WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2218
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2218
ตอนที่ 2,218 : ยอดฝีมือที่เร้นกายจากโลกหล้า!
ช่วงเวลาเดียวกันกับที่ทายาทของ 6 ทวาราเที่ยงแท้เริ่มหวนคืนสู่โลกหล้า ทางภูมิภาคตะวันตกของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ก็บังเกิดความอลหม่านขึ้นอีกครั้ง
นั่นเพราะเรื่องราวที่ อาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬยกพลไปลัทธิบูชาไฟ หมายให้ลัทธิบูชาไฟส่งมอบตัวผู้พิทักษ์หลิงเทียนออกมาให้พวกมันชำระความแค้น ได้แพร่กระจายออกมาแล้ว!
“นี่ๆ พวกเจ้าได้ยินข่าวเรื่องนี้กันแล้วหรือไม่ เห็นว่าคนของลัทธิอารามทมิฬบุกไปหาความผู้พิทักษ์หลิงเทียนถึงลัทธิบูชาไฟทันทีหลังพบว่าผู้พิทักษ์หลิงเทียนกลับมาแล้ว!!”
“เรื่องนี้ข้าก็พึ่งได้ยินมาเมื่อเช้าหยกๆ เห็นว่าอาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬผู้นั้น ถึงกับนำกำลังคนมาด้วยตัวเอง…ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ายอดฝีมืออันดับ 2 ในรายนามยอดเซียนเช่นมันจะเคลื่อนไหวใหญ่โตแบบนี้ได้!”
“ยังไม่เคลื่อนไหวได้หรือ…หากมันไม่มาสักคนแล้วยังจะมีใครในลัทธิอารามทมิฬเสียงหนักพอจะกล่าวกับลัทธิบูชาไฟได้เล่า?”
“จริง พอท่านจ้าวลัทธิบูชาไฟเราทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนสักคน หากอาวุโสสูงสุดลัทธิอารามทมิฬไม่มา ที่เหลือก็อย่าได้คิดมาหาความอันใดเลย…”
“ลองหล่างเชียนจินผู้นั้นถึงกับออกโรงเองแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าหากมันไม่ได้ตัวผู้พิทักษ์หลิงเทียน พวกมันคงไม่ล่าถอยกลับไปง่ายๆ…”
…
เรียกว่าตอนแรกภาคตะวันตกล้วนแตกตื่นกับข่าวนี้ไม่น้อย
หลายคนอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความกังวลต่อผู้พิทักษ์หลิงเทียนของลัทธิบูชาไฟ!
เพราะสุดท้ายแล้วคราวนี้ลัทธิอารามทมิฬก็ไม่ได้มาเล่นๆ หล่างเชียนจิน อันดับ 2 ในรายนามยอดเซียนนั่นถึงกับมาด้วยตัวเอง! ต้องทราบด้วยว่ามันคือยอดฝีมือที่ร้ายกาจที่สุดรองจากเนี่ยอู๋เทียน ผู้เป็นอันดับ 1 ในแดนดิน!!
แต่ในขณะที่ทั้งภาคตะวันตกกำลังอกสั่นขวัญแขวนเพราะกังวลเรื่องผู้พิทักษ์หลิงเทียนของลัทธิบูชาไฟนั้นเอง…
ข่าวหนึ่งก็เริ่มแพร่ออกมาจากลัทธิบูชาไฟ!
หลังคนของลัทธิอารามทมิฬบุกมาถึงลัทธิบูชาไฟ หล่างเชียนจินได้ประกาศออกเสียงดังไปทั้งลัทธิบูชาไฟอย่างไม่กริ่งเกรงว่า…ให้ส่งมอบตัวผู้พิทักษ์หลิงเทียนออกมา! และด้านลัทธิบูชาไฟ ถังซวน จ้าวลัทธิก็ถึงกับระดมกำลังผู้พิทักษ์ทั้ง 5 รวมถึงต้วนหลิงเทียน ออกไปรับมือ!!
หลังมีปากเสียงกันสักพัก แม้หล่างเชียนจินจะเรียกร้องให้ส่งตัวผู้พิทักษ์หลิงเทียนเพียงใด ทีท่าของถังซวนก็แข็งกร้าวแน่วแน่ ไม่คิดปล่อยตัวคน!
เมื่อเจรจาไม่ประสบผล หล่างเชียนจินกับถังซวน ยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนของทั้ง 2 ขุมพลัง ก็ได้ลงมือปะทะกันใหญ่โต! เพียงแรกปะทะยังส่งผลให้ศิษย์แท่นบูชาพยัคฆ์ขาวตายไปกว่าครึ่ง! ก่อนที่ทั้งคู่จะเริ่มย้ายจุดไปรบกันไกลห่างลัทธิบูชาไฟ!!
ต่อมาผู้พิทักษ์หลิงเทียนรวมถึงผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟทั้ง 5 คน ก็ได้เผชิญหน้ากับจ้าวลัทธิอารามทมิฬพร้อมด้วยมหาธรรมราชาทั้ง 2!
ทว่าในขณะที่กล่าวแย้งกันไปมานั้นเอง…ผู้ช่วยเหลือของลัทธิอารามทมิฬก็ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างเหนือความคาดหมาย!
ที่สำคัญผู้ช่วยเหลือคนนั้นก็คือเหาฉ่วง อันดับ 5 ในรายนามยอดเซียน ผู้ที่ได้รับการขนานนามว่า ยอดฝีมืออันดับ 1 ใต้เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนคนนั้น!!
ซ้ำร้ายในขณะที่มีปากเสียงกับผู้พิทักษ์หลิงเทียนจนทั้งคู่คิดประลองตัดสินกัน เหาฉ่วงผู้นี้กลับหยิบควักพลองธัมมะอันเป็นยอดศาสตราเซียนออกมา สร้างความตกตะลึงให้ฝั่งลัทธิบุชาไฟอย่างหนัก!
เรียกว่าชัยชนะได้โอนเอียงไปทางลัทธิอารามทมิฬอย่างเห็นได้ชัด…
แต่ทว่าหลังจากทั้ง 2 ปะทะหาผู้ชนะกัน ต้วนหลิงเทียนกลับเป็นฝ่ายสยบเหาฉ่วงที่แม้จะใช้พลองธัมมะได้ในกระบวนท่าเดียว!
เรียกว่าทันทีที่เหตุการณ์นี้แพร่กระจายออกมา การที่ภูมิภาคตะวันตกจะฮือฮาขึ้นมาปานแผ่นดินไหวก็ไม่น่าแปลกใจเลย!
“สวรรค์ช่วย! ผู้พิทักษ์หลิงเทียนของลัทธิบูชาไฟเราจะไม่ร้ายกาจเกินไปหน่อยหรือ! นั่นมันเหาฉ่วงเชียวนะ! ที่สำคัญกระทั่งเหาฉ่วงใช้พลองธัมมะแล้วยังแพ้พ่ายคามือผู้พิทักษ์หลิงเทียนในกระบวนท่าเดียว! เช่นนั้นมิใช่อันดับ 1 ใต้เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนก็ได้เปลี่ยนมือแล้วหรือไร?”
“ยังน้อยไปสิ…ว่ากันว่าหากไม่ใช่เพราะผู้พิทักษ์หลิงเทียนออมมือไว้…เหาฉ่วงนั่นเผลอๆจะได้กลายเป็นผีไปแล้วด้วยซ้ำ!”
“อืม เรื่องนี้เห็นว่า…เพราะผู้พิทักษ์หลิงเทียนเห็นแก่ภาพรวมของมนุษย์เรา เผ่าพันธุ์ปีศาจใกล้บุกขึ้นมาเต็มที จึงได้ไว้ชีวิตยอดฝีมืออย่างเหาฉ่วงไว้…ช่างมากคุณธรรมนัก! สามารถละเว้นความแค้นส่วนตัวเพื่อเห็นแก่ส่วนรวม!!”
“มารดามันเถอะ! ข้าขอลั่นวาจาไว้ตรงนี้เลย ว่าตลอดชีวิตหลังจากนี้ข้าจะยึดถือท่านผู้พิทักษ์หลิงเทียนเป็นแบบอย่างไปจนตาย!!”
“เหอะๆ รายนามยอดเซียนฉบับล่าสุดออกมาไม่ทันไร ฉบับหน้าก็ต้องแก้ไขกันใหญ่โตแล้ว ผู้พิทักษ์หลิงเทียนของเราถึงกับเลื่อนขึ้นมาสิบกว่าอันดับในรอบเดียว ครองอันดับที่ 5 ไปหน้าตาเฉย!!”
……
หากกล่าวกันว่าก่อนหน้านี้เรื่องต้วนหลิงเทียนก็โด่งดังสร้างความตกใจให้ผู้คนทั่วภูมิภาคตะวันตกไปทีนึงแล้ว
คราวนี้นับว่าผู้พิทักษ์หลิงเทียนได้สะท้านสะเทือนขวัญผู้คนทั่วภูมิภาคตะวันตกครั้งใหญ่!!
และเป็นไปได้สูง
ว่าทันทีที่ข่าวใหญ่โตในภูมิภาคตะวันตกดังกล่าวเริ่มแพร่ออกไปเมื่อไหร่ ผู้พิทักษ์หลิงเทียนของลัทธิบูชาไฟน่ากลัวว่าจะได้รับการยอมรับให้กลายเป็นสุดยอดฝีมืออันดับต้นๆของแดนดินทันที!
อันที่จริงถึงแม้จะยังไม่มีข่าวเรื่องนี้แพร่ออกมา นามต้วนหลิงเทียนก็สะท้านสะเทือนทั้งแดนดินไม่น้อยอยู่แล้ว ทุกเรื่องราวและวีรกรรมทั้งหลาย ล้วนเป็นอะไรที่ทำให้ทั้งแดนดินตะลึงทั้งนั้น
เรียกว่าเป็นสัตว์ประหลาดนักเขย่าโลกก็ไม่ปาน!
พูดได้เลย ว่าพอเรื่องราวหลังต้วนหลิงเทียนกลับไปลัทธิบูชาไฟจนเกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนี้แพร่ออกมา โลกผู้ฝึกตนอิสระเห็นทีจะไม่ยอมรับก็คงไม่ได้ ว่าใครกันแน่ที่เป็นอัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับ 1 ของดินแดน!
เพราะครั้งนี้ ตำนานสะท้านขวัญของผู้ฝึกตนอิสระอย่างเผยซื่อไห่ ได้ถูกตำนานบทใหม่ของต้วนหลิงเทียนกลบทับ! นามอัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับ 1 ของมันถือไว้ไม่ได้แล้วจริงๆ!!
เพราะดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าตอนนี้ ได้อุบัติอัจฉริยะอันดับ 1 อย่างเป็นทางการ! ไร้ซึ่งผู้ใดสามารถคัดค้านแคลงใจได้อีกต่อไป!!
และผู้ครองนามอัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับ 1 ของแดนดินอย่างไร้ข้อกังขาผู้นั้น ก็คือผู้พิทักษ์หลิงเทียนของลัทธิบูชาไฟ!!
เดิมทีนาม ต้วนหลิงเทียน ก็ไม่ใช่อะไรที่แปลกหูสำหรับผู้ฝึกตนอิสระแต่แรก
ตั้งแต่ที่เรื่องราวตราผนึกมารในภูมิภาคเบื้องล่างแพร่กระจายออกมา ก็ทำให้ทั้งภูมิภาคเบื้องบนคุ้นหูกันแล้ว ผู้ฝึกตนอิสระส่วนใหญ่ก็ได้ทราบเรื่องนี้กันทั้งนั้น
ด้วยเหตุนี้ภายหลังเมื่อเรื่องราวของต้วนหลิงเทียนแพร่ออกมา เหล่าผู้ฝึกตนอิสระทั้งหลายจึงได้รู้ ว่ายอดฝีมือผู้นี้ยังมีอายุไม่ถึง 50 ปีจริงๆ!
ทว่าอายุไม่ถึง 50 ปีกลับได้เป็นผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟ!
ยังมีใครไม่รู้บ้าง ว่าหากคิดเป็นผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟ พลังฝีมือต้องเทียบได้กับเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน!
“ว่ากันว่าต้วนหลิงเทียน ผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟคนใหม่ พลังฝีมือยังไม่ใช่แค่เซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนธรรมดาๆ…กระทั่งสื่อเฟิง อดีตยอดฝีมืออันดับ 1 ในบรรดา 3 ผู้พิทักษ์ยังยอมรับว่าพลังฝีมือด้อยกว่าผู้พิทักษ์หลิงเทียน!”
“นั่นสิ ผู้พิทักษ์สื่อเฟิงของลัทธิบูชาไฟนั่นอย่างไรก็บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน แม้จะไม่ร้ายกาจเท่าใต้เท้าเผยซื่อไห่ แต่อย่างไรก็ต้องแข็งแกร่งกว่าเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนทั้งแดนดิน!”
“จากจุดนี้เห็นได้ชัดว่าแม้พลังฝีมือของผู้พิทักษ์หลิงเทียนอาจจะยังไม่เท่าใต้เท้าเผยซื่อไห่ แต่ก็ห่างกันไม่ไกล ที่สำคัญฝ่ายนั้นยังอายุไม่ถึง 50 ปีด้วยซ้ำ…”
นี่เป็นความรู้ความเข้าใจของเหล่าผู้ฝึกตนอิสระทั้งหลาย ก่อนเรื่องราวล่าสุดของต้วนหลิงเทียนตะแพร่ออกมา…
……
กล่าวได้ว่าแม้จะเป็นผู้ฝึกตนอิสระทั้งหลาย ก็ไม่อาจตั้งคำถามถึงความสามารถของต้วนหลิงเทียนได้อีก แค่เพียงตัดสินจากเรื่องราวทั้งหมดก่อนเรื่องล่าสุด ต้วนหลิงเทียนก็คู่ควรกับนามอัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับ 1 ของแดนดินแล้วจริงๆ!
ถึงแม้จะกล่าวอ้างทำนองว่า…กว่าจะมีวันนี้ได้ไม่ทราบต้วนหลิงเทียนพบพานวาสนาโดยบังเอิญมามากเพียงใด! ก็ไร้ประโยชน์!!
เพราะถ้ามองกันอีกมุม
หรือที่เผยซื่อไห่มีวันนี้ได้ จะไม่เคยพบพานวาสนาโดยบังเอิญเลย?
ยังดีที่สำหรับผู้ฝึกตนอิสระแล้ว ข่าวล่าสุดยังมาไม่ถึงหูพวกมัน หากพวกมันรู้กันไม่ทราบจะตกใจกันมากขนาดไหน
ถึงตอนนั้นพวกมันคงได้กระจ่างแจ้ง
กระทั่งในแง่พลังฝีมือส่วนตัวอย่างเดียว…ไม่ต้องเอ่ยถึงความเป็นอัจฉริยะท้าทายสวรรค์อะไร ต้วนหลิงเทียนก็ยังคงเหนือกว่าเผยซื่อไห่อยู่ดี!
ณ ที่ไหนสักแห่งของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าทางตอนเหนือ
ทางตอนเหนือของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋านั้นมีหิมะตกตลอดทั้งปี บรรยากกาศจึงหนาวเหน็บเยียบเย็น กระทั่งทะเลสาบลำห้วยอันใดล้วนจับตัวเป็นน้ำแข็งทั้งสิ้น หนาพอให้ผู้คนเดินย่ำได้สบายไม่ต้องกลัวแตกถล่ม
เหนือทะเลสาบอันกว้างใหญ่ไพศาลที่จับตัวเป็นน้ำแข็งแห่งหนึ่ง ปรากฏบ้านไม้หลังเล็กๆปลูกสร้างเอาไว้อย่างสันโดษ
หน้าบ้านไม้หลังเล็ก ปรากฏร่างหนึ่งนั่งขัดสมาธิลอยล่องอยู่กลางอากาศ ไม่สะทกสะท้านต่อลมหนาวที่แผ้วพานเสียดกาย…
เป็นชายวัยกลางคนมาในชุดผ้าธรรมดาไร้ราคา ยังแลดูเก่าเก็บไม่น้อยเพราะเต็มไปด้วยรอยขาดปรุ เส้นผมของมันถูกปล่อยสยายปรกบ่าไม่เป็นทรง แม้จะแลดูมอซอแต่ก็บอกให้รู้ว่ามันเป็นคนไม่แยแสภาพลักษณ์
ชายวัยกกลางคนผู้นี้เดิมทีก็หลับตาเข้าฌาณอยู่เงียบๆ
หากทว่าอยู่ๆสองตามันก็เปิดกว้างขึ้นมา ยังกลอกไปจับจ้องสุดฟ้าห่างไกลทิศทางหนึ่ง
มองข้ามธารน้ำแข็งไป จะพบว่าจุดที่มันจับจ้องนั้น ที่แท้เป็นร่างของผู้คน! ผู้คนที่ว่ายังเป็นชายหนุ่มในชุดจอมยุทธ์เรียบง่ายหน้าตาหล่อเหลา คนลอยค้างกลางหาวอย่างเงียบงัน กลิ่นอายที่แผ่ออกทั่วร่างเสียดคมไม่คล้ายกลิ่นอายของผู้คน ราวกับเป็นกระบี่เล่มหนึ่ง
เส้นผมของชายหนุ่มผู้นี้ถูกกรวบมัดไว้ด้วยเชือกผ้าธรรมดา หางม้าทอดยาวลงมากลางหลังพาดทับกระบี่พร้อมฝักที่แลดูธรรมดาๆเล่มหนึ่ง
กระบี่แม้จะแลดูธรรมดา แต่จากลวดลายเก่าแก่บนตัวฝัก ทั้งกลิ่นอายโบราณที่เสมือนทำให้บรรยากาศโดยรอบกลายเป็นสีหม่นนั่น ราวกับจะประกาศให้ผู้คนรับทราบว่า…
มันดำรงอยู่ข้ามกาลเวลามาอย่างยาวนาน!
“เผยซื่อไห่”
เมื่อเห็นร่างชายหนุ่มสะพายกกระบี่ ชายวัยกลางคนที่ขัดสมาธิกลางหาว ก็ลุกขึ้นยืน เท้าเพียงย่ำไปในอากาศก้าวหนึ่ง ร่างมันก็พุ่งวาบไปหยุดอยู่เบื้องหน้าชายหนุ่มสะพายกระบี่อย่างอัศจรรย์!
ฟังจากที่ชายวัยกลางคนเรียกหาออกมาเมื่อครู่ ตัวตนของชายหนุ่มสะพายกระบี่ผู้นี้ย่อมเผยให้รู้ชัด
มันคือเผยซื่อไห่ อันดับ 7 ในรายนามยอดเซียน!
“เวิงเจิ้ง…”
เผยซื่อไห่มองไปยังชายวัยกลางคนที่วูบร่างมาด้วยสายตาจริงจัง กล่าวออกเสียงเข้ม “ข้ามาคราวนี้ เพื่อดูว่าสามารถรับมือเจ้าได้ถึง 10 กระบวนท่าแล้วหรือไม่!”
ฟังจากที่เผยซื่อไห่กล่าวออก…
มันกับชายวัยกลางคนผู้นี้สมควรเคยประมือกันมาก่อน…ทว่าเผยซื่อไห่กลับแพ้พ่ายใน 10 กระบวนท่า!
หากข่าวเรื่องราวนี้แพร่กระจายออกไป ไม่แคล้วต้องกลายเป็นเรื่องแตกตื่นแน่นอน!
เพราะแม้แต่ เหาฉ่วง ผู้ที่เคยถือครองอันดับ 5 ในรายนามยอดเซียนและได้ชื่อว่าอันดับ 1 ใต้เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน ก็ยังไม่กล้าพูดว่าจะเอาชนะเผยซื่อไห่ได้ใน 10 กระบวนท่า!
ทว่าชายวัยกลางคนแลดูมอซอผู้นี้ที่สามารถเอาชนะเผยซื่อไห่ได้ใน 10 กระบวนท่า! กลับไร้ชื่อเสียงในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!!
อย่าว่าแต่ 10 อันดับแรกในรายยอดเซียนด้วยซ้ำ กระทั่ง 1,000 อันดับของรายนามยอดเซียนยังไม่มีชื่อมัน!
นี่ก็มากพอแล้วที่จะอธิบายเรื่องหนึ่ง…
มันคือยอดฝีมืออิสระที่เร้นกายจากโลกหล้า…และไม่เคยเผยพลังฝีมือต่อที่สาธารณะ!
ในฐานะยอดฝีมือที่เร้นกาย ต่อให้แข็งแกร่งเพียงใด ตราบใดที่ไม่เปิดเผยพลังฝีมือต่อสาธารณชน ก็ไม่มีทางที่มันจะมีชื่อเสียงขึ้นมาได้เลย เช่นนั้นใครจะไปรู้จักมัน…
เรื่องนี้ก็เหมือนกันกับเผยซื่อไห่ ที่พึ่งจะมามีชื่อเสียง ก็หลังจากที่ปรากฏตัวออกมาชิงอันดับ 7 ในรายนามยอดเซียนเมื่อไม่กี่ปีก่อน!
ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีใครรู้จักเผยซื่อไห่เช่นกัน ชื่อมันก็ไม่เคยปรากฏใน 1,000 อันดับของรายนามยอดเซียน
“เผยซื่อไห่ข้าได้ยินมาว่าที่ลัทธิบูชาไฟ ปรากฏอัจฉริยะขึ้นมาคนหนึ่ง แถมพลังฝีมือไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน ที่สำคัญยังอายุน้อยกว่า 50 ปี…เห็นทีนามอัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับ 1 ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าของเจ้า คงถึงคราวเปลี่ยนมือแล้ว…”
ชายวัยกลางคนนาม เวิงเจิ้ง ไม่รีบร้อนตอบคำเผยซื่อไห่ เพียงกล่าวหยอกล้อออกมาด้วยน้ำเสียงสนุกสนาน
“หึ!”
ได้ยินดังนั้น เผยซื่อไห่เพียงพ่นลมสบถออกมาเสียงเย็น “ภูผาสูงยังมีที่สูงกว่า…ข้าไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับ 1 ของแดนดินอันใดนั่นเลยสักครั้ง!”
“ฮายๆ เจ้าก็อย่าได้ถ่อมตัวไป…ก่อนที่เจ้าหนูของลัทธิบูชาไฟผู้นี้จะปรากฏตัว เจ้าก็คู่ควรกับนามอัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับ 1 ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋านั่นจริงๆ!”
เวิงเจิ้งกล่าวพลางส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม
เช้ง!
เสียงโลหะครูดหนึ่งดังขึ้น เป็นเผยซื่อไห่ชักกระบี่ที่กลางหลังออกจากฝักมาคอนถือไว้ ปลายกระบี่ยังจี้ชี้ไปยังเวิงเจิ้ง กล่าวออกเสียงขรึมว่า “ลงมือกันเถอะ!”