WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2221
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2221
ตอนที่ 2,221 : ปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์!
“พวกเจ้าได้ยินเรื่องนี้แล้วหรือยัง เห็นว่ามรดกสถานของปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์ของพวกมนุษย์ถูกค้นพบเมื่อไม่กี่วันก่อน”
วาจาประโยคนี้ของเผ่าพันธุ์ปีศาจบางตน ทำให้สองตาต้วนหลิงเทียนลุกวาวขึ้นมาทันที ลมหายใจยังถี่ขึ้นไม่น้อย!
ปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์!
สำหรับเขาประโยคนี้ ไม่ใช่อะไรที่ไม่คุ้นหูเลย!
กระทั่งทันทีที่ได้ยินเขายังนึกถึง ยอดศาสตราเซียนที่ติด 10 อันดับแรกในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ทันที!
ตอนที่อยู่ในลัทธิบูชาไฟเขาได้รู้มาว่า
ยอดศาสตราเซียนที่ติด 10 อันดับแรกในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ หรือที่เรียกกันว่าศาสตราหมื่นอาคมเซียนนั้น มันเป็นผลงานชั่วชีวิตของปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์!
และปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์ผู้นั้น ยังเป็นปรมาจารย์จารึกเซียนคนเดียวในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ที่ความสามารถในศาสตร์การจารึกอาคมบรรลุถึงขอบเขตสวรรค์!
หาไม่แล้วในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าคงไม่มียอดศาสตราเซียนอยู่เพียงแค่ 10 ชิ้นจนถึงทุกวันนี้!
“ว่าอะไร!?”
“ปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์ของพวกมนุษย์งั้นเหรอ!? ข้าเคยได้ยินมาว่านั่นคือตัวตนที่ปรากฏขึ้นแต่ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเท่านั้น!?”
“เป็นมันไม่ผิดแน่…”
“ว่ากันว่า ปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์คนนี้ของพวกมนุษย์ ได้สร้างยอดศาสตราเซียนทิ้งไว้ทั้งสิ้น 10 ชิ้น…หนึ่งในนั้นยังเรียกว่า ตราผนึกมาร ที่มีพลังอำนาจร้ายกาจที่สะกดข่มเผ่าพันธุ์ปีศาจอย่างพวกเราโดยเฉพาะ!”
“ใช่แล้ว ข้าเองก็เคยได้ยินเรื่อง ตราผนึกมาร นั่นมาเหมือนกัน…เห็นว่ามันเป็นยอดศาสตราเซียนที่น่ากลัวนัก! เป็นดั่งดาวข่มของเผ่าพันธุ์ปีศาจเราก็ไม่ปาน กระทั่งให้ปีศาจขอบเขตเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนของพวกเรา พบเจอเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยนของพวกมนุษย์ที่มีตราผนึกมารในครอบครองก็เหลือแต่หนทางตกตาย!!”
“เหอะๆ อย่าได้กล่าวถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนเลย ปีศาจอย่างเราๆต่อให้บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนก็ไม่แน่ว่าจะสู้เซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยนของมนุษย์ที่ถือครองตราผนึกมารได้…ยอดศาสตราอุบาทว์พรรค์นี้ ไม่รู้พวกมนุษย์นั่นมันสร้างขึ้นมาได้อย่างไรกัน”
“ข้าได้ยินมาว่าเดิมทีตราผนึกมารที่ว่าเป็นของนายน้อยตำหนักเมฆาคราม ในภูมิภาคเบื้องล่างแห่งนี้นี่เอง…แต่เห็นว่ามียอดฝีมือจากภูมิภาคเบื้องบนลงมาช่วงชิงแย่งไป! ยอดฝีมือจากภูมิภาคเบื้องบนคนนั้นน่าตายยิ่ง…หากมันไม่ลงมาช่วงชิงตราผนึกมารไป วันใดที่เผ่าพันธุ์ปีศาจเราตามหาคนของตำหนักเมฆาครามเจอ คงได้มีโอกาสทำลายตราผนึกมารบัดซบนั่นทิ้งไปให้พ้นๆ…”
“กล่าวถึงตำหนักเมฆาครามนั่นแล้ว…สถานที่ๆเมืองพวกเราตั้งอยู่ เห็นว่าก็เคยเป็นที่ตั้งเหมืองแร่หินเซียนของตำหนักเมฆาครามมาก่อน! เรียกว่าพวกเราได้มายึดที่ทางของตำหนักเมฆาครามนั่นก็ว่าได้…”
…
เมื่อมีปีศาจตนหนึ่งเริ่มเปิดประเด็นเรื่องปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์ขึ้นมา ไม่เพียงสหายปีศาจในโต๊ะ กระทั่งปีศาจโต๊ะข้างๆก็เริ่มผสมโรงด้วยทันที
เป็นเวลาสักพักแล้ว ที่เผ่าพันธุ์ปีศาจได้บุกเข้ามาในภูมิภาคเบื้องล่างแห่งนี้…
ปีศาจหลายตัวก็ใช้ทักษะควาญวิญญาณเป็น พวกมันก็ได้ใช้ทักษะดังกล่าวกับผู้ฝึกตนมนุษย์เพื่อหาข้อมูลมากมายก่อนที่จะฆ่าทิ้ง จึงได้รับทราบเส้นสนกลในของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าไม่น้อย
ในบรรดาเรื่องราวทั้งหมดที่สืบทราบ พวกมันก็ได้รับรู้เรื่องราวของ 10 ยอดศาสตราเซียนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเช่นกัน
หากจะกล่าวถามว่าในบรรดายอดศาสตราเซียนทั้ง 10 ชิ้น เผ่าพันธุ์ปีศาจให้ความสนใจยอดศาสตราชิ้นใดมากที่สุด ก็เห็นทีจะเป็นตราผนึกมารอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!
ยอดศาสตราเซียนชิ้นอื่นๆ ต่อให้มีอานุภาพสูงล้ำที่สุด หรือเป็นอันดับ 1 ในบรรดายอดศาสตราเซียนทั้ง 10 พวกมันก็ไม่แยแส ที่พวกมันสนก็มีแค่ตราผนึกมารเท่านั้น!
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะตราผนึกมารนั่นเป็นดั่งของแสลงเผ่าพันธุ์ปีศาจ! เป็นยอดศาสตราที่เกิดมาเพื่อกำราบพลังมารของพวกมันโดยเฉพาะ!!
‘ตำหนักเมฆาคราม…’
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะเงี่ยหูฟังบทสนทนาทันที เมื่อได้ยินปีศาจกล่าวถึง ตำหนักเมฆาคราม ออกมา
กระทั่งเค่อเอ๋อและก่านหรูเยี่ยนที่พอได้ยิน ก็เริ่มตั้งหน้าตั้งตาฟังเช่นกัน
ก่านหรูเยี่ยนยกมือนิ้วชี้ขึ้นมาจ่อไว้ที่ปากแล้วทำตาดุใส่ซือหลิงรอบหนึ่ง ซือหลิงก็รู้เรื่องดีว่าตอนนี้ควรทำตัวอย่างไร นางจึงเงียบไปแล้วอยู่นิ่งๆไม่ซุกซน หันไปเขี่ยกระดูกในจานตรงหน้าเล่น…
ต้วนหลิงเทียนที่ตั้งใจฟังค่อยๆได้รับทราบเรื่องราวที่มีประโยชน์จากปีศาจกลุ่มนั้นไม่น้อย
“ตอนที่เผ่าพันธุ์ปีศาจเข่นฆ่าบุกมาหมายชิงพื้นที่แถวนี้…คนตำหนักเมฆาครามกลับหนีรอดไปได้โดยไม่มีใครตาย?”
หลังได้ทราบข้อมูลสำคัญเรื่องนี้ไม่ว่าจะต้วนหลิงเทียนหรือเค่อเอ๋อ ก็อดไม่ได้ที่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ไม่มีคนตำหนักเมฆาครามตาย นั่นหมายความว่าครอบครัวทั้งสหายของเขาทั้งหมดยังมีชีวิตอยู่!
ตอนนี้ใจที่ถูกถ่วงรั้งไว้ด้วยความกังวลของต้วนหลิงเทียน ก็คล้ายได้ปลดเปลื้องพันธนาการ กลายเป็นโล่งอกทั้งแช่มชื่นอย่างถึงที่สุด
‘หืม? ทัพหน้าของเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์…ถึงกับถูกคนตำหนักเมฆาครามฆ่าล้างไปกว่าครึ่ง?’
ทันทีที่ได้ยินเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่ต้วนหลิงเทียน แต่เค่อเอ๋อ กระทั่งก่านหรูเยี่ยนก็ถึงกับหันมามองสบตากันด้วยความตกตะลึง
‘ตำหนักเมฆาครามของท่านพ่อ…ถึงกับสังหารทัพหน้าของเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์ไปกว่าครึ่ง ที่สำคัญหากไม่ใช่เพราะกำลังเสริมของเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์ยกทัพมาหนุนเสริมได้ทันเวลา เกรงว่าทัพหน้าที่บุกมาอาจจะถูกฆ่าล้างหมดสิ้น?’
ต้วนหลิงเทียนสับสนไปหมด
ตำหนักเมฆาครามของเขา มีกำลังรบอันเข้มแข็งถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!?
แนวหน้าของกองทัพเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์แม้จะไร้ยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน แต่ยอดฝีมือด่านพลังสูงๆก็สมควรมีไม่ใช่น้อย!
แต่ถึงขนาดนั้นตำหนักเมฆาครามของเขายังรอดพ้นหายนะการทำลายล้าง หลบหนีไปได้อย่างปลอดภัยไร้คนตาย…!
เรื่องนี้ทำให้ต้วนหลิงเทียนตะลึงทั้งสับสนอยู่นานยากจะคืนสติ
“พี่เทียน…ตำหนักเมฆาครามของท่าน ทรงพลังถึงขั้นนี้เชียวหรือ?”
เค่อเอ๋อยังอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมา
เค่อเอ๋อในตอนนี้ไม่ใช่เค่อเอ๋อที่ไม่ประสาในกาลก่อนแล้ว
ตั้งแต่ได้ไปอยู่ในภูมิภาคเบื้องบน ขอบเขตความรู้ความเข้าใจของเค่อเอ๋อก็ได้เปิดกว้าง แน่นอนว่านางย่อมรู้ความหมายถึงเรื่องที่ตำหนักเมฆาครามสามารถหลบหนีไปได้อย่างปลอดภัยดี…กระทั่งยังมีพลังกวาดล้างทัพหน้าของพวกปีศาจไปกว่าครึ่ง!!
“เรื่องแบบนี้…เป็นไปได้ยังไงกัน!”
ก่านหรูเยี่ยนโพล่งออกมาตรงๆ นางคิดไม่ออกจริงๆว่าไฉนตำหนักเมฆาครามถึงทรงพลังได้ขนาดนั้น
“ข้า…ข้าก็ไม่รู้…”
ได้ยินคำถามของเค่อเอ๋อ ต้วนหลิงเทียนพลันดึงสติกลับคืน ส่ายหน้าตอบคำอย่างสับสน
เขาเองก็คิดไม่ออก!
ว่าตำหนักเมฆาครามของเขาไฉนถึงมีกำลังรบอันร้ายกาจได้ขนาดนั้น?!
แม้จะขบคิดต่อไปอยู่พักใหญ่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจเข้าใจได้ว่าเพราะอะไร ‘ช่างเถอะ อย่างไรเรื่องนี้ต้องมีเหตุผลบางอย่าง…ขอเพียงเจอท่านพ่อกับท่านแม่และเสี่ยวเฟยเอ๋อเมื่อไหร่ เรื่องทั้งหมดย่อมกระจ่างเอง’
พอนึกได้แบบนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดมากเรื่องนี้อีก
‘อย่างไรก็ตามที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้สามารถยืนยันได้แล้วว่าทั้งหมดปลอดภัยดี…นับว่าจุดประสงค์ในการมาเมืองเหริ่นโม่เชิ่งครั้งนี้ของข้าลุล่วงไปได้ด้วยดี’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
ที่เขาเข้ามาในเมืองเหรินโม่เชิ่งแบบนี้เพียงเพราะอยากสืบข่าวคราวของตำหนักเมฆาคราม ว่าครอบครัวทั้งสหายของเขายังปลอดภัยดีอยู่หรือไม่…
ตอนนี้เมื่อได้รับการยืนยันเรื่องราวแล้ว เขาย่อมคลายกังวลตามธรรมชาติ!
‘หลังจากที่ท่านพ่อพาคนของตำหนักเมฆาครามหลบหนี หากเดาไม่ผิด…ท่านพ่อสมควรอพยพผู้คนไปทวีปเมฆาล่องแน่…เพราะสภาพแวดล้อมของที่นั่นมันด้อยกว่าในทวีปใหญ่อย่างดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าในภูมิภาคเบื้องล่างแห่งนี้อย่างมาก พวกปีศาจที่พลังฝึกปรือสูงๆย่อมดูแคลนทั้งไม่มีใครคิดจะเหลียวแลสถานที่แบบนั้น…’
‘สำหรับพวกปีศาจที่พลังฝึกปรืออ่อนด้อย…ด้วยความแข็งแกร่งของตำหนักเมฆาครามที่ต้านได้กระทั่งทัพหน้า ต่อให้รู้วว่าพวกท่านพ่ออยู่ที่ไหน แต่พวกมันย่อมไม่มีใครคิดจะไปหาที่ตายอย่างโง่งมแน่นอน’
จังหวะนี้ในใจต้วนหลิงเทียนรู้สึกโล่งอย่างสมบูรณ์
ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบข้อมูลเรื่องมรดกสถานของปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์เพิ่มขึ้น
และบังเอิญนัก
มรดกสถานของปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์ที่ว่า มันตั้งอยู่ทางทิศใต้…!
กล่าวอีกอย่างได้ว่า หากเขาคิดย้อนกลับไปทวีปเมฆาล่อง เขาก็ต้องผ่านมันพอดี!
‘กลับไปดูที่ทวีปเมฆาล่องก่อนแล้วกัน’
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็ตัดสินใจได้ทันที
และนี่ยังเป็นจุดประสงค์หลักของเขาตอนนี้…ตามหาครอบครัว!
สำหรับมรดกสถานของปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์นั่น ในเมื่อเป็นทางผ่านเขาก็จะแวะไปดูสถานการณ์สักหน่อย
และหากเขาสามารถยืนยันได้ว่ามันคือมรดกสถานที่ปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์เหลือทิ้งไว้เพื่อหาผู้สืบทอดจริง เขาก็จะลองเข้าไปแสวงโชคสักครา!!
เพราะสุดท้ายแล้วมรดกสถานของปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์ ก็เกี่ยวข้องกับความลับในการก้าวข้ามขีดจำกัด ถึงขั้นสามารถจารึกอาคมเซียนนับหมื่นลงศาสตราได้! ความลับในการสร้างยอดศาสตราเซียน!!
หากเขามีโชคได้รับสืบทอดมรดกของปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์จริง นั่นหมายความว่าสักวันเขาอาจสร้างยอดศาสตราเซียนขึ้นมาได้! ถึงตอนนั้นเขาย่อมสร้างมันเพื่อยกระดับความเข้มแข็งของครอบครัวได้อีกมาก!!
พอคิดถึงเรื่องนี้ ใจต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะว้าวุ่นขึ้นมา
แต่ดูเหมือนเขาจะลืมเลือนไปเสียแล้ว…
หากยอดศาสตราเซียน กระทั่งระดับสวรรค์ของปรมาจารย์จารึกเซียนมันบรรลุกันได้ง่ายๆแบบนั้น ไฉนผ่านพ้นมาเป็นหมื่นๆปี แต่ยังไม่มีใครบรรลุถึง?
‘อย่างไรก็ตามแม้ไม่แน่ว่าจะได้รับสืบทอดมรดกของปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์ผู้นั้นหรือไม่ แต่ใครจะไปรู้ว่าในนั้นใช่มียอดศาสตราเซียน หรือศาสตราเซียนดีๆอะไรเก็บไว้อยู่บ้าง หากมีโชคข้าอาจจะได้มันมาติดตัวไว้สักชิ้น!’
หลังว้าวุ่นใจไปพักหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็บังเกิดความฮึกเหิมขึ้นมา
เพราะเขาตระหนักได้ว่า
ตอนนี้เขาได้สูญเสียยอดสมบัติสวรรค์อันร้ายกาจไปหมดแล้ว ถึงแม้จะมีศาสตราที่เหนือกว่าศาสตราใดๆในแดนดินอย่างเกาทัณฑ์ดับตะวัน ทว่ามันก็ไม่เหมาะสำหรับกับเคล็ดยอดใจกระบี่ของเขาสักเท่าไหร่ อาวุธหลักของเขาตอนนี้คือกระบี่…
‘คิดมากไปก็เท่านั้น! แค่ลองไปดูสถานการณ์ก่อนค่อยว่ากัน’
ต้วนหลิงเทียนเลิกคิดอะไรให้มาก เพียงตั้งใจจะไปแสวงโชคเท่าที่ทำได้
ตอนแรกเขาคิดจะพาลูกสาวกับทุกคนกลับไปทวีปเมฆาล่องอันเป็นบ้านเกิดเขา แต่ถ้าเขาคิดจะลองไปดูมรดกสถานของปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์นั่น เขาก็จำต้องหาสถานที่ปลอดภัยให้ทุกคนอาศัยอยู่เสียก่อน
หากเขาไม่คิดไปมรดกสถาน เขาก็จะพาทั้งหมดกลับทวีปเมฆาล่องทันที
ทว่าตอนนี้เขาคิดจะลองไปดูสถานการณ์ที่นั่น
‘ตอนที่ยังอยู่ในภูมิภาคเบื้องบน ข้าได้ยินเรื่องราวมรดกของปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์ผู้นี้มานานว่ายังไม่มีใครเคยค้นพบ…ไม่รู้ว่าในนั้นจะมีมรดกวิชาตกทอดมาหรือไม่’
‘แต่ต่อให้ไม่มีมรดกวิชาก็น่าจะลองไปดูก่อนอยู่ดี เผื่อว่าจะมียอดศาสตราเซียนกระศาสตราเซียนระดับสูงๆเก็บไว้…หากได้ยอดศาสตราเซียนประเภทกกระบี่มาไยไม่ใช่เรื่องดี?’
หลังจากตัดสินใจแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็อุ้มซือหลิงทั้งพาพวกเค่อเอ๋อไปโรงเตี๊ยมแห่งใหม่ทันที
และโรงเตี๊ยมแห่งนี้เขาก็ได้ทราบข้อมูลมาแล้วว่านี่ยังเป็นโรงเตี๊ยมที่ดีที่สุดในเมืองเหรินโม่เชิ่ง เพราะมันเป็นธุรกิจของ วังจื่อเหยียน ซึ่งเป็นหนึ่งใน 3 วัง 6 ตำหนัก! นับเป็นขุมพลังที่เข้มแข็งระดับแนวหน้าของเผ่าพันธุ์มนุษย์ปีศาจ!!
และที่พักที่ดีที่สุดของที่นี่ก็คือคฤหาสน์ที่มีความเป็นส่วนตัวสูงนัก มีค่ายกลปกป้องไว้มากมาย และต่อให้ปราณมารที่เขาฉาบไว้ในร่างของทั้ง 3 จะสลายหายไป ก็ไม่มีทางที่ใครจะพบว่าทั้ง 3 เป็นมนุษย์
นอกจากนี้ที่พักของโรงเตี๊ยมแห่งนี้ ยังมียอดฝีมือจากวังจื่อเหยียนมาพิทักษ์ปกปักษ์ไว้ด้วยตัวเอง จึงไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครกล้าบุกเข้ามาก่อเรื่องอะไร
เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนจึงวางใจ ที่จะให้ทั้ง 3 พักอาศัย และบ่มเพาะพลังได้อย่างปลอดภัย รอคอยเขากลับมาจากการทำธุระ
“ท่านพ่อ ท่านจะออกไปเที่ยวที่ใดหรือ?”
ต้วนซือหลิงกล่าวถามออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นสองตากลมใส เมื่อพบว่าต้วนหลิงเทียนกำลังเตรียมตัวจะออกเดินทาง
“ซือหลิงคนดี พ่อมีธุระที่ต้องไปจัดการเล็กน้อย ซือหลิงไม่ซนแล้วอยู่เล่นกับแม่ที่นี่สักพักได้หรือไม่? พ่อไปไม่กี่วันเดี๋ยวก็กลับมาแล้ว อีกอย่างพ่อจะซือของอร่อยๆกลับมาฝากซือหลิงด้วย ดีหรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนลูบหัวน้อยๆของต้วนซือหลิงอย่างเอ็นดู ใบหน้าเต็มไปด้วยความรักความอ่อนโยนนัก
“ได้เลย ซือหลิงจะเป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซน…แต่ท่านพ่อต้องกลับมาหาซือหลิงเร็วๆนะ”
ต้วนซือหลิงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
“พี่เทียนข้าจะรอท่านกลับมา…”
เค่อเอ๋อมองต้วนหลิงเทียนพร้อมกล่าว
“อื้อ เจ้ากับลูกพักรอข้าอยู่ที่นี่”
ต้วนหลิงเทียนตอบกลับ ก่อนที่จะหันหลังแล้วเหินจากไปทันที ยังไม่กล้าแม้แต่จะมองย้อนกลับมาด้วยกลัวว่าจะเปลี่ยนใจไม่ไปไหนแล้ว…