WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1990
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1990
ตอนที่ 1,990 : ความลังเลของหยางเหวิน!
“หนึ่งร้อยวันงั้นเหรอ…”
ต้วนหลิงเทียนชักสีหน้าครุ่นคิดขณะเก็บกระบี่นิลสวรรค์ หลังนิ่งไปพักหนึ่งสองตาค่อยทอประกายสว่างออกมาเมื่อนึกถึงวันเวลาที่เขาใช้ในการบรรลุถึงขอบเขตที่ 3 ของยอดใจกระบี่ “กระบี่อยู่ที่ใจ” ได้สำเร็จ
สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้อยู่ในภวังค์บ่มเพาะอะไร เช่นนั้นจึงยังพอกะประมาณเวลาได้อยู่บ้าง
“ร้อยวันในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ข้างนอกก็พึ่งผ่านไป 10 วันเท่านั้น…”
ขณะกล่าวพึมพำ มือต้วนหลิงเทียนสะบัดเรียกบัตรผลึกแก้วใบหนึ่ง ‘ตอนลงทะเบียนได้เจ้านี่มา แต่ไม่รู้ว่ามีของอะไรที่สามารถใช้คะแนนสะสมเท่านี้แลกได้บ้าง…’
‘ลองไปหาข้อมูลดูที่จัตุรัสกลางก่อนแล้วกัน…จะได้รู้ด้วยว่าหาคะแนนสะสมยังไง’
เมื่อจ่ายพลังเซียนสุริยันลงสู่บัตรผลึกแก้ว ตัวเลข 100 ของคะแนนสะสมพลันปรากฏให้ต้วนหลิงเทียนเห็น
100 คะแนนสะสมนี้ เป็นลัทธิบูชาไฟมอบให้เขาเปล่าๆหลังเป็นศิษย์ชั้นยอดในดินแดนสักดิ์สิทธิ์ กล่าวไปก็เสมือนของขวัญแรกพบ ที่ลัทธิบูชาไฟจะมอบให้ศิษย์ใหม่ทุกคน
ด้วยคิดจะไปจัตุรัสกลางของเกาะหลักดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ต้วนหลิงเทียนก็เก็บบัตผลึกแก้วลงแหวนพื้นที่ วูบร่างออกจากเจดีย์หลงหลิง 7 สมบัติ ก่อนที่จะเดินออกจากห้องหับไปถึงประตูหน้าบ้าน มือค่อยๆเอื้อมผลักมันออกไปทันที
ครืด…
เมื่อออกแรงผลักเบาๆ ประตูหินกน็ค่อยๆเลื่อนเปิดอย่างเชื่องช้า ส่งสำเนียงเสียงเกียจคร้านออก
ทว่าทันทีที่ประตูศิลาของต้วนหลิงเทียนบังเกิดความเคลื่อนไหว ศิษย์ที่แท้จริง หยางเหวิน ที่นั่งขัดสมาธิกลางอากาศในลานว่างหน้าบ้าน ก็ลืมตาขึ้นมาทันที สองตาเผยประกายระยับดั่งดารา
ยังมีจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวเอ่อล้นออกมา
“ต้วนหลิงเทียนกำลังจะออกมาแล้ว!”
ทันใดนั้นศิษย์ชั้นยอดไม่น้อยที่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวของประตูบ้านต้วนหลิงเทียน ก็ตื่นจากการทำสมาธิทันที สองตาทุกคนหันไปจดจ่อบ้านลานที่ต้วนหลิงเทียนอาศัยไม่วางตา
แววตาของเหล่าศิษย์ชั้นยอดพวกนี้ยังเผยความเวทนาไม่น้อย
ในสายตาของพวกมันเนื่องจากต้วนหลิงเทียนกำลังจะออกมา นั่นหมายความว่าต้วนหลิงเทียนก็กำลังจะถึงคราวเคราะห์! ศิษย์ที่แท้จริง หยางเหวิน เฝ้ารออยู่ร่วม 10 วันแล้ว!!
และมองจากทีท่าของหยางเหวิน น่ากลัวว่าจะไม่ปล่อยต้วนหลิงเทียนไปง่ายๆ
บางทีด้วยหวาดกลัวกฏของลัทธิบูชาไฟ หยางเหวินอาจไม่กล้าลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตายหรือทำร้ายจนพิกลพิการ แต่แน่นอนว่าสามารถทรมานให้ต้วนหลิงเทียนเจ็บปวดจนร่ำร้องขอความตายได้
แม้หยางเหวินจะไม่กล่าวบอกออกมาว่ามันจะลงมือกับต้วนหลิงเทียนอย่างไร หากแต่ทุกคนเพียงอาศัยการมองแววตาของมัน ก็สืบทราบได้ว่าหยางเหวินมันเคียดแค้นต้วนหลิงเทียนมากมายเพียงใด
แค้นที่น้องชายถูกฆ่า หาใช่เรื่องเล็กน้อยไม่!
“หืม?”
พึ่งผลักจนประตูขยับได้ไม่ทันไร ต้วนหลิงเทียนพลันสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าฟันที่เล็ดลอดเข้ามาจากด้านนอก อดไม่ได้ที่จะทำให้ทั่วร่างเขาเข้าสู่สภาวะระวัง เตรียมป้องกันการโจมตี้ทันที
กระทั่งมือที่ผลักเปิดประตู ยังลดความเร็วลงกลายเป็นค่อยๆแง้มเปิดประตูอย่างไม่รีบไม่ร้อนแทน
ขณะเดียวกัน เมื่อประตูแง้มเปิดอ้าออก เสียงบทสนทนาจากด้านนอกก็เริ่มดังเข้าหูเขา
“ศิษย์พี่หยางเหวินจะอย่างไรก็เป็นศิษย์ที่แท้จริง! เซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยนไม่ใช่อะไรที่ครึ่งก้าวเซียนสวรรค์จะตอแยด้วยได้…คิดจัดการต้วนหลิงเทียนเป็นเรื่องราวอันง่ายดายนัก!”
“นั่นสิ วันนี้ฟ้ากำหนดมาให้ต้วนหลิงเทียนเจ็บหนักแล้วล่ะ”
“ตอนนี้ต่อให้มันจะรู้ตัวว่าเกิดเรื่องราวใดขึ้นและไม่คิดออกมาก็ไม่มีประโยชน์…เมื่อรู้ว่ามันไม่ได้ปิดด่านบ่มเพาะพลังอยู่ ต่อให้ศิษย์พี่หยางเหวินทำลายบ้านมันก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดเรื่องอย่างธาตุไฟเข้าแทรกอะไร”
“พลังฝีมือเทียบได้กับครึ่งก้าวเซียนสวรรค์แล้วอย่างไร…เข้าใจเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬแล้วอย่างไร…บรรลุเวทย์พลังขั้นสูงครบ 4 สายแล้วอย่างไร…ต่อหน้ายอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ที่แท้จริง ก็มิต่างหมูหมากาไก่!”
“หากมันจะโทษก็ต้องโทษที่มันฆ่าน้องชายของศิษย์พี่หยางเหวินเถอะ…ไม่งั้นศิษย์พี่หยางเหวินจะมาเอาเรื่องมันถึงนี่หรือ?”
……
เสียงเหล่าศิษย์ที่คุยกันด้านนอก ล้วนดังเข้าหูต้วนหลิงเทียนครบถ้วน และทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้ได้ทันทีว่าเจ้าของจิตสังหารที่มุ่งเป้ามาที่เขาเป็นใคร
ศิษย์ที่แท้จริง หยางเหวิน!
‘ได้ยินมานานแล้วว่าอาวุโส 5 แห่งวังอุดรไพศาลหยางชงมีลูกชาย 2 คน หยางหวู่ที่ฆ่าไปเป็นลูกชายคนรองของมัน ส่วนคนโตข้ารู้มาว่ามันอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น…ไม่คิดจริงๆว่าที่แท้ลูกชายคนโตของมันหยางเหวินอะไรนั่น จะทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์และกลายเป็นศิษย์ที่แท้จริงไปแล้ว’
ต้วนหลิงเทียนแปลกใจอยู่บ้าง
แน่นอนว่าแค่แปลกใจแต่ไม่ประหลาดใจอะไร
สีหน้าต้วนหลิงเทียนยังคงสงบนิ่งไม่แปรเปลี่ยน ไม่เผยความอนาทรร้อนใจหรือกริ่งเกรงใดๆทั้งสิ้น
‘ถึงหยางเหวินมันคิดจะมาหาเรื่องข้า แต่เห็นชัดว่ามันกริ่งเกรงกฏของลัทธิบูชาไฟไม่น้อยถึงได้นั่งรออยู่แบบนั้น ถึงไม่มีทางที่มันจะกล้าฆ่าหรือทำให้ข้าพิการ…แต่คงคิดทรมานข้าให้ตายเสียดีกว่าอยู่งั้นสิ…’
เมื่อคิดถึงจุดนี้ สองตาต้วนหลิงเทียนพลันทอประกายเย็นเยียบออกมา
‘กฏของลัทธิบูชาไฟกลับไม่ระบุเรื่องห้ามไม่ให้มีการรังแกทรมานกัน เหมือนจงใจเว้นช่องโหว่เอาไว้…สงสัยตั้งใจเอาไว้กระตุ้นให้เหล่าศิษย์เร่งขัดเกลาฝีมืออีกทางหนึ่งอะไรทำนองนั้นสินะ?’
ทันใดนั้นเอง
ครืดดด!!
เสียงครูดของประตูดังขึ้นอีกครั้ง เป็นต้วนหลิงเทียนไม่คิดรอช้าออกแรงพลักประตูเพิ่มขึ้น ไม่นานก็ผลักประตูศิลาทั้งบานให้เปิดออกจนสุด
ภายใต้สายตาของุทกคนไม่เว้นหยางเหวิน หลังประตูศิลาเปิดออก ก็มีร่างชายหนุ่มร่างสูงสมส่วน ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏตัวออกมา
ถึงแม้เสื้อผ้าที่ชายหนุ่มผู้นี้สวมใส่จะเหมือนกันกับพวกมัน หากแต่ก็ไม่อาจปกปิดความรู้สึกไม่ธรรมดาที่แผ่ซ่านออกมาทั่วกาย ยังมีสภาวะน่าเกรงขามขุมหนึ่ง พาลให้พวกมันรู้สึกว่าไม่อาจเทียบอยู่บ้าง
“เจ้าคือต้วนหลิงเทียนงั้นเหรอ?”
และแทบจะพร้อมกันกับที่ชายหนุ่มก้าวออกมาจากประตูศิลา หยางเหวินที่นั่งขัดสมาธิในอากาศก็ลุกขึ้นยืน กล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงคาดคั้น
สายตาที่หยางเหวินใช้มองนับว่าดุร้ายเอาเรื่องนัก เรียกว่าหากสายตาสามารถฆ่าคนได้ ไม่ทราบชายหนุ่มเบื้องหน้าของมันจะตกตายไปสักกี่รอบ!!
“หยางเหวิน? ลูกชายคนโตของหยางชง อาวุโส 5 วังอุดรไพศาล?”
ในขณะที่หยางเหวินมองจี้ถามต้วนหลิงเทียนอย่างคาดคั้น ด้านต้วนหลิงเทียนเพียงมองมันด้วยสายตาเฉยเมยย้อนถาม
หลังได้ยินคำถามจากชายหนุ่มเบื้องหน้า หยางเหวินตระหนักได้ทันทีว่า…แม้อีกฝ่ายจะรู้จักมันแล้วแต่สีหน้ายังคงดูสงบไม่ยี่หระ! ทำให้หยางเหวินสามารถยืนยันได้ทันที…ชายหนุ่มเบื้องหน้ามันคนนี้คือต้วนหลิงเทียนไม่ผิดแน่!!
เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มันเห็นศิษย์ชั้นยอดที่ยังกล้าวางท่าหยิ่งยโสถือดีเช่นนี้ต่อหน้าศิษย์ที่แท้จริงเช่นมัน!
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้ากล้ากระทั่งแข็งข้อกับอาวุโสหลี่อัน ที่แท้เจ้าก็หยิ่งถึงเพียงนี้”
เมื่อยืนยันตัวตนต้วนหลิงเทียนได้แล้ว แววตาของหยางเหวินก็ฉายจิตอำมหิตคิดฆ่า!
สายตาที่คมกริบราวคมมีดทอดมองมายังร่างต้วนหลิงเทียนด้วยความดุร้าย คล้ายพร้อมฆ่าต้วนหลิงเทียนได้ทุกเวลา ปากกล่าวคำเสียงเหี้ยม “แต่เจ้าอย่าได้คิดว่าข้าจะเหมือนอาวุโสหลี่อันที่ไม่กล้าลงมือลงไม้อะไรกับเจ้าเสียเล่า?”
สิ้นเสียงกล่าวคำ ทั่วร่างหยางเหวินก็เร่งเร้าสภาวะดุร้าย มวลพลังโคจรไปทั่วร่างเตรียมลงมือ โดยไม้แม้แต่จะรอให้ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบคำใด!
ขณะเดียวกันด้านศิษย์ชั้นยอดทั้งหลายก็ตั้งอกตั้งใจชมเรื่องราวเบื้องหน้าตาไม่กระพริบ! ด้วยรู้ดีการต่อสู้กำลังจะปะทุขึ้นแล้ว!!
ในสายตาของพวกมัน
ต้วนหลิงเทียนโชคร้ายนัก!
อย่างไรก็ตามในขณะที่หยางเหวินกำลังจะพุ่งร่างไปเล่นงานต้วนหลิงเทียนนั้นเอง พลังสภาวะของมันกลับชะงักค้างเติ่ง เนื่องเพราะได้ยินวาจาหนึ่งของต้วนหลิงเทียน และวาจาที่ว่ายังทำให้เหล่าศิษย์ชั้นยอดถึงกับทำตาโตด้วยความเหลือเชื่อ
“หยางเหวินตอนนี้ให้เดาเจ้าคงแทบรอฆ่าข้าไม่ไหวแล้วสินะ? เอาอย่างนี้เป็นไง ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้ฆ่าข้าอย่างไม่ผิดกฏลัทธิบูชาไฟดีไหม?”
และนี่คือวาจาที่ว่าของต้วนหลิงเทียน
ประโยคดังกล่าวทำให้พลังสภาวะที่เร่งเร้ามาของหยางเหวินหยุดลง คนกลายเป็นมองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสองตาหดหยี กล่าวถามไปด้วยความสนใจ “เจ้าหมายความว่าอะไร?”
ขณะถามสองคิ้วหยางเหวินยังขมวดเป็นปม
“จะหมายความว่าอะไรได้ล่ะ…”
เผชิญกับหยางเหวินที่ขมวดคิ้วถามด้วยสงสัย ต้วนหลิงเทียนแสยะยิ้มบางๆ กล่าวออกด้วยทีท่าสบายๆ “ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิบูชาไฟ สมควรมีสถานที่สำหรับให้ศิษย์ลงนามเพื่อทำสัญญาประลองเป็นตายกันอยู่ใช่หรือไม่?”
“ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสเจ้า…นำไปสิ”
ขณะกล่าวประโยคชวนตะลึง สีหน้าต้วนหลิงเทียนไม่แปรเปลี่ยนแม้แต่น้อย ส่วนด้านหยางเหวินคิ้วที่ขมวดเป็นปมพลันย่นยู่ลงกว่าเดิม ใบหน้ายังลดต่ำลง
นำไปสิ!
และพอคำพูดนี้ดังหลุดจากปากต้วนหลิงเทียน สีหน้าหยางเหวินก็แปรเปลี่ยนไปทันที
หลังจากหน้าเปลี่ยนสีไป ใจมันก็วุ่นวายไม่น้อย
หลังจากนั้นมันก็นิ่งมองต้วนหลิงเทียนไม่พูดไม่จาอยู่พักหนึ่ง ไม่ทราบว่าในใจมันคิดอะไรอยู่
โอ!
ขณะเดียวกันด้านเหล่าศิษย์ชั้นยอดที่มารอชมเรื่องราว พอได้ยินวาจาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียนก็ตกใจ หลังดึงสติกลับมาต่างอดไม่ได้ที่จะอุทานกกันออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“นี่มัน…ฟังจากคำพูดของต้วนหลิงเทียน มันคิดประลองเป็นตายกับศิษย์พี่หยางเหวินงั้นเหรอ?”
ศิษย์ชั้นยอดที่ชมดูอยู่คนหนึ่ง ถึงกับโพล่งออกมาด้วยตะลึง
“ประลองเป็นตาย? ยังเป็นฝ่ายท้าทายศิษย์พี่หยางเหวินก่อนด้วย…มารดามันเถอะไปพกพาความกล้ามาจากที่ใดกัน!?”
ลูกตาของเหล่าศิษย์ชั้นยอดตอนนี้หดหยีกันเป็นแถว ทุกคนคล้ายไม่อยากจะเชื่อวาจาที่ได้ยิน
“มันเข้ามาเป็นศิษย์ในดินแดนสักดิ์สิทธิ์ได้ แน่นอนว่าพลังฝีมือย่อมไม่ใช่ชั่ว…แต่อย่างไรก็ยังแค่ครึ่งก้าวเซียนสวรรค์ไม่ใช่รึไง คิดท้าคนที่อยู่ในขอบเขตเซียนสวรรค์จริงๆ? ใช่มันเสียสติไปแล้วหรือไม่?”
เหล่าศิษย์ชั้นยอดส่วนใหญ่ล้วนไม่เข้าใจเป็นธรรมดา ยังคิดว่าต้วนหลิงเทียนผู้นี้จะถือดีเกินไปหน่อยแล้ว
“เสียสติ? พวกเจ้าแน่ใจว่ามันเสียสติไม่ใช่พวกเจ้าที่เสียสติ? ทีท่าของมันสงบถึงเพียงนี้หรือพวกเจ้าดูกันไม่ออก?”
ทว่ายังมีศิษย์ชั้นยอดที่คิดไปอีกอย่าง หลังเห็นท่าทางของต้วนหลิงเทียน
“มิผิด ท่าทางของมันสงบยิ่ง ไม่คล้ายคนทำอะไรไม่คิด หากแต่มั่นใจถึงที่สุดว่าสามารถกระทำได้…”
“ใช่ พวกเจ้าไม่เห็นเหรอ? ตั้งแต่ที่มันเดินออกมาจากประตู สีหน้าของมันไม่คล้ายจะกริ่งเกรงหวั่นกลัวอะไร ยังเฉยๆสบายๆราวกับให้ขุนเขาถล่มลงตรงหน้าก็ไม่แปรเปลี่ยน! หากไม่ใช่เพราะมั่นใจในพลังฝีมือตัวเองเป็นที่สุด ก็เป็นการเสแสร้งวางท่าลึกล้ำอย่างยอดเยี่ยม!”
เหล่าศิษย์ชั้นยอดที่เห็นด้วยเริ่มกล่าวเสริม พวกมันย่อมเห็นท่าทางของต้วนหลิงเทียนเช่นกัน
“มั่นใจถึงที่สุด? เจ้าคิดว่ามันจะมั่นใจว่าจะสู้ศิษย์พี่หยางเหวินได้จริงๆหรือ?”
แต่ทว่าคำพูดของศิษย์ชั้นยอดเหล่านี้กลับถูกศิษย์ชั้นยอดคนอื่นๆ ปรามาสทันที กระทั่งคนที่เย้ยเยาะยังไม่ใช่แค่คนเดียว
“เหอะๆ! ไม่พ้นมันต้องกำลังวางมาดลึกลับทำเป็นยอดฝีมืออยู่แน่!”
ศิษย์ชั้นยอดบางคนก็กล่าวออกมาอย่างมั่นใจ
ท้งหมดเหล่านี้มั่นใจว่าต้วนหลิงเทียนไม่ใช่คู่มือหยางเหวินแม้แต่น้อย เช่นนั้นการที่ต้วนหลิงเทียนหาญกล้าท้าหยางเหวินศิษย์ที่แท้จริงผู้บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยนแล้ว มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น…พยายามขู่ข่มหยางเหวิน!
“ดูนั่นเร็ว! พอเจอต้วนหลิงเทียนท้าประลองเป็นตาย ศิษย์พี่หยางเหวินมิใช่เผยทีท่าลังเลใจแล้วรึไง? อย่าบอกข้านะว่าศิษย์พี่หยางเหวินคิดว่าพลังฝีมือของตัวเองสู้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้จริงๆ?”
ไม่นานก็มีศิษย์ชั้นยอดสังเกตเห็นความลังเลของหยางเหวิน
“จริงด้วย!”
สายตาของเหล่าศิษย์ชั้นยอดเทไปยังร่างหยางเหวินทันที และตอนนี้พวกมันก็พบว่าหยางเหวินคล้ายจะลังเลอยู่จริงๆ!