WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2079
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2079
ตอนที่ 2,079 : สองทาง
“ไม่ ไม่! ไม่มี…ไม่มี!! ไม่มีอันใดเช่นนั้น!!”
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน ชิวจื่อ อาวุโส 2 ตระกูลชิว ก็หน้าซีดทันที ร่างยังสะท้านไปด้วยความตื่นตระหนก หวาดผวาเสียขวัญปานวิญญาณหลุดลอย!
ปึก! ปึก! ปึก!
……
มันที่ตื่นตระหนก เริ่มโขกศีรษะลงกับพื้นอีกครั้ง ยังโขกระรัวจนยากจะนับได้ทันว่าโขกไปทั้งสิ้นกี่ทีกันแน่!
ตอนนี้ไม่เพียงเสียงโขกหัวจะดังชัดก้องไปทั้งโถงกระทั่งบริเวณพื้นห้องโถงที่หัวมันโขกลงไป ก็เริ่มปรากฏรอยแตกร้าวปานใยแมงมุม แถมรอยร้าวดังกล่าวยังแผ่ขยายออกไปเรื่อยๆ!!
ตอนนี้คล้ายชิวจื่อจะหลงลืมตัวตนและศักดิ์ศรีของมันไปหมดสิ้น
ในใจมันหลงเหลือเพียงความคิดเดียวเท่านั้น
เอาตัวรอด!
กว่าจะบ่มเพาะฝึกฝนมาถึงเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยนได้ มันต้องเหน็ดเหนื่อยและทุ่มเทเรี่ยวแรงไปมากมายเพียงใด มีแต่ตัวมันเท่านั้นที่รู้ดี
กว่าจะมีวันนี้ได้ มันใช้เวลาเป็นร้อยๆปี!
หากมันต้องตกตายไปวันนี้ ย่อมหมายความว่าความเหน็ดเหนื่อยตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมาก็เป็นดั่งหมอกควันสายหนึ่งที่กำลังจะต้องลมจนสิ้นสูญไร้สิ่งใดหลงเหลือ…
เช่นนั้นมันจึงไม่ยินยอมถึงขีดสุด!
ต้องทราบด้วยว่าตอนนี้ต่อให้มันจะไม่บ่มเพาะสั่งสมพลังอะไรแล้ว แต่อาศัยด่านพลังเซียนสวรรค์ 1เปลี่ยนของมัน ก็สามารถทำให้มันมีอายุขัยอยู่ได้อีกหลายพันปี
ด้วยเหตุนี้ชิวจื่อจึงกระตือรือร้นที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้
มันยังอยู่ไม่พอ! ใช้ชีวิตไม่คุ้ม!!
ในเมื่อมันยังเหลือเวลาให้เสพย์สุขไปอีกนับพันๆปี มันย่อมไม่อยากจบสิ้นเพียงเท่านี้!
ก่อนหน้าที่ต้วนหลิงเทียนก้าวเดินเข้ามาด้วยสายตาเฉยชา ชิวจื่อก็ได้แต่คิดวนเวียนถึงเรื่องนี้
ยิ่งต้องเผชิญหน้กับแรงกดดันไร้สภาพจากต้วนหลิงเทียน ปราการสุดท้ายในใจก็พังทลายลงอย่างสมบูรณ์
ตอนนี้มันทำได้แค่คุกเข่าโขกหัว เพื่อวิงวอนร้องขอความเมตตาจากต้วนหลิงเทียน ให้รอดพ้นความตายเท่านั้น…
สำหรับมันในตอนนี้ ขอเพียงรักษาชีวิตไว้ได้ จะอะไรก็ไม่สำคัญอีกต่อไป
“ไม่?”
ต้วนหลิงเทียนมองชิวจื่อด้วยสายตาเย็นชา มุมปากเผยความเย้ยเยาะ กล่าวออกอย่างไม่รีบไม่ร้อน “เช่นนั้นเจ้าหมายความว่า…เป็นข้าหูหนวกเอง?หรือข้าเลอะเลือนจนฟังความผิดไป?”
ขณะกล่าวถาม น้ำเสียงของต้วนหลิงเทียนยังสูงขึ้นเล็กน้อย
ได้ยินวาจานี้ของต้วนหลิงเทียน ชิวจื่อ ก็ตระหนักได้ว่ามันพลาดแล้ว
ยิ่งมาได้ยินเสียงเย้ยของต้วนหลิงเทียน ใจมันก็ยิ่งสั่นไหวเต้นไปไม่เป็นจังหวะ กลัวตายถึงที่สุด!
หลังจากนั้นมันก็ได้แต่ร่ำร้องขอความเมตตาออกมาอย่างสิ้นหวัง “ขอใต้เท้าได้โปรดเมตตาด้วย ข้าน้อยมีตาแต่หามีแววไม่ ไท่ซานตั้งอยู่เบื้องหน้ามิอาจแลเห็น…ได้โปรดใต้เท้าผู้ยิ่งใหญ่ขอท่านละเว้นชีวิตข้าน้อยด้วย! ตราบใดที่ใต้เท้าผู้ยิ่งใหญ่ละเว้นข้าน้อย ให้ข้าน้อยรับใช้ท่านดั่งม้าลาข้าก็ยินดี!!”
“ขอใต้เท้าผู้ยิ่งใหญ่โปรดเมตตาละเว้นชีวิตสุนัขของข้าน้อยด้วย”
ชิวจื่อที่โขกหัวจนหน้าผากชุ่มโชกไปด้วยเลือด ตอนนี้ไม่เหมือนเซียนสวรรค์อีกต่อไป แต่เหมือนนักโทษที่ถูกจับได้
สำหรับผู้คนในห้องโถงหลัก หากถามว่าตอนนี้ใครที่เข้าใจชิวจื่อมากที่สุดก็เห็นทีจะเป็นเซียนสวรรค์อีก 5 คนที่เหลือ
กระบี่สังหารที่ต้วนหลิงเทียนใช้ปลิดชีพชิวกังยี่นายท่านรองสกุลชิว ทำให้พวกมันหวาดกลัวขึ้นมาจากก้นบึ้งของใจและวิญญาณ
หลังจากนั้นทั้งหมดย่อมตระหนักได้ทันทีว่าไม่อาจเป็นศัตรูกับต้วนหลิงเทียนได้เด็ดขาด
ดังนั้นแม้จะเห็นชิวจื่อละทิ้งศักดิ์ศรีทั้งหมดคุกเข่าโขกหัวร้องขอชีวิตต่อต้วนหลิงเทียน ไม่เพียงแต่พวกมันจะไม่ดูถูกชิวจื่อ ยังรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ
“เจ้ายินดีเป็นม้าเป็นลาเลยงั้นเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนเริ่มรำคาญเสียงโขกหัวและวิงวอนร้องขอชีวิตของชิวจื่อ คิ้วขมวดเป็นปมกล่าวถามออกมาเสียงหนัก
“ใช่! ใช่! เพื่อใต้เท้าผู้ยิ่งใหญ่ ข้าน้อยยินดีเป็นม้าเป็นลาเพื่อคอยรับใช้!!”
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน ชิวจื่ออดไม่ได้ที่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพราะมันรู้สึกว่าชีวิตมันสมควรเก็บกู้มาได้แล้ว
โอกาส ที่มันจะรอดมาถึงแล้ว!
“แต่ข้าไม่อยากได้ม้าลาเช่นเจ้า…”
อย่างไรก็ตามประโยคต่อมาของต้วนหลิงเทียน ทำให้ร่างชิวจื่อหนาวสะท้านปานอยู่ในหล่มน้ำแข็ง วาจานี้ช่างเย็นชาและไร้เยื่อใยเป็นที่สุด วาจาตัดสินชีวิตของมัน!
และในขณะที่ชิวจื่อรู้สึกเสมือนท้องฟ้ากำลังจะถล่มลงมานั้น
“แต่ว่า…”
ต้วนหลิงเทียน เริ่มกล่าวสืบต่อ “หากแม่นางชิวยินดีให้เจ้าเป็นม้าลาของนางล่ะก็ ข้าก็ไม่คิดเอาชีวิตสุนัขของเจ้าอีก”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาแบบนี้ ทำให้ชิวมู่ชิงที่ช่วยพยุงร่างบิดาอยู่กลายเป็นจุดสนใจของผู้คนทั้งห้องโถงหลักทันที
“ข้า…”
ชิวมู่ชิงที่ยังคงตกตะลึงกับท่าทีนอบน้อมร้องขอชีวิตของอาวุโส 2 อย่างชิวจื่อไม่หาย พอได้ยินวาจานี้ของต้วนหลิงเทียน ทั้งพบว่าทุกคนหันมามองนางเป็นสายตาเดียวกัน นางก็หัวตื้อพูดอะไรไม่ถูกทันที
ตึง!
ชิวมู่ชิงที่ยังไม่ทันได้รู้สึกตัว ร่างหนึ่งก็วูบมาปรากฏเบื้องหน้านางปานภูตผี ทั้งยังคุกเข่าลงตรงหน้านาง!
พอมองให้ชัด นั่นไม่ใช่อาวุโส 2 ตระกูลชิวที่เมื่อครู่ยังคุกเข่าร้องขอชีวิตจากต้วนหลิงเทียนอยู่รึไง?
“อาวุโส 2 …”
เมื่อเห็นอาวุโส 2 ที่หยิ่งยโสถือดีไม่เห็นหัวใครในอดีต มาคุกเข่าเบื้องหน้านางแบบนี้ ทำให้ชิวมู่ชิวตกใจไม่น้อย! หน้างามยังเผยความหวาดกลัวออกมา!!
ไม่แปลกอะไรที่ท่าทางของชิวมู่ชิงจะเป็นแบบนี้
ในอดีตนั้นอาวุโส 2 ของตระกูลชิวผู้นี้ เป็นผู้เข้มแข็งลำดับ 2 ของตระกูลชิว และฐานะของมันในตระกูลชิวกล่าวไปยังสูงกว่าประมุขตระกูลชิวด้วยซ้ำ!
มันเป็นรองก็แค่อาวุโสหลักตระกูลชิว!
ทว่าตอนนี้ตัวตนที่แม้แต่ประมุขตระกูลชิวอย่างบิดาของนางยังต้องเกรงใจ กลับมาคุกเข่านางที่เป็นเพียงชนรุ่นหลังตระกูลชิว!
ชิวมู่ชิงย่อมตกใจมาก
“คุณหนูมู่ชิง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าชิวจื่อจักเป็น ‘สุนัข’ ที่คอยรับใช้อยู่ข้างกายท่าน!”
และในขณะที่ชิวมู่ชิงกำลังตกใจอยู่นั้น ชิวจื่อก็ได้กล่าวคำมั่นออกมา
“นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผู้ใดหาญกล้าคิดร้ายกับคุณหนูมู่ชิงข้าจักเป็นดั่งสุนัขที่กัดมันอย่างไม่ละเว้น!หากคุณหนูมู่ชิงมิเชื่อ ข้ายินดีกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า!!”
กล่าวจบคำชิวจื่อก็ลงมือทันที
มันกรีดนิ้วหลั่งโลหิต เพียงตั้งจิตคิดสาบาน หยาดโลหิตก็ทะยานลอยขึ้นสู่ฟ้าสูงทันที จากนั้นมันจึงกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์ออกมาอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่ทรยศชิวมู่ชิงเด็ดขาด
เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!
…
เสียงอัสนีลั่นดัง 9 คำรบก้องฟ้า บอกให้รู้ว่าสวรรค์ตอบรับคำสาบานของมันแล้ว ชิวจื่อไม่อาจผิดต่อคำสาบานได้อีก
เว้นเสียแต่มันอยากถูกอัสนีฟ้าพิฆาตร่างตายตก!
จากสิ่งที่ชิวจื่อกระทำ บ่งบอกให้รู้ว่ามันกลัวถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าเพียงใด
เพราะเมื่อใครก็ตามเอ่ยคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าแล้ว ย่อมไม่อาจตระบัดสัตย์ผิดคำสาบานไปตลอดชั่วชีวิต หาไม่แล้วก็ต้องตาย!
“อาวุโส 2 ท่านอย่าได้…ท่านไฉนต้องทำถึงขนาดนี้!”
ชิวมู่ชิงย่อมตกใจไม่น้อยเมื่อชิวจื่อบอกว่าจะรับใช้นาง
ยิ่งเห็นว่าชิวจื่อถึงขั้นกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าจริงๆ ชิวมู่ชิงก็ได้สติเร่งโบกไม้โบกมือให้ชิวจื่อลุกขึ้นอย่างร้อนใจ
ชิวจื่อจะอย่างไรก็เป็นอาวุโส 2 ของตระกูลชิว ในอดีตไม้ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ชิวมู่ชิงพบเห็นมัน นางก็ต้องทำการคารวะทักทายด้วยเคารพเสมอ
ทว่าตัวตนที่นางต้องคารวะด้วยความสุภาพในอดีต กลับมากล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์ว่าจะเป็นสุนัขรับใช้ คอยอยู่เคียงข้างนาง
จะให้นางทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้ยังไง
ยังดีที่นางไม่ได้เป็นโรคหัวใจ หาไม่แล้วคงได้ตกใจกลัวจนหัวใจวายกันบ้าง
“แม่นางมู่ชิงข้าได้กล่าวคำสาบานต่ออัสนีสวรรค์แล้ว นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สุนัขรับใช้ผู้นี้จักเชื่อฟังคำท่านเยี่ยงทาส”
ใบหน้าที่ยังโชกเลือดของชิวจื่อไม่เผยอารมณ์ความรู้สึกใดๆ แต่ในวาจาที่กล่าวนั้นเห็นชัดว่าจะยึดถือและปฏิบัติตามคำสาบานอย่างเคร่งครัด
“แม่นางชิวในเมื่อมันยินดีเป็นสุนัขรับใช้ของท่านเช่นนั้นก็ให้มันเป็นไปเถอะ…แบบนี้วันหน้าท่านก็จะมีข้ารับใช้มือดีเพิ่มอีกคน”
ทันใดนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนกันไปพูดกับชิวมู่ชิง
ทีท่าของชิวจื่อ ทำให้เขาพึงพอใจไม่น้อย โทสะที่มีต่อมันไปได้สลายหายไปอย่างหมดจด
“ต้วน…”
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน ชิวมู่ชิงหันไปมองที่ต้วนหลิงเทียนพร้อมจะกล่าวเรียกหาด้วยชื่อจริงอย่างลืมตัว แต่ดีที่นางสามารถเปลี่ยนคำพูดได้ทันท่วงที “พี่ใหญ่ลี่เฟิง ข้างกายข้ามีสาวใช้อยู่มากมายแล้ว…”
“อ้อ เจ้าหมายความว่าเจ้าไม่ต้องการคนรับใช้เพิ่มเติมแล้วหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามขัดคำชิวมู่ชิง
“อื๊อ”
ชิวมู่ชิงที่คล้ายลังเลเล็กน้อย แต่ก็เลือกพยักหน้าตอบไป
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าไฉนอาวุโส 2 ถึงได้หวาดกลัวต้วนหลิงเทียนนัก แต่นางรู้สึกไม่สบายใจถึงที่สุดที่จะให้อีกฝ่ายมาคอยติดตามรับใช้นาง
“ถ้างั้นก็ไม่มีความจำเป็นต้องเก็บมันไว้…”
ได้ยินคำตอบของชิวมู่ชิง ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้ารับรู้ ก่อนที่จะหันไปมองชิวจื่ออีกครั้ง ลึกลงไปในแววตายังทอประกายเรืองวูบ
และแทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ…
ปึก! ปึก! ปึก!
…
ชิวจื่อเร่งโขกหัวขอขมาลงบนพื้นเบื้องหน้าชิวมู่ชิงด้วยความตื่นตระหนก! รีบกล่าวออกมาด้วยความร้อนใจ “คุณหนูมู่ชิงได้โปรดเถอะ…ขอท่านยอมรับข้าด้วยได้โปรดเถอะ! ข้าขอร้องท่านแล้ว!!”
ตอนนี้ชิวจื่อไม่เหลือความถือดีอันใดอย่างในอดีตแม้แต่น้อย
ตอนนี้มันแค่ต้องการเป็นสุนัขรับใช้ของชิวมู่ชิงเท่านั้น เพื่อที่จะทำให้มันมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
ถึงแม้หลังจากนี้มันจะต้องอยู่อย่างอับอาย แต่อย่างน้อยๆมันก็ยังมีลมหายใจ
“มู่ชิงยอมรับเถอะ…”
แทบจะพร้อมกันกับที่ชิวจื่อขอร้องจบคำ ประมุขตระกูลชิวชิวอ้านผิงที่ถูกชิวมู่ชิงพยุงอยู่ ก็ค่อยๆยืนหยัดด้วยตัวเอง ก่อนจะกล่าวบอกให้ชิวมู่ชิงยอมรับชิวจื่อออกมา
เมื่อเห็นว่าชิวจื่อที่สามารถทำร้ายมันได้ง่ายดาย ถึงกับต้องโขกหักร้องขอชีวิตจนหน้าโชกเลือด…มันก็รู้สึกเสมือนฝันไปอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่ได้แปลกใจอะไรมากนัก
การกระทำของชิวจื่อตอนนี้ แม้จะคล้ายเลอะเลือนเสียสติ…แต่มันก็เข้าใจได้ไม่ยาก
เพราะสุดท้ายพลังฝีมือที่ต้วนหลิงเทียนเผยให้เห็นก่อนหน้านี้ก็น่าสะพรึงกลัวเกินไป ทำให้ชิวจื่อหลงเหลือแค่ 2 ทางเท่านั้น
ทางแรกคือ ตาย!
ทางที่ 2 นั้นสามารถอยู่รอดได้ แต่นั่นหมายความว่ามันต้องเป็นสุนัขรับใช้ของชิวมู่ชิงให้ได้!
“ท่านพ่อ…”
ชิวมู่ชิงถึงกับสะดุงเมื่อได้ยินคำของบิดา ด้วยนางเองก็ไม่คิดจริงๆว่าบิดาจะขอให้นางรับชิวจื่อเป็นคนรับใช้แบบนี้
“มู่ชิง พี่ใหญ่ลี่เฟิงของเจ้ามิใช่คนธรรมดา…ในเมื่อพี่ใหญ่เจ้ายินดีลงแรงช่วยเจ้า เจ้าก็สมควรขอบคุณพี่ใหญ่เจ้าให้มาก”
ชิวอ้านผิงกล่าวกับชิวมู่ชิง ในวาจายังเผยการเกลี้ยกล่อมโน้มน้าวออกมา
ไม่ใช่คนธรรมดา!
ตอนนี้ต่อให้จะความรู้สึกช้าเพียงใด แต่ชิวมู่ชิงย่อมรู้ได้ว่าต้วนหลิงเทียนไม่ใช่คนธรรมดา!
หากเป็นคนธรรมดาไหนเลยจะฆ่านายท่านรองตระกูลชิวได้ง่ายดาย?
ยังจะทำให้อาวุโส 2 ตระกูลชิวอย่างชิวจื่อ ถึงกับต้องคุกเข่าโขกหัววิงวอนร้องขอชีวิตได้หรือ กระทั่งยังเห็นด้วยกับวาจาเหลวไหลอย่างเป็นสุนัขรับใช้ให้นาง
และตั้งแต่ต้นจนจบอาวุโสหลักตระกูลชิว ผู้ที่มีพลังฝีมือเข้มแข็งที่สุดของตระกูลชิวก็เพียงยืนมองเรื่องราวอยู่ด้านข้างอย่างเงียบงัน แต่ต้นจนจบไม่กล่าวคำใดออกมาแม้ครึ่งคำ
เห็นได้ชัด
ว่ากระทั่งอาวุโสหลัก ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลชิวและเป็นผู้ที่ผู้คนในตระกูลชิวให้ความเคารพสูงสุด…
ตอนนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าต้วนหลิงเทียน ยังไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง!