WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2094
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2094
ตอนที่ 2,094 : ช่วยยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณให้ผู้อื่นได้หรือไม่?
ฟิ่ว! ฟิ่ว! ฟิ่ว! ฟิ่ว!
เสียงกระบี่แหวกอากาศ 4 เสียงดังขึ้นพร้อมๆกันกับที่คนของพันธมิตรขวานปฐพีกล่าวจบคำ
ในเวลาเดียวกันกับที่เสียงดังกล่าวดังขึ้น กระบี่ร้อยอาคมเซียนในมือต้วนหลิงเทียนและร่างแยกก็อันตรธานหายไปจากสายตาของ 2 พันธมิตรขวานปฐพี!
พริบตาต่อมากระบี่และดาบในมือของ 2 พันธมิตรขวานปฐพีก็ถูกทำลายเป็นเสี่ยงๆ!
พวกมันทันแค่ได้เห็นเงารางเลือนรางสายหนึ่งพึ่งเข้ามาทำลายอาวุธในมือของพวกมันเท่านั้น หากแต่พวกมันไม่อาจมองเห็นได้เลยว่าเป็นสิ่งใดกันแน่ ในเวลาชั่วพริบตาศาสตราที่ถือในมือก็แหลกเป็นเสี่ยงแล้ว!
ทั้งหมด พวกมันแค่ได้ยินเสียงแหวกอากาศฉับไวของกระบี่ 4 สายเท่านั้น!
ช้าก่อน!
เสียงกระบี่ 4 สาย!
เช่นนั้นหมายความว่ายังมีกระบี่อีก 2 เล่ม!?
ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นในใจ สองพันธมิตรขวานปฐพีก็รู้สึกได้ถึงไอเย็นขุมหนึ่งแล่นวาบสะท้านให้เหน็บหนาวไปทั่วร่าง
สวบ!
สวบ!
พร้อมกันกับที่เสียงแผ่วเบาดังขึ้น 2 เสียง พลันปรากฏหลุมโลหิตบริเวณหว่างคิ้วพันธมิตรขวานปฐพีทั้งคู่ โลหิตสีแดงทะลักพุ่งออกมาไม่หยุด!
พริบตาเลือดแดงฉานก็กระจายเต็มฟ้า พวกมันเบ่งบานปานกุหลาบแดงสะพรั่ง ค่อยแตกตัวเป็นละออง…
เรื่องราวทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นภายในเขตแดนหมื่นกระบี่ของต้วนหลิงเทียน คนภายนอกที่ชมดูเรื่องราวอยู่ไม่กี่คนที่ยังไม่บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ย่อมไม่อาจแลเห็นสิ่งใดได้
ดังนั้นแล้วไร้ซึ่งบุคคลที่สามล่วงรู้เรื่องนี้
ต้วนหลิงเทียนไม่คิดสุภาพกับคนที่คิดฆ่าเขาอยู่แล้ว
“ผู้เฒ่าหั่วช่วยข้ากลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของพวกมันที”
หลังจากฆ่าพันธมิตรขวานปฐพีทั้งสอง ต้วนหลิงเทียนก็เร่งติดต่อผู้เฒ่าหั่วในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติทันที เพื่อให้ผู้เฒ่าหั่วชี้ร่องนำทางไปยังตำแหน่งพรสวรรค์รากวิญญาณของพวกมัน เขาจะได้ใช้ปฐมเวทย์กลืนกินสูบกลืน
ดั่งคำว่า ‘ถึงยุงจะตัวเล็กแค่ไหนมันก็ยังมีเนื้อ’ ถึงต้วนหลิงเทียนจะรู้แต่แรกแล้วว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของทั้ง 2 คนจะไม่ได้ดีเด่อะไร แต่เขาก็ไม่คิดปล่อยให้พวกมันเสียไปเปล่าๆ
“พวกมันทั้งคู่ล้วนมีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเขียวอ่อน…”
ไม่นานผู้เฒ่าหั่วก็แจ้งสีรากวิญญาณของพวกมัน
หลังจากนั้นด้วยความช่วยเหลือของผู้เฒ่าหั่ว ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็พบพรสวรรค์รากวิญญาณของพวกมัน เริ่มดูดกลืนอย่างไม่รอช้า
“พรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าตอนนี้ถึง ‘จุดอิ่มตัว’ แล้ว…ตอนนี้ขอเพียงเจ้ากลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณสีเขียวอีกสักครั้ง พรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าสมควรยกระดับพัฒนาไปเป็นรากวิญญาณสีคราม”
ไม่นานเสียงของผู้เฒ่าหั่วก็ดังเข้าหูต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง
และวาจานี้ของผู้เฒ่าหั่ว ทำให้ต้วนหลิงเทียนตื่นเต้นยินดีมาก!
รากวิญญาณสีคราม!
‘เมื่อรากวิญญาณของข้าเป็นสีคราม…ด้วยความช่วยเหลือของชั้น 4 เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ อัตราการไหลของห้วงเวลาอันน่าทึ่งนั่น…ไม่ใช่ว่าความเร็วในการบ่มเพาะของข้าจะสามารถทัดเทียมได้กับอัจฉริยะปีศาจไร้ผู้ต้านที่มีรากวิญญาณสีม่วงเลยหรือ?!’
พอคิดถึงเรื่องนี้ หัวใจต้วนหลิงเทียนถึงกับเต้นระรัวขึ้นมาทันที
อัจฉริยะปีศาจไร้ผู้ต้าน อัจฉริยะที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีม่วง! นั่นคืออัจฉริยะระดับสูงสุดของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแล้ว!!
พอคิดว่าอีกไม่นานความเร็วในการบ่มเพาะของตัวเองกำลังจะตามทันอัจฉริยะปีศาจไร้ผู้ต้านระดับนั้นได้ทัน ต้วนหลิงเทียนก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ยากจะสงบใจลงได้อยู่นาน
“ผู้เฒ่าหั่ว”
ไม่นานอารมณ์ของต้วนหลิงเทียนก็เริ่มสงบลง ทว่าทันใดนั้นเอง สองตาของเขาพลันทอแสงเรืองขึ้นมาวูบหนึ่ง กล่าวถามผู้เฒ่าหั่วออกมาว่า “เวทย์พลังปฐมเวทย์กลืนกินของข้า มันสามารถช่วยกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณให้ผู้อื่นได้หรือไม่?”
“อย่างเช่นข้าใช้ปฐมเวทย์กลืนกินเพื่อดูดกลืนพรสรรค์รากวิญญาณของคนๆหนึ่ง แต่ข้าไม่รับพลังนั้นเองเลือกที่จะถ่ายโอนไปให้คนอีกคน…เช่นนั้นพลังที่ข้าส่งไปมันจะช่วยส่งเสริมพรสวรรค์รากวิญญาณให้คนหลังได้หรือไม่?!”
ที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะเขาคิดจะช่วยเหลือครอบครัวและเหล่าสหายของเขา
หากวิธีนี้มันทำได้จริงล่ะก็
เช่นนั้นเขาก็สามารถช่วยเหลือคนรอบกายยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณได้อย่างเต็มที่! ให้ทุกคนบรรลุถึงขีดสุดพรสวรรค์ จนสามารถทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนได้!!
เปลี่ยนที่ 7 ของขอบเขตเซียนสวรรค์นั้น เรียกกว่าเปลี่ยนท้าทายสวรรค์ เมื่อบรรลุถึงขอบเขตนี้แล้วอายุขัยก็ไม่ถูกสวรรค์กำหนดอีกต่อไป
สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ตราบชั่วฟ้าดินสลาย!
ต้วนหลิงเทียนย่อมหวังให้ครอบครัวและสหายของเขามีชีวิตนิรันดร์ คราวนี้เขาก็ไม่ต้องทนมองครอบครัวและเหล่าสหายล้มตายจากไปทีละคน จนุสดท้ายก็หลงเหลือแต่เขาเพียงลำพัง…
ด้วยเพราะเหตุนี้
ยามถามคำถามนี้ออกไป ใจต้วนหลิงเทียนก็แทบจะหยุดเต้น
“เรื่องที่เจ้าพูด…มีโอกาสมากกว่า 9 ส่วนที่จักทำได้สำเร็จ ทว่าเรื่องนี้ยังขึ้นอยู่กับพลังฝึกปรือและความเชี่ยวชาญของเจ้า!”
เผชิญกับคำถามนี้ของต้วนหลิงเทียน ผู้เฒ่าหั่วกล่าวตอบออกมาทันที “แน่นอน ว่านี่หมายความว่าเจ้าต้องเข้าใจปฐมเวทย์กลืนกินให้บรรลุถึงขั้นตอนไร้ตำหนิเสียก่อน…หาไม่แล้วการเคลื่อนย้ายถ่ายโอนพลังอันละเอียดอ่อนระดับนั้นคงเป็นเรื่องยากที่เจ้าจะกระทำได้!”
“อีกทั้งอย่างน้อยๆพลังฝึกปรือของเจ้าต้องบรรลุให้ถึงขอบเขตเซียนสวรรค์เสียก่อน…นั่นเพราะแม้ข้าจะช่วยเจ้ากำหนดตำแหน่งรากวิญญาณของเป้าหมายที่เจ้าคิดดูดกลืนได้ แต่ข้ามิอาจช่วยเจ้ากำหนดตำแหน่งรากวิญญาณของคนที่เจ้าจะถ่ายโอนพลังไปให้ได้ เรื่องนี้เจ้าต้องกระทำด้วยตัวเอง! และเจ้าจะสัมผัสถึงตำแหน่งพรสวรรค์รากวิญญาณผู้อื่นได้…ก็มีเพียงแต่ต้องทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์เท่าน้น”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าวออกมารวดเดียวจบ!
ได้ยินวาจานี้ของผู้เฒ่าหั่วสองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายสว่างจ้า สีหน้าท่าทางเผยให้เห็นถึงความตื่นเต้นอันยากระงับ
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกตื่นเต้นยินดียิ่งกว่าตอนที่รู้ว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของตัวเองกำลังจะเปลี่ยนเป็นสีครามซะอีก!
นั่นเพราะคำตอบนี้ของผู้เฒ่าหั่ว มันเกี่ยวพันถึงครอบครัวและสหายของเขาทั้งหมด!
‘ด้วยวิธีนี้เสี่ยวเฟยเอ๋อ ท่านพ่อท่านแม่ เนี่ยนเอ๋อกับซือหลิงก็สามารถทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน จนมีชีวิตอมตะได้แน่!’
คิดถึงเรื่องนี้ ใจต้วนหลิงเทียนก็บังเกิดความตื่นเต้นนัก!
สำหรับเค่อเอ๋อนั้น เขาได้รู้มาว่านางสมควรมีพรสวรรค์รากวิญญาณสีม่วงอยู่แล้ว เพียงแต่ถูกปิดผนึกไว้เป็นการชั่วคราวเท่านั้น ต้วนหลิงเทียนจึงไม่กังวล
เพราะตราบใดที่เขาช่วยเค่อเอ๋อได้ เพียงถามผู้เฒ่าหั่วเรื่องคลายผนึกพรสวรรค์รากวิญญาณของเค่อเอ๋อเสียก็สิ้นเรื่อง อย่างไรเสียกลวิธีของผู้คนบนโลกนี้สำหรับผู้เฒ่าหั่วแล้วก็แค่เด็กน้อยหัดเดินเท่านั้น!ไหนเลยเขายังกลัวว่าจะช่วยไม่ได้!!
อย่างไรก็ตามเขาตระหนักถึงวาจาของผู้เฒ่าหั่วเมื่อครู่ชัดเจนดี ว่ามีเงื่อนไขสองประการที่เขาต้องบรรลุให้ได้เสียก่อนถึงจะกระทำเรื่องราวอย่างการยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณให้ผู้อื่นได้
หนึ่งพลังฝึกปรือทั้งพลังวิญญาณของเขาต้องบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์เสียก่อน สำนึกเทวะเขาถึงจะมีพลังมากพอสัมผัสถึงพรสวรรค์รากวิญญาณของผู้อื่น!
ประการที่สอง เขาต้องตีความฝึกฝนปฐมเวทย์กลืนกินให้แตกฉานจนบรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จไร้ตำหนิ!
อย่างไรเสียในสายตาของต้วนหลิงเทียนแม้ตอนนี้เงื่อนไขทั้ง 2 ประการจะฟังดูยากสำเร็จได้ในเวลาอันสั้น แต่ตราบใดที่เขามีเวลา เขาเชื่อว่าเขาสามารถผ่านเงื่อนไขทั้งสองข้อนี้ไปได้แน่นอน!
“หืม?”
ทันใดนั้นเอง คล้ายต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง จึงดึงสติกลับมาอยู่กับตัว หายจากอาการเหม่อลอยทันที
นั่นเพราะเขาสัมผัสได้ว่าภายในชุดคลุมของศพพันธมิตรขวานปฐพีที่เขาใช้พลังหอบหิ้วอยู่ตอนนี้ ปรากฏคลื่นพลังแปลกๆออกมาจากร่างของพวกมันทั้งคู่
“กลิ่นอายพลังนั่น…สมควรมาจากสิ่งที่เรียกว่า ‘ยันต์เต๋า’ ของระนาบโลกียะแห่งนี้”
ทันใดนั้นเองเสียงผู้เฒ่าหั่วพลันดังขึ้นเข้าหูต้วนหลิงเทียน เห็นได้ชัดว่าผู้เฒ่าหั่วก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังที่ที่แผ่ออกมาจากศพคนของพันธมิตรขวานปฐพีเช่นกัน
“ยันต์เต๋า?”
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว และเริ่มค้นศพทั้งสองทันที อย่างไรก็ตามเขากลับไม่พบร่องรอยใดๆในศพของพวกมันเลย สุดท้ายจึงทำได้แค่เก็บแหวนพื้นที่ของพวกมัน แล้วปล่อยศพทั้ง 2 ทิ้ง
ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็คลายเขตแดนหมื่นกระบี่ เหินร่างไปยังนครแห่งบาปทันที
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเหินร่างเดินทางต่อ ศพทั้ง 2ที่ไร้พลังหยิบยก ก็ร่วงตกจากฟากฟ้าไปกลายเป็นซากเนื้อเลอะเลือนบนพื้น เสียงร่างกระแทกพื้นแหลกเหลวยังดึงดูดความสนใจของผู้คนไม่น้อย
“นั่นมัน…ศพของพันธมิตรขวานปฐพีสองคนเมื่อครู่นี่?”
“อะไร!? ในเวลาไม่กี่อึดใจพวกมันสองคนกลับถูกชายหนุ่มชุดม่วงฆ่าตายแล้ว? เจ้าหนุ่มชุดม่วงนั่นที่แท้มันเป็นใครกันแน่ถึงกับกล้าฆ่าคนของพันธมิตรขวานปฐพีใกล้ๆนครแห่งบาปแบบนี้?”
“รู้ๆกันอยู่ว่านครแห่งบาปนี้ร้ายกาจเพียงใด…ต่อให้มันมีพื้นหลังยิ่งใหญ่เพียงใดในนครแห่งบาป แต่หากพวกมันเผลอไปเตะเอาเข้าตอเหล็ก พวกมันก็ยากจะรอดพ้นความตาย”
……
เหล่าผู้ที่เหินร่างอยู่ไม่ไกล ทั้งผู้ที่ชมดูเรื่องราวอยู่แต่แรกอดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมา ขณะเหม่อมองไปยังแผ่นหลังไวๆของชายหนุ่มชุดม่วงที่เหินร่างไปไกลตาอย่างไม่ทันรู้ตัว
ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีใครเห็นหน้าต้วนหลิงเทียน
สำหรับคนที่อยู่ใกล้นครแห่งบาป ก็ไม่อาจแลเห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นไกลห่าง เช่นนั้นพวกมันจึงไม่ได้สนใจอะไรต้วนหลิงเทียนที่เหินผ่านไป
“นครแห่งบาป…ในที่สุดข้าก็มาถึงแล้ว”
หลังมาถึงหน้าประตูเมืองบานใหญ่ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
ถึงแม้นครแห่งบาปนี้จะมีประตูเมืองอยู่ถึง 4 ประตู แต่ก็ไม่ค่อยจะมีผู้คนที่เข้าออกทางประตูเมืองกันสักเท่าไหร่
ผู้คนส่วนมากไม่เหินร่างเข้านครแห่งบาปจากฟากฟ้า ก็เหินร่างออกมาจากนครแห่งบาปทางอากาศทั้งสิ้น
ด้วยเหตุนี้ประตูเมืองอันใหญ่โตทั้ง 4 ที่เปิดอ้าอยู่ จึงแลคล้ายสิ่งเกินจำเป็นไปอยู่บ้าง
ต้วนหลิงเทียนก็เลือกที่จะทำตามคนหมู่มาก เหินร่างเข้าเมืองแห่งบาปทางอากาศ
“ใหญ่โตจริงๆ”
แม้ต้วนหลิงเทียนจะตระหนักได้แต่แรกว่านครแห่งบาปนี้ไม่ได้มีขนาดเล็กเลย แต่พอมาอยู่ใกล้ๆนครแห่งบาปเข้าจริงๆ ก็พบว่ามันใหญ่มาก!
พอเข้ามาในตัวเมืองแล้วเขายังรู้สึกเสมือนตัวเองเล็กกระจ้อย ดั่งปลาน้อยได้หวนคืนสู่มหาสมุทร
ในนครแห่งบาปมีถนนสายหลักมากมายหลายสาย ทุกที่ทางในนครแห่งบาปล้วนมีถนนตัดผ่านหมดสิ้น
แน่นอนว่ายังมีตรอกซอกซอยยิบย่อยมากมาย
บนถนนสายหลักนั้นก็มีผู้คนไม่น้อยที่ตั้งแผงขายของ มองผ่านๆก็พบว่าของที่วางขายล้วนแล้วแต่เป็นของสำหรับผู้ฝึกตนทั้งสิ้น ไม่ว่าจะยันต์เต๋าโอสถหรือวัตถุดิบสมุนไพรต่างๆ มีแม้กระทั่งอาวุธรูปร่างประหลาดแปลกตาที่ต้วนหลิงเทียนไม่เคยเห็นมาก่อน
หลังเหินร่างผ่านชมเมืองไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงต่อราคาดังลั่นจ้าจนรู้สึกอึ้งไปอยู่บ้าง วาจาต่อราคาที่นี่ล้วนรุนแรงเหลือเกิน เพียงเพราะหินเซียนไม่กี่ก้อนกลับมีเสียงขู่ข่มจะฆ่าบิดาถล่มมารดาดังขึ้นไม่ขาด…
ต้วนหลิงเทียนที่เหินร่างในเพดานบินต่ำๆ ย่อมสัมผัสได้ถึงบรรยากาศ ความคึกคักและความมีชีวิตชีวาของนครแห่งบาปเบื้องล่างได้ชัดเจน
ปง! ตูมมม! เปรี๊ยง!!
……
ทันใดนั้นเสียงระเบิดดังเอะอะหนึ่งก็ดังขึ้นดึงดูดความสนใจต้วนหลิงเทียน
พอต้วนหลิงเทียนหันไปชมมองก็พบว่ามีคนสองคนกำลังสู้กันบนอากาศ อีกทั้งพลังฝีมือของพวกมันก็ไม่ใช่ชั่ว
อย่างน้อยๆต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ว่าพวกมันทั้งคู่ล้วนอยู่ในด่านพลังเซียนนภา
อีกทั้งพวกมัน หนึ่งเป็นผู้ฝึกตน ส่วนอีกหนึ่งเป็นผู้ฝึกเต๋า
ตอนแรกนั้นผู้ฝึกตนก็ค่อนข้างมีเปรียบและเป็นฝ่ายไล่ต้อนผู้ฝึกเต๋า
ทว่าครู่ต่อมาผู้ฝึกเต๋าคนนั้นกลับสะบัดมือเรียกยันต์เต๋าออกมา สำแดงพลังจนยันต์สลายเป็นขี้เถ้า แต่ด้วยอาศัยพลังอำนาจของยันต์เต๋าใบนั้น ผู้ฝึกตนที่กำลังมีเปรียบอยู่ก็ตกตายทันที!
อย่างไรก็ตามแม้จะฆ่าผู้ฝึกตนได้ แต่ผู้ฝึกเต๋าที่ถูกไล่ต้อนอย่างหนักก่อนหน้า ตอนนี้ก็บาดเจ็บสาหัสไม่น้อย
“ฮ่าๆๆ โอกาสของบิดามาถึงแล้ว!”
ทันใดนั้นเองพลันมีเสียงหัวเราะด้วยความชั่วร้ายดังขึ้น
หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็พบว่า
ปรากฏชายร่างใหญ่ในชุดสีดำอันมีสัญลักษณ์อีกาปักไว้บนอก เหินทะยานร่างขึ้นมาจากพื้น ก่อนที่จะใช้เกาทัณฑ์ส่องยิงสังหารผู้ฝึกเต๋าที่กำลังอ่อนล้าทิ้งอย่างไร้ปราณี!