั้น ดันเป็นอาวุโสเพลิงทองแดงของแท่นบูชานกไฟ!
ทำให้หลังจากที่มันพบว่าผู้ที่มันจะทำเรื่องลงทะเบียนให้ตอนนี้ที่แท้ก็คือต้วนหลิงเทียนคนนั้น อาวุโสเพลิงทองแดงของแท่นบูชานกไฟดังกล่าวจึงอดไม่ได้ที่จะมองพินิจต้วนหลิงเทียนอยู่พักหนึ่ง ค่อยจัดการเรื่องราวให้
ทว่าทีท่าปฏิบัติทั้งสีหน้าวาจาของอีกฝ่ายหาได้มีความไม่พอใจอะไรต้วนหลิงเทียนเรื่องที่เขาบุกไปฆ่าศิษย์แท่นบูชานกไฟถึง 2 คนไม่!
เพราะในสายตาของมัน ต้วนหลิงเทียนเป็นตัวตนที่ลึกลับนัก และสมควรมีภูมิหลังความเป็นมาไม่ธรรมดาแน่แท้ มิฉะนั้นคงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้รับความคุ้มครองจากหอคุมกฏทั้งๆที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลือง…
“ต้วนหลิงเทียนตามกฏของเขตลงทัณฑ์ของพวกเรา เจ้าจำต้องฝากแหวนพื้นที่ของเจ้าไว้ที่นี่ แต่เจ้ามิจำเป็นต้องลบสิทธิ์ถือครองแต่อย่างใด เมื่อครบกำหนดระยะเวลาลงโทษ 10 ปี แหวนพื้นที่ของเจ้าจักถูกส่งคืนให้เจ้า”
อาวุโสเพลิงทองแดงของแท่นบูชานกไฟ กล่าวคำกับต้วนหลิงเทียนอย่างอ่อนโยน
ขณะเดียวกันมันก็หยิบตะกร้าใบใหญ่ รวมถึงชุดเครื่องแต่งกายที่ใช้ในการทำงานหลายต่อหลายชิ้นให้ต้วนหลิงเทียน
“ตะกร้านี้ไว้บรรทุกหินเซียนที่เจ้าขุดเพื่อนำมาส่ง ส่วนหินเซียนที่อยู่นอกเหนือในตะกร้าแม้เจ้าจะหอบหิ้วมาด้วยพลัง มันก็จักมินับว่าเป็นหินเซียนที่เจ้าต้องขุดในแต่ละวัน กระทั่งพวกเรายังจะริบเอาไว้เปล่าๆ…เรื่องนี้เจ้าอย่าได้ลืมเสียเล่าหาไม่แล้วเจ้าจักเหนื่อยเปล่า”
อาวุโสเพลิงทองแดงของแท่นบูชานกไฟ พยายามอธิบายให้ต้วนหลิงเทียนฟังอย่างละเอียด
ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้ารับทราบ เรื่องนี้เขาเองก็ได้ยินจากปากของกัวฉงมาก่อนแล้ว จึงไม่ได้แปลกใจอะไร
‘แต่ว่า…ทำไมดูเหมือนตะกร้าที่ข้าได้มันจะใหญ่เป็นพิเศษกันล่ะ ตอนที่พึ่งมาถึงข้าไม่เห็นศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์คนไหนสะพายตะกร้าใบใหญ่ขนาดนี้เลยนี่นา’
ขณะมองตะกร้าในมือด้วยความสนใจ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะกล่าวในใจด้วยความสงสัย
จนถึงตอนนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ยังไม่รู้ ว่าตะกร้าในเขตลงทัณฑ์นั้นมีสองชนิด
หนึ่งในนั้นเป็นตะกร้าขนาดทั่วไป ที่เขาเห็นศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์หอบหิ้วสะพานตอนมาถึง
ส่วนอีกชนิดก็คือตะกร้าขนาดใหญ่พิเศษในมือของเขา ซึ่งในเขตลงทัณฑ์แห่งนี้ มีไม่ถึง 100 คนที่ได้ใช้ และขนาดของมันก็ใหญ่กว่าตะกร้าขนาดธรรมดาเกือบสองเท่า!
กล่าวให้เข้าใจง่ายๆเลยก็คือ ผู้ที่มีตะกร้าใบใหญ่พิเศษนี้ จะได้เปรียบศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์คนอื่นในเรื่องระยะเวลาขนส่งหินเซียน…
เพราะจำนวนหินเซียนที่ตะกร้าใหญ่พิเศษจุได้มันมีมากกว่าตะกร้าธรรมดาเป็นสองเท่า! ผู้ที่มีตะกร้าธรรมดาจำต้องไปกลับถึงสองรอบ ส่วนเขาแค่รอบเดียวเท่านั้นก็ได้ปริมาณเท่ากันแล้ว!!
ด้วยเหตุนี้ในเขตลงทัณฑ์ของเหมืองลำดับที่ 1 หากผู้ใดมีพลังฝีมือไม่กล้าแข็งพอ ย่อมไม่อาจครอบครองตะกร้าใบใหญ่พิเศษเช่นนี้ได้นาน!
นี่ยังเป็นดั่งธรรมเนียมปฏิบัติภายในเขตลงทัณฑ์ของเหมืองลำดับที่ 1 ไปเสียแล้ว
มีเพียงแต่ผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์ครอบครองตะกร้าใหญ่พิเศษ!
ศิษย์ทั่วไปของแท่นบูชาจตุรลักษณ์ที่ถูกส่งมารับโทษใช้แรงงาน การที่พวกมันจะได้ตะกร้าใบใหญ่พิเศษหรือไม่ล้วนขึ้นอยู่กับโชคเท่านั้น
นอกจากนั้นตะกร้าใบใหญ่มักจะถูกเก็บกลับหลังเจ้าของได้พ้นโทษแล้ว
เช่นนั้นกล่าวได้ว่าในเขตลงโทษของเหมืองลำดับที่ 1 แห่งนี้ จำนวนตะกร้าใบใหญ่พิเศษค่อนข้างมีจำกัดนัก เต็มที่ก็มีราวๆ 80-90 ตะกร้าเท่านั้น…
ทว่าศิษย์ที่ถูกลงโทษให้มาใช้แรงงานที่นี่มีนับพันๆคน!
จากจุดนี้ย่อมเห็นได้ชัดว่าตะกร้าใบใหญ่พิเศษมีค่าเพียงไร…