WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2146
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2146
ตอนที่ 2,146 : ‘เกม’ อันน่าตื่นตระหนก
เมิ่งฮ่าวและคนอื่นๆไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนเลย…
ว่าระนาบเทียมที่ถูกทิ้งไว้ด้วยตัวตนที่พวกมันคาดเดากันว่าสมควรเป็นเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนนั้น ที่แท้จะเป็นสิ่งที่ปีศาจ 3 ตัวร่วมมือกันสร้างขึ้นมา!
และทั้งหมดถูกใช้เป็น ‘หลุมพราง’ ที่จะล่อล่วงยอดฝีมือของเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้เข้ามาติดกับ!
หากรู้มาก่อนว่าเรื่องราวจะเป็นแบบนี้ ให้พวกมันมีความกล้ามากกว่านี้สักร้อยพันเท่า พวกมันก็ไม่มีวันกล้าเข้ามา!!
“ปะ…เป็นไปได้อย่างไร!?”
“มะ…มันไฉนเป็นปีศาจไปได้!?”
“ระนาบเทียมแห่งนี้….ถูกสร้างขึ้นด้วยน้ำมือพวกปีศาจหรือ!?”
“หากที่นี่เป็นระนาบเทียมที่เผ่าพันธุ์ปีศาจสร้างขึ้นมาจริงๆ…เช่นนั้นหมายความว่าพวกมันเจตนากลั่นแกล้งพวกเรา?”
“ไม่เพียงกลั่นแกล้ง พวกมันตั้งใจจะฆ่าพวกเรา!!”
… …
เหล่าผู้ที่ผ่านการทดสอบรอบที่ 3 ยามนี้…ไม่เหลือความตื่นเต้นยินดีที่ผ่านด่านอีกต่อไป! ตอนนี้ในใจทั้งหมดคงเหลือแต่เพียงความหวาดกลัวเท่านั้น!!
หากอีกฝ่ายเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจจริง…เช่นนั้นก็เป็นไปไม่ได้เลยที่อีกฝ่ายจะเมตตาปล่อยพวกมันไป!!
“ในยุคสมัยมนุษย์ปีศาจนั้น ข้ากับสหายทั้ง 2 เป็นเพียงสมาชิกทั่วไปของเผ่าพันธุ์ปีศาจเท่านั้น…เรียกว่าพวกเราเป็นแค่ปีศาจน้อย 3 ตน ที่ไร้สำคัญอันใด”
เสียงเจิ้งตงจี๋ดังขึ้นอีกครั้ง ในน้ำเสียงยังผสมปนเปไปด้วยความแค้นและโทสะที่เริ่มคุกรุ่นขึ้นมา “หลังจากที่เผ่าพันธุ์ปีศาจของพวกเราถูกยอดฝีมือเผ่าพันธุ์มนุษย์ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าพวกเจ้าไล่ต้อนจนต้องถอนกำลังแล้ว…ยอดฝีมือเผ่าพันธุ์มนุษย์ของพวกเจ้าก็ไล่ฆ่าเผ่าพันธุ์ปีศาจที่มิมีเวลามากพอจะย้อนกลับไปยังบ้านเกิดอย่างดินแดนที่ถูกทอดทิ้งได้ทัน…”
“ยามนั้นข้าได้แต่เฝ้ามองสหายร่วมเผ่าพันธุ์ของข้าถูกพวกเจ้าเผ่าพันธุ์มนุษย์ฆ่าตายทีละตนๆ…ฉากที่ทั้งหมดถูกเข่นฆ่าอย่างไร้ปราณี ตัวข้ามิมีวันลืมเลือนไปตลอดชั่วชีวิต!”
“ตัวข้านั้นโชคดีที่หนีรอดการล่าล้างสังหารของพวกเจ้ามาได้ กระทั่งได้พบพานสหายปีศาจที่รอดพ้นเงื้อมมือพวกเจ้าอีก 10 ตน…อย่างไรก็ตามหลังจากนั้น วันเวลาของพวกเราก็ผ่านพ้นไปด้วยความยากลำบากนัก…สหายข้าแต่ละตนหากไม่ตกตายเพราะถูกพวกเจ้าพบเจอ ก็ตกตายเพราะสิ้นอายุขัย…”
“สุดท้ายก็เหลือเพียงข้ากับสหายทั้ง 2 ตนที่สามารถทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนได้สำเร็จ!”
“เมื่อพวกเราบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน ย่อมหมายความว่าพวกเรามีชีวิตเป็นนิรันดร์ ไร้วันสิ้นอายุขัยอีกต่อไป…ตราบใดที่พวกเราไม่ถูกยอดฝีมือของพวกเจ้าพบตัวและเข่นฆ่า นั่นย่อมหมายความว่าพวกเรามีโอกาสทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน…”
“ในที่สุดพวกเราก็สามารถบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน กระทั่งข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จจนได้ขึ้นสู่สวรรค์…ดินแดนที่ตัวข้าและสหายอีก 2 ตนอันเป็นอดีตปีศาจน้อยของดินแดนที่ถูกทอดทิ้งไม่กล้าแม้แต่จะคิดฝัน…”
“แต่พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าชั่วชีวิตนี้หากเลือกได้ ข้ากับสหายทั้ง 2 พวกเรามิเคยอยากขึ้นสวรรค์อันใด…พวกเราเพียงอยากหวนกลับบ้านเกิดในดินแดนที่ถูกทอดทิ้งเท่านั้น! อ้อ…ดินแดนที่ถูกทอดทิ้งที่ข้าพูดถึง พวกเจ้าเผ่าพันธุ์มนุษย์เรียกกันว่าแดนเนรเทศ…”
“อย่างไรก็ตามยอดฝีมือเผ่าพันธุ์มนุษย์ของพวกเจ้าได้สร้างผนึกฉาบทับกำแพงมิติกั้นระหว่างดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ กับดินแดนที่ถูกทอดทิ้งของพวกเรา…นั่นทำให้พวกเรามิอาจหวนคืนสู่บ้านเกิดได้!!”
“อ่อ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ข้ากล่าว ก็คือชื่อเรียกดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้ของพวกเราเผ่าพันธุ์ปีศาจ!”
เจิ้งตงจี๋กล่าวออกเสียงดังฟังชัด
และตอนนี้สีหน้าของเมิ่งฮ่าวกับคนอื่นๆนั้นได้เปลี่ยนเป็นมืดดำค่ำเคร่ง ทั้งยังอัปลักษณ์ปั้นยากนัก!
เพราะไหนเลยพวกมันจะไม่ได้ยินถึงความเคียดแค้นชิงชังอย่างถึงที่สุดในน้ำเสียงของเจิ้งตงจี๋!
เป็นความเคียดแค้นชิงชังอย่างที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกเดียวกันได้!!
จากจุดนี้ทำให้พวกมันทั้งหมดรู้ดีแก่ใจ…เจิ้งตงจี๋ไม่มีวันเมตตาละเว้นชีวิตพวกมันแน่!!
“หนีเร็ว! พวกเราต้องรีบหาทางหนีไปจากที่นี่!!”
เมิ่งฮ่าวและคนอื่นๆตัดสินใจได้แทบจะทันที
อนิจจาตอนนี้สถานที่ๆเมิ่งฮ่าวและคนอื่นๆอาศัยอยู่นั้น แม้จะมีรูปลักษณ์เป็นห้องโถงพระราชวังอันโอ่อ่าใหญ่โต ทว่ามันกลับเป็นพื้นที่ปิด ไร้หนทางเข้าออกใดๆ
ฟุ่บ! วูบ! วูบ! ซัว!
……
เมิ่งฮ่าวและคนอื่นแยกย้ายกันไปตามขอบห้องโถงพระราชวังอย่างเร่งร้อน อนิจจาไม่มีใครพบเจอทางเข้าออกใดๆ ทั้งหมดดั่งกำแพงปิดตาย
ถึงแม้ก่อนหน้านี้ตอนที่พึ่งเริ่มการทดสอบรอบที่ 2 พวกมันจะพบแต่แรก ว่าพื้นที่ห้องโถงของพระราชวังแห่งนี้ไร้หนทางเข้าออกจากการสำรวจด้วยสำนึกเทวะคร่าวๆ
อย่างไรก็ตามความสำคัญของทางเข้าออกตอนนี้มันมากมายกว่าก่อนหน้านั้นนัก ไม่เพียงแต่จะสำนึกเทวะ ทั้งหมดยังเริ่มตบๆผลักๆผนังโถงทุกจุดอย่างมีความหวัง
เพราะสุดท้ายแล้วพวกมันก็ไม่มีใครคิดฝันมาก่อนว่าพวกมันจะต้องกลายมาเป็นดั่งตะพาบในไห ที่รอให้ผู้อื่นเข่นฆ่าเอาชีวิตแบบนี้ ทั้งตัดสินจากสถานการณ์ในปัจจุบันแล้ว พวกมันไม่เหลือหนทางรอดชีวิตใดๆได้เลย!
เรื่องนี้พววกมันสามารถตัดสินได้จากน้ำเสียงของเจิ้งตงจี๋
ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!
……
เมื่อเมิ่งฮ่าวและคนอื่นๆที่แยกย้ายกันไปหาทางออกไม่พบเจอหนทางใดๆ ทั้งหมดก็ได้แต่ปะทุพลังชั่วชีวิตลงมือจู่โจมผนังอย่างเต็มกำลัง
ต่างคิดใช้พลังระเบิดทำลายผนังโถงพระราชวังแห่งนี้ให้เป็นรูโหว่จะได้หลบหนีออกไป! บางคนก็ลงมือซัดทำลายลงพื้นที่ยืนเหยียบ บ้างก็ยิงพลังขึ้นไปหมายทำลายหลังคาโถง!!
อนิจจายามเมื่อมวลพลังของพวกมันพุ่งซัดเข้าไปถึงผนังกำแพง พวกมันก็พบว่าพลังทำลายทุกชนิดของพวกมันกลับทะลุผ่านผนังกำแพงออกไปโดยไม่สร้างความเสียหายใดๆ! คล้ายกำแพงผนังเป็นภาพมายาไร้สภาพ…!!
“บัดซบ! โถงอุบาทว์แห่งนี้เป็นเหมือนพื้นที่พันธนาการเล็กๆที่ขังพวกเราไว้ก่อนจะเริ่มการทดสอบรอบที่ 2! มันปิดกั้นแค่ร่างกายของพวกเราแต่ไม่ปิดกั้นพลังของพวกเรา!!”
ตอนนี้ทุกคนพลันตระหนักได้หลังทดลองจู่โจม ว่าโถงพระราชวังที่พวกมันติดอยู่นั้น เสมือนพื้นที่เล็กๆพอให้ผู้ใหญ่ 2 คนเบียดกันก่อนหน้าที่พวกมันติดอยู่ในนั้น และรอเวลา…
พื้นที่พันธนาการดังกล่าว ไม่ต่างอะไรจากโถงพระราชวังที่พวกมันอยู่ในตอนนี้เลย พลังทุกชนิดของพวกมันสามารถพุ่งผ่านไปได้ แต่กายเนื้อของพวกมันไม่อาจผ่านได้!
จังหวะนี้สีหน้าเมิ่งฮ่าวและคนอื่นๆก็บิดเบี้ยวราวเคี้ยวแมลงวัน
อย่างไรก็ตามในขณะที่เมิ่งฮ่าวและคนอื่นๆกำลังดิ้นรนหาทางหลบหนีออกจากพื้นที่ปิดแห่งนี้ เสียงของเจิ้งตงจี๋ก็เริ่มดังสืบต่อ เสียงนั้นก้องอยู่ในโถงพระราชวังปิดตายสะท้านเข้าหูทุกผู้คน
“ข้ากับสหายทั้ง 2 เพื่อหลบหนีจากการไล่ล่าของเผ่าพันธุ์มนุษย์พวกเจ้า พวกเราได้เลือกที่จะซ่อนตัวอยู่ในทวีปมนุษย์ของพวกเจ้า…ถึงแม้ในทวีปมนุษย์นั้นจะมีพลังวิญญาณฟ้าดินเพียงน้อยนิด ทำให้ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของพวกเราเชื่องช้าอย่างยิ่ง แต่ทว่ามันก็ปลอดภัยที่สุด…”
“หลังจากที่ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ภูมิภาค ในที่สุดพวกเราทั้ง 3 คนก็สามารถบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนได้ กระทั่งในที่สุดพวกเราก็สามารถข้ามผ่านหายนำทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ! และในที่สุดพวกเราก็สามารถเติมเต็มความฝันที่พวกเราใฝ่หวังทุกคืนวัน ออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไปยังแดนสวรรค์ในระนาบเทวโลก…!”
“แต่ก่อนที่พวกเราจะขึ้นสู่แดนสวรรค์พวกเราทั้ง 3 ก็ได้ตัดสินใจ…ว่าพวกเราจะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้กับสหายเผ่าพันธุ์ปีศาจรุ่นหลังที่จะบุกมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้อีกครั้ง!!”
“และของขวัญชิ้นใหญ่นี้….ก็คือความตายของพวกเจ้ากับยอดฝีมืออีก 2 กลุ่ม! ข้ามั่นใจว่าพวกเจ้าที่ยังรอดอยู่ถึงตอนนี้ได้ สมควรเป็นตัวตนระดับแนวหน้าของแดนดิน! กล่าวได้ว่าเป็นกำลังรบที่กล้าแข็งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็คงไม่เกินเลยใช่หรือไม่?”
“เพราะสุดท้ายแล้วพวกเราก็ตัดสินใจคัดผู้ที่มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยกว่าเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยน ให้มิอาจผ่านมาถึงจุดนี้ได้…เรียกว่าพวกเรากำหนดไว้แล้วว่า ผู้ฝึกตนมนุษย์ที่พลังฝึกปรือเหนือกว่าขอบเขตเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยน ต้องตาย!!”
เสียงเจิ้งตงจี๋ดังถึงตรงนี้ ในน้ำเสียงก็แฝงเร้นไว้ด้วยความอำมหิตนัก ทำให้สีหน้าเมิ่งฮ่าวและคนอื่นๆเคร่งเครียดจนไม่อาจจะเคร่งเครียดได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว
พวกมันไม่คิดไม่ฝันนจริงๆ
ว่า ‘เกม’ นี้ เจิ้งตงจี๋กับปีศาจอีก 2 ตัวจะตระเตรียมมานานแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันกลับเป็นได้แค่ ‘เหยื่อ’
ตอนนี้พวกมันอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความรู้สึกเสียใจอย่างสุดแสน ที่หลง ‘ดีใจ’ และเข้ามาที่นี่ด้วยความหวัง…
หากสวรรค์เมตตาให้โอกาสพวกมันได้ย้อนกลับไปอีกครั้ง…
พวกมันไม่มีวันเข้ามาเหยียบที่นี่เด็ดขาด!!
“อีกทั้งระนาบเทียมแห่งนี้ พวกเราก็ได้ควบคุมให้มันเปิดตัวออกหลังจากที่ค่ายกลหนึ่งเปิดการทำงาน…ค่ายกลที่ข้ากล่าวถึงก็เป็นค่ายกลที่พวกเราทั้ง 3 จัดตั้งไว้ทั้งในภูมิภาคเบื้องบน! และค่ายกลในภูมิภาคเบื้องบนที่ว่า ก็เชื่อมต่อกับค่ายกลที่พวกเราจัดตั้งไว้ในภูมิภาคเบื้องล่างอีกทอด!”
“แม้ทั้ง 2 ค่ายกลนั้นจะถูกแยกออกจากกันเพราะกฏของระนาบ ทว่าด้วยความร่วมมือของข้ากับสหายทั้ง 2 ในที่สุดพวกเราก็สามารถทำให้ทั้ง 2 ค่ายกลสามารถสื่อถึงกันและเชื่อมโยงกันได้สำเร็จ!”
“ความสามารถนี้ คล้ายคลึงกับค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคของพวกมนุษย์เจ้า ที่ใช้ขนส่งเคลื่อนย้ายผู้คนระหว่างภูมิภาคเบื้องบนและเบื้องล่างอยู่บ้าง แต่ทว่าต่างกันตรงที่ของพวกเรามิได้เคลื่อนย้ายผู้คนอันใด แต่เป็นการส่งข้อมูลเท่านั้น!”
“และเงื่อนไขในการเปิดการทำงานของค่ายกลที่พวกเราจัดตั้งไว้ในภูมิภาคเบื้องบนนั้นก็ง่ายดายนัก…นั่นคือทันทีที่ได้รับข้อมูลจากค่ายกลที่พวกเราจัดตั้งไว้ในภูมิภาคเบื้องล่างเมื่อสัมผัสได้ถึงไอมารที่บริสุทธิ์จากเผ่าพันธุ์ปีศาจของพวกเรา!!”
“ในยุคก่อนที่พวกเราทั้ง 3 จะขึ้นสู่ระนาบเทวโลกนั้น พวกเรามั่นใจว่าในดินแดนศักดิ์สิทธิ์มิมีปีศาจตัวที่ 4 ดำรงอยู่อีก…เช่นนั้นพวกเราก็มิต้องกังวลว่าค่ายกลชุดนี้จะเกิดข้อผิดพลาดขึ้นเพราะมีปีศาจตนอื่นนอกจากพวกเราที่เหลือรอดจากยุคมนุษย์ปีศาจอีกต่อไป…”
“และโดยทั่วไปแล้ว…วันที่ค่ายกลในภูมิภาคเบื้องล่างจักเปิดใช้งาน ก็สมควรเป็นช่วงเวลาที่เผ่าพันธุ์ปีศาจของพวกเราสามารถฝ่าม่านพลังผนึกที่ฉาบไว้บนกำแพงมิติกันแดน บุกเข้ามาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จอีกครั้ง!!”
“เพราะตราบใดที่เผ่าพันธุ์ปีศาจของพวกเรามาถึงภูมิภาคเบื้องล่าง ค่ายกลย่อมสัมผัสได้ถึงไอมารบริสุทธิ์ มันย่อมเริ่มต้นการทำงานทันที ส่งข้อมูลมายังค่ายกลในภูมิภาคเบื้องบน!!”
“และเมื่อค่ายกลในภูมิภาคเบื้องบนได้รับข้อมูล มันก็จะเริ่มต้นเปิดการทำงานทันที…และนั่นก็จักทำให้ทางเข้าสู่ระนาบเทียมที่พวกเราสร้างไว้เปิดออก”
“อย่างที่ข้าเคยกล่าวไว้ ระนาบเทียมที่พวกเราสร้างขึ้น มีจุดประสงค์เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น…ส่งมอบของขวัญชิ้นโตให้เหล่าชนรุ่นหลังของเผ่าพันธุ์ปีศาจเรา ยามเมื่อหวนกลับมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้อีกครั้ง!!”
“ข้าเดาได้เลยว่าหากตัวตนที่มีพลังฝีมือระดับพวกเจ้าอยู่ๆพากันตกตายไปเป็นจำนวนมาก เช่นนั้นแล้วกำลังรบของเผ่าพันธุ์มนุษย์พวกเจ้าสมควรตกฮวบลง! และนี่สมควรเป็นการสูญเสียอันใหญ่หลวงของเผ่าพันธุ์มนุษย์เจ้า…”
“ถึงตอนนั้นเผ่าพันธุ์ปีศาจของพวกเราคงสามารถกวาดล้างดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ได้ง่ายขึ้น! กระทั่งคราวนี้ชนรุ่นหลังของเผ่าพันธุ์ปีศาจเรา อาจกระทำสิ่งที่พวกเรามิอาจกระทำได้ครั้งในยุคมนุษย์ปีศาจ…กวาดล้างมนุษย์ชาติอย่างพวกเจ้าให้สูญสิ้น!”
“ฮ่าๆๆ…!!!”
กล่าวถึงจุดนี้ เจิ้งตงจี๋ พลันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง และนั่นทำให้เส้นขนทั่วร่างของเมิ่งฮ่าวกับขนอื่นเสมือนลุกซู่ตั้งชันขึ้นมาทันที สีหน้าทุกคนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ยังซีดไปแทบไร้สีเลือด ในแววตาทั้งหมดฉายชัดถึงความเสียใจ
“ฟังจากที่เจิ้งตงจี๋มันพูด…เช่นนั้นมีเพียงเผ่าพันธุ์ปีศาจบุกรุกเข้ามาในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเราอีกครั้ง ทางเข้าสู่ระนาบเทียมแห่งนี้ถึงจักเปิดออกงั้นหรือ?”
ผู้ฝึกตนอิสระคนหนึ่งของนครแห่งบาป กล่าวถามออกมาเสียงเครียดเพื่อยืนยันความเข้าใจของตัวเอง
“ปะ…เป็นเช่นนั้น…”
ไม่นานก็มีคนกล่าวตอบเสียงหนัก กระทั่งน้ำเสียงมันยังสั่นเครือไม่น้อย
“กล่าวได้ว่า…ข่าวลือเรื่องที่เผ่าพันธุ์ปีศาจบุกรุกภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเรา ก็มิได้เป็นแค่ข่าวลืออีกต่อไป…เช่นนั้นมิใช่ว่าตอนนี้ภูมิภาคเบื้องล่างของพวกเราถูกพวกมันกวาดล้างสิ้นแล้วหรือ?!”
ทันทีที่ตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ ลูกตาของทุกคนอดไม่ได้ที่จะหดเล็กลงทันที
“หากมนุษย์ชาติถึงกาลสูญสิ้นด้วยเงื้อมมือเผ่าพันธุ์ปีศาจโดยมีสาเหตุจากขาดกำลังรบอย่างพวกเราขึ้นมาจริงๆ…เช่นนั้นพวกเรามิพ้นเป็น ‘คนบาป’ ของมวลมนุษย์ชาติ!”
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง
และวาจานี้ของเมิ่งฮ่าวพอดังเข้าหูทุกคน ก็พาลให้ร่างของทุกคนสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างแรง
ใช่!
หากมวลมนุษย์ชาติจำต้องสิ้นสูญด้วยน้ำมือของเผ่าพันธุ์ปีศาจขึ้นมาเพราะเหตุผลว่าขาดกำลังรบจริงๆ พวกมันที่ติดกับและเข้ามาตายเพราะความโลภในนี้ ย่อมกลายเป็นคนบาปของเผ่าพันธุ์มนุษย์ทันที!!
“โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเรา 3 คน…”
เมิ่งฮ่าวหันมองไปยังเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนอีก 2 คน เสียงยังหนักอึ้งนัก
ทั่วทั้งดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า เท่าที่พวกมันรู้มีผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนขึ้นไปอยู่แค่ราวๆ 30 กว่าคนเท่านั้น
และตอนนี้พวกมันก็กำลังจะตกตายไปอีก 3!
นี่นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติ!
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คราวนี้เกรงว่าเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนที่ต้องตกตายไปในระนาบเทียมแห่งนี้ น่ากลัวว่าจะไม่ได้มีแค่ 3 คนเท่านั้น!
เพราะเท่าที่พวกมันรู้ อย่างน้อยๆก็มีแม่เฒ่าอสรพิษด้วยอีกคน!!