WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2098
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2098
ตอนที่ 2,098 : เสน่ห์ของนครแห่งบาป!
ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า มียันต์เต๋าที่คอยอำนวยความสะดวกในชีวิตมากมายนัก เรียกว่ามียันต์ไว้ให้ผู้ฝึกตนใช้งานได้แทบจะทุกรูปแบบ!
ยันต์กระจกเงาก็เป็นหนึ่งในนั้น
นอกจากนั้น
ยันต์กระจกเงายังแบ่งออกเป็น 2 ประเภท อันได้แก่ยันต์กระจกเงาทั่วไปที่เรียกว่า ยันต์ม่านกระจกฉายลักษ์ กับยันต์กระจกเงาระดับสูง ที่เรียกว่ายันต์กระจกเงาคู่แม่ลูก
ยันต์ม่านกระจกฉายลักษณ์นั้น สามาถใช้บันทึกเรื่องราวเหตุการณ์ที่ผู้ใช้พบเห็นในช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะสามารถฉีกทำลายยันต์เพื่อดูเรื่องราวคนเดียว หรือจะให้ฉายเรื่องราวขึ้นที่ใดเพื่อเปิดเผยเรื่องราวก็ได้
การทำงานของมันกล่าวไปยังคล้ายการ บันทึกวีดีโอในโลกเก่าเมื่อชาติที่แล้วของต้วนหลิงเทียนอยู่บ้าง หากแต่มันไม่มีเสียงใดเท่านั้น
ในตอนที่ต้วนหลิงเทียนยังอยู่ในสำนักจันทร์จรัสแสง เขาเองก็โดนยันต์ม่านกระจกฉายลักษณ์ที่ว่าเล่นงานไปแล้วรอบนึงเช่นกัน
ตอนนั้นคนของตลาดมืดหยินชานที่ปองร้ายต้วนหลิงเทียน ก็อาศัยยันต์ม่านกระจกฉายลักษณ์นี้บันทึกภาพต้วนหลิงเทียนตอนใช้กระบี่นิลสวรรค์สังหารอาวุโสระดับสูงเอาไว้ ก่อนจะนำไปฉายออกเหนือฟ้าสำนักจันทร์จรัสแสง บีบให้ต้วนหลิงเทียนต้องออกจากสำนัก และมันจะได้ฉวยโอกาสลงมือ…
ส่วนยันต์กระจกเงาคู่แม่ลูกนั้น ไม่ใช่ยันต์เต๋าแค่แผ่นเดียว ทว่ามันมี 2 แผ่น ถึงจะเรียกว่ายันต์กระจกเงาคู่แม่ลูก 1 ชุด!
1 ชุดของยันต์กระจกเงาคู่แม่ลูก จะมียันกระจกเงาต์ลูก 1 แผ่น และยันต์กระจกเงาแม่ 1 แผ่น โดยทั่วไปแล้วหากจะบันทึกเรื่องราวจากมุมมองของผู้ใดก็ต้องติดตั้งยันต์กระจกเงาลูกไว้กับคนผู้นั้น และยันต์กระจกเงาลูกจะทำการบันทึกเรื่องราวทุกอย่างที่ผู้ถูกติดตั้งเห็นเอาไว้ตลอดเวลา
จนเมื่อผู้ที่ถูกติดตั้งยันต์กระจกเงาลูกตายตก ยันต์กระจกเงาลูกจะทำการบันทึกห้วงเวลาสุดท้ายในชีวิตของมันเอาไว้ ก่อนที่จะส่งข้อมูลภาพกลับมาที่ยันต์กระจกเงาแม่
ตรายใดที่ใช้กระจกเงาแม่ ย่อมสามารถแลเห็นวาระสุดท้ายของผู้ที่ถูกยันต์กระจกเงาลูกติดตั้งเอาไว้ได้
“มันเป็นผู้ใดกัน?”
มองไปยังภาพชายหนุ่มหล่อเหลาลักษณะไม่ธรรมดาชุดสีม่วงที่ฉายโดยยันต์กระจกเงาแม่เบื้องหน้า ผู้นำพันธมิตรขวานปฐพีชักสีหน้าอัปลักษณ์ปั้นยากกขึ้นมาทันที
ผู้นำพันธมิตรขวานปฐพีคนนี้เรียกว่า เหยาปู่จี มันเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างหน้าตาที่แลดูธรรมดานัก เรียกว่าเป็นผู้ที่ไม่มีที่ใดโดดเด่น ถึงขั้นหากโยนมันลงไปปะปนกับผู้คน ก็คงยากจะระบุตัวมันท่ามกลางฝูงชนได้…
ทว่าชายวัยกลางคนที่แลดูธรรมดาไม่มีใดโดดเด่นผู้นี้ กลับเป็นถึงผู้นำพันธมิตรขวานปฐพีของนครแห่งบาป!
นอกจากนี้ เหยาปู่จียังเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง ที่พลังฝีมือติดอยู่ใน 300 อันดับแรกของรายนามยอดเซียน!
ตอนนี้ด้วยพลังของยันต์กระจกเงาแม่ลูก เหยาปู่จี จึงได้แลเห็นฉากเรื่องราวที่เกิดขึ้น และมือสังหารที่ดับชีวิตคนของมันทั้ง 2 ไป…เป็นชายหนุ่มในชุดสีม่วง!
หากเป็นแค่เรื่องคนของมันตกตายไป 2 คน มันคงไม่ใช่เรื่องใหญ่โตถึงขั้นทำให้ เหยาปู่จี หัวเสียอะไรได้
แต่เหตุผลที่เหยาปู่จีกำลังหัวเสียนั้น…
เพราะว่าคนของพันธมิตรปฐพีที่ตายตกไปทั้ง 2 นั่น เป็นคนที่มันส่งไปชิงกระบี่พันอาคมเซียนกลับมา!
และกระบี่พันอาคมเซียนที่ว่าก็ถูกเก็บเอาไว้ในแหวนพื้นที่ๆชายชรามอบให้ แต่สุดท้ายทั้งสองคนก็ถูกชายหนุ่มชุดม่วงสังหารและช่วงชิงไปในที่สุด!
หากไม่ใช่เพราะมันกลัวว่าความเคลื่อนไหวของมันจะดึงดูดความสนใจของผู้อื่น และชายชราก็ไม่ใช่ภัยคุกคามอันใด
มันคงไม่ส่งสมาชิกพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 2 อันมีพลังฝึกปรือแค่เซียนนภาขั้นสูงสุดออกไปชิงแหวนพื้นที่จากชายชราเด็ดขาด!
เดิมทีมันคิดว่าเรื่องราวทุกอย่างล้วนอยู่ในกำมือหมดสิ้น อนิจจาไม่คิดเลยว่ากลับถูกชายหนุ่มชุดม่วงนั่นทำลายเอาตอนจบ!
“มารดาของมัน! ล้วนเป็นสัดใส่ข้าวที่ใช้การไม่ได้ทั้งสิ้น…พวกมันอยู่ดีไม่ว่าดีไประรานผู้อื่นทำบัดซบอะไร!?”
ถึงแม้ฉากเรื่องราวที่แลเห็นเบื้องหน้าจะเงียบงันไร้เสียง หากแต่เหยาปู่จีย่อมสามารถอ่านริมฝีปากชายหนุ่มชุดม่วงและคนพันธมิตรขวานปฐพีทั้งสองได้จากมุมมองของพวกมันทั้งคู่ ทำให้มันรู้ว่าทั้งหมดกำลังสนทนาอะไรกัน…
และนั่นทำให้มันตระหนักได้…
ล้วนเป็นสมาชิกของมันที่ไปหาเรื่องตอแยผู้อื่นเขาก่อน! สุดท้ายก็เตะเอาเข้าตอเหล็กถูกชายหนุ่มชุดม่วงนั่นฆ่าทิ้ง!!
“โชคดีนักก่อนที่จะส่งตัวโง่งมทั้ง 2 นี่ไปข้าได้ใช้ยันต์กระจกเงาลูกกับพวกมันเอาไว้…หาไม่แล้วข้าคงมิอาจจับมือผู้ใดดมว่ากระบี่พันอาคมเซียนของข้าตกไปในมือใครกันแน่!”
พอคิดถึงเรื่องนี้ เหยาปู่จี รู้สึกว่าตัวเองยังโชคดีไม่น้อย
แต่แน่นอนว่ามันยังรู้สึกสูญเสียอยู่บ้าง
ยันต์กระจกเงาธรรดาๆอย่าง ‘ยันต์ม่านกระจกฉายลักษณ์’ อาจไม่มีราคาค่างวดอะไร
ทว่ากับยันต์กระจกเงาแม่ลูกนี้ ต่อให้เป็นมันที่เป็นผู้นำพันธมิตรขวานปฐพียังเข้าเนื้อไม่น้อย ตัวมันเองก็มีอยู่แค่ไม่กี่ชุด!
ทว่าตอนนี้กลับเสียไปถึง 2 ชุด!
“ขอเพียงเจอตัวเจ้าหนุ่มชุดม่วงนั่น และชิงกระบี่พันอาคมเซียนมาได้…เพียงเสียยันต์กระจกเงาแม่ลูกไป 2 ชุด ยังถือว่าคุ้มค่าแล้ว…”
พอนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เหยาปู่จี พอได้ใจชื้นขึ้นมาหน่อย
และชายหนุ่มชุดม่วงที่เหยาปู่จีแลเห็นก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นต้วนหลิงเทียนนั่นเอง
ส่วนด้านต้วนหลิงเทียนนั้น จนถึงตอนนี้ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชายชราที่เขาบังเอิญเจอก่อนเข้านครแห่งบาปและถูกคนของพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 2 ตามล่านั้น จะเป็นคนที่มีของล้ำค่าอย่างกระบี่พันอาคมเซียนไว้ในครอบครอง!
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้กระบี่พันอาคมเซียนที่ว่า ก็อยู่ในแหวนพื้นที่ของเขาแล้ว!
กล่าวให้ชัดมันอยู่ในแหวนของแหวนที่อยู่ในแหวนพื้นที่เขาต่างหาก!!
ที่ต้องกล่าวให้ชวนมึนเช่นนี้เพราะว่า…
แหวนวงที่เก็บกระบี่พันอาคมเซียนเอาไว้ อันเป็นแหวนพื้นที่ของชายชรานั้น…
หลังชายชราผู้นั้นถูกฆ่า แหวนของชายชราก็ถูกเก็บเอาไว้ในแหวนพื้นที่วงหนึ่งของ 1 ใน 2 สมาชิกพันธมิตรขวานปฐพี
และตอนนี้แหวนพื้นที่ของสมาชิกพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 2 วงก็อยู่ในแหวนพื้นที่ของต้วนหลิงเทียนอีกที
ด้วยความที่ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนยังไม่ว่างตรวจสอบสินสงครามอะไร เขาจึงไม่รู้ตัวเลยว่าบังเอิญได้รับกระบี่พันอาคมเซียนมา!
และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็นั่งอยู่ในเหลาอาหารกลางนครแห่งบาป
เหลาอาหารที่เขาเลือกเข้ามาใช้บริการ เป็น 1 ในเหลาอาหารที่คึกคักและใหญ่โตที่สุดกลางนครแห่งบาป หลังนั่งฟังเรื่องราวไปพักหนึ่ง เขาก็มีความเข้าใจในนครแห่งบาปมากขึ้น
‘ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง ก็ไม่แปลกเลยที่ผู้ฝึกตนพเนจรมากมายถึงได้รอนแรมมาปักหลักที่นครแห่งบาป…ที่แท้นครแห่งบาปมียอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนขึ้นไปแจกของอยู่บ่อยครั้งนี่เอง! ยังสุ่มแจกของโดยการทิ้งไว้ในเมืองอย่างไม่เจาะจง!!’
ต้วนหลิงเทียนที่นั่งอยู่ในเหลาอาหาร บังเอิญได้ยินเรื่องราวดังกล่าวมา
ในนครแห่งบาปนี้ มีผู้ฝึกตนพเนจรที่อยู่ในขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนหรือเหนือกว่านั้นดำรงอยู่หลายคน และทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นที่เคารพนับถือของเหล่าผู้ฝึกตนพเนจรนัก
และบางเวลาเหล่าผู้ฝึกตนชนชั้นยอดฝีมือเหล่านี้นึกครึ้ม พวกมันก็ทำการสุ่มแจกสิ่งของโดยการโยนทิ้งออกมาราวกับขยะ แน่นอนว่าขยะในสายตาพวกมัน แต่สำหรับผู้ฝึกตนพเนจรทั้งหลายแล้วถือเป็นสิ่งของอันประเสริฐทั้งสิ้น!
สิ่งของอันประเสริฐที่ว่ามีทั้งหินเซียนระดับสวรรค์ ไปจนถึงวรยุทธ์เซียนระดับสูง ยันต์เต๋า กระทั่งศาสตราอาคมเซียนล้ำค่า!
‘พวกยอดฝีมือเหล่านั้นก็แค่เล่นสนุกกับผู้ฝึกตนพเนจร ทำราวกับผู้อื่นเป็นลิงค่างเท่านั้น’
หลังได้รับทราบเรื่องราวที่ว่า ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะลอบส่ายหน้าในใจ
เขารับฟังจากคนในเหลามาว่า ทุกครั้งที่มียอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนขึ้นไปแจกของ เหล่าผู้ฝึกตนพเนจรทั้งหลายก็จะทำการแข่งขันแย่งชิงสิ่งของกันอย่างเอาเป็นเอาตาย!
เรียกว่ามีของแจกมาที่ไร ผู้ฝึกตนพเนจรมากมายล้วนต้องตายเพื่อมัน!
ธรรมชาติของมนุษย์ย่อมมีความโลภ
สิ่งของที่เหล่ายอดฝีมือโยนแจกมานั้นอาจไม่มีค่ามีราคาอะไรในสายตาของพวกมัน เรียกว่าไม่คู่ควรให้กล่าวถึงด้วยซ้ำ
แต่ทว่ากับผู้ฝึกตนพเนจรที่ไร้ผู้ใดสนับสนุนในนครแห่งบาปนั้น ทั้งหมดนับเป็น ‘สมบัติชิ้นโต’ คุ้มค่าที่พวกมันจะทุ่มเทแย่งชิง!
‘หากโชคร้ายสมบัตินั้นปรากฏในที่คนหมู่มากแลเห็น ถึงได้มาก็อาจต้องตกตายเพราะมรสุมแห่งการแก่งแย่งชิงดี…หากทว่าโชคดีไปพบพานของแจกที่ลับหูลับตาคนหน่อย ก็นับว่าลาภลอยครั้งใหญ่’
หลังได้ทราบเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอีกครั้ง
ไม่ต้องกล่าวอะไรให้มาก
เอาแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวก็มากพอให้ผู้ฝึกตนพเนจรทั้งหลายรอนแรมมาจากแดนไกล หมายมาเสี่ยงโชคที่นครแห่งบาปสักคราแล้ว…
ใครดวงดีก็อาจได้ลาภก้อนโต
ก็เหมือนกับการเล่นหวยในชีวิตที่แล้วของต้วนหลิงเทียน ถึงแม้รู้ดีว่าโอกาสถูกรางวัลจะต่ำเตี้ยเรี่ยดิน แต่ก็ยังมีผู้คนมากมายทุ่มซื้อกันทุกงวด ด้วยหวังว่าจะได้รับรางวัลจนชีวิตเปลี่ยน…
อีกทั้งยิ่งมารางวัลสะสมจากยอดซื้อในแต่ละงวดก็สูงขึ้นเรื่อยๆ แทงถูกทีก็รับทรัพย์อื้อซ่ากันหลักร้อยล้าน! เรียกว่าต้วนหลิงเทียนเข้าใจดีว่าในชีวิตที่แล้วนั้นมีคนมากมายขนาดไหนที่ยินดีจ่ายเงินมากมายเพื่อซื้อหวยในแต่ละงวด
โอกาสชนะถึงแม้จะน้อยนิดแต่ทุกคนก็ยอมเสี่ยง!
‘เทียบกันแล้วโอกาสถูกรางวัลใหญ่ในโลกเก่า…นับว่าโอกาสได้รับสมบัติในนครแห่งบาปยังจะมีมากกว่าเสียอีก’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวอย่างทอดถอนใจ…
‘มีคลังสมบัติที่ถูกยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนเหลือทิ้งไว้ หลังจากผ่านทัณฑ์สวรรค์และเตรียมตัวขึ้นไปยังแดนสวรรค์ด้วยงั้นเหรอ?’
ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบข้อมูลเพิ่มเติมจากคนในเหลาเกี่ยวกับสมบัติในนครแห่งบาป
นั่นก็คือ
นานๆครั้งในนครแห่งบาปจะมีข่าวของผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนแพร่กระจายออกมา ว่ากำลังจะเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์แล้ว…
อย่างที่ทุกผู้คนทราบกันดีว่าไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนหรือผู้ฝึกเต๋า หลังจากทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนแล้ว เมื่อบรรลุถึงจุดหนึ่งก็จำต้องเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์ก่อนที่จะขึ้นสู่ระนาบเทวโลก
เปลี่ยนที่ 9 ของขอบเซียนสวรรค์ เรียกว่า เปลี่ยนสู่เซียนอมตะ!
หลังจากข้ามผ่านหายนะสวรรค์ที่จะมาในรูปแบบของทัณฑ์อัสนี ผู้ฝึกตนไม่ว่ายุทธ์หรือเต๋าจะมีเวลาให้เตรียมตัวพักหนึ่ง สามารถเลือกได้ว่าจะขึ้นสู่ระนาบเทวโลกเลย หรือจะรั้งอยู่ในระนาบโลกียะเพื่อสะสางเรื่องราวก่อนก็แล้วแต่
แต่เป็นธรรมดาที่เวลาในการรั้งอยู่บนโลกย่อมมีจำกัด!
โดยทั่วไปแล้วผู้ที่สามารถข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ไปได้ จะไม่รั้งอยู่ในระนาบโลกียะนานนัก เพราอย่างไรหลังผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง ก็จะถูกบังคับให้ขึ้นสู่ระนาบเทวโลก โดย ‘อำนาจเซียนอมตะ’ อยู่ดี
แต่แน่นอนว่าไม่อาจกล่าวได้ว่าผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนทุกคนจะสามารถข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ไปได้!
ทัณฑ์สวรรค์นั้นเป็นดั่งหายนะระดับภัยพิบัติ!
ภายใต้พลังอำนาจของอัสนีฟ้า ไม่ทราบมีเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนกี่คนแล้วที่มิอาจข้ามผ่านมันไปได้ จำต้องตกตายร่างแหลกสลายกลายเป็นธุลีดิน…
และจากที่ต้วนหลิงเทียนฟังมา เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนทั้งหลาย ก่อนที่จะเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์ พวกมันล้วนทิ้งสิ่งของไร้สำคัญ คงเหลือไว้แต่สมบัติที่มีพลังอำนาจในการต่อกรกับทัณฑ์สวรรค์เท่านั้นเอาไว้กับตัว
แน่นอนว่าหลังต้านทานรับมือกับทัณฑ์สวรรค์แล้ว สุดท้ายไม่ว่าจะเป็นสิ่งของเลิศล้ำเพียงใด ทั้งหมดก็ล้วนสลายเป็นเถ้าถ่านทั้งสิ้น!
อีกทั้งหากประสบความสำเร็จในการก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์ ยามเมื่อต้องขึ้นสู่แดนสวรรค์ในระนาบเทวโลก ท่านก็มิอาจพกพาสิ่งใดติดตัวไปได้…
นั่นเพราะยามเมื่ออำนาจแห่งเซียนอมตะสาดส่องลงมาจากระนาบเทวโลกเพื่อฉุดดึงท่านขึ้นสวรรค์ ทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็นแหวนพื้นที่หรืออะไรก็ตามแต่ ล้วนถูก ‘อำนาจเซียนอมตะ’ ดังกล่าวทำลายหมดสิ้น! กระทั่งศาสตราหมื่นอาคมเซียนก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น…!!