WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2217
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2217
ตอนที่ 2,217 : 6 ทวาราเที่ยงแท้หวนคืนสู่ยุทธภพ!
“ไม่คิดเลยว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์จะร้ายกาจขนาดนี้…!”
หลังได้รับทราบเรื่องราวจากคนของเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์มาพอสมควร ต้วนหลิงเทียนยังคงตัดสินใจเข้าไปในเมืองของเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์ไม่ได้หวาดกลัวอะไร…
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนยังได้รับทราบมาแล้วว่า
เมืองแห่งนี้มีชื่อว่า เหรินโม่เชิ่ง!
“หลังเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์ได้บุกเข้ามาดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า พื้นที่ตั้งของตำหนักเมฆาครามก็ถูกหนวยสอดแนมของพวกมันพบเจอก่อนปีศาจเผ่าอื่น…พวกมันจึงรีบมาอ้างสิทธิ์ปกครองพื้นที่ทะเลสาบผานหลงและพื้นที่เหมืองของตำหนักเมฆาครามแห่งนี้ทันที…”
“ไม่นานเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์ก็ชิงสร้างเมือง วางรกรากตั้งฐานที่มั่นก่อนที่ปีศาจเผ่าอื่นจะทันได้ทำอะไร ยังถึงกับเร่งสร้างเมืองเหรินโม่เชิ่งแห่งนี้ขึ้นมาได้ในเวลาอันสั้น…”
หลังได้รับทราบเรื่องราว ต้วนหลิงเทียนก็คิดจะไปสืบหาข่าวคราวของตำหนักเมฆาครามในเมืองเหริ่นโม่เชิ่งทันที
หากยังไม่ได้เบาะแสอะไรอีก เขาก็มีแต่ต้องลองย้อนกลับไปดูที่บ้านเกิดของเขาเท่านั้น
บ้านเกิดของต้วนหลิงเทียนหลังจากที่มาโลกนี้ ก็คือพื้นที่อันเป็นมุมเล็กๆมุมหนึ่งของโลกใบนี้
หากจะกล่าวให้ชัดก็คือ ทวีปมนุษย์ ที่อยู่ทางตอนใต้อันไกลห่างจากทวีปใหญ่อย่างดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!
เมื่อลงใต้ข้ามน้ำข้ามทะเลแสนไกลออกไป…จะพบกับทวีปมนุษย์อย่างทวีปเมฆาคราม! และเมื่อล่วงลุข้ามดินแดนรอบนอกไป ก็จะเจอกับเขตปกครองของราชวงศ์ทั้ง 10 หลังล่วงล้ำข้ามผ่านพื้นที่ปกครองหลักของราชวงศ์ต้าฮั่น ผ่านมาถึงจักรวรรดิศิลาทมิฬ ก็ให้ดิ่งลงใต้ผ่านพ้นอาณาจักรพนาคราม สุดท้ายจึงจะได้พบเจออาณาจักรแสนกระจ้อยร่อยอย่างอาณาจักรนภาล่อง ที่เรียกว่าตั้งอยู่ ณ สุดขอบทวีปเมฆาล่องอันไร้สำคัญ…
“พวกเราไปเมืองเหรินโม่เชิ่งกันก่อนเถอะ…”
ต้วนหลิงเทียนที่ไม่ทราบไปรับตัวต้วนซือหลิงกลับมาอุ้มไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ กล่าวออกเสียงเรียบ
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
หลังจากนั้นก็เปล่งพลังหอบหิ้วไร้สภาพอันอ่อนโยนขุมหนึ่ง นำพาบุตรสาวพร้อมพี่น้องฝาแฝดทั้งคู่ไปยังประตูเมืองใหญ่เบื้องหน้าด้วยความเร็วสูง
เมืองเหรินโม่เชิ่ง!
เมืองของเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์! ยังเป็นเมืองที่ใหญ่โตกว่านครแห่งบาปของภูมิภาคเบื้องบน!!
‘ในเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์ก็มีขุมพลังอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว…หากไม่นับยอดฝีมือครึ่งก้าวเซียนอมตะที่ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ไปเรียบร้อย และกำลังเตรียมพร้อมขึ้นสู่สวรรค์ที่ร่ำลือนั่น ขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือ 3 วัง 6 ตำหนัก…’
‘ผู้นำของ 3 วัง 6 ตำหนัก นับว่าพลังฝีมือร้ายกาจที่สุดในเผ่า เป็นรองก็แต่ประมุขเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์…ในบรรดาพวกมันจ้าววังทั้ง 3 ล้วนบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน ส่วนจ้าวตำหนักทั้ง 6 ล้วนบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนสุดปลายด่านพลังทั้งนั้น!’
หนังศีรษะต้วนหลิงเทียนถึงกับชาด้านขึ้นมาทันที เมื่อได้รับทราบเรื่องนี้
แม้ว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์จะเป็นแค่ 1 ในเผ่าพันธุ์ย่อยของเผ่าพันธุ์ปีศาจทั้งมวล…
อย่างไรก็ตาม อาศัยแค่ยอดฝีมือระดับแนวหน้าของเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์นี้ ก็เทียบได้กับกำลังรบของผู้ฝึกตนในภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าทั้งมวลแล้ว!
‘เท่าที่รู้ในภูมิภาคเบื้องบน ตอนนี้ด้วยความที่ถังซวนจ้าวลัทธิบูชาไฟ ทะลวงไปถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน ทำให้ปรากฏยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนให้เห็นแน่ๆทั้งสิ้น 4 คน…’
‘ส่วนครึ่งก้าวเซียนอมตะ เกรงว่าถ้าจะมีก็คงมีแค่เนี่ยอู๋เทียน ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นอันดับ 1 ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ที่สำคัญก็คือเนี่ยอู๋เทียนผู้นี้ไม่ปรากฏตัวในแดนดินนานแล้ว ไม่ทราบว่าที่แท้มันข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ แล้วขึ้นไปยังระนาบเทวโลกแล้วหรือยัง…’
‘หากมันขึ้นสู่แดนสวรรค์ไปแล้ว…เช่นนั้นหมายความว่าในภูมิภาคเบื้องบนก็ไร้ยอดฝีมือขอบเขตครึ่งก้าวเซียนอมตะอยู่เลย…’
‘ถ้าหากไม่มียอดฝีมือเร้นกายขึ้นมาจริงๆ หมายความว่าภูมิภาคเบื้องบนก็ไม่มียอดฝีมือที่ต้านทานรับมือประมุขเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์ที่บรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะได้แม้แต่คนเดียว…แถมพวกมันยังมีจ้าววังทั้ง 3 ที่เป็นเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนอยู่อีก…’
…
เมื่อลองครุ่นคิดถึงกำลังรบดู แผ่นหลังต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็น นับว่าลำพังแค่ 1 ในเผ่าพันธุ์ย่อยของพวกปีศาจ ก็มีพลังรบทัดเทียมกับมนุษย์แล้ว! สถานการณ์นี้เรียกว่าสุ่มเสี่ยงไม่น้อย!!
ในเผ่าพันธุ์ปีศาจช่างมียอดฝีมือมากมายเหลือเกิน!
กลับกันในเผ่าพันธุ์มนุษย์ตอนนี้ เรียกว่าขาดแคลนยอดฝีมือนัก…ขุมพลังทั้ง 2 ชนชาติเรียกว่าต่างกันราวฟ้ากับดิน!
เมื่อเข้ามาใกล้ประตูหน้าเมืองเหรินโม่เชิ่ง ต้วนหลิงเทียนก็สำรวจทุกสิ่งอย่างรอบกายอย่างระมัดระวัง มองสังเกตุไปหมดเพื่อความไม่ประมาท
ยังได้เห็นสภาพภายนอกชัดเจนนัก
เมืองแห่งนี้จัดตั้งขึ้นมาตามรูปแบบเมืองโบราณ มีสะพานใหญ่ทอดยาวข้ามคูเมืองที่ขุดล้อมรอบ กลิ่นอายพลังอาคมที่สลักไว้แผ่ซ่านออกมาหนาแน่น บอกกล่าวเอาไว้ ว่าคูเมืองแลดูธรรมดาๆหาได้ง่ายดายเหมือนตาเห็นไม่…
เมื่อมองไปยังกำแพงเมืองอันสูงใหญ่ ก็พบว่ามีภาพวาดเขียนคล้ายจิตกรรมฝาผนังปรากฏเด่นชัดมากมาย จำแนกจากตาเปล่าได้ว่าเป็นภาพวาดของ 2 เผ่าพันธุ์ที่แบ่งแยกไว้ชัดเจน
ด้านหนึ่งเป็นภาพวาดมนุษย์ในอริยิบทต่างๆ คล้ายบอกเล่าเรื่องราว มีทั้งเด็กน้อย ผู้ใหญ่ และผู้ชราทั้งหญิงชาย
ส่วนอีกด้านนั้นเป็นภาพปีศาจที่แลคล้ายอสูรกายมากมาย บ้างก็มีหัวเป็นวัว บ้างก็สุกร บางตัวก็ยิ่งแล้วใหญ่ แทบไม่มีรูปลักษณ์มนุษย์อยู่เลย เป็นตัวประหลาดพิลึกพิลั่น
อย่างน้อยๆ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่ได้ขู่ขวัญอะไรต้วนหลิงเทียน เขายังพอคาดเดาได้คร่าวๆจากในบันทึกที่เคยอ่านผ่านตา ‘ภาพวาดนั่นไม่เผ่าพันธุ์ปีศาจวัว…ตัวที่หัวเป็นหมูก็คงเป็นปีศาจสุกรแน่แท้…’
แน่นอนว่ามีรูปเผ่าพันธุ์ปีศาจแปลกตามากมาย ที่ต้วนหลิงเทียนเองก็ระบุไม่ได้ว่ามันเป็นเผ่าพันธุ์อะไร
มีเพียงสิ่งเดียวที่รู้ชัด
พวกมันคือเผ่าพันธุ์ปีศาจ ที่เป็นศัตรูของเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างเขา!
ไม่นานกลุ่มต้วนหลิงเทียนก็เหินร่างมาหยุดหน้าสะพานข้ามคูเมือง ขณะเดินข้ามสะพานไปยังซุ้มประตูเมืองใหญ่โตเบื้องหน้า กลุ่มของเขาก็ดึงดูดความสนใจจากปีศาจหลายตนที่สัญจรโดยรอบไม่น้อย
นั่นเพราะภรรยาทั้งพี่สาวฝาแฝดของภรรยาเขา ช่างงามล้ำจนยากพบพานได้ในแดนดิน!
ไม่ต้องกล่าวถึงรูปโฉมที่งดงามเหนือบรรยาย
อาศัยเพียงกลิ่นอายเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นความอ่อนโยนบริสุทธิ์ของเค่อเอ๋อหรือความเย็นชาน่าเกรงขามไม่แยแสใดของก่านหรูเยี่ยน ก็นับว่าเป็นสองสิ่งต่างขั้วชวนให้ผู้คนสนอกสนใจไม่น้อย
ปีศาจเพศผู้มากมายที่แลเห็นสตรีทั้งสอง ยังอดไม่ได้ที่จะหอบหายใจฟืดฟาด สองตาเริ่มแดงขึ้นมายามจับจ้องไปยังดรุณีหมดจด 2 นาง
ยิ่งไปกวานั้นบางคนก็ถึงกับเนื้อตัวแดงก่ำปานถูกน้ำร้อนลวก จ้องมองจนตาลอยน้ำลายไหลไปแล้วก็มี
ถึงแม้ปีศาจมนุษย์เหล่านี้ จะมีรูปลักษณ์ไม่ต่างใดจากกมนุษย์ แต่อย่าได้ลืมว่าในกายของพวกมันก็มีสายเลือดของเผ่าพันธุ์ปีศาจไหลเวียนอยู่ครึ่งหนึ่ง ยามบังเกิดอารมณ์ใดๆ ย่อมเผยอาการกริยาออกชัด
“เหอะ!”
สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนเป็นมืดลง เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาที่มองจ้องมาโดยรอบของเหล่าปีศาจ เสียงพ่นลมสบถเย็นเยือกพลันดังขึ้นทันที
และแทบจะพร้อมๆกันกับเสียงแค่นเยียบเย็นดังขึ้นนั้น
ซัววว!!
ทัวร่างต้วนหลิงเทียนพลันปรากฏกลิ่นอายพลังเย็นชาขุมหนึ่ง ซัดกวาดออกไปเป็นวงกว้าง กำจายไปครอบคลุมเหล่าปีศาจชายโดยรอบทันที!
ทันใดนั้นเหล่าปีศาจชายโดยรอบ ก็รู้สึกเสมือนร่วงตกลงไปอยู่ในหล่มน้ำแข็ง
เหตุผลหลักก็คือกลิ่นอายพลังที่ต้วนหลิงเทียนแผ่พุ่งออกมารอบนี้ ช่างรุนแรงทั้งเปี่ยมล้นไปด้วยแรงกดดันไร้สภาพอันน่ากลัวนัก!
แรงกดดันจากพลังของตัวตนที่บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนไม่ใช่เรื่องตลก!
เหล่าปีศาจชายมากมายถึงกับหวาดกลัวจนหน้าซีด เร่งละสายตาออกจากโฉมงามยากพบพานทั้ง 2 ทันที บ้างก็รีบกุลีกุจอหันหลังเดินหนี
เพราะพริบตานี้พวกมันไม่อาจไม่รู้
ว่าโฉมงามพิลาศคู่แฝดนี้ มีบุรุษอันเข้มแข็งทรงพลังเข้มแข็งข้างกาย!
“อวี่เยี่ยน…ดูเหมือนชายคนรักเจ้าจะ ‘หึงแรง’ เชียวนะ…”
ก่านหรูเยี่ยนหันไปแซวน้องสาวฝาแฝดด้วยน้ำเสียงหยอกล้ออย่างสนุกสนาน หากแต่ฟังให้ดีจะพบว่าในเสียงเจือไว้ด้วยความอิจฉาอยู่บ้าง
นางย่อมรู้ชัดดี
เหตุผลที่ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความไม่พอใจ จนเปล่งแรงกดดันพลังสาดออกไปทั่วทิศแบบนี้ เพราะไม่พอใจที่ปีศาจทั้งหลายมองเค่อเอ๋อด้วยสายตาต่ำทราม!
ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนางเลย…
ได้ยินเสียงหยอกล้อของก่านหรูเยี่ยน เค่อเอ๋ออดไม่ได้ที่จะอมยิ้มเขินอายจนแก้มแดง มือปาดแขนพี่สาวเบาๆแลดูน่ารักน่าเอ็นดูนัก
“หาที่ตาย!”
ต้วนหลิงเทียนยิ่งกลายเป็นมืดลงเมื่อพบว่ายังมีปีศาจชายอีกสองสามตนยังหาญกล้ามองเค่อเอ๋อด้วยสายตาต่ำช้าไม่เลิก
ซัวว!!
ครู่ต่อมา แม้ไม่เห็นว่าต้วนหลิงเทียนลงมือใดๆ ทว่าปรากฏรัศมีพลังสีทองขุมหนึ่งผุดจากความว่างขึ้นมาฉาบคลุมไปทั่วกาย!
เป็นพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิด!
เมื่อพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดปรากฏ พวกมันก็เกาะกลุ่มควบผนึกก่อเกิดเป็นกระบี่พลังสีทองหลายเล่มลอยล่องเวียนวนรอบกาย เปล่งกลิ่นอายคมกล้าเผยสำนึกกระบี่อันน่าพรั่นพรึง
ทันใดนั้นเอง
ฟั่ฟฟ! ฟั่ฟฟ! ฟั่ฟฟ!
…
บังเกิดเสียงหวีดหวิวกรีดอากาศแผ่วเบากังวาน ประกายแสงยะเยือกหนึ่งวาบขึ้นชวนให้ผู้คนขนลุก!
“อ๊าค!”
“อ๊าค!”
……
แทบจะพร้อมเพรียงกับเสียงกรีดอากาศดังขึ้น เสียงร่ำร้องด้วยความเจ็บปวดก็ลั่นสนั่นมาตามติด
เพียงห้วงคิดเดียวของต้วนหลิงเทียน เหล่าปีศาจไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำทั้งหลายก็ถูกกระบี่พลังทะลวงนัยน์ตาทั้ง 2 ข้างจนมืดบอด! หยาดโลหิตทะลักพรั่งพรูออกมาน่าใจหาย ย้อมหน้าของพวกมันให้แดงฉานคาวคลุ้ง!!
ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!
…
เหล่าปีศาจมนุษย์โดยรอบถึงกับสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บหลังจากรับทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ต่างมองไปยังปีศาจโชคร้ายด้วยความตื่นตระหนก!
“สารเลว ข้าจะฆ่าเจ้า!!”
หลังถูกต้วนหลิงเทียนทำร้ายจนตาบอด ปีศาจตนหนึ่งก็ไม่อาจระงับโทสะได้ไหว สันดารดิบของปีศาจถูกปลดปล่อย ร่างมีโมโหปะทุพลังดุร้าย ถับเท้าโจนทะยานเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนด้วยจิตอำมหิต!!
มันอาศัยสำนึกเทวะเพ่งเล็งต้วนหลิงเทียน ไม่จำเป็นต้องใช้สายตา!
“หนวกหู!”
เมื่อเห็นปีศาจตนดังกล่าวโจนทะยานเข้ามาอย่างดุร้าย ต้วนหลิงเทียนพลันตะคอกคำด้วยรำคาญ
ระหว่างตะคอกคำ มือยังยกขึ้นมาโบกสะบัดออกไปเบาๆ
แม้มองไปคล้ายโบกมือตามอำเภอใจใส่ปีศาจตนนั้นส่งๆ หากทว่าชั่วพริบตาดุจละอองไฟวาบ พลันอุบัติพลังไร้สภาพมหาศาลขุมหนึ่งซัดกวาดออกไป!!
ต่อหน้าพลังไร้สภาพขุมนี้ ปีศาจที่โจนทะยานเข้ามาอย่างเกรี้ยวกราดรู้สึกประหนึ่งตัวเองเป็นเรือลำน้อยในมหาสมุทรที่เผชิญหน้ากับคลื่นมรสุมโถมถันเข้ามา!
พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดไร้สภาพที่ต้วนหลิงเทียนซัดไป พุ่งตัดระยะไปด้วยเสียงกระหึ่มปานพิรุณกระหน่ำลงขุนเขา! โถมถล่มซัดร่างปีศาจดุร้ายจนตัวแตกแหลกสลายเป็นละอองเลือดในชั่วพริบตา!!
ภาพปีศาจตนหนึ่งถูกพลังบดขยี้เป็นละอองเลือดนี้ อานุภาพขู่ขวัญเหล่าปีศาจโดยรอบเพียงใดไม่บอกก็ทราบ!
ยิ่งปีศาจชายหลายตัวที่เดิมทีกำลังเดือดดาลด้วยโทส คิดลงมืออย่างเกรี้ยวกราดเข่นฆ่าต้วนหลิงเทียน พอสำนึกเทวะของพวกมันตระหนักได้ถึงเรื่องราวตรงหน้า พวกมันก็ชะงักร่างสิ้นลายหายซ่าทันใด!
อำมหิตนัก!
ลงมือได้เอาแต่ใจเหลือเกิน!
นี่คือความประทับใจแรกพบที่ต้วนหลิงเทียนทิ้งไว้ให้เหล่าปีศาจบริเวณหน้าประตูเมือง เมื่อเหล่าปีศาจมนุษย์มองไปที่เขาอีกครั้ง สายตาพวกมันพากันเปลี่ยนไปเป็นยำเกรง
ต้วนหลิงเทียนที่ไฉนลงมืออย่างอำมหิตไร้ปราณีเช่นนี้…ก็ไม่ได้มีใดมาก เพียงเพราะพวกมันคือปีศาจ!
หากพวกมันเป็นมนุษย์เขาคงลงมือสั่งสอนเบาะๆ พอให้พวกมันได้รับบทเรียนและล่าถอยไปอย่างเจียมตัว…
หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนที่อุ้มต้วนซือหลิง ก็เดินทางเข้าเมืองเหรินโม่เชิ่งไปพร้อมกันกับเค่อเอ๋อ และก่านหรูเยี่ยนอย่างไม่รีบไม่ร้อน…
…
ณ ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ภูมิภาคตอนเหนือ…
บนยอดเขาอันพร่างพรมไปด้วยปุยขาวเย็นจากฟ้า ปรากฏร่าง 7 ร่างเหินลอยในอากาศ ในบรรดา 7 ร่างที่ว่าเป็นสตรีไปแล้ว 3 คน…
ยามสตรีเลอโฉมทั้ง 3 มายืนเคียงกัน ความงามตามธรรมชาติอย่างขุนเขาหิมะเสมือนหม่นหมองลงถนัดตา
“ฮ่าๆๆๆ…ในบรรดาพวกเราทุกคน ข้ากู่ลี่ต้องเป็นคนแรกใน 6 ทวาราเที่ยงแท้แน่ที่สามารถสร้างชื่อให้กระฉ่อนไปทั่วแดนดิน!!”
ในบรรดา 4 คนที่เหลือ ปรากฏชายร่างใหญ่แลดูกำยำคนหนึ่ง หัวเราะกล่าวออกมาอย่างเหี้ยมหาญ ก่อนที่จะพุ่งร่างแหวกหิมะหายลับฟ้าไปด้วยความเร็วสูง
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
หลังจากชายที่เรียกตัวว่า กู่ลี่ พุ่งแหวกห่าหิมะลับตาหายไป อีก 4 คนที่ลอยอยู่ก็เริ่งเหินร่างตามติด ทั้งหมดพุ่งหายลับขอบฟ้าทิศใต้ไปด้วยความเร็วสูง
“ข้าไม่รู้จริงๆว่าท่านผู้เฒ่าพยากรณ์คิดอ่านอะไรอยู่กันแน่…ไฉนครึ่งปีที่แล้วถึงได้กำชับนักหนาว่าห้ามมิให้ออกไปที่ใด แต่มาวันนี้แทบจะผลักไล่ไสส่งพวกเราด้วยซ้ำ…”
หนึ่งในฝาแฝดกล่าวออกมาด้วยความฉงนใจ ก่อนที่คู่พี่น้องฝาแฝดที่รั้งท้าย จะพากันเหินร่างมุ่งลงใต้ตามคนก่อนหน้าไปอย่างไม่รอช้า…
วันนี้ 6 ทายาทของ 7 ทวาราเที่ยงแท้…ได้หวนคืนสู่โลกหล้าอีกครั้ง!