WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2210
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2210
ตอนที่ 2,210 : เป็นเจ้าจริงๆ!!
‘ผู้ใดมันบุกไปทำลายค่ายกลที่ป้องกันบ้านลานที่ธิดาเทพอาศัยอยู่กัน!?’
หลังหลบการจู่โจมของหล่างเชี่ยนจินได้อย่างง่ายดายแล้ว ถังซวนก็เร่งหันหน้าไปมองฟ้าทิศทางหนึ่งด้วยใบหน้าอัปลักษณ์ปั้นยาก เลิกสนใจหล่างเชียนจินไปอย่างสมบูรณ์
วันนี้ก่อนที่จะออกจากลัทธิบูชาไฟ มันได้จัดตั้งค่ายกลง่ายๆป้องกันบ้านลานของธิดาเทพเอาไว้
เนื่องจากเป็นค่ายกลที่จัดตั้งขึ้นอย่างลวกๆ จึงไม่ยากที่จะทำลายอะไร เพียงแค่อาวุโสเพลิงทองก็สามารถทำลายได้อย่างง่ายดาย
มันจัดตั้งค่ายกลนี้เอาไว้ก็เพื่อให้ธิดาเทพหลบหนีไปไหนเท่านั้น
เพราะแม้แต่ก่านหรูเยี่ยนที่แข็งแกร่งที่สุดข้างกายธิดาเทพ ก็ไม่มีพลังมากพอจะทำลายค่ายกลนั่นได้ มันจึงวางใจไม่น้อย
อย่างไรก็ตามแม้ว่ามันจะวางใจ แต่มันก็ยังคงทิ้งหูตาเอาไว้อย่างไม่ประมาท
ขอเพียงค่ายกลถูกทำลายมันจะรู้สึกได้ทันที
และตอนนี้มันก็พึ่งสัมผัสได้ว่าค่ายกลที่มันจัดตั้งไว้ถูกทำลาย!
กล่าวอีกอย่างได้ว่าพลังฝีมือของผู้ที่ทำลายค่ายกลนั่นของมัน อย่างน้อยๆก็ต้องมีระดับทัดเทียมกับอาวุโสเพลิงทองไม่ก็เหนือกว่านั้น!
ปง! ปง! ปง!
……
ขณะเดียวกัน พลังฝ่ามือของหล่างเชียนจินที่ถูกถังซวนหลบหลีก ก็พุ่งเลยไประเบิดทำลายขุนเขาด้านล่าง!
ทันใดนั้นขุนเขาด้านล่างก็ถูกพลังระเบิดทำลาย เสียงดังสนั่นหวั่นไหวราวกับบังเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่
ครู่ต่อมาฝุ่นควันมหาศาลก็ฟุ้งกระจายขึ้นมาบดบังทัศนวิสัย
พอฝุ่นควันจางหายขุนเขาก่อนหน้าก็ไม่มีอีกต่อไป คงเหลือแต่หลุมมหึมาลึกไม่เห็นก้น!
เพียงมองลงไปในความมืดดำนั่น ก็ทำให้ผู้คนอดขนลุกไม่ได้ ด้วยหวาดกลัวว่าจะมีสัตว์ร้ายน่ากลัวซุกซ่อนอยู่
“ถังซวน ขนาดสู้กับข้าเจ้ายังกล้าสนใจอย่างอื่นอีกงั้นเหรอ!?”
หลังลงมือจู่โจมถังซวนพลาดเป้าหล่างเชียนจินก็ไม่ได้ลงมือซ้ำ เพียงลอยร่างค้างกลางหาวมองถังซวนด้วยใบหน้าเหยเก
มันย่อมเห็นได้ชัดว่าถังซวนอยู่ๆก็หันไปสนใจอย่างอื่น! กระทั่งตอนนี้ยังหันไปมองเหม่ออะไรก็ไม่รู้!!
มันรู้สึกเสมือนโดนถังซวนดูถูก การกระทำนี้เหมือนอีกฝ่ายไม่เห็นหัวมันเลย!!
“ผู้เฒ่าหล่างวันนี้พอเท่านี้ก่อน…ตอนนี้ข้ามีเรื่องต้องไปจัดการ วันหน้าค่อยมาประมือกันใหม่”
ได้ยินคำของหล่างเชียนจิน ถังซวน ก็ฟื้นสติเร่งหันไปกล่าวคำทันที
ทว่าตอนนี้แววตาของถังซวนช่างเยีบเย็นนัก กระทั่งเป็นหล่างเชียนจินพอถูกสายตานี้จ้องก็อดไม่ได้ที่จะใจสั่น
พอกล่าวจบคำ ก็ไม่รอให้หล่างเชียนจินตอบสนองอะไร ร่างถังซวนปะทุกลิ่นอายพลังลี้ลับหนึ่ง ก่อนที่คนคล้ายกลับกลายเป็นภูตผี อยู่ดีๆก็วูบหายไปไม่ต่างใดจากสายลม ปานจะจมหายไปในความว่างเปล่า…
เห็นแบบนี้สีหน้าหล่างเชียนจินยิ่งมาก็ยิ่งอัปลักษณ์นัก หากแต่มันก็ไม่ได้ไล่ตามไปแต่อย่างใด
เพราะมันรู้ดีว่าตอนนี้ต่อให้คิดไล่ตามถังซวนไป แต่อาศัยเวทย์พลังเสริมท่าร่างที่ได้รับการยอมรับวว่าเอกอุในแดนดินของถังซวนนั่น ต่อให้มันไล่ให้ตายมันก็ไล่ไม่ทัน!
“เวทย์พลังเสริมท่าร่างบัดซบนั่น ถังซวนมันไปเอามาจากที่ใดกัน?”
สีหน้าหล่างเชียนจินบิดเบี้ยวนัก แววตายังเต็มไปด้วยความอิจฉา “ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าลัทธิบูชาไฟมีเวทย์พลังเสริมท่าร่างร้ายกาจเช่นนี้สืบทอดกันมาด้วย…แล้วมันไปสรรหามาจากกที่ใดกันแน่?”
“มันบังเอิญไปพบพานวาสนาอะไรมากัน…”
“ก่อนหน้านี้แม้พลังฝึกปรือมันจะยังแค่เซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน แต่พอใช้เวทย์พลังนั่นก็สามารถหนีรอดไปง่ายดาย แม้ข้าจะใช้เวทย์พลังเสริมท่าร่างที่ดีที่สุดของลัทธิอารามทมิฬแล้วก็ตาม…”
เวทย์พลังเสริมท่าร่างของลัทธิอารามทมิฬ ก็นับเป็นเวทย์พลังระดับสูงที่ยอดเยี่ยมไม่น้อย เรียกว่าเป็นอันดับต้นๆของแดนดินเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม แม้หล่างเชียนจินที่บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนแล้วจะใช้พลังทั้งหมดยังไม่อาจไล่ตามถังซวนตอนที่ยังเป็นแค่เซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนได้ทัน…
เช่นนั้นย่อมเห็นได้ชัดว่า เวทย์พลังเสริมเคลื่อนไหวที่ถังซวนมีมันวิเศษถึงเพียงใด!
ตอนถังซวนเป็นเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนมันไล่ไม่ทัน…
นับประสาอะไรกับตอนนี้?
ดังนั้นพอเห็นถังซวนใช้เวทย์พลังดังกล่าวพุ่งร่างจากไป หล่างเชียนจินก็ไม่คิดไล่ตามสักนิด เพราะรู้ดีว่าตามให้ตายก็ตามไม่ทันจริงๆ
เช่นนั้นจะเสียแรงเปล่าทำไม?
“หืม?”
ทันใดนั้นเองคิ้วหล่างเชียนจินพลันโค้งขึ้น ราวกับสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง
พอมันยกมือขึ้น ก็ปรากฏแสงสีเขียวหนึ่งพุ่งวาบตัดฟ้ามาเข้ามือมันพอดิบพอดี
พอลดมือลงมาแบดู ก็พบว่าเป็นป้ายหยกสื่อสารชิ้นหนึ่ง
กร๊อบ!
หลังบดขยี้ป้ายหยกสื่อสารแล้ว เสียงคุ้นเคยก็ดังขึ้นในหูหล่างเชียนจินชัดถ้อยชัดคำ ทำให้สีหน้าของหล่างเชียนจินเปลี่ยนไปทันที “นิ…นี่มัน…เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
เรียกว่าสีหน้าหล่างเชียนจินเปลี่ยนสีกลับกลายราวกับมันถูกผีหลอกกลางวันแสกๆแล้วจริงๆ
เพราะข่าวสารที่มันพึ่งได้รับมานั้น เป็นอะไรที่น่าตกใจนัก
ป้ายหยกสื่อสารนี้เป็นจ้าวลัทธิอารามทมิฬส่งมาให้มันเอง ในนั้นได้กล่าวถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดหลังมันจากมา
“เจ้าหนูโชคดีที่ฆ่าเซวี่ยคังฉวินคนนั้น…เอาชนะเหาฉ่วงได้ในกระบี่เดียวอย่างเหนือคววามคาดหมาย ยังทำให้เหาฉ่วงถึงกับต้องถอดจิตลี้ร่างหนีตายไปหัวซุกหัวซุน?”
“หากไม่ใช่เพราะคิดปล่อยให้เหาฉ่วงคิดย้อนกลับมาล้างแค้นลัทธิอารามทมิฬของเรา มันคงไม่เลือกละเว้นวิญญาณเหาฉ่วงและฆ่าทิ้งไปแต่แรก?”
“พอถูกมันขู่ สุดท้ายกระทั่งจ้าวลัทธิยังต้องทิ้งแขนไปข้างหนึ่ง…”
……
เรียกว่าพอได้รับทราบเรื่องราวทั้งหมด หล่างเชียนจินก็อึ้ง! ยังอึ้งกิมกี่ไปแล้วจริงๆ!!
มันไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลย…
ว่าหลังจากที่มันสะกดถังซวน จ้าวลัทธิบูชาไฟเอาไว้แล้ว แต่ผู้ช่วยเหลือของลัทธิอารามทมิฬที่ได้ชื่อว่าอันดับ 1 ใต้เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนของแดนดิน เหาฉ่วง จะแพ้พ่ายย่อยยับแบบนี้…
“เจ้าต้วนหลิงเทียนนั่นมันได้รับสืบทอดอันใดจากกในระนาบเทียมของ 3 ปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะนั่นมากันแน่!?”
คิดถึงจุดนี้สีหน้าหล่างเชียนจินก็อัปลักษณ์ปั้นยากนัก
“ไฉนฟ้าถึงไร้ความเป็นธรรมเพียงนี้! ใยสิ่งดีๆต้องไปตกอยู่กับลัทธิบูชาไฟหมดด้วย?!”
ไม่ทราบผ่านไปนานเท่าไหร่ สุดท้ายหล่างเชียนจินก็ได้แต่แหงนมองฟ้า ร่ำร้องออกกมาอย่างไม่ยินยอม
ไม่ว่าจะเป็นตัวจ้าวลัทธิบูชาไฟอย่างถังซวน หรือผู้พิทักษ์อย่างต้วนหลิงเทียน ก็นับว่าต่างได้รับโชควาสนาเลิศล้ำมาทั้งสิ้น ทำให้หล่างเชียนจินอิจฉาแทบตายแล้ว!
ถังซวนนั้นมีวาสนาได้พบพานเข้ากับเวทย์พลังอันดับ 1 ของแดนดิน…
ต้วนหลิงเทียนนั้นพบวาสนาในคราวเคราะห์ ในเวลาสั้นๆเพียงไม่กี่ปี ก็กลายเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดใต้ขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน
“เรื่องนี้ยังไม่จบเพียงเท่านี้! มันไม่จบเพียงเท่านี้แน่! ลัทธิบูชาไฟต้วนหลิงเทียน แค้นนี้ข้าจักจดจำเอาไว้! ข้าจักจจำเอาไว้ไม่มีวันลืม!!”
แม้หล่างเชียนจินจะยากยอมรับแค่ไหน แต่มันก็จำต้องยอมรับ
ว่าคราวนี้การต่อสู้ระหว่างลัทธิอารามทมิฬกับลัทธิบูชาไฟ ฝ่ายที่แพ้พ่ายก็คือลัทธิอารามทมิฬของพวกมัน!
แน่นอนว่ามันสามารถไปไล่ฆ่าคนของลัทธิบูชาไฟนอกจากถังซวนเพื่อระบายความแค้นนี้ได้
แต่ผลที่ตามมาจากการกระทำดังกล่าวก็คือถังซวนจะกระทำกลับบ้าง! ไม่พ้นอีกฝ่ายต้องบุกมาฆ่าล้างบางอาวุโสระดับสูงของลัทิอารามทมิฬของมันไม่เหลือแน่!!
พอนึกถึงผลที่จะตามมาแล้ว ไม่ว่ามันจะมีโมโหแค่ไหน มันก็ได้แต่อดทนเอาไว้
ต้องมีสักวันที่เป็นของมัน!
มันไม่เชื่อว่าจะไม่มีโอกาสให้มันเล่นงานลัทธิบูชาไฟ!!
ณ ลัทธิบูชาไฟ เกาะส่วนตัวของถังซวน
“เค่อ…เอ๋อ…”
ต้วนหลิงเทียนมองไปยังสตรีที่เขาคำนึงหามานานปีด้วยความรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย
ร่างยังอดไม่ได้ที่จะสะท้านไปเบาๆ มือที่สั่นเทาค่อยๆยกขึ้นมาคล้ายจะลูบไล้ใบหน้ากระจ่าง หากแต่ยังหยุดค้างเอาไว้กลางคันด้วยความกลัว…กลัวว่าหากยื่นมือออกไปแล้วร่างเบื้องหน้าจะสลายเป็นหมอกควัน…
ฉากเรื่องราวเบื้องหน้าไม่ทราบปรากฏขึ้นในฝันกี่ครั้งแล้ว พอมาแลเห็นร่างบางที่คิดถึงทุกเมื่อเชื่อวันอยู่ตรงหน้า ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวอย่างแท้จริง กลัวว่าสุดท้ายก็เป็นเพียงความฝันอีกตื่นหนึ่ง
“นายน้อย!”
แก้มกระจ่างของเค่อเอ๋อพลันปรากธารเล็กๆรินไหล ร่างบางเองก็สะท้านไปไม่ต่าง หากแต่นางไม่คิดใดมากความ โผเข้าอ้อมกอดต้วนหลิงเทียนทันที
จังหวะนี้จริตอะไรที่สตรีพึงมีทั้งหลาย คล้ายถูกนางลืมเลือนไปหมดสิ้น
เวลานี้คล้ายในโลกหล้าจะเหลือเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เป็นบุรุษในฝันเบื้องหน้า
จากความอุ่นร้อนในอ้อมแขน ทำให้ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ว่าทุกเรื่องราวเบื้องหน้าไม่ใช่ความฝันแต่เป็นความจริง!
สตรีที่เขาฝันถึงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน…ตอนนี้อยู่ในอ้อมแขนเขาแล้วจริงๆ!
“เค่อเอ๋อ”
ต้วนหลิงเทียนกอดร่างบางของเค่อเอ๋อไว้แน่น ด้วยกลัวว่านางจะหายไปที่ใดอีก “เป็นข้ามาช้าไป…เป็นข้ามาช้าไป”
“ไม่ช้า ไม่ช้า”
เค่อเอ๋อที่ฝังหัวไว้บนอกต้วนหลิงเทยน อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าไปมาเบาๆทั้งน้ำตา หากแต่แม้จะร่ำไห้ฟูมฟายทว่าน้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความยินดีนัก ยังกอดร่างแกร่งเบื้องหน้าเอาไว้แนบแน่น ด้วยกลัวว่าหากปล่อยมือไปชายที่ก่อกวนใจในฝันทุกค่ำคืนจะหายตัวไปอีกครั้ง
ต้วนหลิงเทียนเองก็กอดเค่อเอ๋อไวว้แน่น ในใจรู้สึกสงบลงอย่างประหลาด ประหนึ่งเรือได้พบพานท่าเทียบ
นับว่าคำ สตรีเป็นหลุมฝังศพของวีรบุรุษ นั้น…
กล่าวไว้ไม่ผิดจริงๆ!
ทว่าทันใดนั้นเองพลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้น ทำลายบรรยากาศอันสวยงาม
“หากข้าจำมิผิด มิใช่ตอนนี้พวกเราสมควรรีบหนีกันก่อนหรือ หากจ้าวลัทธิบูชาไฟที่กำลังประมือกับหล่างเชียนจินกลับมา ต่อให้พวกเราคิดหนีก็หนีไม่ได้แล้ว…”
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่แต่ก่านหรูเยี่ยนที่อุ้มเด็กหญิงที่กำลังหลับไหลไว้ในอ้อมแขน ได้มาหยุดยืนอยู่ข้างๆต้วนหลิงเทียนกับเค่อเอ๋อแล้ว
และวาจาดังกล่าวของก่านหรูเยี่ยนก็เสมือนปลุกต้วนหลิงเทียนให้ตื่นจากฝันทันที
“ถูกแล้วเค่อเอ๋อ! พวกเราต้องหนีกันก่อน!!”
ต้วนหลิงเทียนฟื้นสติทันที
ขณะเดียวกันก็รีบกล่าวกับเค่อเอ๋อเสียงเข้ม
“ผู้พิทักษ์หลิงเทียน! เป็นเจ้าจริงๆ!!”
เสียงเข้มต่ำอันแฝงเร้นไปด้วยโทสะอันเกรี้ยวกราด ดังสนั่นปานฟ้าร้องมาแต่ไกล ทำให้สีหน้าพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 เปลี่ยนไปทันที
ฟุ่บบ!
พริบตาต่อมาเบื้องหน้าพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 พลันปรากฏร่างพร่าเลือนปานภูตผี ยังชัดขึ้นอย่างรวดเร็ว…