WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2150
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2150
ตอนที่ 2,150 : พญามังกรเสื้อม่วง!
ทว่าคนเหล่านี้คงไม่เคยคิด กระทั่งหลับยังไม่อาจฝันถึง
ว่าตอนนี้ผู้คนที่พวกมันต่างเฝ้ารอ ได้ถูกกลบฝังอยู่ใน ‘คลังสมบัติ’ ที่พวกมันสงสัยว่าอาจจะเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะเหลือทิ้งไว้เรียบร้อย! ไม่มีผู้ใดรอดชีวิตแม้แต่คนเดียว!!
กระทั่งจ้าวค้างคาวปีกเขียวเหวยสั่ว 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬ ผู้ที่บรรลุถึงขอบเขตเซียนสววรรค์ 7 เปลี่ยนและติดอยู่ในอันดับที่ 24 ของรายนามยอดเซียน…
ก็ตกตายไปเรียบร้อย!
รวมถึงยอดฝีมืออีก 6 คนจากนครแห่งบาปที่มีพลังฝึกปรือทัดเทียมกับเหวยสั่วก็ตกตายหมดสิ้น ไม่มีเหลือ!
นอกจากนั้นยังมีประมุขพรรคธุลีลืมเลือนอีกคน
ประมุขพรรคธุลีลืมเลือน เหอเฟยยี่ คนนี้ มันพึ่งทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนได้ไม่นาน ทว่ากลับต้องมาตกตายในระนาบเทียมที่ถูกทิ้งไว้ด้วยครึ่งก้าวเซียนอมตะ โดยที่มันยังไม่ทันได้สำแดงพลังสามารถออกมาให้โลกประจักษ์ด้วยซ้ำ…
ด้วยเหตุนี้กล่าวได้ว่ามันตกตายอย่างไร้ความเป็นธรรมนัก!
และเป็นธรรมดาที่เมื่อคนตายด้านในนั้นล้วนไม่ใช่ตัวตนธรรมดา…
ทำให้กลุ่มคนด้านนอกจึงไม่ต้องยืนรอกันนานนัก!
เพราะตอนนี้ได้มีอาวุโสของพันธมิตรพันสารทคนหนึ่งรีบเหินร่างมาจากทิศทางที่ตั้งนครแห่งบาปอย่างร้อนรน ยังร้องโพล่งมาแต่ไกล
“นะ…นายน้อย ขะ…ไข่มุกวิญญาณของท่านผู้นำ….ตะ…แตกแล้ว!!”
เรียกว่าพอได้ฟังความร้อนรน นายน้อยพันธมิตรพันสารทอย่าง ตงกั๋วจื่อ และเหล่าคนของพันธมิตรพันสารทที่เฝ้ารออยู่ก็ตะลึงงันไปทันใด ไม่นานหน้าพวกมันก็เริ่มเปลี่ยนสี
หลายคนยังอื้ออึงไปด้วยไม่อยากจะเชื่อเรื่องราว
อย่างไรก็ตาม ไม่ทันที่ทั้งหมดจะทันได้ตอบสนองอะไร อาวุโสที่เร่งรุดมายังเริ่มรายงานการตายออกมาไม่หยุด! ไข่มุกวิญญาณของคนที่มันเอ่ยชื่อล้วนแตกสลายหมดสิ้น! พริบตานี้ทุกคนล้วนหน้าเปลี่ยนสีไปอย่างแรง!!
นั่นเพราะนามที่อาวุโสพันธมิตรพันสารทคนนี้กล่าว ล้วนแล้วแต่เป็นผู้อาวุโสระดับสูงที่อยู่ด้านในสถานที่ๆน่าจะเป็นคลังสมบัติของยอดคนครึ่งก้าวเซียนอมตะทิ้งไว้ทั้งสิ้น!
และทุกคนที่ตายล้วนมีพลังฝึกปรืออยู่ในขอบเขตเวียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนหรือเหนือกว่านั้น! ทั้งหมดเป็นดั่งกระดูกสันหลังของกองกำลังพันธมิตรพันสารท!
ทว่าตอนนี้อยู่ๆพวกมันก็ได้รับทราบข่าวร้าย…
อาวุโสเหล่านั้น ตายตกหมดสิ้นแล้ว!
กระทั่งผู้นำ และรองผู้นำพันธมิตรพันสารทของพวกมันก็สิ้นชีพ!
“ไม่จริง…เป็นไปไม่ได้! เรื่องพรรค์นี้มันเป็นไปไม่ได้!!”
ตงกั๋วจื่อกล่าวปฏิเสธออกมาเสียงดัง ศีรษะส่ายไปมาไม่หยุด “ต้องเข้าใจอันใดผิดไปแน่! ท่านพ่อของข้าเป็นถึงผู้นำพันธมิตรพันสารท พลังฝึกปรือบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยน กระทั่งยังเป็นยอดฝีมือในอันดับที่ 51 ของรายนามยอดเซียน…แล้วท่านพ่อจะมาตายตกที่นี่ได้อย่างไร!?”
ตงกั๋วจื่อไม่เชื่อ และยังไม่อยากจะเชื่อ!
“นายน้อย…โปรดระงับความเศร้าโศกด้วย…”
ถึงแม้อาวุโสคนอื่นๆของพันธมิตรพันสารทจะไม่อยากเชื่อเรืองราวนี้มากเพียงใด แต่จากสถานการณ์ในปัจจุบัน ต่อให้พวกมันไม่เชื่อแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์…
ความจริงตั้งอยู่เบื้องหน้า เศษลูกแก้ววิญญาณล้วนไม่อนุญาตให้พวกมันไม่เชื่อ!
“หึๆๆ ฮ่าๆๆๆ….ฮ้าฮ่าๆๆๆ!!!”
ความเปลี่ยนแปลงของผู้คนในพันธมิตรพันสารทนั้นไม่พ้นสายตาของโอวฉิง นายน้อยพันธมิตร 7 สังหาร มันที่เงี่ยหูฟังเรื่องราวทั้งหมด พอพบว่าระดับสูงของพันธมิตรพันสาทรตกตายในคลังสมบัติหมดสิ้น ก็ยินดีนัก! ถึงขั้นอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะออกมาเป็นบ้าเป็นหลังด้วยความสะใจ!!
“ฮัยๆๆ…ที่แท้คนของพันธมิตรพันสารทล้วนแล้วแต่เป็นสัดใส่ข้าวที่ใช้การไม่ได้…เฮ่อ แย่ๆ”
หัวเราะเยาะผู้อื่นแล้ว โอวฉิงยังไม่ลืมจะกล่าวย้ำซ้ำเติมผู้คนอีกด้วย
และการเย้ยเยาะซ้ำเติมของมันนี้ แน่นอนว่าสร้างความโกรธเกรี้ยวให้คนของพันธมิตรพันสารทไม่น้อย
ในขณะที่คนของพันธมิตรพันสารทมองโอวฉิงตาขวางอย่างดุร้าย และคล้ายจะลงมือแลกตายนั้นเอง…พลันมีร่างอีก 2 ร่างเร่งรุดเหินมาจากทิศทางที่ตั้งนครแห่งบาป!
คราวนี้เป็น 2 ผู้อาวุโสจากพันธมิตร 7 สังหาร
“นายน้อย! ไข่มุกวิญญาณของท่านผู้นำแตกแล้วขอรับ!!”
ข่าวที่สองอาวุโสพันธมิตร 7 สังหารเร่งรุดมาแจ้งนี้ ทำให้ร้อยยิ้มย่ามใจบนใบหน้าโอวฉิงชะงักค้างทันที หน้ายังเปลี่ยนสีไปทันควัน
หลังจากนั้นมันก็คล้ายคนไม่ยอมรับความจริง และมีทีท่าเลื่อนลอยไม่ต่างอะไรจากตงกั๋วจื่อ กระทั่งยังเป็นหนักกว่าด้วยซ้ำ! มันไม่อาจทำใจเชื่อได้ลงคอว่าสิ่งที่ได้ยินคือความจริง!!
ตัวมันนั้นพึ่งพาบิดามากกว่าตงกั๋วจื่อ!
กล่าวได้ว่าหากไม่มีบิดา มันก็ไม่นับเป็นตัวอะไร!!
“นายน้อย…นอกจากท่านผู้นำแล้ว ยังมีท่านรองผู้นำ และผู้อาวุโสสูงอีกหลายคน…ชื่อของอาวุโสที่ไข่มุกวิญญาณแตกมีดังนี้ขอรับ…”
ในขณะที่ 2 อาวุโสของพันธมิตร 7 สังหารกล่าวรายงานชื่อของคนที่ไข่มุกวิญญาณแตกสลาย สีหน้าของคนพันธมิตร 7 สังหารที่ฟังอยู่ก็เริ่มบิดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อยๆ
โอวฉิงยิ่งมายิ่งสิ้นหวังกว่าใคร…คืนวันดีๆของมันท่าทางจะจบสิ้นลงแล้ว
“บัดซบ…บททดสอบในคลังสมบัติของผู้ที่อาจเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะมันร้ายแรงถึงขนาดนี้เลยหรือ…กระทั่งท่านผู้นำกับท่านรองผู้นำและอาวุโสสูงทุกคนถึงกับต้องทิ้งชีวิตไว้ในนั้น”
อาวุโสของพันธมิตร 7 สังหารคนหนึ่ง ได้แต่กล่าวถามออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ…
อนิจจาไม่มีใครกล่าวตอบวาจาของมัน
อย่างไรก็ตามพอได้รับทราบว่าคนของพันธมิตร 7 สังหารทั้งหมดก็ประสบหายนะไม่ต่างกัน คนของพันธมิตรพันสารทจึงรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
แน่นอนว่าในขณะเดียวกันกับที่พวกมันรู้สึกดีขึ้น แต่ในใจของพวกมันก็อดไม่ได้ที่จะเหน็บหนาว…ยังหวาดกลัวจับใจสะท้านไปถึงไขกระดูก…
ที่แท้ด้านในคลังสมบัติของครึ่งก้าวเซียนอมตะมันเป็นสถานที่ผีสางอันใด แล้วที่แท้มีอันตรายถึงขั้นไหนกันแน่?
ไม่เพียงแต่ผู้นำของพันธมิตรพันสารทพวกมันจะตกตาย กระทั่งผู้นำของพันธมิตร 7 สังหารก็ตกตายอีกคน!
“อะไรกัน…ชนชั้นผู้นำของพันธมิตร 7 สังหารและพันธมิตรพันสารทถึงขั้นตกตายอยู่ด้านในเชียวหรือ?”
“นิ…นี่…คลังสมบัติที่อาจเป็นของครึ่งก้าวเซียนอมตะจะไม่น่ากลัวเกินไปหน่อยหรือ?”
คนของพันธมิตรหมื่นโบราณ พรรคธุลีลืมเลือน ไม่เว้นลัทธิอารามทมิฬอดไม่ได้ที่จะเคร่งเครียดขึ้นมา หลังได้ยินเรื่องราว ที่ 2 กองกำลังพันธมิตรประสบ
ไม่ต้องกล่าวถึงคนอื่น
แค่ผู้นำพันธมิตร 7 สังหาร กับผู้นำพันธมิตรพันสารทก็ไม่ใช่ตัวตนธรรมดาแล้ว!
ผู้นำพันธมิตร 7 สังหาร โอวคังไห่ นั้น…มีพลังฝีมือรั้งอยู่ในอันดับที่ 50 ของรายนามยอดเซียน! ส่วนผู้นำพันธมิตรพันสารท ตงกั๋วอี้ ก็มีอันดับที่ 51 ในรายนามยอดเซียน…
ทว่าตัวตนที่แข็งแกร่งทั้ง 2 กลับต้องเอาชีวิตไปทิ้งในสถานที่ๆน่าจะเป็นคลังสมบัติของตัวตนที่อาจเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะ?
ใจทุกคนอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน
ทันใดนั้นเอง
ฟู่วววว!
บังเกิดเสียงหวีดหวิวของสายลมอันฉับไวพลันดังขึ้นแผ่วเบา ช่วนให้ตื่นตระหนกไม่น้อย
เพราะไม่ทันที่ผู้คนมากมายจะได้รู้สึกตัวอะไร ทั้งหมดก็สัมผัสได้ถึงสายลมตีปะทะเข้าใบหน้าอย่างแรง แถมยังราวกับอยู่ๆสายลมหอบนี้ก็ผุดขึ้นจากอากาศว่างเปล่า! ไม่อาจรู้ได้เลยว่าผู้มานั้นมาจากทิศทางใดและตั้งแต่ตอนไหน!!
ตอนนี้พวกมันทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะหยีตา ชุดเสื้อผ้ายังโบกสะบัดพึ่บพั่บไปตามแรงลม บ้างก็แลดูตัวพองขึ้นมาน่าขบขัน
และเมื่อทุกคนลืมตาขึ้นก็พบว่า…
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อใด กลับมีร่างบางในชุดสีม่วงหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้าต่อตาพวกมัน!
เป็นสตรีนางหนึ่ง มาในชุดหรูหราสีม่วง ถึงแม้ว่าชุดนี้จะไม่ได้รัดรูปอะไร หากแต่ยากจะปิดซ่อนทรวดทรงองค์เอวอันคอดกิ่วเว้าโค้งอันงดงามได้มิดชิด
ผมสีดำขลับของนางทอดยาวราวม่านน้ำตกไปด้านหลัง ใบหน้าแม้มีม่านผ้าสีม่วงปิดคลุมไปครึ่งหนึ่ง หากแต่ไม่อาจปกปิดความงดงามจากรูปโฉมพิลาศนั่นได้เลย ร่องรอยคิ้วโค้งเส้นบางกับดวงตากลมโตกระจ่างใสนั่น ช่างตอบรับกับโครงหน้าเรียวได้รูปยิ่งนัก! หากเลิกม่านผ้าสีม่วงอันน่าขัดใจนี้ น่ากลัวว่าคงได้ยลโฉมความงามอันหมดจด ยากจะหาคู่เปรียบแน่แท้!!
สตรีนางนี้เพียงลอยร่างค้างกลางหาวอย่างเงียบงัน กลิ่นอายรอบกายให้ความรู้สึกเยียบเย็น ราวกับจะมีพลังห่างเหินขุมหนึ่งผลักไสผู้คนให้ล่าถอยออกไปพันลี้…
แม้นางจะมีรูปร่างจะเย้ายวนปานปีศาจ และจากใบหน้าครึ่งหนึ่งที่โผล่ออกพ้นม่านผ้าสีม่วงบางๆนั่นจะบอกได้ว่างามปานนางฟ้านางสวรรค์ก็ตาม แต่พิกลนักกลับไม่มีผู้ใดในที่นี้กล้ากล่าววาจาแทะโลม กระทั่งจะใช้สายตาชมมองด้วยจิตอกุศลก็หามีไม่..
“ใต้เท้าธรรมราชา!”
ในขณะที่หลายคนกำลังตื่นตระหนกตกตะลึงกับความเร็วอันน่าสะพรึงกลัวของสตรีชุดม่วงนั้น คนของลัทธิอารามทมิฬเร่งประสานมือคารวะเรียกหานางด้วยความเคารพถึงขีดสุดว่า ใต้เท้าธรรมราชา แถมแต่ละคนยังโค้งร่างก้มหัวลงไปปานจะกดตัวเองให้ต่ำต้อยติดดินก็ไม่ปาน!
“ใต้เท้าธรรมราชา?”
ได้ยินวาจาเรียกหาสตรีชุดม่วง จากปากคนลัทธิอารามทมิฬ ลูกตาของผู้ฝึกตนในที่นี้อดไม่ได้ที่จะหดเล็กลงทันใด ใบหน้ายังเผยความตื่นตระหนกตกตะลึงออกชัด
“ระ…หรือว่า นางคือ…พญามังกรเสื้อม่วง…มหาธรรมราชาที่แข็งแกร่งที่สุดของลัทธิอารามทมิฬ!?”
“พะ…พญามังกรเสื้อม่วง…ผู้ที่อยู่ในอันดับ 10 ของรายนามยอดเซียน และบรรลุถึงขอบเขตพลังเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนน่ะหรือ!?”
“เป็นนางไม่ผิดแน่!”
“ข้าได้ยินมานานแล้วว่าใน 4 มหาธรรมราชา มีเพียงพญามังกรเสื้อม่วงเท่านั้นที่เป็นสตรี…ฟังจากคำเรียกหาของคนลัทธิอารามทมิฬ สมควรเป็นนางไม่ผิดคนแน่”
“ว่ากันว่าพญามังกรเสื้อม่วง สตรีที่แข็งแกร่งที่สุดใน 4 มหาธรรมราชานั้นเป็นลูกหลานของเผ่าพันธุ์มังกรเทพยาดากับมนุษย์เรา…นางจึงมีพรสวรรค์แต่กำเนิดที่สูงล้ำยิ่งนัก…ที่สำคัญนางยังเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดในบรรดามหาธรรมราชาทั้ง 4 อีกด้วย!”
“อายุน้อยที่สุด หากแต่พลังฝีมือกลับกล้าแข็งที่สุด! เช่นนี้จึงถูกมหาธรรมราชาอีก 3 คนย่อมรับให้เป็น ผู้นำของ 4 มหาธรรมราชา!!”
…
ในขณะที่คนอื่นๆสามารถคาดเดาตัวตนของสตรีชุดม่วงได้แล้ว สายตาที่ทั้งหลายใช้มองนางอีกครั้งก็แปรเปลี่ยนเป็นเคารพมากยิ่งขึ้น
ไม่มีใครกล้าดูเบานางเพราะเป็นสตรีแม้แต่คนเดียว
และในขณะที่บรรยากาศของสถานที่แห่งนี้กลายเป็นตึงเครียดเพราะการปรากฏตัวของพญามังกรเสื้อม่วง
พญามังกรเสื้อม่วงพลันกล่าวออกมาว่า
“ไฉนเหวยสั่วจึงตายได้?”
คำถามนี้ของพญามังกรเสื้อม่วง ทำให้สีหน้าคนของลัทธิอารามทมิฬทั้งหมดเปลี่ยนสีไปทันที ความหวาดกลัวฉายชัดขึ้นบนใบหน้า กล่าวถามออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ตะ…ใต้เท้า…จ้าวค้างคาว…ตายแล้ว?”
คนอื่นๆที่อยู่รอบๆเมื่อได้ยินก็หน้าเปลี่ยนไปไม่น้อย
“เหวยสั่ว? จ้าวค้างคาวปีกเขียว 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬตายแล้ว?”
“อะไร…คนระดับนั้น…ตายแล้ว?”
“ดูเหมือนจ้าวค้างคาวปีกเขียวจะเข้าไปในคลังสมบัติที่น่าจะเป็นของครึ่งก้าวเซียนอมตะแห่งนี้ด้วยใชหรือไม่? สวรรค์! กระทั่งตัวตนระดับนี้ยังตกตายเลยหรือ!?”
“มหาธรรมราชาเหวยแม้จักเป็น ผู้ที่อ่อนด้อยที่สุดใน 4 มหาธรรมราชา…แต่อย่างไรก็เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน แถมยังติดอันดับที่ 24 ในรายนามยอดเซียน…ทว่ากระทั่งตัวตนระดับนี้ยังต้องตาย?”
“นี่มันอะไรกันแน่!? ขนาดชนชั้นมหาธรรมราชายังเอาชีวิตไปทิ้งในนี้เลยหรือ! แล้วจะให้ผู้อื่นมีชีวิตกันอยู่ได้อย่างไร?!”
…
เมื่อได้รู้ว่า แม้แต่จ้าวค้างคาวปีกเขียว 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬ ยังสังเวยชีวิตไปแล้วสีหน้าของผู้ฝึกตนจากนครแห่งบาปหลายคนเปลี่ยนไปใหญ่หลวงทันที พวกมันตระหนักได้ทันทีว่าน่ากลัวผู้นำกับอาวุโสของพวกมันก็ไม่น่าจะปลอดภัยไร้เรื่องราวเสียแล้ว!
คนจากขุมพลังอื่นๆที่อยู่ใกล้นครแห่งบาปก็หน้าเสียไปตามๆกัน ด้วยไม่คิดว่าคนของพวกมันจะปลอดภัยไร้เรื่องราวเช่นกัน
ทันใดนั้นเอง ประหนึ่งอัสนีบาตฟาดผ่าก็ไม่ปาน
ฟุ่บบ!!
เสียงแหวกอากาศฉับไวดังขึ้นอีกเสียง สายลมแรงหอบหนึ่งซัดปะทะเข้าร่างของทุกคน
ยกเว้นพญามังกรเสื้อม่วงที่คล้ายไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ทุกคนต่างหยีตาหลบลมแรงอย่างไม่รู้ตัว
ฉากนี้คล้ายคลึงกับตอนที่พญามังกรเสื้อม่วงปรากฏตัวไม่น้อย
และเมื่อทุกคนลืมตาขึ้นมาก็พบว่า
มีชายหนุ่มร่างสูงในชุดคลุมสีเขียว ใบหน้าหล่อเหลาคนหนึ่งลอยอยู่ในอากาศไม่ไกล กลิ่นอายทั่วร่างของชายผู้นี้ช่างคมกล้าดุร้าย ปานมันไม่ใช่ผู้คนหากแต่เป็นมีดดาบเล่มหนึ่ง!
ผมยาวของมันถูกรวบมัดไว้ด้วยเชือกมัดผมธรรมดาๆ หางม้าของมันทอดยาวลงมาด้านหลัง แผ่นหลังสะพายดาบพร้อมฝักเอาไว้เล่มหนึ่ง ตัวฝักนั้นแลดูเรียบง่ายไม่มีลวดลายอะไร
หากแต่ด้วยอักขระไม่กี่ตัวที่สลักเขียนเอาไว้ กลับแผ่กลิ่นอายโบราณขุมหนึ่งออกมา พาลให้บรรยากาศรอบๆฝักดาบคล้ายบิดเบือนพร่ามัว ประหนึ่งจะบอกกับผู้คนให้รู้
ว่าดาบเล่มนี้ดำรงอยู่มาเนิ่นนานมากแล้ว
“นะ…นั่นคือ…”
หลังได้เห็นผู้มาใหม่ ผู้ฝึกตนอิสระหลายคนคล้ายจะจดจำอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ สีหน้าของพวกมันเผยความตื่นตระหนกตกตะลึง กล่าววาจาออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
อีกทั้งในแววตาของผู้ฝึกตนอิสระเหล่านี้ยังฉายชัดออกมาถึงความคลั่งไคล้ประการหนึ่ง!
“ปะ…เป็น…ใต้เท้าเผยซื่อไห่!!”
ผู้ฝึกตนอิสระคนหนึ่งที่ชรามากแล้วหลังรวบรวมความกล้าอยู่พักหนึ่ง ก็กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น!