WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2076
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2076
ตอนที่ 2,076 : ‘เงื่อนไข’ ของตงฟางเฉียน
“ประมุขชิว ท่านนับว่ามีบุตรีอันประเสริฐนัก!”
เผชิญหน้ากับคำทักทายด้วยมารยาทของประมุขตระกูลชิว ใบหน้าตงฟางเฉียนประมุขตระกูลชิวกลับเผยความปรามาสดูแคลน เลือกที่จะกล่าวเสียดสีออกมาตรงๆ ในวาจาไร้ซึ่งความสุภาพอันใด
ที่มันพาคนมาวันนี้เพราะคิดจะหาความจากตระกูลชิว ไหนเลยยังจะมาสุภาพมากมารยาทอันใด
การเผยทีท่าสุภาพออกมาตอนนี้ยังต่างอะไรกับ เผยความคิดริเริ่ม ‘ยอมลงให้’ ออกมา เช่นนั้นก็ยากที่จะเรียกร้องผลประโยชน์อะไรได้แล้ว!
ในฐานะที่เป็นถึงประมุขของตระกูลตงฟาง ตงฟางเฉียนไหนเลยจะไม่รู้เรื่องง่ายๆแค่นี้
“หึ”
ส่วนอีกด้านนนั้น หลังอาวุโสหลักกับอาวุโส 2 ของตระกูลชิวทักทายอาวุโสหลักกับอาวุโส 2 ของตระกูลตงฟางแล้ว สิ่งที่พวกมันได้รับก็คือคำแค่นสบถเย็นชาจากอีกฝ่าย
ทำราวกับพวกมันเป็นลูกหนี้อย่างไรอย่างนั้น!
ยังทำให้สีหน้าของพวกมันเปลี่ยนเป็นปั้นยากทันที
อย่างไรก็ตามแม้ใบหน้าพวกมันจะกลายเป็นอัปลักษณ์ปั้นยาก แต่ก็ไม่อาจโต้ตอบอะไรได้…
เพราะสุดท้ายแล้ว เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ เป็นฝ่ายพวกมันที่ผิดต่อตระกูลตงฟาง และต้องชดใช้เอาใจอีกฝ่าย ไม่ใช่ทางตระกูลตงฟางต้องมาตามเอาใจพวกมัน
“ประมุขตงฟาง ท่านกล่าวเช่นนี้หมายความว่าอะไร?”
ได้ยินคำของตงฟางเฉียน รอยยิ้มที่ฉาบไว้บนใบหน้าชิวอ้านผิงพลันสลายทันที ความอึมครึมเข้ามาแทนที่
ในฐานะประมุขตระกูลชิว มันยินดีปั้นหน้ายิ้มทักอีกฝ่ายด้วยความสุภาพเพราะเห็นแก่ตระกูลชิว
ทว่าตอนนี้ตงฟางเฉียนกลับกล่าวค่อนแคะบุตรีของมันอย่างไม่ไว้หน้า และในฐานะพ่อคน…บุตรีของมันคนนี้มีค่ายิ่งกว่าชื่อเสียงลาภยศรวมถึงชีวิตของมันเสียอีก!
เช่นนั้นมันย่อมไม่อาจทนคนที่มากล่าวกับลูกสาวของมันแบบนี้ได้
อีกฝ่ายจะพูดอะไรก็ช่าง เว้นแต่ยุ่งกับลูกสาวมันเท่านั้น!
ด้วยเหตุนี้คำที่ชิวอ้านผิงเอ่ยออกอีกครั้ง เสียงไม่เพียงหนักอึ้งยังคลุ้งไปด้วยกลิ่นดินปืน พาลให้บรรยาศภายในห้องโถงเปลี่ยนเป็นขึงตึงขึ้นมาทันที
ราวกับการต่อสู้อาจปะทุได้ตลอดเวลา!
“ข้าหมายความว่าอะไร?”
เห็นชิวอ้านผิงที่สีหน้าเปลี่ยนเป็นมืดดำ ตงฟางเฉียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ “ชิวอ้านผิงหนอชิวอ้านผิง…นี่เจ้าไม่รู้จริงๆหรือว่าข้าหมายความว่าอะไร? อย่างบอกนะว่าวันนี้ลูกสาวตัวดีของเจ้าทำอะไรไว้ เจ้ายังไม่รู้?”
กล่าวจบสายตาตงฟางเฉียนก็เบนไปตกยังร่างชิวมู่ชิงที่ยืนอยู่ข้างต้วนหลิงเทียนทันที ลึกลงไปในแววตามันเผยประกายเยียบเย็นปานจะกลืนกินผู้คน
“ประมุข”
ตอนนี้เองนายท่านรองตระกูลชิวพลันเอ่ยกับชิวอ้านผิงออกมา “เรื่องราวทั้งหมดในวันนี้เป็นความผิดพลาดของตระกูลชิวเรา…ข้ารู้ดีว่าท่านรักและเอ็นดูคุณหนูใหญ่เพียงใด แต่ครั้งนี้เป็นคุณหนูใหญ่ทำเกินไปแล้วจริงๆ!”
ชิวอ้านผิงย่อมไม่คิดไม่ฝันเลยว่าในเวลาแบบนี้ชิวกังยี่จะออกมาซ้ำเติมตระกูลของตัวเอง!
ยิ่งมาใบหน้าของมันก็ยิ่งหมองคล้ำดำลงเรื่อยๆ
อาวุโสหลักตระกูลชิวเองตอนนี้ก็ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ เห็นชัดว่ามันเองก็คิดว่าชิวกังยี่ทำเกินไป
มีเพียงอาวุโส 2 ของตระกูลชิวเท่านั้นที่ยังไม่ตอบสนองอะไร ราวกับที่ชิวกังยี่กล่าวออกมาแบบนั้นตอนนี้ ไม่มีใดไม่เหมาะสม
“ชิวกังยี่คนนี้…มันเป็นคนของตระกูลชิวแน่หรือ?”
ต้วนหลิงเทียนถึงกับหันมองไปยังชิวกังยี่อีกครั้ง สองตายังหรี่ลงโดยไม่รู้ เขารู้สึกว่าชิวกังยี่ ‘นายท่านรอง’ ของตระกูลชิวผู้นี้…มองอย่างไรก็ไม่เหมือนคนตระกูลชิว แต่สมควรเป็นคนของตระกูลตงฟางที่แฝงตัวมามากกว่า!
เป็นธรรมดาที่ตอนนี้คนตระกูลตงฟางจะกล่าววาจาถือดีทั้งพูดแรงๆออกมาเพราะพวกมันเป็นฝ่ายเสียหาย
ทว่าชิวกังยี่คนนี้กลับไม่โต้แย้ง กลายเป็นเห็นดีเห็นงามตามผู้อื่น ทั้งๆที่มันสมควรมีจุดยืนต่างกับอีกฝ่าย
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะเป็นคนนอก และไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตระกูลชิว แต่เขายังคิดว่าการที่ชิวกังยี่พูดอะไรแบบนั้นออกมา มันไม่ต่างอะไรจาก ‘เพื่อนร่วมทีมหมู’ แม้แต่นิดเดียว
(เพื่อนร่วมทีมหมู = เพื่อนในทีมกาก,นูป,อ่อนด๋อย /บ้านเรามักใช้เก่งไม่กลัว กลัวทีมกาก! พวกบู๊แหลกแจกสกอร์)
“นายท่านรองตระกูลชิวช่างกล่าวได้มีเหตุผลนัก!”
ได้ยินคำของชิวกังยี่ ประมุขตระกูลตงฟาง ก็คิดใช้ ‘ไผ่ฟาดงู’ มองชิวอ้านผิงพร้อมหัวเราะเยาะ “ยังดีที่พรสวรรค์ในเชิงยุทธ์ของนายท่านรองตระกูลชิวอ่อนด้อยกว่าเจ้า ชิวอ้านผิง เล็กน้อย…หาไม่แล้ววันนี้ผู้ที่จักนั่งตำแหน่งประมุขตระกูลชิว คงไม่มีทางเป็นเจ้าไปได้!”
(ไผ่ฝาดงู = คิดตีงูให้ตายต้องตีด้วยลำไผ่,ลงมือให้อีกฝ่ายไร้หนทางรอด)
ตงฟางเฉียนถึงกับยก ชิวกังยี่ ขึ้นมาข่ม ชิวอ้านผิง อย่างไม่ไว้หน้า!
เรื่องนี้ยิ่งทำให้สีหน้าชิวอ้านผิงบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก
“ฮ่าๆๆๆๆ…!!”
ทว่าตอนนี้เอง ต้วนหลิงเทียนไม่อาจทนไหวอีกต่อไป เสียงหัวเราะด้วยความขบขันระเบิดออกมาดังลั่นก้องโถง! ราวกับได้ยินเรื่องตลกแห่งยุค!!
“เจ้าหัวเราะอะไร!?”
ทันใดนั้นตงฟางเฉียนพลันหันไปเค้นถามต้วนหลิงเทียนเสียงเหี้ยม หน้าตาแลดูดุร้ายน่ากลัวนัก
แม้เสียงมันจะไม่ได้ดังอะไร ทว่ากลับผสานควบไปด้วยพลังเซียนต้นกำเนิด ทำให้สามารถกลบเสียงหัวเราะต้วนหลิงเทียนที่ดังก้องโถงได้ไม่ยาก
หากไม่ใช่เพราะที่นี่เป็นห้องโถงของสกุลชิวล่ะก็ มันจะลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตายทันที เพราะอีกฝ่ายทำให้ลูกชายของมันต้องอับอายขายหน้าไม่พอ ยังกล้าหัวเราะเยาะหลังมันพูดจบอีก!
“ถามอะไรโง่ๆ ข้าก็หัวเราะเจ้าอย่างไรเล่า!”
หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนที่หยุดหัวเราะ ก็มองกล่าวกับตงฟางเฉียนด้วยทีท่าขบขันแฝงเสียดสี ไม่ได้หวาดกกลัวสายตาเยียบเย็นปานอสรพิษที่มองมาเขม็งแม้แต่น้อย “ชิวกังยี่น่ะหรือเหมาะสม? มันยังต่างอะไรจาก ‘หมาป่าตาขาว’ อีกกัน?”
“คนอย่างมันต่อให้มีพรสวรรค์สูงส่งกว่านี้ก็ไม่มีทางนำพาความเจริญอะไรมาให้ตระกูลชิวได้ เผลอๆจะพาลพาให้ตระกูลชิวล่มจมไปเพราะความขลาดเขลาของมันด้วยซ้ำ…อันที่จริงกล่าวไปพวกเจ้ายังนับว่าโชคดีแล้ว ที่มันไม่ได้เป็นประมุขตระกูลชิว เพราะไม่งั้นป่านนี้เผลอๆมันจะไปเลียแข้งขาประจบตระกูลเฝิง และขอเข้าร่วมกับตระกูลเฝิงด้วยตัวเอง…”
“และพวกเจ้าตระกูลตงฟางก็ไม่พ้นถูกมันที่ร่วมมือกับตระกูลเฝิงกวาดล้างจนสิ้นซาก!”
วาจาต่อมาของต้วนหลิงเทียนยิ่งดุร้ายนัก เรียกว่าไม่ไว้หน้าผู้คนแม้แต่น้อย ยังกล่าวด่าชิวกังยี่ออกมาตรงๆว่ามันเป็นแค่หมาป่าตาขาว และหากชิวกังยี่ได้เป็นประมุขตระกูลชิวขึ้นมาล่ะก็ ไม่พ้นป่านนี้คงยอมจำนนต่อตระกูลเฝิงไปนานแล้ว และทำให้ทั้งตระกูลชิวเป็นได้แค่ ‘เบี้ย’ ของตระกูลเฝิง!
ได้ยินวาจาแรงๆนี้ของต้วนหลิงเทียน…
ไม่ว่าจะชิวอ้านผิงประมุขตระกูลชิว อาวุโสหลัก และอาวุโส 2 ถึงกับมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาราวกับเห็นผี ดั่งวาจานี้ของต้วนหลิงเทียนจะกระแทกกเข้ากลางใจของพวกมันอย่างจัง…
ต้องทราบด้วยว่า…ในอดีต ชิวกังยี่เคยกล่าววาจาทำนองให้ตระกูลชิวยอมจำนนตระกูลเฝิงออกมาแล้วจริงๆ! ยังหมายให้ตระกูลชิวเข้าร่วมกับตระกูลเฝิงเพื่อทำลายตระกูลตงฟางอีกด้วย!!
นอกจากนี้ยังพยายามเกลี้ยกล่อมผู้คนว่า แม้จะต้องตกเป็นรองตระกูลเฝิง แต่ก็เหมือนอยู่ใต้หนึ่งอยู่เหนือนับหมื่น แถมส่วนแบ่งที่ตระกูลชิวจะได้รับต้องมากกว่าแข่งขันกัน 3 ตระกูล 2 ฝ่ายแน่นอน
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายพวกมันก็เลือกที่จะปฏิเสธความคิดดังกล่าวของชิวกังยี่ไป
“ลี่เฟิง เจ้ามันรนหาที่ตาย!!”
ได้ยินวาจาเย้ยหยันทั้งด่าทออย่างไม่ไว้หน้าของต้วนหลิงเทียน ชิวกังยี่ คำรามออกมาอย่างไม่อาจทานทนได้ไหวสืบไป
พร้อมกันกับเสียงคำราม พลังของมันพวยพุ่งออกมาปกคลุมไปทั่วร่างดั่งเพลิงไฟ ราวกับพร้อมจะปะทุระเบิดใส่ต้วนหลิงเทียนได้ตลอดเวลา!
“อะไร เจ้าโมโหที่ข้าพูดความจริงงั้นเหรอ?”
สายตาต้วนหลิงเทียนค่อยๆละออกจากร่างตงฟางเฉียนไปมองชิวกังยี่อย่างไม่รีบไม่ร้อน กล่าวค่อนแคะออกมาอีกรอบ ยังอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะซ้ำ
เรื่องนี้ทำให้ชิวกังยี่ยิ่งมีโมโหมากขึ้นเรื่อยๆ ใกล้ถึงจุดระเบิดยากเต็มที ไม่อาจระงับอารมณ์ได้ไหวสืบไป
นึกภาพออกได้เลย
ว่าทันทีที่ชิวกังยี่เดือดดาลจนถึงจุดระเบิดมันคงไม่คิดรั้งรออะไรอีก 9 ใน 10 ล้วนต้องลงมือเข่นฆ่าสังหารต้วนหลิงเทียนทันที!
“บังอาจ!”
ทันใดนั้นเองพลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นกึกก้องโถงหลักตระกูลชิว ยังเป็นเสียงเปี่ยมพลังที่มีโมโหไม่น้อย
และผู้ที่กล่าวคำลั่นโถงก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นอาวุโส 2 ของตระกูลชิว
หลังตะโกนออกมาเสียงดัง อาวุโส 2 ตระกูลชิวก็หันไปมองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็ง พูดออกด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “ลี่เฟิงเจ้ามันก็แค่ผู้ฝึกตนไร้ราก! เจ้ายังมีคุณสมบัติอันใดสอดปากกล่าวคำในโถงหลักตระกูลชิว ยังกล่าวคำให้คนตระกูลชิวเราอับอายขายหน้าผู้คน?”
ผู้ฝึกตนไร้ราก!
ทันทีที่คำนี้ของอาวุโส 2 ตระกูลชิวดังออกมา ก็ทำให้กลุ่มคนของตระกูลตงฟาง ที่นำมาโดยตงฟางเฉียนสองตาลุกวาวทันที!
ต้องทราบด้วยว่าในขณะที่พวกมันยกพวกเดินทางมาหาความที่ตระกูลชิว พวกมันยังกังวลใจกันอยู่ไม่น้อย ว่าใช่ชายหนุ่มชุดม่วงนั่นมีความเป็นมาไม่ธรรมดาหรือไม่ ถึงได้กล้าลงมือทำร้ายตงฟางฉู่กลางเมืองแบบนี้
หากเบื้องหลังชายหนุ่มชุดม่วงมีขุมพลังอันยิ่งใหญ่อยู่ล่ะก็ ตระกูลตงฟางย่อมไม่กล้าล่วงเกินทำร้ายคนได้ ต่อให้อีกฝ่ายจะทำให้พวกมันมีโมโหมากเพียงใดก็ตาม เว้นเสียแต่พวกมันจะไม่สนใจความปลอดภัยของตระกูลตงฟางแล้วจริงๆ
พอมาตอนนี้ได้ยินอาวุโส 2 ตระกูลชิวกล่าวบอกว่าชายหนุ่มชุดม่วงเป็นแค่ผู้ฝึกตนไร้รากดั่งคนจร พวกมันจึงอดไม่ได้ที่จะโล่งใจกันนัก!
เพราะในสายตาของพวกมัน…
กับผู้ฝึกตนอิสระเช่นนี้ ไม่มีอะไรให้พวกมันต้องกังวล!
“หือ? ทำให้ตระกูลชิวอับอาย?”
ต้วนหลิงเทียนหันมองไปทางอาวุโส 2 ของตระกูลชิว กล่าวออกด้วยน้ำเสียงที่เย็นลง “หรือเจ้าในฐานะอาวุโส 2 ของตระกูลชิว ยังคิดว่าวาจาเข้าข้างคนนอกอย่างออกหน้าออกตาของชิวกังยี่นั้นเหมาะสมแล้ว?”
“นอกจากนั้นประมุขตระกูลชิวทั้งอาวุโสหลักยังไม่ทันได้พูดอะไรสักคำ…แต่เจ้าที่เป็นแค่อาวุโส 2 กลับสอดปากออกมาแบบนี้ ไม่คิดว่าทำตามใจตัวเองไปหน่อยหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกอีกครั้ง ยังถามจี้ไปอย่างไม่ไว้หน้า
“เจ้า…เจ้า…”
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน จังหวะนี้อาวุโส 2 มีโมโหนัก หน้ามันคล้ายเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวขาว อนิจจาสุดท้ายก็ไม่อาจหาคำใดมาหักล้างวาจาต้วนหลิงเทียนได้เลย
มันจะเอาอะไรไปหักล้าง?
หรือจะให้ยอมรับว่าชิวกังยี่พูดแบบนั้นเหมาะสมแล้ว?
หรือเถียงข้างๆคูๆว่ามันไม่ได้ทำตามใจ?
อาวุโส 2 ของตระกูลชิว เป็น 1 ใน 3 ขอบเขตเซียนสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลชิว และเป็น 1 ใน 3 ขอบเขตเซียนสวรรค์ที่เห็นดีเห็นงามเรื่องบีบคั้นชิวมู่ชิงให้แต่งกับคุณชายรองตระกูลตงฟาง
เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนได้รับรู้จากชิวมู่ชิงก่อนที่จะเข้ามายังห้องโถงหลักแห่งนี้…
ด้วยเหตุนี้ทำให้ต้วนหลิงเทียนไม่คิดจะไว้หน้าอะไรอาวุโส 2 แม้แต่น้อย
อาวุโส 2 ไม่ออกหน้าขวางทางเขาก็แล้วไป!
แต่ในเมื่ออีกฝ่ายออกหน้าสอดปากแบบนี้ก็อย่าได้ตำหนิว่าเขาหยาบคาย!
“ประมุข ท่านอาวุโสหลัก…ข้า…ข้าแค่กล่าวความจริงออกมาเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจจะลดศักดิ์ศรีของตระกูลชิวเรา หรือจงใจเข้าข้างตระกูลตงฟาง!”
ต้วนหลิงเทียนไล่จี้กล่าวหามันมาถึงขนาดนี้ ย่อมทำให้สีหน้าของชิวกังยี่เปลี่ยนไปใหญ่หลวง เร่งร้อนกล่าวคำแก้ตัวออกมาทันที ด้วยกลัวว่าประมุขและอาวุโสหลักจะมีโมโหและกล่าวโทษมันขึ้นมาจริงๆ
“จึกๆๆ…”
ตอนนี้เองตงฟางเฉียนที่เงียบมาอยู่นานพลันจุ๊ปากเย้ยเยาะ ค่อยกล่าวคำค่อนแคะออกมาว่า “ดูเหมือนตระกูลชิวจักตกต่ำลงแล้วจริงๆ…กระทั่งผู้ฝึกตนพเนจรไร้รากยังมีสิทธิ์มีเสียงในห้องโถงหลักได้ ยังสามารถกล่าวเสียงดังปาวๆไม่เห็นหัวผู้ใดได้แบบนี้…”
“หากเป็นในตระกูลตงฟางของข้า ผู้ฝึกตนไร้รากที่กล้าสามหาวเช่นนี้…ไม่ทราบจักตายไปแล้วกี่ร้อยรอบ!”
ขณะที่กล่าววาจาประโยคนี้ออกมา สองตาตงฟางเฉียนยังเบนไปตกที่ร่างต้วนหลิงเทียนด้วยอำมหิต จิตสังหารเอ่อล้นออกมาอย่างไม่คิดจะปกปิด
“จริงเหรอ? ขนาดนั้นเลย?”
ต้วนหลิงเทียนพลันมองสวนกลับไปด้วยสายตาท้าทาย กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเย้ยเยาะ ไม่ได้มีความหวาดกลัวสักกะผีกเดียว
“ประมุขตระกูลชิว!”
โดนต้วนหลิงเทียนมองมาด้วยสายตาท้าทายอย่างไร้ซึ่งความกลัวเกรง ย่อมกระตุ้นโทสะของตงฟางเฉียนให้ลุกโหมขึ้นมาปานเพลิงไฟ หน้ามันมืดดำไปทันใด หันไปมองกล่าวเสียงห้วนกับประมุขตระกูลชิวอย่างชิวอ้านผิงทันที
“วันนี้ตราบใดที่เจ้าส่งมอบผู้ฝึกตนพเนจรคนนี้ให้ข้า ข้าจักพาคนของตระกูลตงฟางข้ากลับไปทันที…เรื่องราวบาดหมางระหว่างตระกูลตงฟางข้ากับตระกูลชิวของเจ้าให้ถือว่าสิ้นสุดลงแต่เพียงเท่านี้! และต่อไปพวกเราจะทำเป็นลืมเลือนเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด!!”
เสียงกล่าวคำของตางฟางเฉียนรอบนี้ดังสนั่นปานฟ้าร้อง ก้องไปทั่วโถงหลักตระกูลชิว “แม้ว่าเจ้ากับข้ามิอาจเกี่ยวดองกันในฐานะ ‘ครอบครัว’ แต่วันหน้าเจ้ากับข้า…พวกเรายังสามารถร่วมมือกันต่อต้านสกุลเฝิงได้อยู่!”