WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1973
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1973
ตอนที่ 1,973 : หงชวีมา!
วันนี้นับเป็นวันที่ 2 ของการขุดเหมืองของต้วนหลิงเทียน ด้วยเหตุนี้เขาจึงรู้สึกคึกคักนัก
ในขณะที่ส่งหินเซียนระดับ 1 ลงตะกร้าใหญ่พิเศษ เขาก็ลอบส่งหินเซียนระดับกึ่งสวรรค์เข้าเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ตอนนี้ชั้น 1 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ก็มีหินเซียนกองใหญ่เท่าภูเขาย่อมๆแล้ว
ในแง่ของปริมาณ
หินเซียนที่ต้วนหลิงเทียนยักยอกส่งเข้าเจดีย์วันนี้ เรียกว่ามีมากกว่าเมื่อวานถึงสองเท่า!
หลังจากนั้นพักใหญ่ๆ ต้วนหลิงเทียนก็ส่งมอบหินเซียนที่ต้องขุดประจำวันเสร็จสิ้น และเมื่อไม่มีหน้าที่อะไรแล้วเขาก็เหินร่างกลับไปยังตำหนักเอกอุซึ่งเป็นที่พักของเขาทันที
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนได้รับการยอมรับจากศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์ถ้วนหน้าว่ามีพลังฝีมือแข็งแกร่งเป็นอันดับ 1 ในเขตลงทัณฑ์แห่งนี้ ยามเขาไปไหนมาไหนจึงได้รับการคารวะและเรียกหาว่าศิษย์พี่ไม่ขาดปาก
ในโลกนี้ผู้มีพลังฝีมือย่อมได้รับความเคารพ
และพลังฝีมือที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกยามปะทะกับซุนเต๋อเมื่อวาน ก็ทำให้ศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์ในเขตลงทัณฑ์ยอมรับนับถือ
‘หินเซียนระดับกึ่งสวรรค์ก้อนใหญ่นั่น ข้าสมควรตัดแบ่งให้เป็นหินเซียนระดับกึ่งสวรรค์ขนาดมาตรฐานได้นับร้อยก้อน…’
หลังจากกลับถึงตำหนักเอกอุ ต้วนหลิงเทียนก็วูบร่างเข้าไปในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติทันที
หลังจากนั้นเขาก็เริ่มตัดแบ่งหินเซียนระดับกึ่งสวรรค์ก้อนใหญ่ที่เขาได้มาในวันนี้
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
…
เพียงต้วนหลิงเทียนสะบัดมือ ปรากฏกระบี่พลังมีสภาพควบแน่นจากความว่าง พุ่งไปตัดหินเซียนระดับกึ่งสวรรค์ก้อนใหญ่ที่ถูกพลังหยิบยกให้ลอยขึ้นปานประกายแสงวาบผ่าน…พริบตาหินเซียนระดับกึ่งสวรรค์ก้อนใหญ่ ก็กลายเป็นหินเซียนระดับกึ่งสวรรค์ขนาดมาตรฐาน 123 ก้อน
“สมแล้วที่เป็นหินเซียนระดับกึ่งสวรรค์…พลังวิญญาณฟ้าดินหนาแน่นนัก”
ต้วนหลิงเทียนย่อมสังเกตเห็นปริมาณพลังวิญญาณฟ้าดินที่อัดแน่นอยู่ในหินได้ชัดเจน
‘จำได้ว่าตอนที่ข้าอยู่ในสำนักจันทร์จรัสแสงข้าได้จานค่ายกลมา 3 จานนี่นา แถมจานค่ายกลพวกนั้นยังแบ่งเป็นจานค่ายกลสำหรับโจมตี ป้องกัน และหลอนประสาท…ไม่รู้ว่าหากใช้หินเซียนระดับกึ่งสวรรค์เป็นขุมพลังพวกมันจะเป็นยังไง?’
คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนจึงหยิบแหวนมิติที่ซ่อนอยู่ในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติออกมา
แหวนวงนี้เป็นแหวนวงที่เขามักสวมใส่อยู่เป็นประจำ
สำหรับแหวนที่เขตลงทัณฑ์ของเหมืองลำดับที่ 1 ริบไป มันก็แค่แหวนว่างเปล่าวงหนึ่งเท่านั้น!
อย่างไรก็ตามหากเขาไม่ยกเลิกสิทธิ์ถือครอง ก็ไม่มีใครสามารถตรวจสอบพบได้ว่าข้างในแหวนมันว่างเปล่า!
ตั้งแต่ที่เขารู้ว่าทางเขตลงทัณฑ์ของเหมืองลำดับที่ 1 จะริบแหวนพื้นที่ของศิษย์ที่ต้องรับโทษใช้แรงงานเอาไว้ เขาก็ได้ลอบสับเปลี่ยนแหวนที่เขาใส่เป็นประจำกับแหวนว่างเปล่าแต่แรก ซึ่งการกระทำดังกล่าวขนาดกัวฉงอยู่ข้างๆยังไม่อาจพบได้
เพียงใจคิด จานค่ายกลทั้ง 3 ชนิดก็ปรากฏอยู่เบืองหน้าต้วนหลิงเทียน
หลังจากเรียกจานค่ายกกลทั้ง 3 ออกมาแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เลือกจะใส่หินเซียนระดับกึ่งสวรรค์ลงในจานค่ายกลหลอนประสาทก้อนหนึ่งทันที
และหลังจากติดตั้งหินเซียนระดับกึ่งสวรรค์แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ทดลองเปิดใช้งานมันอย่างไม่รอช้า
แคร่ก!
อย่างไรก็ตามทันทีที่ต้วนหลิงเทียนเปิดใช้งานจานค่ายกลดังกล่าว เสียงแตกหักหนึ่งพลันดังขึ้น…เป็นจานค่ายกลหลอนประสาทในมือของต้วนหลิงเทียนแตกเป็นเสี่ยงๆคามือ!
“หรือว่า…มันจะรับพลังของหินเซียนระดับกึ่งสวรรค์ไม่ไหว!?”
หน้าต้วนหลิงเทียนเหวอไปทันที
เขาไม่เคยคิดเลยว่าพลังของหินเซียนระดับกึ่งสวรรค์จะรุนแรงเกินกว่าที่จานค่ายกลจะรับไหว!
“ดูเหมือนจานค่ายกลพวกนี้ก็จะไม่ได้มีคุณภาพอะไรมากมาย…กระทั่งรองรับหินเซียนระดับกึ่งสวรรค์ยังทำไม่ได้”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวพึมพำออกมา
“ไม่รู้ว่าขีดจำกัดที่พวกมันระดับจะเป็นระดับไหน…”
ไม่นานสายตาต้วนหลิงเทียนก็หันไปสนใจจานค่ายกล 2 จานที่เหลือ และหลังจากการทดลองอย่างระมัดระวัง เขาก็พบว่าพวกมันสามารถรองรับหินเซียนระดับ 1 ได้ 2 ก้อน
และ 1 ใน 2 จานค่ายกลที่เหลือ จานค่ายกลสำหรับจู่โจมก็พังไปหลังเขาลองใส่หินเซียนระดับ 1 ก้อนที่ 3…
สุดท้ายก็เหลือเพียงจานค่ายกลประเภทป้องกันเพียงชนิดเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตามม่านพลังที่ก่อเกิดจากจานค่ายกลที่เปิดใช้งานด้วยหินเซียนระดับ 1 สองก้อน สำหรับต้วนหลิงเทียนในตอนนี้มันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร
ดังนั้นเขาจึงเก็บจานค่ายกลประเภทป้องกันไว้โดยไม่ได้สนใจอะไรมันอีก
“ไม่คิดเลย…ว่าการทดลองครั้งนี้ข้าจะทำจานค่ายกลเจ๊งไป 2 อัน…”
มองไปยังเศษซากจานค่ายกลที่แตกกองอยู่บนพื้น ต้วนหลิงเทียนได้แต่ส่ายหัวไปมา หากแต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายมากมายอะไร
อาจเป็นเพราะแม้เขาจะสัมผัสได้ว่าพลังของพวกมันไม่เลว แต่ตอนนี้ด้วยพลังฝึกปรือของเขา พวกมันไม่อาจช่วยเหลืออะไรเขาได้อีกแล้ว…
‘ตีความเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬต่อดีกว่า ตอนแรกข้าคิดว่าคงต้องใช้เวลาครึ่งปีในชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ…แต่ตอนนี้ข้ามั่นใจว่าไม่เกิน 3 เดือนต้องเข้าใจปรุโปร่งแน่!’
ในเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนมั่นใจนัก
พอนึกถึงเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดรอช้า เร่งเดินขึ้นไปยังชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติทันที เพื่อทำความเข้าใจเวทย์พลังสายป้องกันอันดับ 1 ของลัทธิบูชาไฟ ปราการเต่าทมิฬ!
เมื่อวานหลังจากได้เห็นซุนเต๋อใช้เวทย์พลังปราการเต่าทมิฬกับตา ความรู้ความเข้าใจของต้วนหลิงเทียนที่มีต่อเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬก็เพิ่มสูงขึ้น
ใช้เวลาเพียง 1 วันในโลกภายนอก หรือ 10 วันในชั้น 4 เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ต้วนหลิงเทียนก็มีความก้าวหน้าในการตีความไม่น้อย
จากการประมาณของต้วนหลิงเทียน
ด้วยความเร็วในการตีความระดับนี้ อีกไม่เกิน 3 เดือนเขาต้องเพาะสร้างต้นแบบเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬและสามารถใช้มันออกได้แน่!
แต่ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ล่วงรู้เลย…
ว่าในขณะที่เขากำลังตีความเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬอย่างแข็งขัน แท่นบูชาเต่าทมิฬกลับเกิดเรื่องครั้งใหญ่อย่างที่ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้น! เพราะมีคนผู้หนึ่งได้ก่อเรื่องขึ้นอย่างไม่คิดฝัน! และมันก็ถูกตัดสินให้มารับโทษที่เขตลงทัณฑ์ของเหมืองลำดับที่ 1 หลายสิบปี!
และเป็นเพราะผู้ก่อเรื่องคนนี้ มันถึงได้สร้างความตื่นตระหนกให้เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬนัก
ถึงแม้คนผู้นี้จะเป็นเพียงศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬธรรมดาๆคนหนึ่ง ทว่าด้วยความที่มันแบกรับนาม ‘ศิษย์พี่ใหญ่’ เอาไว้ จึงมากพอจะสร้างความวุ่นวายให้ศิษย์ทั้งหลายในแท่นบูชาเต่าทมิฬไม่น้อย
ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็น ‘หงชวี’ ศิษย์พี่ใหญ่คนปัจจุบันของแท่นบูชาเต่าทมิฬ!
เมื่อหงชวีถูกส่งตัวมาถึงเขตลงทัณฑ์ของเหมืองลำดับที่ 1 ก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว เช่นนั้นวันนี้มันจึงไม่ต้องไปขุดหินเซียนประจำวันแต่อย่างไร
ไม่นานมันก็เหินร่างไปยังเขตที่พักของเขตลงทัณฑ์ทันที
และทันทีที่มันมาถึงเขตที่พักของเขตลงทัณฑ์ การมาของมันแน่นอนว่าย่อมสร้างความประหลาดใจให้เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬรวมถึงศิษย์คนอื่นๆที่พึ่งแบกตะกร้าว่างเปล่ากลับมาพักไม่น้อย
“นั่นศิษย์พี่ใหญ่นี่นา?!”
“อา! เป็นศิษย์พี่ใหญ่หงชวีจริงๆ!”
“อะไรกัน?! นี่ศิษย์พี่ใหญ่หงชวีก็ถูกส่งมารับโทษที่เขตลงทัณฑ์ด้วยเหรอ?”
“นั่นศิษย์พี่หงชวีของแท่นบูชาเต่าทมิฬนี่!”
…
มีหลายคนที่จดจำหงชวีได้ และไม่ใช่แค่เพียงศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬเท่านั้น ศิษย์แท่นบูชาอื่นก็จดจำมันได้ไม่น้อย
ในฐานะ ‘ศิษย์พี่ใหญ่’ ของแท่นบูชาเต่าทมิฬ หงชวีย่อมมีชื่อเสียงพอตัวในแท่นบูชาจตุรลักษณ์ จะมีคนมากมายจดจำมันได้ก็ไม่แปลกอะไร
“นี่ศิษย์พี่ใหญ่ไปทำความผิดอันใดมา ถึงได้ถูกมาส่งรับโทษแบบนี้เล่า?”
“ไม่ว่าศิษย์พี่ใหญ่จะก่อเรื่องอันใด แต่ท่านก็มิอยู่ในเขตลงทัณฑ์แห่งนี้นานนักหรอก…เพราะตอนนี้พลังฝึกปรือศิษย์พี่ใหญ่ก็บรรลุถึงเซียนนภาขั้นเชี่ยวชาญแล้ว อีกมิกี่เดือนพอดินแดนศักดิ์สิทธิ์เริ่มทำการทดสอบรับศิษย์ฝ่ายใน อย่างศิษย์พี่ใหญ่ไหนเลยจะไม่ผ่านการทดสอบได้? ท่านต้องผ่านการทดสอบและได้เข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในฐานะศิษย์ฝ่ายในแน่นอน!”
“จริงด้วย!”
“หรือศิษย์พี่หงชวีจะจงใจก่อเรื่อง เพื่อมาเยือนที่นี่สักคราก่อนที่จะไม่มีโอกาส?”
…
ถึงแม้ว่าจะเห็นหงชวีถูกส่งมารับโทษใช้แรงงานที่นี่ ทำให้หลายคนประหลาดใจไม่น้อย แต่ทั้งหมดก็รู้ดีว่าคนอย่างหงชวีคงไม่อยู่ที่นี่นาน และอีกไม่กี่เดือนก็ต้องออกจากแท่นบูชาจตุรลักษณ์เพื่อเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว
“ต้วนหลิงเทียนพักอยู่ที่ไหนหรือ?”
เมื่อเห็นว่ามีศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์อยู่รอบๆไม่น้อย หงชวีก็สุ่มถามศิษย์คนหนึ่งออกมา
“ตำหนักเอกอุ”
เมื่อถูกหงชวีหันมามองถามถึงต้วนหลิงเทียนแบบ ศิษย์คนดังกล่าวก็ไม่กล้ารอช้า เร่งชี้ไปยังเกาะที่ลอยอยู่สูงสุดบนฟ้าทันที
บนเกาะลอยเหนือฟ้าสูง มีตำหนักงดงามหลังหนึ่งปลูกสร้างไว้…
พื้นที่บนเกาะลอยแห่งนี้กว้างไม่น้อย มีสวนด้านหน้ากับลานว่างด้านหลัง ตำหนักยังมีห้องหับหลายห้อง ทั้งห้องนอน ห้องโถงไว้ใช้รับแขก ห้องบ่มเพาะ…ตำหนักหลังนี้ถูกเรียกว่าตำหนักเอกอุ!
นอกจากนั้นยังเป็นตำหนักเอกอุเพียงหลังเดียวในเขตลงทัณฑ์ของเหมืองลำดับที่ 1 แห่งนี้
ตำหนักเอกอุ!
และแทบจะทันทีที่ได้ยินคำตอบ ร่างหงชวีก็เหินตรงขึ้นไปยังตำหนักเอกอุทันที!
“หรือศิษย์พี่ใหญ่หงชวีคิดจะยึดตำหนักเอกอุกัน?”
“ไม่ควรเป็นเช่นนั้น! เจ้ามิได้ยินหรือว่าเมื่อครู่ศิษย์พี่ใหญ่เพียงถามว่าต้วนหลิงเทียนพักอยู่ที่ใด หากคนคิดชิงตำหนักเอกอุจริงๆก็สมควรมุ่งหน้าไปตำหนักเอกอุแต่แรก ไฉนต้องกล่าวถามก่อนด้วยว่าต้วนหลิงเทียนพักอยู่ที่ใด?”
“บางทีศิษย์พี่ใหญ่หงชวีอาจพึ่งถูกส่งมายังเขตลงทัณฑ์วันนี้เป็นวันแรก และสมควรได้ยินข่าวที่ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนเอาชนะศิษย์พี่ซุนเต๋อมาได้ แต่อาจมิรู้ว่าก่อนหน้าศิษย์พี่ซุนเต๋ออยู่ในตำหนักเอกอุก่อนสุดท้ายจะเปลี่ยนมือไปยังศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน…”
“เจ้ากล่าวออกมาเช่นนี้…มิใช่หมายความว่าศิษย์พี่หงชวีจงใจมาหาศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนโดยเฉพาะงั้นเหรอ? อย่างบอกนะว่าศิษย์พี่หงชวีถึงขั้นก่อเรื่องในแท่นบูชาเต่าทมิฬเพื่อจักได้ถูกส่งมาที่เขตลงทัณฑ์แห่งนี้…เพราะมีจุดประสงค์ต่อศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน?”
“อาจเป็นไปได้…”
…
ไม่ว่าเหล่าศิษย์จะคิดคาดกันไปอย่างไร ด้านหงชวีตอนนี้ก็เหินร่างขึ้นมาถึงตำหนักเอกอุที่ลอยเด่นเป็นสง่ากลางฟ้าเรียบร้อยแล้ว
“ต้วนหลิงเทียน! ตำหนักเอกอุของเจ้าข้าหงชวีต้องการ!”
ทันทีที่มันเปิดปากกล่าวคำ ก็เผยเจตนาช่วงชิงที่พักของต้วนหลิงเทียนออกมาทันที
แน่นอนว่าเจตนาของหงชวียามนี้ก็เหมือน ‘ดื่มสุราแต่มิได้มุ่งหวังในรสสุรา’ เหตุผลที่มันบอกออกไปเช่นนี้ก็เพื่อปกปิดเจตนาที่แท้จริงของมัน
มันก่อเรื่องในแท่นบูชาเต่าทมิฬ เพียงเพื่อให้โดนลงโทษส่งมาใช้แรงงานที่เหมืองแห่งนี้ด้วยเหตุผลเดียว…ฆ่าต้วนหลิงเทียน!
เรื่องนี้นอกเหนือจากตัวมันกับหลี่อันแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดรู้อีกว่าต้วนหลิงเทียนจำต้องตายเพื่อให้คนสกุลหงนับร้อยชีวิตของมันอยู่ต่อไป…
เป็นธรรมดาที่หลังจากได้ยินคำท้าของหงชวี เหล่าศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์หลายคนก็ตระหนักได้ว่าหงชวีเพียงต้องการช่วงชิงตำหนักเอกอุ “ศิษย์พี่ใหญ่หงชวีหมายตาตำหนักเอกอุจริงๆด้วย…แต่คิดชิงตำหนักเอกอุจากต้วนหลิงเทียนเช่นนี้ ยังมิต่างจากแย่งเนื้อจากปากเสือหรือไร?”
มีเพียงศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์ไม่กี่คนเท่านั้นที่ชักสีหน้าเคร่งด้วยความสงสัย เพราะพวกมันตระหนักได้ว่าสมควรมีบางอย่างผิดปกติ…
นั่นเพราะแรกสุดหงชวีกลับถามว่าต้วนหลิงเทียนอยู่ที่ไหน ไม่ใช่ตำหนักเอกอุอยู่ที่ไหน
อย่างไรก็ตามแม้พวกมันจะตระหนักได้ถึงความผิดปกติ แต่พวกมันก็ไม่อาจคิดคาดจินตนาการออกได้เลย ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของหงชวีคือการฆ่าต้วนหลิงเทียน!
“หงชวีเหรอ…ชื่อนี้ข้าเคยได้ยินมาจากที่ไหนแล้วนะ…”
ต้วนหลิงเทียนที่กำลังตีความเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬในชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ก็ได้ลืมตาขึ้นมาทันทีหลังได้ยินเสียงตะโกนของหงชวี แววตายังเต็มไปด้วยประกายแหลมคม!
“จำได้แล้ว…หงชวี! เป็นมัน ศิษย์พี่ใหญ่ของแท่นบูชาเต่าทมิฬ”
ในฐานะศิษย์คนหนึ่งของแท่นบูชาเต่าทมิฬ ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่เคยเจอหงชวีมาก่อน แต่ทว่าชื่อของหงชวีเขาย่อมเคยได้ยินผ่านหูมาบ้าง!