WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2058
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2058
ตอนที่ 2,058 : อันดับในรายนามยอดเซียน!
ในช่วงระยะเวลา 20 วันที่ผ่าน ต้วนหลิงเทียนหลงคิดว่ารองจ้าวหอคุมกฏ ต่งหยวนจิ้น ต้องมาหาเรื่องเขาแน่ๆ
แต่สุดท้ายเขากลับพบว่า…
ไม่เพียงแต่ต่งหยวนจิ้นจะไม่เคลื่อนไหวลงมือ กระทั่งต่งหลินก็หายเงียบไปเลย
‘เรื่องวันนั้นท่าทางจะไม่ได้แพร่งพรายออกไป…ดูเหมือนว่าอาวุโสเพลิงทองแดงที่อยู่ในเหตุการณ์ จะกริ่งเกรงบารมีต่งหยวนจิ้นและเถียนตงมากสินะ’
ต้วนหลิงเทียนเองก็เดาเรื่องราวได้ไม่ยาก
หากย้อนกลับไปเมื่อ 20 วันที่แล้วอีกครั้ง ตอนยังมีโมโหอยู่ ต้วนหลิงเทียนอาจจะเลือกแพร่เรื่องราวออกไปด้วยตัวเอง
เพราะจะอย่างไรวันนั้นเขาก็ไม่พอใจต่งหลินมาก ที่อีกฝ่ายคิดพาคนมาทุบตีเล่นงานเขา
ทว่าตอนนี้โทสะเรื่องราวในวันนั้นได้จางหายไปหมดสิ้นแล้ว เขาก็คร้านจะสนใจใยดีอะไรต่งหลินอีก และตอนนี้เขายังอารมณ์ดีนัก!
แน่นอนว่าทั้งหมดเป็นเพราะ พรุ่งนี้ก็เป็นวันที่เขาจะได้ออกจากหอคุมกฏ!
เขาได้วางแผนไว้แต่แรก ว่าหลังออกจากหอคุมกฏได้ เขาจะหาทางออกจากลัทธิบูชาไฟเพื่อไปเพิ่มพูนพรสวรรค์รากวิญญาณของเขาทันที!
ทั้งหมดเพื่อที่เขาจะได้ยกระดับพลังฝึกกปรือให้สูงขึ้นได้โดยเร็วที่สุด…เพราะสุดท้ายแล้วชะตากรรมของเค่อเอ๋อแม่ลูกก็ช่างเอาแน่เอานอนไม่ได้นัก เวลาที่เขามีก็ลดน้อยลงเต็มที!
สำหรับเขาตอนนี้ กระทั่งการล่าช้าเพียงไม่กี่วันก็อาจส่งผลกระทบถึงชีวิตเค่อเอ๋อแม่ลูกได้
‘ในที่สุดข้าก็จะได้ไปจากที่นี่เสียที…’
ต้วนหลิงเทียนที่มารอคอยในห้องโถงหลักของหอคุมกฏ ก็ลอบคิดในใจอย่างยินดี
เขาเฝ้ารอวันนี้มาตลอดทั้งเดือน
ขณะเดียวกันเหล่าศิษย์ที่แท้จริงชุดใหม่ ที่สมัครเข้ามาทำงานในหอคุมกฏ ก็ถูกอาวุโสเพลิงทองแดงพาเข้ามาในห้องโถงหลัก เพื่อให้เหล่าศิษย์ส่งมอบหน้าที่กันเอง
“ท่าน…ท่านคือศิษย์พี่หลิงเทียนใช่หรือไม่?”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนส่งมอบหน้าที่ส่วนที่เขาดูแล ศิษย์ที่แท้จริงที่ได้รับมอบหมายงานต่อจากเขาก็ตะลึงไม่น้อย เร่งกล่าวถามออกมาด้วยความตื่นเต้นยินดี
ตอนนี้ในลัทธิบูชาไฟ มีศิษย์มากมายหลายคนที่เห็นต้วนหลิงเทียนเป็นดั่งแบบอย่างอันดี!
ต้วนหลิงเทียนนั้นยังเข้าร่วมลัทธิบูชาไฟไม่ถึง 1 ปีด้วยซ้ำ ทว่าไม่เพียงสามารถกลายเป็นศิษย์ที่แท้จริงได้ แต่ยังเป็นถึงศิษย์ที่แท้จริง ที่มีอันดับ 4 ในทำเนียบยอดฝีมือ!
ต้องทราบด้วยว่า 3 อันดับแรกของทำเนียบยอดฝีมือนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนทั้งสิ้น!
การที่ต้วนหลิงเทียนถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 4 ของทำเนียบยอดฝีมือศิษย์ที่แท้จริงเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับการยอมรับจากลัทธิบูชาไฟ ในฐานะศิษย์ยอดฝีมืออันดับ 1 ในขอบเขตเซียนสวรรค์ 2เปลี่ยน!
นอกจากนั้นยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ที่สำคัญอย่างยิ่งยวด
ต้วนหลิงเทียนบัดนี้ได้รับการจัดอันดับอย่างเป็นทางการในรายนามยอดเซียนแล้ว! และยังรั้งอยู่ในอันดับที่ 537 ของรายนามยอดเซียนอีกด้วย! เหนือกว่าอาวุโสเพลิงทองแดงและศิษย์ที่แท้จริงที่พลังฝึกปรืออยู่ในขอบเขตเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนทุกคน!!
เพราะเรื่องนี้ทำให้ชื่อเสียงของต้วนหลิงเทียนในลัทธิบูชาไฟ พุ่งถึงจุดสูงสุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เห็นศิษย์ที่แท้จริงเบื้องหน้าตื่นเต้นยินดีที่ได้พบ ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มบางๆพยักหน้ารับคำ ค่อยกล่าวตอบเสียงเบา “เอาล่ะ ฝากเจ้ารับช่วงต่อจากข้าด้วย”
“ข้าจะขยันให้มากศิษย์พี่!”
ได้ยินคำฝากฝังของต้วนหลิงเทียน ศิษย์ที่แท้จริงประกาศรับคำเป็นมั่นเหมาะ
เมื่อศิษย์ที่แท้จริงชุดใหม่มารับหน้าที่ต่อจากศิษย์ที่แท้จริงชุดเก่าเสร็จเรียบร้อย ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆ ก็เดินออกจากห้องโถงหลักทันที
แน่นอนว่าแม้กกลุ่มศิษย์ที่แท้จริงทั้ง 10 รวมถึงต้วนหลิงเทียนจะเดินออกมาด้วยกัน แต่ต้วนหลิงเทียนก็ทำท่าราวกับเป็นคนแปลกหน้ากับหลิวอวิ๋น
เพราะในสายตาคนนอก พวกเขาได้แตกหักกันแล้ว
“ศิษย์น้องหลิงเทียน…ข้าได้ยินมาว่าล่าสุดที่เจ้าเจอต่งหลิน เจ้าถึงกับตบหน้ามันจนบวมเป็นหัวหมูเลยหรือ?”
ทันใดนั้นเองเสียงหลิวอวิ๋นพลันดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียน เป็นหลิวอวิ๋นส่งเสียงผ่านพลัง
แม้ทั้งสองจะแสร้งทำเป็นแตกหักตัดไมตรี แต่หลิวอวิ๋นก็อดไม่ได้ที่จะลอบส่งเสียงผ่านพลังมาถามเรื่องราว
“ศิษย์พี่หลิวอวิ๋นไปได้ยินเรื่องนี้มาจากที่ไหนกัน?”
ต้วนหลิงเทียนได้ยินคำถามดังกล่าวก็ตกใจไม่น้อย อดส่งเสียงกลับไปด้วยสงสัยไม่ได้
เท่าที่เขาทราบ ข่าวเรื่องนี้สมควรถูกปกปิดไว้อย่างดีไม่ใช่หรือไง?
การที่หลิวอวิ๋นรู้ได้แบบนี้ แน่นอนว่าทำให้เขาประหลาดใจไม่เบา
“ข้าได้ยินจากท่านบรรพชน…เป็นท่านบอกว่าอาวุโสเพลิงทองแดงที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นลอบรายงานเรื่องทั้งหมดอย่างลับๆ…”
หลิวอวิ๋นกล่าวตอบออกมาทันที ขณะเดียวกันก็พูดต่อว่า “แต่ท่านบรรพชนก็ร้องขอข้าไว้แล้ว ว่าอย่าได้แพร่งพรายออกไปเด็ดขาด…ทั้งหมดเป็นเรื่องจริงหรือ?”
“เป็นเรื่องจริง”
ต้วนหลิงเทียนตอบคำ ค่อยพูดต่อ “วันนั้นต่งหลินมันพาเถียนตงมาสั่งสอนบทเรียนข้า…แต่สุดท้ายเถียนตงนั่นก็ถูกข้าขู่จนไม่กล้าลงมือเคลื่อนไหวอะไร ข้าจึงจัดการต่งหลินได้อย่างถนัดมือ”
วาจาของต้วนหลิงเทียนแม้ไม่ได้กล่าวเกินจริงอะไร แต่เสียงกล่าวยังเฉยเมยคล้ายเป็นเรื่องธรรมดาถึงที่สุด ทว่ายามดังในหูหลิวอวิ๋นยังไม่ต่างใดจากฟ้าร้องดังลั่น ขู่ขวัญผู้คนแทบเป็นลม!
เถียนตง!
นามนี้มันย่อมคุ้นหูดี
เพราะเถียนตงคืออาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของหอคุมกฏ ยังเป็นยอดฝีมือในอันดับที่ 107 ของรายนามยอดเซียน!
ทว่าตัวตนเช่นนั้นกลับถูกศิษย์น้องหลิงเทียนของมันกล่าวข่มขู่จนไม่กล้าลงมือเคลื่อนไหว?
หลิวอวิ๋นตะลึง!
ผ่านไปครู่หนึ่งหลิวอวิ๋นค่อยฟื้นอาการ เร่งส่งเสียงถามสืบต่อ “ศิษย์น้องหลิงเทียนเท่าที่ข้ารู้เถียนตงไม่ใช่แค่อาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของหอคุมกฏธรรมดา ทว่าอารมณ์ของมันก็ยังดุร้ายไม่น้อย…นี่เจ้าไปขู่มันอีท่าไหนกันมันถึงไม่กล้าลงมือกับเจ้าได้?”
“ก็ไม่ได้อะไรมากมายหรอก…”
ต้วนหลิงเทียนได้ฟังก็ส่งเสียงตอบด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “ข้าบอกว่าหากมันคิดช่วยต่งหลินสั่งสอนข้าก็ตามใจมัน…แต่ถ้ามันไม่ฆ่าข้าทิ้งให้จบๆไปวันนั้น ไม่ว่าอะไรก็ตามที่มันทำกับข้า…ทั้งหมดข้าจะให้ต่งหลินไม่เว้นลูกหลานเหล่าศิษย์ของมันชดใช้เป็นสิบเท่าร้อยเท่า”
“ขนาดนี้แล้วเจ้ายังบอกว่าไม่อะไรมากมายอีกเรอะ!?”
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียนหลิวอวิ๋นถึงกับเหวอไปพักใหญ่
ข่มขู่ว่าจะคุกคามเหล่าศิษย์ทั้งลูกหลานผู้คนโต้งๆเช่นนี้ ยังไม่ถือว่าเป็นอะไรได้หรือ?
มีคำกล่าวกันดีในหมู่ผู้ฝึกตน ‘มีปัญหาใดไม่ลามปามถึงครอบครัว’ ครั้งนี้หลิวอวิ๋นรู้สึกต้วนหลิงเทียนนับว่าล้ำเส้นผู้คนแล้ว…ทว่าพอคิดอีกทีก็ไม่อาจโทษต้วนหลิงเทียนได้
เพราะสุดท้ายแล้วก็เป็นต่งหลินที่คิดหาเรื่องมาทุบตีคนก่อน!
หากเถียนตงไม่เป็นเบี้ยล่างต่งหลินคิดทำร้ายต้วนหลิงเทียนก่อน ไหนเลยศิษย์น้องของมันจะตอบโต้กลับไปอย่างร้ายกาจแบบนั้น
“แล้วหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างเล่า? รองจ้าวหอคุมกกฏได้มาวุ่นวายกับเจ้าหรือไม่?”
ขณะกล่าวถึงรองจ้าวหอคุมกฏอย่าง ต่งหยวนจิ้น น้ำเสียงของหลิวอวิ๋นหนักขึ้นไม่น้อย
ความโหดเหี้ยมดุดันของต่งหยวนจิ้นนับว่าสลักลึกลงในใจผู้คนมานานแล้ว อีกทั้งมันถือหางลูกชายขนาดไหนใครยังไม่รู้? ไม่งั้นไหนเลยต่งหลินจะกร่างได้ขนาดนี้!
“ไม่เลย”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัว “บางทีมันอาจสำนึกได้ว่าครั้งนี้ลูกชายมันเป็นฝ่ายผิดจริงๆ และเรื่องราวก็ไม่ได้แพร่ออกไป…เช่นนั้นจึงไม่คิดมาวุ่นวายอะไรกับข้า”
“สำนึกได้ว่าลูกชายของมันผิดจริง?”
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียนหลิวอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาด้วยความขบขันราวตัวโง่งมได้ยินเรื่องตลกแห่งยุค หลังจากนั้นค่อยกล่าวออกกว่า “ศิษย์น้องหลิงเทียน สำหรับต่งหยวนจิ้นแล้วต่งหลินไม่ต่างอะไรกับแก้วตาดวงใจ แม้ตอนนี้มันยังไม่ลงมือกับเจ้า…”
“ทว่ามันอาจกำลังหาโอกาสเหมาะที่จะจัดการเจ้าให้สิ้นซาก! ช่วงนี้เจ้าอย่าได้ออกจากลัทธิบูชาไฟเด็ดขาด กระทั่งที่เปลี่ยว ร้างผู้คนก็อย่าได้แวะเวียนผ่านไป เจ้าต้องไม่เปิดโอกาสใดๆให้ต่งหยวนจิ้นมันหาช่องลงมือได้!”
วาจาต่อมาของหลิวอวิ๋นกล่าวออกด้วยน้ำเสียงจริงจังขึงขังนัก ยังกำชับต้วนหลิงเทียนอย่างวิตกกังวล
“ข้าเข้าใจแล้ว”
แม้ต้วนหลิงเทียนจะซาบซึ้งใจไม่น้อย แต่เขาก็ไม่อาจทำตามคำเตือนของหลิวอวิ๋น เพราะเขาจำต้องหาทางออกจากลัทธิบูชาไฟให้จงได้ กระทั่งยังต้องไปให้เร็วที่สุด
หากไม่อาจออกไปให้พ้นลัทธิบูชาไฟ พรสวรรค์รากวิญญาณของเขาจะยกระดับก้าวหน้าได้อย่างไร?
ตอนนี้พรสวรรค์รากวิญญาณของเขายังพึ่งเป็นรากวิญญาณสีน้ำเงินเท่านั้น คิดจะยกระดับให้ก้าวหน้าอีกขั้น เป็นอะไรที่ยากไม่น้อย…
นอกจากนี้คิดก่อการในลัทธิบูชาไฟยังเป็นไปไม่ได้เลย
‘จริงสิ!’
ทว่าทันใดนั้นเองสองตาต้วนหลิงเทียนก็เรืองประกายสว่าวาบ ในใจกลับนึกหนทางอันประเสริฐสายหนึ่งออก!
หากใช้วิธีนี้ล่ะก็ เขารับประกันได้เลยว่ารองจ้าวหอคุมกฏอย่างต่งหยวนจิ้น หรืออาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1แท่นบูชาเต่าทมิฬอย่างหลี่อัน ก็ไม่มีวันรู้ว่าเขาออกจากลัทธิบูชาไฟไปแล้ว
อย่างไรก็ตามวิธีนี้จำต้องได้รับการช่วยเหลือจากคนอื่น
และในใจของต้วนหลิงเทียนก็ปรากฏร่างหนึ่งขึ้นมาทันที ‘หากเจ้านั่นมันเต็มใจช่วยข้า…ไม่ต้องกล่าวถึงหลี่อัน กระทั่งต่งหยวนจิ้นก็ไม่มีทางสงสัยมันเด็ดขาด’
เมื่อคิดถึงวิธีที่จะออกจากลัทธิบูชาไฟได้ ต้วนหลิงเทียนก็โล่งใจไม่น้อย
เมื่อออกจากหอคุมกฏแล้ว ทั้งหมดก็เดินทางมุ่งหน้ากลับไปทางจัตุรัสกลาง
เหล่าศิษย์ที่แท้จริงอีก 8 คนที่เหลือนอกจากต้วนหลิงเทียนกับหลิวอวิ๋น ก็เริ่มทยอยกันจากไปทีละคนๆ
สุดท้ายก็เหลือเพียงศิษย์ที่แท้จริงแค่คนเดียวเท่านั้น ที่เหินร่างไปทางเดียวกันกับต้วนหลิงเทียนและหลิวอวิ๋น ดูท่าศิษย์ที่แท้จริงคนนี้ก็คิดกลับที่พักก่อนอื่นใดเช่นกัน
“ศิษย์น้องหลิงเทียนข้าจะแวะไปหาน้องมู่ก่อน…ข้าเชื่อว่าป่านนี้มันคงร้อนใจไม่น้อยแล้วหลังได้ยินเรื่องระหว่างข้ากับเจ้า เช่นนั้นข้าจะกลับไปอธิบายให้มันฟัง จะได้ไม่เข้าใจผิดอะไร”
หลิวอวิ๋นส่งเสียงกล่าวบอกต้วนหลิงเทียนให้ทราบ ก่อนที่จะเลี้ยวร่างมุ่งหน้าไปยังเขตที่พักของเหล่าศิษย์ชั้นยอดทันที
ครู่ต่อมาก็คงเหลือศิษย์ที่แท้จริงแค่คนเดียวเท่านั้นที่ยังอยู่กับต้วนหลิงเทียน
“ต้วนหลิงเทียน!!”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังจะออกจากเกาะศักดิ์สิทธิ์ และย้อนกลับไปยังเกาะลอยส่วนตัว เสียงสนั่นปานฟ้าร้องพลันกึกก้องมาจากทางจัตุรัสกลาง
ครู่ต่อมาเขาก็หยุดร่างลงทันใด คิ้วยังขมวดไปอย่างไม่รู้ตัว
เพราะเขามั่นใจว่าเสียงนี้เขาพึ่งเคยได้ยินครั้งแรกไม่ผิดแน่ นั่นหมายความว่าเขาไม่เคยมีเรื่องมีราวอะไรกับอีกฝ่ายมาก่อน
ทว่าไฉนเสียงที่อีกฝ่ายใช้เรียกเขากลับแข็งห้วนเผยความเป็นศัตรูถึงขนาดนั้นได้เล่า?
‘ใครกัน?’
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนหันหน้าไปมองตามต้นเสียงด้วยความสงสัย
จากจัตุรัสกลาง ก็ปรากฏร่าง 2 ร่างเหินลอยขึ้นมาในอากาศ และมุ่งหน้าเข้ามาหาเขาทันที
ต้วนหลิงเทียนจดจำ 1 ใน 2 ร่างผู้มาได้ตั้งแต่แรกเห็น
‘เวินเยี่ยน?’
คิ้วต้วนหลิงเทียนโคงขึ้นด้วยความแปลกใจ ด้วยไม่คิดว่า 1 ใน 2 คนที่มาจะเป็นเวินเยี่ยนไปได้
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนเพียงมองเวินเยี่ยนอย่างผ่านๆเท่านั้น ก่อนที่จะหันไปสนใจอีกร่างที่เหินมาข้างๆเวินเยี่ยน ‘เมื่อครู่เสียงมันงั้นเหรอ?’
หลังมองชายที่ลอยร่างข้างๆเวินเยี่ยนตั้งแต่หัวจรดเท้ารอบหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็มั่นใจได้เต็มสิบส่วนว่าเขาไม่เคยเจออีกฝ่ายมาก่อนแน่นอน
ทว่าทันใดนั้นเอง
“ศิษย์พี่ปู้หง!”
ศิษย์ที่แท้จริงที่พึ่งกลับมาจากหอคุมกฏเช่นกัน และอยู่ไม่ไกลจากต้วนหลิงเทียนเท่าไหร่ สามารถจดจำชายผู้อยู่ข้างเวินเยี่ยนได้ทันที มันเร่งคารวะทักทายออกมา พร้อมถอยห่างออกจากร่างต้วนหลิงเทียนอย่างรีบร้อน!
ราวกับมันเห็นต้วนหลิงเทียนเป็นเทพเจ้าแห่งโรคห่าอย่างไรอย่างนั้น!