WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2023
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2023
ตอนที่ 2,023 : แต่เจ้า ต้วนหลิงเทียน ไม่อาจทำได้!
มองป้ายหยกในมือ สองตาต้วนหลิงเทียนเผยประกายวาบหนึ่ง
เพื่อที่จะให้ได้พบหน้าเค่อเอ๋อกับลูกสาวสักครั้ง…
ถึงแม้โอกาสจะน้อยนิดเพียงใด เขาก็ยังอยากจะลอง…
“ศิษย์น้องหลิงเทียน เมื่อเจ้าไปถึงหอคุมกฏแล้วเจ้าต้องระวังเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับธิดาเทพให้ดี อย่าได้เผลอแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด…หาไม่แล้วอาวุโสในหอคุมกฏจะลงมือฆ่าเจ้าทันที!”
หลิวอวิ๋นชักหน้าเคร่งมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงหนัก
หลิวอวิ๋นย่อมรู้ดีแก่ใจ
เหตุผลที่ระดับสูงๆของลัทธิบูชาไฟกักขังธิดาเทพเอาไว้แบบนี้ เพราะนางไม่บริสุทธิ์อีกต่อไป
เป็นไปได้อย่างสูงที่หากระดับสูงทั้งหลาย รับทราบว่าผู้ที่ทำลายความบริสุทธิ์ของธิดาเทพคือต้วนหลิงเทียน ทั้งหมดคงลงมือฆ่าคนโดยไม่คิดจะถามไถ่ใดๆทั้งสิ้น!
“อืม”
ต้วนหลิงเทียนรู้ว่าหลิวอวิ๋นหวังดี จึงพยักหน้ารับคำ
เขารู้สึกขอบคุณหลิวอวิ๋นเสมอ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่หลิวอวิ๋นเอ่ยคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าเพื่อแสดงจุดยืน หรือจะเป็นเรื่องที่มอบป้ายหยกนี้ให้เขา ทั้งหมดเขาล้วนรู้สึกขอบคุณนัก
หลังจากนั้น ในเวลาที่เหลือไม่ถึง 10 วันดี นอกจากต้วนหลิงเทียนจะทำความเข้าใจเวทย์พลังทั้งหลายเพิ่มเติม เขายังพยายามขัดเกลาด่านพลังเซียนปฐพีขั้นต้นให้มั่นคง
เมื่อถึงวันที่หอคุมกฏจะนำใบจ้างงานไปฝากไว้ที่วังชินหั่ว ต้วนหลิงเทียนที่ปรับพลังก็ออกจากที่พัก และมุ่งหน้าไปยังเกาะหลักของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทันที
ซุ่มม!!
ต้วนหลิงเทียนเหินทะยานข้ามฟ้าด้วยความเร็วสูง
เหล่าศิษย์ชั้นยอด 3 คนที่บังเอิญเหินผ่านสวนมาพอดี เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนไม่แม้แต่จะชะลอความเร็วลง ก็ได้แต่ต้องหลีกทางให้ด้วยความตกใจ
“ตัวบัดซบ! เจ้าจะรีบไปหาสวรรค์วิมานอันใดกันหา!?”
หนึ่งในศิษย์ชั้นยอดอดไม่ได้ที่จะสบถด่าออกมาด้วยความหัวเสีย
“จะ…เจ้านั่น ดูเหมือนจะเป็นต้วนหลิงเทียนนะ”
ศิษย์ที่แท้จริงอีกคนหันมองแผ่นหลังไวๆของต้วนหลิงเทียนพักหนึ่ง ก็จดจำได้ว่าเขาเป็นใคร
“เป็นต้วนหลิงเทียนไม่ผิดแน่! ข้าเคยเห็นรูปของมัน!!”
ศิษย์ที่แท้จริงคนสุดท้ายพยักหน้า เมื่อครู่มันเห็นหน้าต้วนหลิงเทียนเพียงแวบเดียวก็จดจำได้ ยามนี้ใบหน้ายังเผยความตกใจไม่หาย
10 วันที่แล้ว เรื่องต้วนหลิงเทียนก่อเรื่องอุกอาจ ‘ตบหน้า’ เวินเยี่ยน อันดับ 9 ในทำเนียบยอดฝีมือศิษย์ที่แท้จริง ไม่มีศิษย์ชั้นยอดคนไหนที่จะไม่รู้
ศิษย์ชั้นยอดบางคนที่กริ่งเกรงต้วนหลิงเทียนถึงกับวาดรูปเหมือนต้วนหลิงเทียนออกมา และนำไปคัดลอกแจกสหายด้วยความหวังดี ด้วยกลัวว่าสหายของมันจะไปล่วงเกินหรือแม้กระทั่งขวางทางต้วนหลิงเทียนเข้าให้
ทำให้ตอนนี้แม้แต่ศิษย์ชั้นยอดและศิษย์ที่แท้จริงหลายคนที่ยังไม่เคยเห็นหน้าค่าตาต้วนหลิงเทียนมาก่อน จึงได้เห็นรูปเหมือนต้วนหลิงเทียน และจดจำใบหน้านี้เอาไว้ในใจอย่างดี ด้วยกลัวว่าจะเผลอล่วงเกินต้วนหลิงเทียนโดยไม่รู้ตัว
ต้วนหลิงเทียนหลังมาถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ไม่ทันไร ก็ฆ่าหยางเหวินในการประลองเป็นตาย ต่อมาก็ทุบตีสยบเวินเยี่ยน!
พลังอันเข้มแข็งดุร้ายเช่นนี้ มากพอจะขู่ขวัญให้ศิษย์ 99 จากร้อยส่วนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์หวาดกลัว
ศิษย์ชั้นยอดที่กำลังสบถด้วยความหัวเสีย พอได้ยินคำ ต้วนหลิงเทียน ออกจากปากสหายหน้ามันก็ไม่หลงเหลือความไม่พอใจอะไรอีกยังเปลี่ยนเป็นซีดลงด้วยความหวาดกลัวทันที
“นิ…นี่ พวกเจ้าว่าที่ข้าด่า ‘ตัวบัดซบ’ มันจะได้ยินหรือไม่?”
หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ศิษย์ชั้นยอดคนนั้นก็ได้แต่มองถามสหายด้วยความหวาดกลัว
“ตอนเจ้ากล่าวมันก็บินไปไกลแล้ว…มินาจะได้ยิน…มั้ง?”
ศิษย์ชั้นยอดคนหนึ่งตอบด้วยความไม่มั่นใจ
“ข้าว่ามันต้องได้ยิน…แม้จะจากไปไกลแล้วแต่อาศัยพลังฝีมือของมันที่สูงขนาดนั้น ไหนเลยจะไม่ได้ยินได้?”
ศิษย์ชั้นยอดอีกคนกล่าวออก
และวาจานี้ของมันก็ทำให้ศิษย์ชั้นยอดคนแรกที่พลั้งปากด่าต้วนหลิงเทียนไปถึงกับเหงื่อตก หน้ายังซีดไปด้วยความหวาดกลัว “ฉะ…ฉิบหาย ข้าพลาดแล้ว! แต่ดูเหมือนมันกำลังรีบไปทำอะไรสักอย่าง…พวกเจ้าว่าหากมันจัดการเรื่องราวเสร็จแล้วจะมาเอาเรื่องข้าหรือไม่?”
เมื่อนึกถึงพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียน ศิษย์ชั้นยอดคนนั้นได้แต่หวาดผวา ใจตื่นตระหนกไม่น้อย
“อย่างมันคงไม่มาสนใจเจ้าหรอก”
เมื่อได้ยินคำปลอบของสหายศิษย์อีก 2 คน ศิษย์ชั้นยอดคนนั้นพอได้โล่งอกขึ้นมาบ้าง ความตื่นตระหนกในใจของมันคลายลงไม่น้อย
และอันที่จริงต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดแยแสเรื่องเล็กๆเพียงเท่านี้
เพราะตอนนี้ในหัวของเขามีแต่เรื่องรีบไปให้ถึงหอคุมกฏเท่านั้น มีเพียงได้เข้าไปทำงานที่หอคุมกฏให้ได้ก่อน ถึงจะรู้ว่าเขาจะมีโอกาสได้พบเจอเค่อเอ๋อแม่ลูกหรือไม่..
หลังจากผ่านไป 10 วัน ต้วนหลิงเทียนก็ได้หวนกลับมายังเกาะหลักของดินแดนศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง
หลังจากที่เขามาปรากฏตัวในจัตุรัสกลาง เหล่าศิษย์บนจัตุรัสกลางมากมายหลายคนก็จดจำเขาได้ทันที “นั่นต้วนหลิงเทียนนี่! มันกลับมาที่นีอีกแล้ว!!”
“เหอะๆ…ไม่รู้ว่าคราวนี้ใครจะเป็นคนดวงกุด”
“ดวงกุด? ไฉนเจ้ากล่าวเช่นนี้เล่า?”
“เหอๆ เจ้าถามข้าแบบนี้แสดงว่าเจ้ายังไม่รู้เรื่องนี้น่ะสิ! ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นเห็นว่าเคยมาที่จัตุรัสกลางแค่สองครั้ง…ครั้งแรกที่มาก็ไปวิหารเป็นตายกับหยางเหวิน สุดท้ายก็ฆ่าหยางเหวินคาสังเวียนเป็นตาย! ครั้งที่ 2 ก็เมื่อสิบวันที่ผ่านมา และต้วนหลิงเทียนก็ได้ ตบหน้า เวินเยี่ยน อันดับ 9ในทำเนียบยอดฝีมือศิษย์ที่แท้จริงจนหน้าหัน นับว่าหมิ่นหยามให้นางได้รับความอัปยศถึงที่สุด!”
“ข้าเข้าใจแล้ว…ดูเหมือนว่าพลังฝีมือของมันจะร้ายกาจนัก แต่จากข่าวลือไม่ใช่มันมีแค่รากวิญญาณสีเหลืองหรือไร?”
“มันอาจจะมีรากวิญญาณแค่สีเหลือง…แต่มันสามารถเอาชนะศิษย์ที่แท้จริงไปได้ถึง 2 คนแล้ว ดูเหมือนว่าในประวัติศาสตร์ลัทธิบูชาไฟของพวกเรา จะไม่มีใครทำอย่างมันได้มาก่อน”
“ไม่เคยมีจริงๆนั่นล่ะ…”
“พรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลือง…ส่วนศิษย์พี่หญิงเวินเยี่ยนผู้นั้นเห็นว่านางมีรากวิญญาณสีน้ำเงิน กระทั่งยังเป็นสีน้ำเงินเข้ม…อนาคตของนางย่อมสามารถเป็นถึงผู้อาวุโสเพลิงทองได้แน่! นับเป็นศิษย์ที่ยังมีอนาคตอันไร้จำกัดนัก…แต่ไม่น่าเชื่อจริงๆว่านางจะถูกคนที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลืองตบหน้าหยามหมิ่นได้ถึงขนาดนี้”
“ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อแล้วล่ะ ความจริงมันตั้งอยู่ตรงหน้าผู้ใดจะยังปฏิเสธได้”
…………
ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งมาถึงจัตุรัสกลางได้ไม่ทันไร ก็ได้ยินเสียงซุบซิบเรื่องเขากับเวินเยี่ยนไม่น้อย
สำหรับเรื่องที่เวินเยี่ยนมีรากวิญญาณสีน้ำเงินกระทั่งเป็นสีน้ำเงินเข้ม เขาก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะนางเป็นถึงอันดับ 9 ในทำเนียบยอดฝีมือ
ในลัทธิบูชาไฟนั้น ศิษย์ชั้นยอดที่บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ ก็ไม่ใช่ว่าจะได้เป็นศิษย์ที่แท้จริงทุกคน!
หากคิดเป็นศิษย์ที่แท้จริง นอกจากพลังฝึกปรือถึงขั้น อายุต้องไม่เลยข้อกำหนดอีกด้วย! มีเพียงผู้ที่บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ไม่เกินวัยที่กำหนดเท่านั้นถึงจะสามารถรับฐานะศิษย์ที่แท้จริงได้!!
กล่าวได้ว่าศิษย์ที่แท้จริงทั้งหมดล้วนเป็นรุ่นเยาว์ทั้งสิ้น
กระทั่งต่อให้เป็นศิษย์ที่แท้จริงแล้ว แต่เมื่ออายุถึงเกณฑ์ ก็จะถูกปลดสถานะศิษย์ที่แท้จริงออก
ถึงตอนนั้นจะได้เป็นอาวุโสเพลิงทองแดง เพลิงเงิน หรือกระทั่งเพลิงทอง ก็ขึ้นอยู่กับพลังฝีมือส่วนตัวแล้ว
กล่าวได้ว่าสถานะศิษย์ที่แท้จริงก็แค่บ่งบอกให้รู้ว่าเป็นศิษย์รุ่นเยาว์ที่โดดเด่นเท่านั้น
เวินเยี่ยนด้วยความที่มีสถานะเป็นศิษย์ที่แท้จริงได้ นั่นหมายความว่าอายุของนางยังไม่มากเกินเกณฑ์ กอปรทั้งพลังฝีมือที่โดดเด่น ก็ไม่แปลกอะไรที่นางจะมีรากวิญญาณสีน้ำเงินเข้ม
หาไม่แล้วพลังฝึกปรือของนางจะบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนได้อย่างไรด้วยอายุเพียงเท่านี้
‘รากวิญญาณสีเหลืองงั้นหรือ…’
สำหรับเรื่องที่ศิษย์ชั้นยอดและศิษย์ที่แท้จริงทั้งหลายของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เข้าใจว่าเขามีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลืองเขาก็ไม่แปลกใจอะไร กระทั่งยังตระหนักได้เรื่องหนึ่ง…หอคุมกฏยังไม่ได้กระจายข่าวเรื่องรากวิญญาณสีน้ำเงินของเขาออกมา!
เพราะสุดท้ายแล้วแม้คนอื่นจะไม่รู้ว่ารากวิญญาณของเขาเป็นสีน้ำเงิน แต่หอคุมกฏนั้นสมควรรู้เรื่องนี้ดี
เพราะที่หอคุมกฏมีเมตตาไม่ตัดสินโทษประหารให้เขาในตอนนั้น ทั้งหมดล้วนเป็นอานิสงค์ของรากวิญญาณสีน้ำเงินทั้งสิ้น!
“เห็นว่าที่พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนมันร้ายกาจขนาดนี้ทั้งหมดเป็นเพราะเวทย์พลังชั้นสูงทั้ง 4 สาย อนิจจาด้วยพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลือง มิว่าพรสวรรค์ในเชิงยุทธ์และไหวพริบปฏิภาณของมันจะเลิศล้ำเพียงใด ต่อไปก็ไร้ความหมาย เพราะสุดท้ายมันก็ยากจะประสบความสำเร็จอันใดในอนาคต! ส่วนเวินเยียนนั้นหากมีเวลา วันหน้าย่อมสามารถล้างแค้นมันได้อย่างง่ายดาย!”
“มิผิด ที่ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนเหนือกว่าเวินเยี่ยนทั้งหมดเพราะเวทย์พลังขั้นสูงทั้ง 4 สายนั่น…แต่ไม่นานเวินเยี่ยนย่อมต้องล้างแค้นได้แน่”
“ตอนแรกข้าไม่เข้าใจว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงท้าประลองเป็นตายกับเวินเยี่ยน…ที่แท้เป็นเพราะกลัวเรื่องนี้ด้วยส่วนหนึ่งกระมัง”
“บางทีมันคงคิดว่าหากเวินเยี่ยนลงนามในสัญญาประลองเป็นตายกับมัน มันจะสามารถกำจัดภัยคุกคามในอนาคตได้ แต่ผู้ใดจะไปคิดคาดว่าเวินเยี่ยนกลับมองการณ์ไกล ฉลาดพอจะปฏิเสธคำท้าของมัน”
“ข้าก็ว่าอยู่แล้วเชียวว่าไฉนเวินเยี่ยนถึงได้ปฏิเสธคำท้ามันตอนแรก ที่แท้เพราะนางเฉลียวฉลาดมองการณ์ไกลนี่เอง”
“นั่นสิ ตอนที่ข้าได้ยินข่าวข้ายังไม่เข้าใจ ว่าไฉนเวินเยี่ยนถึงกลัวศิษย์ที่แท้จริงหน้าใหม่คนหนึ่ง…แต่ที่แท้นางไม่ได้ขลาดกลัว แค่ฉลาดเลือก!”
ระหว่างเดินไปยังวังชินหั่ว ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินเรื่องราวเพิ่มเติมอีกไม่น้อย
มองการณ์ไกล?
ฉลาดเลือก?
ต้วนหลิงเทียนแทบกลั้นหัวเราะไม่ไหวหลังได้ยินบทสนทนาเหล่านี้!
เพราะมันไม่มีเรื่องมองการณ์ไกลหรือฉลาดเลือกอะไรทั้งสิ้น! ทั้งหมดก็แค่เวินเยี่ยนกลัวและไม่กล้าสู้เท่านั้น!!
ภายใต้สายตามองมาของทุกคน ต้วนหลิงเทียนก็ก้าวอาดๆเข้าวังชินหั่วอย่างสะดวก ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะขวางทาง กระทั่งเมื่อต้วนหลิงเทียนเดินไปโต๊ะรับรอง คนที่ต่อแถวอยู่ก็พร้อมใจกันหลีกให้เขาทำเรื่องก่อน
“หือ? ต้วนหลิงเทียนคนนั้นคิดรับงานที่หอคุมกฏจริงๆงั้นเหรอ?”
ขณะเดียวกันศิษย์ชั้นยอดหลายคนก็พอจะคาดเดาได้ว่าต้วนหลิงเทียนมาทำอะไร
แน่นอนว่าศิษย์ชั้นยอดเหล่านี้ก็ไม่ใช่ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนต้วนหลิงเทียนถามเรื่องนี้จากอาวุโสเพลิงทองแดงเมื่อ 10 วันก่อน บางคนก็ได้ฟังจากปากคนอื่นมาอีกที
“อาวุโส ข้ามาที่นี่เพื่อตอบรับใบงานของหอคุมกฏ สมัครเข้าทำงานในหอคุมกฏ”
ต้วนหลิงเทียนมาถึงก็กล่าวจุดประสงค์ออกไปกับอาวุโสเพลิงทองแดงประจำโต๊ะรับรองทันที
“ต้วนหลิงเทียน”
อาวุโสเพลิงทองแดงประจำโต๊ะรับรองของวังชินหั่วคนนี้ ก็สามารถจดจำต้วนหลิงเทียนได้ทันที ทว่าหลังฟังคำต้วนหลิงเทียน มันก็ได้แต่ส่ายหัวไปมา
“ขออภัย แต่วันนี้อาวุโสของหอคุมกฏได้มากำชับข้าเอาไว้…ว่าศิษย์ที่แท้จริงคนอื่นสามารถสมัครเข้าทำงานที่หอคุมกฏได้ แต่เจ้าต้วนหลิงเทียนไม่อาจทำได้…”