WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2216
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2216
ตอนที่ 2,216 : เผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์!
ปีศาจในรูปลักษณ์ชายหนุ่ม ยังมองออกอีกด้วยว่า…
สตรีที่หน้าตาเหมือนกันราวกับแกะและสมควรเป็นพี่น้องฝาแฝดกันแน่แท้ ถูกชายหนุ่มในชุดสีม่วงที่กำลังมองมันด้วยตาลุกวาวหอบหิ้วแบกมา!
ขวับ!
เมื่อมาถึงเบื้องหน้าปีศาจในร่างมนุษย์ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดเสียเวลาอะไรให้มาก หลังมองมันด้วยความสนใจพักหนึ่งก็สะบัดมือเรียกป้ายศิลามุมแหว่งขึ้นมาเพื่อดำเนินการตามแผนทันที!
ป้ายศิลามุมแหว่งชิ้นนี้ก็ไม่ใช่ใดอื่น เป็นยอดศาสตราเซียนของเขา ตราผนึกมาร!
ตราผนึกมารนั้น เป็นยอดศาสตราเซียนชิ้นหนึ่ง หรือจะเรียกมันว่าศาสตราหมื่นอาคมเซียนก็ได้ แม้ความสามารถในการเพิ่มพูนพลังผู้ใช้ของมันไม่นับว่าดีเด่อะไร…
ทว่าความสามารถที่ร้ายกาจที่สุดของมันก็คือ สยบปีศาจปราบมาร!
ฮึง! ฮึง! ฮึง! ฮึง! ฮึง!
……
ทันทีที่ตราผนึกมารปรากฏขึ้นในมือต้วนหลิงเทียน มันก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างแรง!
ราวกับนักล่าที่ไม่ได้พบพานเหยื่อมานาน แลเห็นเหยื่ออันโอชะอยู่เบื้องหน้า!
ปีศาจในรูปลักษณ์ชายหนุ่ม เมื่อเห็นตราผนึกมารปรากฏออกมา หน้ามันเริ่มซีดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ!
ป้ายศิลามุมแหว่งเบื้องหน้า ไม่ทราบเพราะอะไรกลับแผ่กลิ่นอายพลังบางประการที่ทำให้มันหวาดกลัวไปถึงก้นบึ้งของวิญญาณ!
“อยู่!”
เพียงห้วงคิดเดียว ก่อนที่ปีศาจหนุ่มดวงกุดจะทันได้ทำอะไร ต้วนหลิงเทียนก็ขวางตราผนึกมารใส่มัน!
ฆ่ามันอย่างที่ไม่ให้มันตั้งตัว!
“พอได้เจอเผ่าพันธุ์ปีศาจจากแดนเนรเทศ ตราผนึกมาร ดูเหมือนจะคึกคักผิดปกติแหะ…”
ในขณะที่ตราผนึกมารพุ่งไปกลืนกินวิญญาณของปีศาจเบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะโค้งคิ้วกล่าวพึมพำออกมาด้วยความสนใจ
และตราผนึกมารนั้นไม่ได้ทำลายร่างกายอะไรของมัน เพียงมุ่งเน้นไปที่การสะกดปราบดวงจิต ด้วยความที่ปีศาจตัวนี้มีด่านพลังเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยน ตราผนึกมารจึงใช้เวลาดูดกลืนวิญญาณอยู่บ้าง
“หวังว่าวิธีนี้จะได้ผล…”
แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ตราผนึกมารดูดกลืนวิญญาณของปีศาจหนุ่มเสร็จสิ้น ร่างต้วนหลิงเทียนพลันวูบไปปรากฏข้างๆร่างปีศาจไร้วิญญาณ
เขาปลดแหวนพื้นที่ของมันมาเก็บไว้ ก่อนที่จะหอบหิ้วร่างของมัน พลางมองด้วยสายตาเยียบเย็น
ปฐมเวทย์กลืนกิน!
ต้วนหลิงเทียนเร่งสำแดงเวทย์พลังปฐมเวทย์กลืนกินออกมาทันที ดูดกลืนพรสวรรค์รากวิญญาณอย่างรวดเร็ว “หืม? แค่รากวิญญาณสีเหลืองเองเหรอ…”
ในระหว่างดูดกลืน ต้วนหลิงเทียนก็แปลกใจไม่น้อย เพราะเขาสามารถพบได้ทันที…
พรสวรรค์รากวิญญาณของปีศาจตนนี้ ก็เป็นแค่รากวิญญาณสีเหลืองเท่านั้น!
ต้องทราบด้วยว่าสำหรับผู้ฝึกตนมนุษย์ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแล้ว สำหรับผู้ที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลือง อย่าว่าแต่ขอบเขตเซียนสวรรค์เลย กระทั่งจะทะลวงผ่านขอบเขตเซียนปฐพีให้บรรลุถึงเซียนนภายังต้องพึ่งพาวาสนาปาฏิหาริย์!
แต่ทว่าพลังฝึกปรือของปีศาจเบื้องหน้า จากกลิ่นอายพลังที่เขาสัมผัสได้ แม้ไม่ต้องใช้เนตรเทวะตรวจสอบเขาก็บอกได้ทันทีว่ามันเป็นเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยน!
“จริงสิ..เกือบลืมไปว่ามันเป็นปีศาจ พวกมันไม่ได้ดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินเพื่อบ่มเพาะพลังอย่างเดียว แต่ยังอาศัยการดูดกลืนแก่นแท้ ปราณโลหิตและพลังชีวิตของผู้อื่นเพื่อบ่มเพาะพลังเป็นหลัก หากมีเหยื่อมากพอ…ย่อมสามารถยกระดับพลังได้ในเวลาอันสั้น!”
ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็นึกขึ้นได้ และไม่แปลกใจอะไรอีก
อย่างไรก็ตามแม้จะเข้าใจ หากแต่แววตาของเขากลับทอประกายเยียบเย็นทั้งแหลมคมนัก ให้ความรู้สึกดั่งมีดดาบคมกล้าก็ไม่ปาน!
ปฐมเวทย์กลืนกิน!
หลังกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของปีศาจตนนี้แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้หยุดมือ เขายังประคองเวทย์พลังปฐมเวทย์กลืนกินต่อ
ทว่าคราวนี้เป็นการลงมือเพื่อกระทำตามสิ่งที่คิดไว้
ด้วยความเชี่ยวชาญในการใช้ปฐมเวทย์กลืนกิน ต้วนหลิงเทียนสามารถระบุสิ่งที่เขาต้องการดูดกลืนได้ง่ายดาย ไม่ยุ่งกับพลังชีวิตที่กำลังสลายหรือแก่นแท้อะไรมัน เพียงมุ่งเน้นไปยังปราณมารที่เริ่มสลายตัวในร่างของมัน!
แม้ปราณมารที่เขาต้องการกำลังสลายหายไปอย่างช้าๆเพราะเจ้าตัวตกตาย แต่ก็ยังคงเหลืออยู่อีกมาก
เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนจึงต้องใช้เวลาดูดกลืนอยู่พักหนึ่ง
อย่างไรก็ตามเวลาพักกหนึ่งที่ว่าก็ไม่ได้เนิ่นนานอะไร พอๆกันกับเวลาที่เขาใช้ในการดูดกลืนพรสวรรค์รากวิญญาณ!
เรียกว่าแม้จะเป็นพักหนึ่งในความคิดต้วนหลิงเทียน แต่สำหรับคนภายนอก ก็ยังพึ่งผ่านไปเพียงลมหายใจเดียวเท่านั้น!
“เอาล่ะ…ต่อไปก็เป็นขั้นตอนสำคัญที่สุด…”
หลังใช้ปฐฐมเวทย์กลืนกินดูดกลืนปราณมารอย่างเชี่ยวชาญ เรียกว่าต้วนหลิงเทียนสามารถสกัดปราณมารอันบริสุทธิ์ออกมาจากร่างปีศาจก็ว่าได้ และตอนนี้เขาเริ่มโคจรปราณมารบริสุทธิ์ที่สกัดมาให้มันแรพ่กระจายไปทั่วร่างกาย!
แน่นอนว่าตอนแรกที่เริ่มแพร่กระจายปราณมารไปทั่วกาย พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดย่อมไม่ย่อมให้พวกมันลุกล้ำพื้นที่! เปล่งพลังอำนาจทำลายล้างบดขยี้ปราณมารดังกล่าวทันที!!
สุดท้ายต้วนหลิงเทียนทำได้เพียงใช้การควบคุมอย่างแยบคาย เพียงแพร่ปราณมารไปฉาบคลุมผิวหนังเท่านั้น ไม่ให้มันไปข้องแวะเกี่ยวกับช่องทางเดินพลังทั้งชีพจรเซียนทั้งหลาย ไม่งั้นปราณมารที่อุตส่าห์สกัดมาคงถูกทำลายหายเกลี้ยง…
‘ได้การล่ะ…ลองทั่วร่างฉาบไว้ด้วยปราณมารแบบนี้ ต่อให้เป็นยอดฝีมือเผ่าพันธุ์ปีศาจที่พลังฝึกปรือสูงส่งแผ่สำนึกเทวะมาตรวจสอบ พวกมันก็คงต้องหลงคิดว่าข้าเป็นปีศาจเหมือนๆกันแน่นอน!’
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างพึงใจ เพราะเขารู้ดีว่าแผนการปลอมตัวเป็นปีศาจได้สำเร็จลุล่วงแล้ว!
‘อย่างไรเสียปราณมารนี่แต่เดิมก็ไม่ได้เป็นของข้า แม้จะพยายามรั้งไว้แต่พวกมันก็ยังคงสลายหายไปอยู่ตลอดเวลา…จากปริมาณปราณเท่านี้เกรงว่าไม่เกิน 1 เดือนคงหายไปจนหมด…’
ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักเรื่องนี้ได้
‘หนึ่งเดือน…มากพอให้ข้าทำความเข้าใจสถานการณ์เรื่องราวในปัจจุบันของภูมิภาคเบื้องล่าง ยังมากพอให้รู้ว่าเมืองนี่มันยังไงกันแน่’
คิดถึงจุดนี้สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายเรืองวูบ
เค่อเอ๋อที่อุ้มซือหลิง กับก่านหรูเยี่ยนพี่สาวฝาแฝดที่ลอยร่างอยู่ไม่ไกล แม้จะเฝ้าดูต้วนหลิงเทียนลงมืออย่างเงียบงันตั้งแต่ต้นจนจบ ทว่าพวกนางไม่อาจทราบได้เลยว่าที่แท้ต้วนหลิงเทียนทำอะไรอยู่กันแน่
จนเมื่อต้วนหลิงเทียนพูดอธิบายเรื่องราวให้พวกนางฟัง พวกนางจึงได้เข้าใจทันที
“นิ..นี่เจ้าสามารถสกัดปราณมารจากมัน…มาเป็นของตัวเองได้ง่ายๆแบบนี้เลยหรือ?”
จังหวะนี้ก่านหรูเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความรู้สึกหวาดกลัวกับกลวิธีของต้วนหลิงเทียน
ถึงแม้ก่อนหน้านี้นางจะกระจ่างแก่ใจแล้ว ว่าบุรุษจากภูมิภาคเบื้องล่างที่เคยไม่นับเป็นตัวอะไรในสายตานาง บัดนี้ได้เหนือกว่านางมาก…
แต่นางก็คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าอีกฝ่ายจะมีกลวิธีอันร้ายกาจขนาดนี้!
“ไม่ได้เอาปราณมารของมันมาเป็นของตัวเองจริงๆ…แค่เอามาเก็บไว้ในร่างเป็นการชั่วคราวเท่านั้น ทั้งหมดเพื่อป้องกันไม่ให้ยอดฝีมือของเผ่าพันธุ์ปีศาจค้นพบว่าพวกเราเป็น ‘มนุษย์’ ….”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวแก้ความเข้าใจผิดของนาง
“เอาล่ะ ตอนนี้พวกเรายังต้องไปซุ่มรอ ‘เหยื่อ’ ตนอื่น…ข้าต้องใช้ปีศาจอีก 3 ตน เพื่อสกัดปราณมารในร่างของพวกมันมา กักเก็บไว้ในร่างพวกเจ้ากับซือหลิง เพื่อปกปิดตัวตนไว้เป็นการชั่วคราว”
ต้วนหลิงเทียนยังต้องใช้กลวิธีนี้กับทุกคนที่เหลือ
ถึงแม้การกระทำเช่นนี้ ในสายตาของเผ่าพันธุ์ปีศาจแล้วจะโหดร้ายก็ตาม แต่เพื่อความอยู่รอด เขาก็จำเป็นต้องทำ! ต้วนหลิงเทียนยอมรู้ดี ในสงครามหากเห็นใจผู้อื่นก็ไม่ต่างใดจากทำร้ายตัวเอง!!
ถึงแม้พลังฝีมือของเขาตอนนี้จะนับว่าไม่ใช่ชั่ว แต่ในเผ่าพันธุ์ปีศาจก็ใช่ว่าจะไม่มีตัวตนอันทรงพลัง!
มีเพียงกระทำเช่นนี้เพื่อสร้างความมั่นใจว่าทุกคนจะปลอดภัยไร้ปัญหา เขาถึงสามารถเข้าไปหาข่าวในเมืองปีศาจได้อย่างวางใจ…
‘ตอนนี้ข้าเสียเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติไปแล้ว ก็เสมือนพยัคฆ์เสียเขี้ยว…และไม่ว่าจะยอดสมบัติสวรรค์อย่างกระบี่นิลสวรรค์ บรรทัดจักรวาล ก็ล้วนถูกผู้เฒ่าหั่วสั่งให้เก็บกลับเข้ามาในเจดีย์หลิงหลง เพื่อใช้ในการส่งข้ากลับมาภูมิภาคเบื้องล่างหมด’
คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะทอดถอนในใจ
ตอนนี้เมื่อไร้ยอดสมบัติสวรรค์อย่างกระบี่นิลสวรรค์ กับบรรทัดจักรวาล หากเขาพบเจอยอดฝีมือที่ร้ายกาจทัดเทียมเหาฉ่วงขึ้นมา เขาก็ไม่อาจรับมือได้อีกต่อไป…
เหาฉ่วงนั้นแม้จะเป็นเพียงครึ่งก้าวเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน แต่พลังฝีมือของมันก็สูงส่งนัก นับว่าสมญานามอันดับ 1 ใต้เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนไม่ใช่เรื่องล้อเล่นจริงๆ!
เป็นธรรมดาว่าต้วนหลิงเทียนไม่อาจล่วงรู้ได้เลย
ไม่ว่าจะเป็นยอดสมบัติสวรรค์อย่าง บรรทัดจักรวาล หรือ กระบี่นิลสวรรค์ ล้วนเป็นผู้เฒ่าหั่วลวงให้เขาเก็บกลับไปไว้ในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติตามคำสั่งของวิญญาณกระบี่กวงหลิงเท่านั้น
เขาหลงคิดไปเอง ว่าพวกมันถูกผู้เฒ่าหั่วเรียกคืนกลับมาเพื่อใช้ทำอะไรบางอย่าง ถึงสามารถป้องกันการลงมือของถังซวนจ้าวลัทธิบูชาไฟ รวมถึงใช้ในการฉีกเปิดมิติส่งเขากลับมายังภูมิภาคเบื้องล่างแบบนี้…
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้เหม่อคิดอะไรนานนัก
เขาเริ่มมองหา ‘เหยื่อ’ คนต่อไปทันที
และใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ เขาก็ได้พบเหยื่อที่ต้องการอีก 3 ตน เป็นปีศาจที่บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 2 ตน กับอีกตนที่มีพลังฝึกปรือเพียงเซียนนภา
ปราณมารของปีศาจทั้ง 3 ก็ถูกเขาสกัดออกมาด้วยปฐมเวทย์กลืนกิน ก่อนที่จะนำไปกักเก็บไว้ในร่างเค่อเอ๋อ ก่านหรูเยี่ยนและลูกสาวของเขาอย่างต้วนซือหลิง ด้วยการควบคุมพลังอย่างแยบคาย
และในขณะดำเนินการเรื่องนี้ ต้วนหลิงเทียน ยังใช้ทักษะควาญวิญญาณกับปีศาจขอบเขตเซียนนภาเพื่อหาข้อมูลอีกด้วย
ทำให้เขาได้รับทราบเรื่องราวจากปีศาจขอบเขตเซียนนภาตนนั้นไม่น้อย
“ที่แท้ไม่ใช่ว่าปีศาจทุกตัวจะสามารถจำแลงกายเป็นมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์…แต่บางตนก็เป็นปีศาจที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์แต่แรก!”
“เผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์งั้นเหรอ…ไม่น่าเชื่อเลยว่าที่ดินแดนเนรเทศจะมีอะไรแบบนี้ด้วย!”
หลังได้รับทราบเรื่องราว ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
สิ่งที่เรียกว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์นั้น หมายถึงลูกหลานที่เกิดจาก เผ่าพันธุ์ปีศาจดั้งเดิมกับผู้ฝึกมารในยุคก่อน ที่ได้แปรพักตร์ไปเข้าพวกกับเผ่าพันธุ์ปีศาจ…และหลบหนีไปยังแดนเนรเทศก่อนสิ้นสุดยุคมนุษย์ปีศาจ
และยุคมนุษย์ปีศาจก็ได้จบลงไปตั้งแต่เมื่อแสนกว่าปีที่แล้ว
ตลอดระยะเวลาแสนกว่าปีที่ผ่าน เผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์ ได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะมนุษย์มีความสามารถในการสืบพันธุ์สูงล้ำกว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจดั้งเดิมสูงมาก
และด้วยความที่เผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์เองก็ไม่เป็นที่ยอมรับสักเท่าไหร่ในแดนเนรเทศ ทำให้ทั้งหมดได้แต่เกาะกลุ่มรวมตัวกัน และขยายพันธุ์ในแวดวงศ์กันเอง อาศัยความสามารถในการสืบพันธุ์อันสูงล้ำของมนุษย์ที่ถูกส่งต่อมายังรุ่นหลังแพร่ขยายเผ่าพันธุ์ไปเรื่อยๆ
ในที่สุดจำนวนเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์ก็มีจำนวนมหาศาล จนกลายเป็นขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดขุมหนึ่งของเผ่าพันธุ์ปีศาจ!
แน่นอนว่าด้วยสายเลือดผสมของเผ่าพันธุ์นี้ยังคงเป็นอะไรที่เผ่าพันธุ์ปีศาจดั้งเดิมไม่ยอมรับ ทั้งหมดก็ได้แต่ขยายวงงศ์วานในเผ่าพันธุ์เดียวกันเท่านั้น
ด้วยอัตราการเกิดจำนวนมหาศาล รวมถึงภาวะแวดล้อมอันบีบคั้นที่มีเผ่าพันธุ์ปีศาจดั้งเดิมจ้องจะล้างผลาญทำลายอยู่ตลอด จึงทำให้บังเกิดอัจฉริยะขึ้นมามากมาย! สุดท้ายทำให้แม้เผ่าพันธุ์ปีศาจดั้งเดิมจะไม่ยอมรับพวกสายเลือดผสมมากแค่ไหนก็ตาม แต่พวกมันก็ไม่กล้าก่อสงครามอย่างวู่วาม…
“ครั้งนี้ที่พวกเผ่าพันธุ์ปีศาจสามารถบุกมายังภูมิภาคเบื้องล่างได้ ล้วนเป็นเพราะเผ่าพันธุ์ปีศาจวัวค้นพบช่องโหว่ของม่านพลังที่ฉาบเคลือบกำแพงมิติกั้นแดนงั้นเหรอ…”
ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็ได้รู้ว่าพวกปีศาจบุกเข้ามาได้อย่างไร
ขณะเดียวกันยังได้รับทราบความเป็นมาของเมืองใหญ่เบื้องหน้าอีกด้วย…
“ที่แท้เมืองใหญ่นี่เป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์ก่อสร้างขึ้น หลังจากยกทัพขึ้นมายังภูมิภาคเบื้องล่างแล้ว…ยังเป็นฐานที่มั่นของเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์ในภูมิภาคเบื้องล่างอีกด้วย”
“และเพราะเป็นฐานที่มั่นของเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์ เลยไม่มีเผ่าพันธุ์ปีศาจดั้งเดิม ที่มีรูปลักษณ์เหมือนอสูรกายดั่งในบันทึกโบราณให้เห็น…”
“เผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์ยั้งก่อตั้งขุมพลังคล้ายๆคลึงกับขุมพลังของผู้ฝึกตนมนุษย์ ด้วยความที่ทั้งหมดอยู่ในภาวะแข่งขันเหมือนกันกับขุมพลังในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ทำให้เพาะสร้างยอดฝีมือรุ่นแล้วรุ่นเล่าจนเอาตัวรอดจากการต่อต้านของเผ่าพันธุ์ปีศาจดั้งเดิมมาได้ถึงวันนี้…ในบรรดาขุมพลังทั้งหลายนั่น ก็มี 3 วังและ 6 ตำหนักที่แข็งแกร่งที่สุด”
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนมีความเข้าใจในเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์เพิ่มขึ้นไม่น้อย…
“ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าหลังจากสิ้นสุดยุคมนุษย์ปีศาจแล้ว จะอุบัติเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์อะไรแบบนี้ขึ้นมาในแดนเนรเทศได้ กระทั่งกลายเป็นเผ่าพันธุ์อันแข็งแกร่งทัดเทียมกับเผ่าพันธุ์ปีศาจดั้งเดิม…”
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ
ตอนนี้เค่อเอ๋อกับก่านหรูเยี่ยนเองก็อยู่ในอารมณ์ไม่ต่างกันกับต้วนหลิงเทียนสักเท่าไหร่
เผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์นั้น หากกล่าวกันตรงๆ ก็เสมือนพวกมันมีความเป็นมนุษย์อยู่ครึ่งหนึ่ง!