WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 1998
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1998
ตอนที่ 1,998 : ลูกเล่นของหยางเหวิน
ปฐมเวทย์กลืนกิน!
ซู่ม!!
แทบจะพร้อมกันกับที่หยางเหวินเร่งเร้าพลังเซียนต้นกำเนิด พลังเซียนสุริยันที่คุกรุ่นเตรียมพร้อมอยู่ในกายของต้วนหลิงเทียนก็ปะทุระเบิดออกมาทันใด!
ชั่วพริบตาโดยมีต้วนหลิงเทียนเป็นจุดศูนย์กลาง วังวนพลังขุมหนึ่งอุบัติขึ้นในฉับพลัน ความเร็วในการหมุนวนของมัน เพิ่มพูนทบทวีขึ้นเรื่อยๆจนมิอาจนับรอบ!
ทันใดนั้นบังเกิดเป็นพลังดูดรั้งไร้สภาพขุมหนึ่ง ปานสัตว์ร้ายกระหายเลือดสูบกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินในอาณาบริเวณเข้าปากอย่างบ้าคลั่ง!
บรึม! บรึม! บรึม!
…
พริบตาที่ต้วนหลิงเทียนสำแดงอำนาจเวทย์พลังปฐมเวทย์กลืนกิน พลังวิญญาณฟ้าดินบนสังเวียนเป็นตายคล้ายสาบสูญไปในฉับพลัน! กระบวนการสูบกลืนพลังยังทำให้ผู้คนแลเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าพลังวิญญาณฟ้าดินหลั่งไหลเข้าร่างต้วนหลิงเทียนปานน้ำหลาก อีกทั้งกลิ่นอายพลังเซียนสุริยันของต้วนหลิงเทียนกำลังปะทุความเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ!
ความปั่นป่วนจากมวลพลังที่ปะทุออก ยังรุนแรงยิ่งกว่าตอนที่หยางเหวินเร่งเร้าพลังเซียนต้นกำเนิดขึ้นมาในชั่วพริบตาเสียอีก!
“เวทย์พลังสนับสนุน!”
หยางเหวินที่อยู่ห่างออกไป เห็นภาพต้วนหลิงเทียนดูดกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินชัดถนัดตา ยังเห็นได้ว่าพลังทั่วร่างของต้วนหลิงเทียนยกระดับขึ้นรวดเร็วเพียงใด ลูกตาของมันถึงกับหดหยีลงอย่างไม่อาจห้าม!
พลังอำนาจที่ทวีเพิ่มขึ้นนั้น เพียงมองแว่บแรกก็บอกได้ทันทีว่าเป็นอะไรที่เหนือล้ำยิ่งกว่าเวทย์พลังประจำแท่นบูชามังกรครามอันเป็นเวทย์พลังสนับสนุนเช่นกันมากมายนัก
ที่สำคัญที่สุด มันยังเคยได้ยินมาว่า…
เวทย์พลังสายสนับสนุนของต้วนหลิงเทียน กลับมีระยะเวลาแสดงผลที่เนิ่นนานนัก! กระทั่งยังเหนือกว่าเวทย์พลังสนับสนุนทั่วไปเป็นเท่าตัว!!
‘เฮอะ แต่มันก็เท่านั้น! ก็แค่ด่านพลังเซียนนภาขั้นกลาง ยังจะต่างอะไรกับไก่สุนัข! ไม่คู่ควรให้กล่าวถึงต่อหน้าข้าด้วยซ้ำ!!’
คิดถึงเรื่องนี้ ความมั่นใจของหยางเหวินก็พุ่งขึ้นสูงปรี๊ด!
แต่แน่นอนล่ะว่า ถึงแม้ความมั่นใจในตัวเองของมันจะพุ่งสูงขึ้น…แต่มันก็ไม่กล้าประมาท!
เพราะมันรู้ดีว่าพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียน หาได้ง่ายดายเช่นเซียนนภาขั้นกลางทั่วไปไม่!
ต้องทราบด้วยว่าหลังหงชวีรับประทานโอสถต้องห้ามไปแล้ว พลังของอีกฝ่ายก็เทียบได้กับครึ่งก้าวเซียนสวรรค์ แต่สุดท้ายกลับต้องแพ้พ่ายด้วยน้ำมือต้วนหลิงเทียน!
ถึงแม้พลังของต้วนหลิงเทียนจะยังไม่บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ แต่เกรงว่าคงห่างแค่ไม่ถึงครึ่งก้าว!
หากเป็นการประลองทั่วไป อาศัยพลังฝีมือคู่ต่อสู้ที่มีเพียงเท่านี้มันย่อมไม่เห็นอยู่ในสายตา!
แต่ว่านี่คือการประลองเป็นตาย! มันย่อมมิกล้าผ่อนคลายความระวัง กระทั่งประสาทยังขึงตึงยิ่งกว่าครั้งใด! ถึงแม้มันจะไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะมีปัญญาต้านทานรับมือมันได้ก็ตาม ยิ่งเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงหนี้เลือดน้องชายมันด้วยอีก!!
“นี่น่ะเหรอเวทย์พลังสายสนุนของต้วนหลิงเทียนที่ร่ำลือ!”
จังหวะนี้ทุกผู้คนในวิหารเป็นตาย ไม่เว้นแม้กระทั่งเนี่ยสุ้ยอาวุโสคุมวิหารกับอาวุโสเพลิงทองแดงอีก 3 คน ก็จับจ้องมองต้วนหลิงเทียนไม่วางตา
พวกมันย่อมแลเห็นวังวนพลังที่อุบัติขึ้นรอบกายต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่ รวมถึงกระบวนการสูบกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินในชั่วพริบตานั่น จนส่งเสริมให้พลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนจากเซียนปฐพีขั้นยิ่งใหญ่บรรลุถึงเซียนนภาขั้นกลางได้ชัดถนัดตา!
“พลังในร่างของมันช่างเพิ่มพูนขึ้นรวดเร็วจนน่ากลัว! เพียงไม่ถึงหนึ่งลมหายใจพลังเซียนของต้วนหลิงเทียนก็พุ่งทะยานจากเซียนปฐพีขั้นสูงสุดถึงเซียนนภาขั้นกลางแล้ว!”
“สวรรค์! ถึงข้าจะเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน แต่พอมาเห็นกับตาวันนี้ยังไม่อาจไม่ตกใจ!”
“น่ากลัวจริงๆ! กระทั่งเวทย์พลังประจำแท่นบูชามังกรคราม ยังไม่มีพลังอำนาจเหนือชั้นถึงเพียงนี้! ที่แท้นี่มันเวทย์พลังสนับสนุนผีสางอันใดถึงทำให้คนที่อยู่ในขอบเขตเซียนปฐพีขั้นสูงสุดบรรลุเซียนภาได้ในอึดใจเดียว!?”
“อย่าว่าแต่เวทย์พลังประจำแท่นบูชามังกรครามของพวกเราเลย…กระทั่งให้เป็นเวทย์พลังสายสนับสนุนสูงสุดของแท่นบูชามังกรครามที่บรรลุขั้นตอนไร้ตำหนิยังสู้ไม่ได้!”
“นั่นมัน…เจ้าจะบอกข้าว่าเวทย์พลังสายสนับสนุนที่ต้วนหลิงเทียนมี สามารถเทียบได้กับเวทย์พลังสายสนับสนุนที่ดีที่สุดของลัทธิบูชาไฟเราเลยงั้นเหรอ?”
“กล่าวเช่นนั้นก็ไม่ผิด!”
……
เหล่าศิษย์ชั้นยอดที่ชมดูเรื่องราวอยู่ในวิหารเป็นตาย ชักสีหน้าเคร่งกันเป็นแถบ
ในวาจายังยกย่องเวทย์พลังสายสนับสนุนของต้วนหลิงเทียนไว้สูงลิบ
“แต่ถ้าเวทย์พลังสายสนุนที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกตอนนี้ยังไม่บรรลุความสำเร็จขั้นตอนไร้ตำหนิเล่า? ไม่ได้หมายความว่าเวทย์พลังสนับสนุนที่ต้วนหลิงเทียนมี…มันเหนือล้ำกว่าเวทย์พลังสนับสนุนอันดับ 1 ของลัทธิบูชาไฟเราเหรอ?”
ในเหล่าศิษย์ชั้นยอด พลันมีคนหนึ่งที่ถามออกมาอย่างหวั่นเกรง
ทันใดนั้นสีหน้าเหล่าศิษย์ชั้นยอดรอบกายของมันก็ยิ่งเคร่งเครียดขึ้นมาโดยพลัน
“หากเวทย์พลังสนับสนุนที่มันใช้ยังมีช่องว่างให้เติบโต…นั่นหมายความว่าเวทย์พลังนั่นเหนือกว่าเวทย์พลังสนับสนุนอันดับ 1 ของลัทธิบูชาไฟเราแล้ว!”
“เป็นเช่นนั้น! แค่อานุภาพตอนนี้ ก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเวทย์พลังสนับสนุนอันดับ 1 ของลัทธิบูชาไฟเราแล้ว…ถ้ายังสามารถก้าวหน้าได้อย่างเจ้าบอก ก็สมควรเหนือกว่าเวทย์พลังสนับสนุนอันดับ 1 ของลัทธิบูชาไฟเรามากโข!!”
“ถ้าเป็นอย่างที่พวกเจ้าว่าจริง…ไม่ใช่ว่าเวทย์พลังสายสนับสนุนของมัน สามารถเทียบได้กับเวทย์พลังสายสนับสนุนอันดับ 1 ของลัทธิอารามทมิฬเลยรึไง?”
…
เหล่าศิษย์ชั้นยอดกล่าวกันไปกล่าวกันมา ก็โยงไปถึงลัทธิอารามทมิฬจนได้
ในภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า 3 ลัทธิเป็นดั่งมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ที่อยู่เหนือใครทั้งหมด
ถึงแม้แต่ละลัทธิจะถือครองเวทย์พลังระดับสูงไว้มากมาย ทว่าแต่ละลัทธิก็มีเวทย์พลังทีเด็ดอันเป็นจุดแข็งแตกต่างกันไป
ตัวอย่างเช่นลัทธิบูชาไฟแห่งนี้ ที่เด่นล้ำที่สุดก็คือเวทย์พลังสายจู่โจม! เรียกว่าหากเทียบกันเรื่องเวทย์พลังสายโจมตีแล้ว…อีก 2 ลัทธิไม่อาจเทียบกกับลัทธิบูชาไฟได้เลย! และเวทย์พลังสายจู่โจมที่ว่าก็เป็นเวทย์พลังที่ทรงคุณค่ามากที่สุดของลัทธิบูชาไฟ!!
กลับกันเวทย์พลังที่ร้ายกาจที่สุด และมีค่ามากที่สุดของลัทธิอารามทมิฬนั้นกลับเป็นเวทย์พลังสายสนับสนุน และยังเป็นเวทย์พลังสายสนุนที่เลิศล้ำจนอีก 2 ลัทธิก็ไม่อาจเทียบได้เช่นกัน
เวทย์พลังสายสนับสนุนที่ว่าของลัทธิอารามทมิฬ กล่าวกันว่าหากฝึกปรือจนบรรลุขั้นสูงสุดอย่างขั้นตอนไร้ตำหนิ จะสามารถยกระดับพลังขึ้นไปถึงหนึ่งขอบเขต!!
หนึ่งขอบเขตนั่นหมายความว่าอะไร?
กล่าวคือหากต้วนหลิงเทียนใช้มัน พลังเซียนสุริยันที่มีพลังอำนาจเทียบได้กับเซียนปฐพีขั้นสูงสุดของเขาตอนนี้ จะยกระดับกลับกลายเป็นเซียนนภาขั้นสูงสุดในชั่วระยะเวลาหนึ่งทันที!
ด้วยเหตุนี้เหล่าศิษย์ชั้นยอดจึงอดไม่ได้ที่จะยกเวทย์พลังสายสนับสนุนอันเลิศล้ำดังกล่าวมาเทียบกับเวทย์พลังสนับสนุนของต้วนหลิงเทียน
สำหรับลัทธิสุดท้าย ‘ลัทธิชะตาฟ้า’ นั้น เวทย์พลังที่เด่นล้ำที่สุดของพวกมันก็คือเวทย์พลังสายป้องกัน และยังเป็นเวทย์พลังสายป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดเช่นกัน
หากจะเปรียบเทียบกับเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬของลัทธิบูชาไฟแล้ว เวทย์พลังสายป้องกันของลัทธิชะตาฟ้ายังมีภาษีดีกว่าไม่น้อย
นั่นเพราะเวทย์พลังสายป้องกันที่พวกมันถือครอง เป็นเวทย์พลังสายป้องกันที่ตกทอดมาจากโบราณกาล…เป็นสิ่งที่ดำรงอยู่ก่อนที่ 3 ลัทธิจะถือกำเนิดเสียอีก!
เวทย์พลังสายป้องกันของลัทธิชะตาฟ้า ยังได้รับการยอมรับโดยทั่วกันว่าเป็นเวทย์พลังสายป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!
ซัววว!!
ภายใต้สายตาทุกผู้คนเสียงหนึ่งพลันดังขึ้นแผ่วเบาในอากาศ อาณาบริเวณกินรัศมี 100 หมี่รอบกายของหยางเหวินยามนี้ ความว่างเปล่าคล้ายถูกเขย่าให้สะเทือนสะท้าน ปรากฏไอหมอกสีแดงฉานอุบัติขึ้นมาในฉับพลัน!
วู้ม! วู้ม!
ไม่เพียงเท่านั้น ความว่างเปล่าเหนือศีรษะหยางเหวินยังสั่นไหวรุนแรง เป็นมวลพลังเซียนต้นกำเนิดแผ่พุ่งออกไปดั่งหมอกควัน ลอยล่องขึ้นไปควบแน่นก่อตัวเป็นกลุ่มก้อนควันพลังลูกใหญ่ ก่อนที่พวกมันจะแบ่งแยกเป็นสอง!
และมวลพลัง 2 ก้อนนั่น หนึ่งก่อเกิดหอกยาวอันเขื่อง! อีกหนึ่งก่อร่างกลับกลายเป็นลิงยักษ์!!
หอกยาวอันเขื่องนี้จากปลายหัวหอกจรดท้ายนับได้ราว 30 หมี่! ลิงยักษ์ก็ตัวใหญ่มหึมาปานขุนเขาน้อยๆลูกหนึ่ง!!
“พลังเซียนต้นกำเนิดก่อลักษณ์สรรพสัตว์? พลังเซียนต้นกำเนิดก่อลักษณ์ศาสตรา?”
เห็นฉากเรื่องราวเบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะงุนงงเล็กน้อย เพราะในสายตาเขากลพลังเหล่านี้เป็นดั่งลูกเล่นที่อ่อนด้อยไปแล้ว
เสมือนยกระดับทหารเลวให้กลายเป็นแม่ทัพนายกองก็เท่านั้น
ปกติแล้วสิ่งนี้คือกลพลังพื้นฐานที่ผู้ฝึกตนจะบรรลุได้เมื่อก่อเกิดปราณแท้ในร่าง มิผิดมันคือ ปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตรา ปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ และปราณแท้ก่อลักษณ์เขตแดน!
เป็นกลพลังที่ใช้งานได้ผลเลิศล้ำเพียงแค่ช่วงแรกๆเท่านั้น
นั่นเพราะเมื่อบรรลุถึงด่านพลังฝึกปรือที่สูงขึ้น วรยุทธ์เซียนที่ฝึกได้ย่อมมีระดับสูงขึ้น ยังมีเวทย์พลังอีกมากมาย ทำให้กลพลังเหล่านี้ ไม่เว้นกระทั่งเขตแดนก็เหมือนจะส่งผลกระทบในการต่อสู้น้อยลงเรื่อยๆ เพราะนำพลังส่วนนี้ไปใช้กับสิ่งที่มีอานุภาพเหนือกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า!
“รวม!!”
ทว่าด้วยเสียงคำรามลั่นของหยางเหวินทีดังขึ้นหลังลักษณ์พลังควบรวม สองตาต้วนหลิงเทียนก็หดหยีลงโดยพลัน ใบหน้ายังเผยความจริงจังขึ้นอย่างเห็นได้ชัด!
ดั่งพิสดารบังเกิด ลิงยักษ์ที่เกิดจากพลังเซียนต้นกำเนิดควบรวมอยู่ๆก็คล้ายจะมีชีวิตขึ้นมา! มันยื่นมือขวาออกไปคว้าจับหอกยาวเล่มเขื่อง 30 หมี่ข้างๆมาถือไว้!!
หลังจากคว้าจับหอกเล่มเขื่องไว้แล้ว ลิงยักษ์ก็คล้ายจะทวีความดุร้าย ไอพลังทั่วร่างแกร่งกล้าขึ้นในฉับพลัน มือซ้ายที่ว่างเริ่มตีอกชกตัวเสียงดังสนั่น!
ตึง! ตึง! ตึง!!
…………
“ฮู่มมมม!!”
ทันใดนั้นเองลิงยักษ์พลันอ้าปากออกกว้างคำรามลั่นวิหารเป็นตาย ก่อเกิดเป็นคลื่นเสียงทรงอานุภาพกำจายออกไปเป็นวงกว้าง พาลให้เหล่าศิษย์ชั้นยอดที่พลังฝึกปรือไม่ถึงขั้นสะท้านสะเทือนในอก เลือดลมปั่นป่วน!
และพร้อมกันนั้นเองภายใต้สายตาของทุกคนก็ได้แลเห็นเรื่องราวประหลาด!
ไอพลังสีแดงฉานดั่งโลหิตที่แผ่ซ่านออกมากินรัศมีรอบกายหยางเหวินก่อนหน้า คล้ายพวกมันจะแปรเปลี่ยนเป็นสายธารโลหิตไหลเชี่ยว ไหลหลากเข้าร่างลิงยักษ์!
ประหนึ่งลิงยักษ์กำลังกลืนกินเขตแดนของหยางเหวิน!
หลังเขตแดนของหยางเหวินถูกลิงยักษ์กลืนกินไปแล้ว ตัวลิงยักษ์ก็หาได้บังเกิดความเปลี่ยนแปลงด้านขนาดแต่อย่างไร แต่ทว่าทั่วกายของมันพลันมีไอปราณโลหิตลอยฟุ้งตลบอบอวล กระทั่งหอกยาว 30 หมี่เองก็มีปราณโลหิตฉาบคลุม!
นอกจากนั้นดวงตาที่เคยมืดดำของมัน บัดนี้ก็แดงฉานปานลูกเลือด!
พริบตานี้กลิ่นอายพลังที่แผ่ออกจากทั่วร่างของลิงยักษ์ได้แปรเปลี่ยนไปพลิกฟ้าคว่ำดิน จิตฆ่าฟันที่แผ่ซ่านออกมายังให้บรรยากาศอันตรายประการหนึ่ง!
อย่างน้อยๆก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงอันตราย!
“นี่น่ะหรือเวทย์พลังสายจู่โจมระดับกลาง 3 บุปผารวมหนึ่ง!”
ตอนนี้เอง เสียงอุทานด้วยความตื่นตาตื่นใจของเหล่าศิษย์ชั้นยอดก็ดังเข้าหูต้วนหลิงเทียน
ด้วยเสียงอุทานจากศิษย์ชั้นยอดบนอัฒจรรย์ ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบว่าที่แท้หยางเหวินก็กำลังใช้เวทย์พลังสายจู่โจมขั้นกลางอยู่!
พลังอำนาจของเวทย์พลังสายจู่โจมขั้นกลางนี้ อานุภาพของมันขึ้นอยู่กับกลพลังทั้ง 3 ในอดีต ปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตรา ปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ และปราณแท้ก่อเกิดเขตแดน!
แน่นอนว่าตอนนี้กลพลังที่หยางเหวินใช้ออกย่อมเรียกว่า พลังเซียนต้นกำเนิดก่อลักษณ์สรรพสัตว์ พลังเซียนต้นกำเนิดก่อลักษณ์ศาสตรา และพลังเซียนต้นกำเนิดก่อเกิดเขตแดน
และเวทย์พลังสายจู่โจมขั้นกลาง 3 บุปผารวมหนึ่ง ก็คือเวทย์พลังที่รวมกลพลังทั้ง 3 เอาไว้เป็นหนึ่งเดียว!
และเวทย์พลัง 3 บุปผารวมหนึ่งนี้ ยังได้ชื่อว่าเป็นเวทย์พลังสายจู่โจมขั้นกลาง ที่มีอานุภาพอยู่ในระดับต้นๆ!
“ฆ่ามันเสีย!!”
ทันใดนั้นหยางเหวินพลันคำรามออกมาด้วยเสียงอำมหิต
พริบตาต่อมา ลิงยักษ์ที่ลอยล่องอยู่กลางหาวก็คล้ายรับทราบคำสั่ง สองตาของมันเผยประกายจ้าปานมีภูมิปัญญา ร่างมหึมาเหินพุ่งเข่นฆ่าสังหารออกไปทันใด สภาวะประหนึ่งขุนเขามหึมากำลังโถมถันเข้าใส่ต้วนหลิงเทียน!
ที่น่าตื่นตระหนกก็คือแม้ร่างมันจะมหึมาดั่งขุนเขาแต่หาได้อืดอาดยืดยาดไม่! ความเร็วในการพุ่งเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนยังเรียกว่าสูงล้ำจนน่ากลัว!!