WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2228
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2228
ตอนที่ 2,228 : ด่านสุดท้าย
แทบจะพร้อมกันกับที่ต้วนหลิงเทียนตะโกนสั่งจบคำ
วู้มม!!
เงาร่างเต่าทมิฬตัวเขื่องพลันปรากฏครอบคลุมทั่วร่างของเขาเอาไว้ด้านใน!
เป็นเวทย์พลังป้องกันอันดับ 1 ของลัทธิบูชาไฟ ปราการเต่าทมิฬ!
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
……
หลังจากเงาร่างเต่าทมิฬปรากฏคลุมร่างต้วนหลงเทียนไม่นาน พลันแว่วเสียงกระบี่พลังควบแน่นกลางอากาศจำนวนมาก ก่อนที่กระบี่พลังทั้งมวลจะมาเกาะกลุ่มห้อมล้อมร่างหวงเหวินจิ้งเอาไว้!
เป็นเวทย์พลังป้องกันของหวงเหวินจิ้ง หมื่นกระบี่พิทักษ์!
หลังจากต้วนหลิงเทียนและหวงเหวินจิ้งใช้เวทย์พลังป้องกันได้ไม่ทันไร…
เปรี๊ยง! ตูม! ตูม! ตูม!
……
มวลพลังอันมหาศาลที่โถมมาดั่งคลื่นมรสุมในที่สุด ก็ซัดทำลายเข้ามาใส่พวกเขาทั้งคู่ไม่หยุด!
กล่าวให้ชัด พวกมันซัดเข้าทำลายเวทย์พลังป้องกันของทั้งคู่ไหยุด!
เปรี๊ยงงงง!!
เสียงระเบิดยิ่งมายิ่งดังสนั่นนัก ม่านพลังของทั้งคู่เริ่มโย้ไปเย้มา ยังกระเพื่อมสั่นไหวอย่างแรง ราวกับพร้อมจะแตกสลายลงได้ทุกเมื่อ
“พลังทำลายร้ายกาจจริงๆ!”
เพียงแค่คลื่นพลังจากการจู่โจมของข่ายอาคมสังหารชุดแรก ก็ทำให้ใบหน้าของต้วนหลิงเทียนกับหวงเหวินจิ้งเปลี่ยนสีแล้ว แววตาเผยความจริงจังระวัง!
เปรี๊ยงงง!
เสียงระเบิดหนึ่งดังขึ้นอีกครั้ง เป็นคลื่นพลังอาคมมหาศาลที่ปะทุออกมาซัดปะทะเข้ากับม่านพลังของทั้งคู่
และครั้งนี้ก็นับว่ามันรุนแรงกว่าครั้งแรกมาก แทบทำให้ม่านพลังคลุมกายของทั้งคู่พังทลาย!
หากมีพลังมหาศาลแบบนี้ซัดเข้ามาซ้ำไม่หยุดหย่อนล่ะก็…พังแน่!
“ข้าจัดการด้านขวา!”
ทันใดนั้นเสียงเยียบเย็นหนึ่งของหวงเหวินจิ้งพลันดังขึ้นเข้าหูต้วนหลิงเทียน
“อืม”
ต้วนหลิงเทียนเองก็ตอบรับ ก่อนที่จะหันไปจับจ้องทางด้านซ้าย เมื่อเห็นมวลพลังมหาศาลเริ่มโถมถันเข้ามาอีกรอบ ต้วนหลิงเทียนพลันยกฝ่ามือทั้ง 2 ขึ้นมาม้วนวนราวกับจะสร้างวงกลมกลางอก!บังเกิดเป็นมวลพลังเซียนสุริยันก้อนใหญ่ลูกหนึ่ง!!
เปรี๊ยงงงง!
ทันทีที่สองฝ่ามือกระแทกออกมา พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดที่ผนึกควบรวมขุมใหญ่ ก็ระเบิดปะทุกวาดออกไปอย่างเกรี้ยวกราด สภาวะปานคลื่นสมุทรคลุ่มคลั่งหมายกลืนสรรพสิ่ง!
ซู่มมม!! ครืนนน!!
มวลพลังเซียนสุริยันขุมใหญ่ที่ต้วนหลิงเทียนกระแทกซัดออกมา พริบตาก็เริ่มควบแน่นก่อลักษณ์กลางหาว กลับกลายทรงพลังกล้าแข็งยิ่งขึ้นกว่าเดิม!
และลักษณ์พลังที่ว่า ก็แลคล้ายมังกรเทพยาดาตัวหนึ่ง ที่พุ่งทะยานฝ่าคลื่นไปอย่างอหังการ!
ในเวลาเดียวกัน
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
……
เสียงแหลมเสียดหูดังขึ้นถี่ยิบ เป็นหวงเหวินจิ้งใช้ออกด้วยกระบวนท่าไม้ตายก้นหีบ!
ห่าพลังกระบี่ที่มีจำนวนมหาศาลปานเม็ดฝน พุ่งฟันทำลายไปยังทิศทางเดียวกัน! พวกมันคล้ายตั๊กแตนห่าใหญ่หมายกัดกินทำลาย คลื่นพลังอาคมดั่งคลื่นมรสุมที่โถมซัดเข้ามา!!
เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!
……
พลังของต้ววนหลิงเทียนกับหวงเหวินจิ้งที่ปะทุปลดปล่อยออกมา เผชิญหน้ากับคลื่นพลังที่ข่ายอาคมปะทุออกอย่างหักหาญ!
ทันทีที่ปะทะเสียงระเบิดดังสนั่นปานฟ้าถล่มก็อุบัติขึ้น ช่องทางยังสั่นสะเทือนปานแผ่นดินไหว เศษดินหินร่วงฟุ้งไม่หยุด!
ราวกับพร้อมถล่มลงมาได้ทุกเวลา!
หลังจากนั้นไม่นานเสียงระเบิดสนั่นทั้งความวุ่นวายก็ค่อยๆซาลง ผลลัพธ์จากการลงมือก็ปรากฏออกมาให้เห็น
ต้วนหลิงเทียนกับหวงเหวินจิ้งสามารถทะลายคลื่นพลังสังหารชุดแรกของข่ายอาคมที่ติดตั้งอยู่ในด่านสุดท้ายได้สำเร็จ!
ถึงแม้ว่าข่ายอาคมในอุโมงค์ที่เขาพบเจอมา ล้วนเป็นข่ายอาคมจดจำอัตลักษณ์ที่จะเปิดการทำงานแค่ครั้งเดียว ทว่าการจู่โจมสังหารของข่ายอาคมทั้งหลาย ไม่ว่าจะมาในรูปแบบใดล้วนแล้วแต่แบ่งได้เป็น 3 ระลอกทั้งสิ้น
กล่าวได้ว่า
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกับหวงเหวินจิ้ง พึ่งจะผ่านพ้นการโจมตีระลอกแรก!
หลังจากนี้อีกไม่นาน การโจมตีระลอกที่ 2 ก็จะปรากฏขึ้น!
ดังนั้นไม่ว่าจะต้วนหลิงเทียนหรือหวงเหวินจิ้งก็ไม่ได้เผยทีท่ายินดีอะไรมากมาย หลังเอาชนะคลื่นพลังสังหารจากข่ายอาคมที่โถมถันเข้ามาดั่งคลื่นสมุทรไปได้แบบนี้…
และการจู่โจมระลอกที่ 2 ก็ปรากฏขึ้นอย่างที่ไม่ต้องให้ทั้งคู่เฝ้ารอนาน
การจู่โจมของระลอกที่ 2 นับว่าแตกต่างจากระลอกแรกนัก! เพราะครานี้หาใช่เพียงคลื่นพลังทำลายที่โถมถันเข้ามาดั่งคลื่นสมุทรอีกต่อไป! แต่เป็นเข็มพลังมีสภาพจำนวนนับไม่ถ้วนที่พุ่งทะลวงแทงเข้ามาอย่างน่าหวาดกลัว! หากโดนห่าเข็มพลังมีสภาพเหล่านี้ซัดเข้าล่ะก็…ร่างคงได้ปุพรุนเป็นรังแตนแน่!!
เช่นนั้นเมื่อเผชิญกับการจู่โจมระลอกนี้ ทั้งต้วนหลิงเทียนทั้งหวงเหวินจิ้งจึงชักสีหน้าเคร่งเครียดไม่น้อย
ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก!
……
เข็มพลังถล่มมาปานห่าฝน พวกมันนับว่าทรงพลังร้ายกาจจริงๆ ม่านพลังกระบี่ของหวงเหวินจิ้งแทบไม่อาจทนได้ถึง 2 ลมหายใจ กระทั่งปราการเต่าทมิฬของต้วนหลิงเทียนก็ต้านทานได้ไม่นาน สุดท้ายก็ถูกห่าเข็มพลังทะลวงเข้ามาจนได้!!
เรียกว่าเมื่อม่านพลังสลาย ทั้ง 2 ก็รู้สึกมือไม้ปั่นป่วนอยู่บ้าง!
อันที่จริงแล้วหากจะเทียบกันในแง่ของพลัง การโจมตีระลอกที่ 2 ก็ไม่ได้มีพลังมากกว่าระลอกแรกมากมายอะไร
เพียงแต่การโจมตีระลอกที่ 2 นี้ มันไม่ใช่คลื่นพลังที่โถมมาเป็นมวลใหญ่
มวลพลังมหาศาลนั่น กลับควบผนึกเป็นเข็มพลังเล่มเล็กๆมากมาย นับว่าเพิ่มพูนอำนาจทะลุทะลวงขึ้นไม่รู้ตั้งกี่เท่าต่อกี่เท่า!!
แม้จะรู้สึกมือไม้ปั่นป่วนอยู่บ้าง แต่สุดท้ายต้วนหลิงเทียนกับหวงเหวินจิ้งก็ยังพอต้านทานรับมือได้
‘โชคดีที่ข้าเลือกร่วมมือกับนาง…ไม่อย่างงั้นแค่การจู่โจมระลอกที่ 2 นี่ข้าก็รับไว้ไม่อยู่แน่’
หลังต้านรับการโจมตีระลอกที่ 2 ได้แล้ว ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ในการโจมตีระลอกแรกนั้น ต่อให้ไม่มีหงเหวินจิ้งช่วยเหลือ เขาก็สามารถต้านทานคลื่นพลังอาคมที่โถมถันมาดั่งคลื่นสมุทรนั่นได้ด้วยตัวคนเดียว
ทว่วาสำหรับการโจมตีระลอกที่ 2 คลื่นพลังมหาศาลที่รวมศูนย์ควบผนึกเป็นเข็มพลังแบบนี้ เขาลองถามตัวเองดูแล้ว…
เกรงว่าต่อให้ลงมือสุดกำลัง ก็ไม่น่าจะรับมือไหว!
ในขณะที่ต้ววนหลิงเทียนบังเกิดความโล่งใจ ด้านหวงเหวินจิ้งยิ่งโล่งใจกว่าต้วนหลิงเทียนมาก
และตอนนี้สายตาที่นางใช้มองต้วนหลิงเทียนก็ต่างออกไปจากเดิมแล้ว
หากก่อนหน้าจะบอกว่านางไม่ค่อยพอใจต้วนหลิงเทียนสักเท่าไหร่ เพราะคิดว่าต้วนหลิงเทียนโชคดีมีชัย เพราะบังเอิญพบช่องโหว่ในกระบวนท่าของนางล่ะก็…มาตอนนี้นางรู้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้โชคดีแน่นอน…
เพราะเมื่อเห็นกลวิธีการรับมือการโจมตีระลอกที่ 2หลังม่านพลังจากเวทย์พลังป้องกันถูกทำลาย หวงเหวินจิ้งก็ตระหนักได้ถึงช่องว่างระหว่างนางกับต้วนหลิงเทียน!
ต้วนหลิงเทียนร้ายกาจกว่านางมาก!
“เตรียมตัวให้พร้อม…การโจมตีระลอกสุดท้ายกำลังจะมาแล้ว…”
ต้วนหลิงเทียนย่อมสังเกตเห็นการมองเหม่อมาที่เขาของหวงเหวินจิ้งเป็นธรรมดา จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วกล่าวเตือนเสียงดุ
เรียกว่าเสียงเขาคราวนี้เต็มไปด้วยความตำหนิ!
มัวมาเหม่อในเวลาแบบนี้ ใช่เรื่องที่ไหน!
ได้ยินคำเตือนเสียงดุของต้วนหลิงเทียน หวงเหวินจิ้งก็หน้าม้านไปไม่น้อย หากแต่นางก็เร่งรวบรวมสมาธิจดจ่อกับการรับมือการจู่โจมระลอกที่ 3 ทันที
การจู่โจมระลอกที่ 3 ก็คือการโจมตีระลอกสุดท้ายของข่ายอาคมชุดนี้แล้ว
ตราบใดที่สามารถต้านทานการจู่โจมระลอกสุดท้ายนี้ได้ ก็หมายความว่าสามารถฝ่าด่านทดสอบนี้ได้สำเร็จ และปลายทางที่รออยู่สมควรเป็นมรดกใดมรดกหนึ่งของปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์แน่นอน!
‘บางที…ปลายทางอุโมงค์หลังด่านทดสอบสุดท้ายนี่ อาจเป็นพื้นที่บ่มเพาะ ที่มีอัตรากาลไหลของห้วงเวลาเชื่องช้าเหมือนกับเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติก็เป็นได้’
ขณะที่เฝ้ารอกการโจมตีระลอกที่ 3 ของด่านทดสอบสุดท้าย ใจต้วนหลิงเทียนบังเกิดความคึกคักไม่น้อย
สำหรับหวงเหวินจิ้งแม้นางจะไม่รู้เรื่องกลิ่นอายพลังลี้ลับที่เกี่ยวข้องกับอัตรากาลไหลของเวลาที่แตกต่างอะไรเหมือนต้วนหลิงเทียน แต่ในใจนางก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นไม่ต่างกัน นั่นเพราะด่านทดสอบทั้งหลายในช่องทางช่างยากเย็นนัก!มรดกหรือสมบัติที่ปรมาจารย์จารึกเซียนเหลือทิ้งไว้ในช่องทางนี้สมควรล้ำค่ามากแน่นอน!!
“โฮ่วววววส์!!!!”
ทันใดนั้นบังเกิดเสียงสนั่นลั่นก้องมาจากทุกทิศทาง ฟังแล้วยังคล้ายเสียงคำรามของสัตว์ร้ายดึกดำบรรพ์ ไม่เพียงสะท้านสะเทือนแก้ววหูผู้ฟัง หากแต่ยังมีพลังไร้สภาพกดดันขุมหนึ่งกำจายออกมา!
จังหวะนี้สีหน้าของต้วนหลิงเทียนกับหวงเหวินจิ้งพลันเปลี่ยนไปทันที
ตึง! ตึง!!
ทันใดนั้นก็บังเกิดเสียงสะเทือนเลือนลั่นสองครั้ง ฟังไปคล้ายกลองศึกดังขึ้นจากไกลห่าง ทำให้ต้วนหลิงเทียนและหวงเหวินจิ้งที่จดจ่อกับการรับมือตกใจไม่น้อยสีหน้ายิ่งมายิ่งจริงจังขรึมเคร่ง!
ตึง! ตึงงงง!!
เสียงสนั่นดังกลองศึกดังขึ้นอีก 2 ครั้ง เขย่าขวัญต้วนหลิงเทียนกับหวงเหวินจิ้งอีกรอบ
อย่างไรก็ตามเมื่อทั้งคู่ได้เตรียมตัวววเตรียมใจรับมือไว้แล้ว จึงไม่ได้ตกใจเหมือนอย่างตอนแรก
ตึง! ตึง! ตึง! ตึงง!!
……
ทันใดนั้นเสียงสนั่นปานกลองศึกก็ดังขึ้นไม่หยุด ภายใต้สายตาของต้วนหลิงเทียนกับหวงเหวินจิ้ง เริ่มสังเกตเห็นบางสิ่ง! ท่ามกลางความว่างเปล่าไกลตาเริ่มปรากฏจุดสีดำหนึ่ง!!
ยิ่งเสียงลั่นดังเท่าไหร่ จุดสีดำไกลตานั่นก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เป็นบางสิ่งที่กำลังใกล้เข้ามาทุกกขณะ!!
สุดท้ายเมื่อเข้าใกล้มากพอ ต้วนหลิงเทียนกับหวงเหวินจิ้งก็ได้รับทราบว่วาที่แท้จุดดำเล็กๆก่อนหน้าคืออะไร…มันกลับเป็นฝูงอสูรกายสีดำมะเมื่อมตัวเขื่องที่มีรูปลักษณ์น่าเกลียดน่ากลัวนัก! ทั่วร่างยังเต็มไปด้วยไอมารน่าสะพรึงกลัว!!
แม้ไอมารจะไม่ได้บริสุทธิ์เหมือนไอมารของปีศาจจากแดนเนรเทศ ทว่าความหนาแน่นนั่นก็ไม่อาจปกปิดพลังอันน่าหวั่นหวาดของมันได้เลย!
“โฮ่ววววส์!!”
“โฮ่ววววววววววส์!!”
……
ยิ่งฝูงอสูรกายน่ากลัวตัวเขื่องใกล้เข้ามาทั้งสองมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งกู่ก้องร้องคำรามออกมาอย่างดุร้ายเสียงคำรามขู่ข่มของสัตว์ร้ายเป็นฝูงนับว่ามีอานุภาพขาขวัญผู้คนแทบตาย ยังทำให้แก้วหูทั้งคู่สะเทือนแทบปริฉีก!
“ฆ่า!!”
ต้วนหลิงเทียนตอคอกเสียงเย็น ขณะเดียวกันร่างเขาก็โจนทะยานออกไป ในมือไม่ทราบถือไว้ด้วยกระบี่พันอาคมเซียนตั้งแต่เมื่อไหร่ หากแต่บัดนี้ตัวกระบี่เปล่งแสงสว่างเรืองรอง กลิ่นอายพลังคมกล้าเปล่งสะท้านออกมาราวกับจะสะบั้นผ่าได้ทุกสิ่ง!
ขณะเดียวกันไม้ตายทั้งหมดที่ต้วนหลิงเทียนมี ก็ถูกใช้ออกอย่างไม่มีกักเก็บ!
จังหวะนี้หากยังออมรั้งยั้งมืออะไรไว้ น่ากลัวว่าคงเหลือแต่หนทางตกตาย!!
ปฐมเวทย์กลืนกิน!
ปราการเต่าทมิฬ!
ปีกอีกาทองคำ!
เซียนอมตะข้ามภพ!!
ต้วนหลิงเทียนใช้ออกด้วยเวทย์พลังทั้ง 4 ทันที!
ในตอนที่เขาใช้ออกด้วยเซียนอมตะข้ามภพ กระบี่แต่ละเล่มยังแฝงเร้นไปด้วยพลังลี้ลับ เต็มไปด้วยสำนึกกระบี่ขอบเขตที่ 3 ของมรรคากระบี่สูงสุด ยอดใจกระบี่!
ยิ่งไปกว่านั้น
ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อไหร่แต่ตอนนี้ทั่วร่างของต้วนหลิงเทียนกลับปรากฏเกล็ดมังกรเทพยดามากมายเรียงตัวเป็นแพดั่งปราการเหล็ก…
มือเท้าของเขายังกลับกลายเป็นกรงเล็บมังกรไปแล้ว!
ที่สำคัญแต่ละข้างยังมีถึง 9 กรงเล็บ บ่งบอกให้รู้ชัดว่าเป็นมังกร 9 กรงเล็บ!!
“นักรบมังกร 9 กรงเล็บ!?”
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนโนทะยานออกไปอย่างดุร้าย หวงเหวินจิ้งย่อมแลเห็นชัดตาว่าตอนนี้รูปร่างของต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนเป็นอะไรไปแล้ว ลูกตานางอดไม่ได้ที่จะหดหยีลง ยังเผยความตื่นตระหนกทั้งเหลือเชื่อนัก!
“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้…เป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บในตำนานงั้นหรือ!?”
หวงเหวินจิ้งในฐานะที่เป็นคนของวังเซียนสัญจร 1ใน 6 ขุมพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเผ่าปีศาจมนุษย์ นางย่อมมีสายเลือดมนุษย์อันบริสุทธิ์ไหลเวียนอยู่ในกาย
หากนางมาปรากฏตัวในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ผู้คนคงเห็นว่านางเป็นเพียงผู้ฝึกมารเท่านั้น ไม่ใช่ปีศาจอะไร
ด้วยเหตุนี้ตัวนางจึงบังเกิดความสนใจในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าที่บรรพบุรุษเคยจากมาเป็นอย่างมาก จึงพยายามสืบเสาะเรื่องราว ทั้งหาข้อมูลทุกอย่างด้วยการใช้เคล็ดวิชาควาญวิญญาณจากปีศาจอาวุโสที่อ่อนแอกว่านาง
แน่นอนว่าเรื่องราวที่นางได้รับทราบมา ก็ทำให้นางพอจะรู้ว่า…มังกรเทพยดา 9 กรงเล็บ และ นักรบมังกร 9 กรงเล็บ มีความสำคัญเพียงไหนในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!
“ที่แท้…แม้จะเป็นการจู่โจมระลอกที่ 2 เมื่อครู่ มันก็ไม่แม้แต่จะเอาจริง!”
นึกถึงเรื่องนี้ หวงเหวินจิ้งอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความขมขื่นในใจ
“เจ้ายังมัวเหม่ออะไรอยู่! ยังไม่รีบลงมืออีก!!”
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้หันไปมอง แต่คล้ายเขาจะรู้ว่าตอนนี้หวงเหวินจิ้งไม่พ้นกำลังตกใจกับการแปลงร่างของเขา เช่นนั้นหลังโจนทะยานเข้าใส่อสูรกายตัวเขื่องจนฆ่ามันได้แล้วตัวหนึ่ง เขาจึงตะโกนเสียงดุออกมาดังสนั่น! หมายดึงสติหวงเหวินจิ้งทันที!!
ทันทีท่ได้ยินเสียงตะโกนแฝงตำหนิ หวงเหวินจิ้งก็ดึงสติกลับมาทันที เร่งปะทุพลังชั่วชีวิตโจนทะยานตามต้วนหลิงเทียนไปติดๆ
อย่างไรก็ตาม เนื่องเพราะหวงเหวินจิ้งลงมือเชื่องช้าเกินไป พอเหินทะยานมาถึงครึ่งทาง นางก็ตกอยู่ในวงล้อมของอสูรกายน่ากลัวเสียแล้ว!