WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2011
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2011
ตอนที่ 2,011 : หยางชงแค้นเจียนคลั่ง!
“เรื่องนี้ข้าเคยได้ยินมาว่าเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง พรสวรรค์รากวิญญาณของธิดาเทพได้ถูกผนึกเอาไว้ชั่วคราวตั้งแต่นางยังเป็นทารก…ทำให้พลังฝึกปรือของธิดาเทพจึงไม่นับว่าโดดเด่นอะไร”
ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียนหลิวอวิ๋นก็กล่าวตอบออกไปทันที “ส่วนจุดประสงค์บางอย่างที่ว่า ข้าเองก็ไม่อาจรู้ได้”
“ถูกผนึก?”
ครู่หนึ่งต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ และเข้าใจทันที
หากเป็นกรณีนี้ทุกเรื่องราวล้วนมีคำอธิบาย
‘แต่…ไม่คิดเลยจริงๆว่าพรสวรรค์รากวิญญาณที่แท้จริงของเค่อเอ๋อกลับเป็นถึงรากวิญญาณสีม่วง!’
ถึงตอนนี้ต้วนหลิงเทียนยังตกใจไม่หาย
ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็รู้ดีว่าอะไรควรถามและอะไรไม่ควรถาม และเมื่อได้รับทราบเรื่องราวที่อยากรู้หมดแล้ว ต้วนหลิงเทียนที่ไม่มีอะไรจะถามอีก หลิวอวิ๋นก็พบได้ไม่ยากจึงขอตัวลาทันที
หลังส่งหลิวอวิ๋นเสร็จเรียบร้อย ต้วนหลิงเทียนก็เดินเข้าไปในคฤหาสน์อันใหญ่โต จนในที่สุดก็มาถึงห้องบ่มเพาะพลัง
เมื่อปิดประตูห้องหับเรียบร้อยดีแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็นำเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติออกมาตั้งวาง ก่อนที่ร่างจะวูบเข้าเจดีย์ไปในห้วงคิดเดียว คนเดินขึ้นไปถึงชั้น 4 ค่อยนั่งขัดสมาธิกลางอากาศเตรียมบ่มเพาะพลัง
‘หลังสู้กับหยางเหวิน ข้าที่ใช้พลังเต็มที่ไปพักใหญ่ ร่างกายก็ปรับตัวเข้ากับด่านพลังได้แล้ว…ดูเหมือนการใช้ปฐมเวทย์กลืนกินเป็นเวลานานแม้จะทำให้เหน็ดเหนื่อยไม่น้อย แต่ไม่เพียงจะช่วยให้พลังเซียนสุริยันเพิ่มพูนสูงขึ้นเท่านั้น ยังเป็นตัวช่วยชั้นดีในการปรับระดับพลังให้มั่นคงเร็วขึ้นอีกด้วย’
หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนทะลวงถึงเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุด ต้วนหลิงเทียนก็พบจุดรอคอยทำให้เป็นเรื่องยากที่จะทะลวงถึงขอบเขตเซียนปฐพีได้ในเวลาอันสั้น…
ถึงแม้ตอนนี้พรสวรรค์รากวิญญาณของเขาจะสูงขึ้น ทั้งมีความช่วยเหลือของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ทว่าเมื่อด่านพลังทะลวงมาไวเกินไปจนร่างกายปรับตัวไม่ทัน ก็คงยากที่จะทะลวงไปยังด่านพลังได้เร็ววันภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว
ทว่าหลังผ่านการประลองเป็นตายกับหยางเหวินมา ร่างกายเขาก็ปรับตัวเข้ากับด่านพลังได้อย่างสมบูรณ์ ฐานพลังกลายเป็นแน่นหนามั่นคง!
ต้วนหลิงเทียนรู้สึกว่าตอนนี้หากเขาบ่มเพาะสั่งสมพลังให้มากพอ เขาสามารถทะลวงจุดรอคอยด่านพลังเซียนปฐพีขั้นต้นได้ไม่ยาก กระทั่งอาจจะทะลวงด่านสำเร็จในการพยายามครั้งเดียว!
‘ปิดด่านบ่มเพาะครั้งนี้ข้าต้องทะลวงให้ถึงขอบเขตเซียนปฐพีให้เร็วที่สุด! ทันทีที่ข้าทะลวงถึงขอบเขตเซียนปฐพีพลังของข้าสมควรทัดเทียมได้กับเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนโดยที่ไม่ต้องใช้กระบี่นิลสวรรค์’
เมื่อบังเกิดความคิดนี้ขึ้นมา ต้วนหลิงเทียนก็ปรารถนาจะทะลวงถึงขอบเขตเซียนปฐพีให้เร็วที่สุด!
หากความคิดในหัวของต้วนหลิงเทียนตอนนี้แพร่งพรายออกไปให้ศิษย์ลัทธิบูชาไฟล่วงรู้ล่ะก็ พวกมันคงได้หวาดกลัวจนขนหัวลุก!
ผู้ที่สามารถสังหารตัวตนชนชั้นยอดฝีมือของเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยน…กลับยังไม่แม้แต่จะบรรลุถึด่านพลังเซียนปฐพีด้วยซ้ำ!
และเชื่อได้เลย
หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ไม่เพียงแต่ลัทธิบูชาไฟเท่านั้น กระทั่งทั่วภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าคงได้ตื่นตระหนกครั้งใหญ่ ถึงขั้นเรียกได้ว่าโกลาหลปั่นป่วน!
‘ด้วยพลังของข้าตอนนี้ หากไม่ใช่กระบี่นิลสวรรค์ก็สมควรเหนือกว่าเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยนทั่วไป…หยางเหวินแม้จะเข้าใจเวทย์พลังเสริมท่าร่างขั้นสูง แต่ก็ยังไม่ได้มำให้ข้ารู้สึกเหลือเบื่อกว่าแรงสักเท่าไหร่…’
‘หาไม่แล้วถึงข้าจะอาศัยพลังจากขอบเขตที่ 3 ของยอดใจกระบี่อย่างกระบี่อยู่ที่ใจ กับกระบี่ร้อยอาคมเซียนก็คงไม่อาจทำอะไรมันได้’
หลังผ่านศึกครั้งนี้ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ถึงขอบเขตพลังฝีมือของเขา
หากไม่ใช้กระบี่นิลสวรรค์ เขาสมควรแข็งแกร่งกว่าเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยน! แต่ทว่าเขาจะอ่อนด้อยกว่าเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยนที่เข้าใจเวทย์พลังขั้นสูงมากกว่า 1 ชนิดหรือมีโอสถต้องห้ามทันที
และตัวตนเช่นนี้ก็ถือว่าเป็นสุดยอดฝีมือของขอบเขตเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยนแล้ว พวกมันถือครองเวทย์พลังขั้นสูงทั้งโอสถต้องห้ามที่ทำให้พลังฝีมือเหนือกว่าเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยนทั่วไป
‘ตอนฆ่าหยางเหวินแม้จะปกปิดเนี่ยสุ้ยอาวุโสคุมวิหารเป็นตายคนนั้นได้ แต่มันยังบังเกิดความแคลงใจอยู่ไม่น้อย…ดูเหมือนวันหน้าหากมีอาวุโสเพลิงเงินอยู่ใกล้ๆ ข้าไม่อาจใช้กระบี่นิลสวรรค์ได้พร่ำเพรื่อ’
‘หากไม่ระวังให้ดี มีหวังเรื่องที่ข้ามีกระบี่นิลสวรรค์คงได้ถูกเปิดเผยแน่ ถึงตอนนั้นก็คงเรียกได้ว่าฉิบหาย…’
สามารถนึกภาพออกได้ไม่ยาก ว่าถ้าอยู่ๆกลับมีกระบี่ที่ทรงพลังอานุภาพเหนือล้ำยิ่งกว่ายอดศาสตราเซียนที่ติด 10 อันดับแรกในศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ปรากฏออกมา จะก่อให้เกิดมรสุมโลหิตแห่งความแก่งแย่งถึงเพียงใด!
พอถึงวันนั้นจริงน่ากลัวว่าตัวตนอันทรงพลังสูงสุดของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าได้แห่กันมาอย่างอุ่นหนาฝาคั่งเพื่อฆ่าชิงทรัพย์เขาแน่! อมตะวาจา ‘คนไม่ผิด ผิดที่ครอบครองหยก’ ไม่ได้กล่าวเกินความจริงแม้แต่น้อย!
‘ยอดฝีมือที่พลังฝึกปรือไม่ถึงขั้น ย่อมไม่อาจยกกระบี่นิลสวรรค์ได้เพราะน้ำหนักอันมหาศาลของมัน ทว่าหากเป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ คิดใช้กระบี่นิลสวรรค์คงไม่ยากเย็นอะไร…’
คิดถึงเรื่องนี้ใจต้วนหลิงเทียนก็มีความกังวลไม่น้อย
ยังตัดสินใจว่า ในอนาคตเขาจะไม่มีทางใช้กระบี่นิลสวรรค์อย่างหุนหันพลันแล่นเด็ดขาดหากไม่ตกอยู่ในห้วงเวลาคับขันเกี่ยวพันถึงความเป็นความตาย เว้นเสียแต่แถวนั้นจะไม่มีตัวตนที่สามารถมองเห็นกระบี่ของเขาได้อยู่ใกล้ๆ
‘บ่มเพาะ! บ่มเพาะพลัง!!’
‘ออกจากการปิดด่านครั้งนี้ข้าต้องทะลวงถึงเซียนปฐพีขั้นต้นให้ได้…หลังจากนั้นค่อยไปสืบหาเรื่องราวที่หอคุมกฏ’
เมื่อคิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็หลับตาลง จิตสมาธิกลับกลายเป็นสงบ คนจมจ่อมสู่ภวังค์ฌาณบ่มเพาะในพริบตา
9 มังกรจักรพรรดิสงคราม เคล็ด 9 มังกร!
เมื่อต้วนหลิงเทียนเริ่มโคจรพลังตามเคล็ดบ่มเพาะ พลังวิญญาณฟ้าดินในชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ก็หลั่งไหลเข้าร่างต้วนหลิงเทียนไม่หยุดหย่อน มังกรเทพยดาทั้ง 9 ชักนำพลังวิญญาณฟ้าดินเหล่านั้นโคจรทั้งขัดเกลาผ่านชีพจรเซียนทั้ง 99 สายเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังเซียนสุริยันอย่างเร็วรี่
ด้วยความที่สถานที่แห่งนี้คือห้องบ่มเพาะบนเกาะส่วนตัวของศิษย์ที่แท้จริง พลังวิญญาณฟ้าดินในบรรยากาศก็มีมากอยู่เป็นทุน ทำให้สภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะหนือล้ำกว่าที่พักของศิษย์ชั้นอย่างเทียบกันไม่ได้
ณ วังอุดรไพศาล
ในฐานะที่เป็นถึงขุมพลังชั้น 1 ในภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า วังอุดรไพศาลก็ตั้งตระหง่านอย่างโออ่าลึกไปในหุบเขาอันกว้างขวางแห่งนี้ปานสัตว์ร้ายบรรพกาลที่หลับไหล เขตพื้นที่มีการเฝ้าระวังอย่างแน่นหนา อยากจะมีใครลุกล้ำกล้ำกรายเข้าไปได้
ทว่าวันนี้กลับมีอาคันตุกะมาเยือนวังอุดรไพศาลอย่างไม่คาดฝัน
อาคันตุกะไม่ได้รับเชิญผู้นี้เมื่อมาถึงเขตวังอุดรไพศาล มันก็ถูกอาวุโสผู้นำกลุ่มศิษย์ลาดตระเวนรักษาความปลอดภัย 10 คน ของวังอุดรไพศาลหยุดขวางเอาไว้
“ข้าคืออาวุโสเพลิงเงินของลัทธิบูชาไฟ หลี่อัน!”
เผชิญหน้ากับหน่วยลาดตระเวนพร้อมอาวุโสผู้นำ หลี่อันก็ไม่ได้แปลกใจอะไร มันหยิบป้ายประจำตัวบ่งบอกฐานะอาวุโสเพลิงเงินของลัทธิบูชาไฟออกมาแสดงทันที
“ผู้น้อยขอคารวะอาวุโสหลี่อัน เป็นเกียรติของข้านักที่ได้พบท่าน!”
อาวุโสที่นำหน่วยลาดตระเวน พอเห็นหลี่อันแสดงป้ายฐานะพร้อมประกาศนาม มันก็ทราบได้ทันทีว่าผู้มาเป็นใคร
เพราะหลี่อันไม่เพียงแต่จะเป็นอาวุโสเพลิงเงินของลัทธิบูชาไฟเท่านั้น ยังเป็นสหายสนิทของอาวุโส 5 แห่งวังอุดรไพศาลของพวกมันอีกด้วย
เผชิญหน้ากับตัวตนเช่นนี้ อาวุโสนำหน่วยลาดตระเวนมีหรือจะกล้าหย่อนคล้อย เร่งทำความเคารพอย่างสุภาพนอบน้อมไม่กล้าละเลยอีกฝ่ายแม้แต่นิดเดียว
“ผู้น้อยขอคารวะอาวุโสหลี่อัน”
เหล่าศิษย์ทั้ง 10 ที่อยู่ด้านหลังอาวุโสนำหน่วยลาดตระเวนก็เร่งประสานมือโค้งคารวะทักทายหลี่อันด้วยทีท่าเคารพทันที
ฟุ่บ!
อย่างไรก็ตามหลี่อันไม่แม้แต่จะรับการคารวะ มันเลือกจะเหินร่างผ่านเข้าไปด้านในอย่างไม่แยแส มุ่งหน้าไปทางมุมหนึ่งของวังอุดรไพศาลด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีใครนำทาง
เห็นดังนี้อาวุโสนำหน่วยลาดตระเวนกับเหล่าศิษย์ทั้ง 10 ก็ไม่ได้ไม่พอใจอะไร กระทั่งยังทราบดีถึงอัตลักษณ์ของหลี่อันและรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นสหายสนิทของอาวุโส 5 วังอุดรไพศาล
และทิศทางที่หลี่อันกำลังมุ่งหน้าไป ก็คือที่พักอาศัยของอาวุโส 5 วังอุดรไพศาล หยางชง!
“ไฉนเจ้ามาถึงที่นี่ได้ มีเรื่องสำคัญอะไรงั้นหรือ?”
หยางชงประหลาดใจไม่น้อยเมื่อเห็นหลี่อันมาเยือนถึงบ้านมัน สีหน้ายังแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจริงจังทันที
มันรู้ว่าหลี่อันถ่อมาถึงที่นี่ด้วยตัวเองแบบนี้ เห็นทีต้องมีเรื่องสำคัญนัก
หาไม่แล้วหลี่อันคงไม่มาหามันด้วยตัวเองแบบนี้
“หยางเหวิน…ตายแล้ว”
หลี่อันเลือกมองหยางชงอย่างเงียบงันอยู่นาน ก่อนที่จะระบายลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่งค่อยกล่าวออกไป
เปรี๊ยง!!
และวาจานี้ของหลี่อันยามดังเข้าหูหยางชงก็ไม่ต่างใดจากอัสนียามแล้ง!
หยางเหวินเป็นบุตรชายคนโตของมัน ทั้งยังเป็นความหวังชั่วชีวิตของมัน
ทว่าตอนนี้หลี่อันกลับบอกว่าบุตรชายคนโตของมัน…หยางเหวินตายแล้ว?
ทันใดนั้นหยางชงรู้สึกเสมือนสองตาพร่ามัว หนังศีรษะชาด้านอื้ออึง โลกหล้าคล้ายพลิกหมุน ในใจยากที่จะยอมรับความจริงอันโหดร้ายนี้ได้
กระทั่งตอนที่มันได้รับทราวข่าวการตายของหยางหวู่ มันยังไม่มีอาการหนักหนาถึงเพียงนี้
“ข้าเสียใจกับเจ้าด้วย…” หลี่อันทำได้แค่กล่าวปลอบใจออกมา เมื่อเห็นอาการคล้ายคนไร้วิญญาณของหยางชง
แต่จะอย่างไรสุดท้ายแล้วหยางชงก็เป็นถึงอาวุโส 5 วังอุดรไพศาล จิตใจของมันย่อมเข้มแข็งตามพลังฝีมือ มันสามารถฟื้นสติและสำรวมทีท่าหวนคืนสู่ความเยือกเย็นได้ในเวลาไม่นาน
“ที่แท้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่!?”
หยางชงมองถามหลี่อันด้วยสองตาแดงก่ำ สีหน้าของมันดุร้ายปานยักษ์มาร
มันรู้จักหลี่อันมาหลายปี ย่อมรู้ดีว่าเรื่องพรรค์นี้ไม่มีทางที่หลี่อันจะยกมาล้อเล่นแน่ จึงไม่คิดสงสัยแคลงใจในวาจาของหลี่ที่กล่าวแจ้งการตายของหยางเหวินอันแม้แต่น้อย
“หยางเหวินหมายฆ่าต้วนหลิงเทียนล้างแค้นให้หยางหวู่ จึงไปลงนามในสัญญาเป็นตายที่วิหารเป็นตายกับต้วนหลิงเทียน แต่ไม่มีใครคิดฝัน…ว่าที่แท้ต้วนหลิงเทียนกลับปกปิดพลังฝีมือมาโดยตลอด! สุดท้ายหยางเหวินจึงพลาดท่าเสียทีตายตก!!”
หลี่อันกล่าวบอกเรื่องราวออกมาทันที และขณะที่เอ่ยถึง ต้วนหลิงเทียน สองตาของมันก็เผยประกายเย็นเยียบจับใจ กลิ่นอายดุร้ายยังแผ่ซ่านออกปานจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คน!
เปรี๊ยงง!!
และวาจาแจ้งเรื่องของหลี่อัน ก็ไม่ต่างใดจากอัสนีเส้นที่ 2 ฟาดลงกลางศีรษะหยางชง พาลให้มันตะลึงอึ้งไปอยู่นาน
ต้วนหลิงเทียนไม่เพียงแต่ฆ่าลูกชายคนเล็กของมันอย่างหยางหวู่ อีกฝ่ายยังฆ่าลูกชายคนโตของมันหยางเหวินด้วย?
“ต้วนหลิงเทียนเป็นคนฆ่าเหวินเอ้อ? ปะ…เป็นไปได้อย่างไร!?”
หยางชงไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
“ตอนแรกข้าก็ไม่อยากจะเชื่อ…แต่หลังข้าไปตรวจสอบเรื่องราวที่ดินแดนสักดิ์สิทธิ์ด้วยตัวเองข้าก็พบว่าทั้งหมดเป็นความจริง หยางเหวินที่กินโอสถต้องห้ามไปแล้วยังมิอาจรอดพ้นเงื้อมมือต้วนหลิงเทียน!”
“ที่สำคัญกระบวนท่าสุดท้ายที่ต้วนหลิงเทียนใช้ฆ่าหยางเหวิน กลับเป็นอะไรที่รวดเร็วนัก! รวดเร็วเสียจนหยางเหวินมิทันได้ตอบสนองอันใด! อีกทั้งศิษย์ที่แท้จริงรวมถึงอาวุโสเพลิงทองแดงที่อยู่ในเหตุการณ์ แม้จะบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนก็มิอาจแลเห็นกระบี่มันได้แม้แต่เงา”
กล่าวถึงท้ายประโยคสีหน้าหลี่อันก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจริงจัง
ได้ยินคำของหลี่อัน หน้าหยางชงจมลงทันใด สองตายังอดไม่ได้ที่จะหดหยี ใบหน้าฉายชัดออกถึงความเหลือเชื่อ “ไฉนต้วนหลิงเทียนมันถึงได้ร้ายกาจนัก!”
แม้หยางชงจะไม่อยากเชื่อมากเพียงใด แต่ก็ไร้หนทางอื่นนอกจากยอมรับความจริง
“สารเลวต้วนหลิงเทียนเจ้ากล้าตัดขาดสายโลหิตตระกูลหยางของข้า! ข้าหยางชงไม่ขออยู่ร่วมฟ้าเดียวกันกับเจ้า!!”
หยางชงคำรามออกมาด้วยโทสะอันเดือดดาล สีหน้าคนอัปลักษณ์ดุร้ายปานคุ้มคลั่ง มวลพลังขุมหนึ่งปะทุออกทั่วร่างบังเกิดแสงพลังส่องสว่างปานจะสาดทะลวงไปถึงชั้นฟ้า
“หยางชง นี่มิใช่เวลาที่เจ้าจะมามีโมโห…”
ลูกตาหลี่อันฉายประกายเยียบเย็น เร่งกล่าวออก “พวกเราต้องรีบกำจัดต้วนหลิงเทียนให้เร็วที่สุด! หาไม่แล้วเจ้ากับข้าอาจจะไม่ใช่คู่มือของมัน! เมื่อถึงวันที่มันแข็งแกร่งมากพอไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่เจ้าจะฆ่ามันล้างแค้นให้ลูกชาย กระทั่งชีวิตของพวกเรายังไม่แน่ว่าจะรักษาเอาไว้ได้!!”
ได้ยินวาจาเคร่งเครียดแฝงอำมหิตของหลี่อัน หยางชงพลันระงับโทสะและฟื้นสติอย่างรวดเร็ว
“ครั้งล่าสุดที่ข้าบอกเจ้าเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนมันอาจจะมาจากภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า เจ้าได้ส่งคนไปตรวจสอบเรื่องนี้แล้วหรือไม่?”
หลี่อันมองถามหยางชง