WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2242
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2242
ตอนที่ 2,242 : สหายเพียงคนเดียว
กระบวนการวาดอาคม โลหิตกลืนวิญญาณถวายชีพ นั้นไม่ได้ใช้เวลานานนัก ยังผ่านไปเพียงแค่ 2-3 ลมหายใจเท่านั้น
อยางไรก็ตามในช่วงเวลา 2-3 ลมหายใจนี้ ไม่ว่าจะเป็นตัวตู้กูเองหรือตัวต้วนหรูเฟิง ก็รู้สึกเสมือนมันผ่านพ้นไปนานแสนนาน
ต้วนหรูเฟิงรู้สึกว่ามันยาวนาน เพราะเห็นตู้กูต้องทนทุกข์ทรมานอย่างสาหัสเพื่อมัน
ด้านตู้กูที่รู้สึกเสมือนยาวนานก็เพราะ ในกระบวนการมันต้องพบพานกับความเจ็บปวดจากการถูกกลืนกินวิญญาณ! ความเจ็บปวดเสมือนมดนับหมื่นพันกัดกินวิญญาณไปทีละนิดนั่น ทำให้กำลังใจของมันแทบล่มสลายครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายก็เพราะจิตอันแน่วแน่จึงทำให้มันฝืนทนมาได้
ในกระบวนการที่เจ็บปวดจนรู้สึกอยู่ไม่สู้ตายนั้น แค่พริบตาเดียวก็เสมือนผันผ่านไปเป็นปี!
หลังผ่านพ้นกระบวนการที่ทำให้ทุกข์ทรมานถึงขั้นอยู่ไม่สู้ตาย ตู้กูที่ตอนนี้กลิ่นอายพลังชีวิตริบหรี่เต็มที ในที่สุดก็วาดอาคมโลหิตกลืนวิญญาณถสายชีพได้สำเร็จ!
“เปิด!”
หลังตะโกนออกด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง วงอาคมโลหิตกลืนวิญญาณถวายชีพสีแดงฉาน ที่ตู้กูทุกข์ทรมาณวาดขึ้นมา ก็เริ่มบังเกิดความเปลี่ยนแปลง แสงสีเลือดเริ่มส่องสว่างออกมาอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ
ทันใดนั้นเหนือขึ้นไปจากวงอาคม ท่ามกลางแสงสีโลหิต ปรากฏบางสิ่งคล้าย ‘ประตู’ ที่มีสีแดงฉานปานจะก่อสร้างขึ้นมาจากเลือดผุดขึ้นในอากาศว่างเปล่า จากนั้นมันก็ค่อยๆเปิดอ้าออก
ด้านหลังประตูเป็นความมืดมิด ไม่อาจแลเห็นได้ว่ามันจะนำไปสู่ที่ใด
“ต้วนหรูเฟิง เจ้าคือสหายเพียงหนึ่งเดียวตลอดชั่วชีวิตข้า!”
ตู้กูหันมองไปยังต้วนหรูเฟิงพร้อมกล่าวออก ใบหน้าชราคลี่ยิ้มที่แลดูอัปลักษณ์ปานจะร้องไห้อีกครั้ง
ตลอดชั่วชีวิตของมัน แม้จะยืนอยู่ ณ จุดสูงสุดของภูมิภาคเบื้องล่าง แต่มันก็ไม่เคยมีเพื่อนแม้แต่คนเดียว
ก่อนที่เผ่าพันธุ์ปีศาจจะบุกเข้ามาในภูมิภาคเบื้องล่าง มันก็ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าวันหนึ่งจะได้เป็นสหายของศัตรูคู่แข่งที่คอยชิงเหลี่ยมกันมานานปี…
แทบจะพร้อมกันกับที่ตู้กูกล่าวจบคำ กลิ่นอายพลังชีวิตทั่วร่างของมันก็เหือดหายไปอย่างสมบูรณ์ ยังอันตรธานหายไปในชั่วพริบตาราวกับไม่เคยมีอยู่มาก่อน
การใช้อาคม โลหิตกลืนวิญญาณถวววายชีพนั้น ไม่เพียงแต่มันจะผลาญพลังชีวิตทั้งหมดเท่านั้น ยังรวมถึงจิตวิญญาณอีกด้วย!
เช่นนั้นหลังใช้อาคมโลหิตกลืนวิญญาณถวายชีพสำเร็จแล้ว ตู้กูก็เสมือนตะเกียงหมดน้ำมัน เพลิงชีวิตของมันดับมอด กระทั่งเรี่ยวแรงจะกล่าววาจาสุดท้ายยังไม่มี คนตกตายไปทั้งอย่างนั้น
อย่างไรก็ตามห้วงสุดท้ายก่อนตาย ตู้กูก็ฉีกยิ้มออกมาอีกครั้ง
มันตกตายอย่างสงบ ราวกับไม่เหลือสิ่งใดให้เสียใจแล้ว
“ตู้กู!”
เมื่อเห็นว่าเพื่อสร้างหนทางอยู่รอดให้ตัว ตู้กูถึงกับไม่ลังเลที่จะสละด้วยชีวิต สองตาแดงฉานของต้วนหรูเฟิงก็เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา สุดท้ายสายธารใสสองสายก็ไหลรินรดหน้า…
ลูกผู้ชายใช่ไร้น้ำตา เพียงแค่หากไม่ถึงที่สุดแล้วจริงๆไหนเลยจะร่ำไห้เช่นนี้…
ก่อนที่เผ่าพันธุ์ปีศาจจะบุกเข้ามาในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องล่าง ตู้กูไม่เคยคิดจะเป็นสหายกับต้วนหรูเฟิง แล้วไหนเลยต้วนหรูเฟิงจะคิดเป็นสหายกับมันได้?
ทว่าตอนนี้สหายผู้นี้…เพื่อปูทางให้มันมีชีวิตรอด กลับไม่ลังเลที่จะผลาญชีวิตทั้งวิญญาณของตัว ยังทานทนรับความเจ็บปวดจากวิญญาณถูกกลืนกินเอาไว้…
ความเจ็บปวดนั่น ไม่ใช่อะไรที่คนจะทนได้!
อย่างไรก็ตามเพียงเพื่อมันแล้ว ตู้กูยอมทนรับเอาไว้!
ซู่มมม!!
ได้ยินเสียงแหวกอากาศหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง เป็นบางสิ่งกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และเจียนจะตามมาทัน!
เมื่อเห็นประตูที่เกิดจากวงอาคมโลหิตเริ่มอ่อนจางลงคล้ายกำลังจะหายไปในความว่างเปล่า ต้วนหรูเฟิงก็ไร้ซึ่งความลังเลใดๆ ควบคุมหุ่นเชิดเซียนปีศาจใต้เท้าให้พาร่างทะยานเข้าสู่ประตูดังกล่าวทันที
ต้วนหรูเฟิงยังคิดเก็บแหวนพื้นที่ตู้กูกลับมาเพื่อไม่ให้เสียของไปเปล่าๆ อนิจจาเวลาไม่พอให้มันกระทำเช่นนั้น
และเมื่อต้วนหรูเฟิงหายลับไปในประตู วงอาคมโลหิตเบื้องล่างก็เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
ซุ่มมม!!
ผู้ที่ไล่ตามมาหรือก็คือจ้าววังวิญญาณอสุรานั้น ทันทีที่มาถึง ประตูมิติที่ถูกเปิดออกด้วยอาคมโลหิตกลืนวิญญาณถวายชีพท่ามกลางความว่างเปล่าก็เลือนหายไปพอดี
จ้าววังวิญญาณอสุรา เป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่แลดูกำยำแข็งแกร่ง มันมาในชุดคลุมสีทอง ผมยาวรวมมัดไว้อยู่ด้านหลัง ใบหน้าคมเข้ม หว่างคิ้วสง่าผ่าเผยแลดูน่าเกรงขาม มากอำนาจบารมี
“อาคมโลหิตกลืนวิญญาณถวายชีพ?”
เมื่อจ้าววังวิญญาณอสุรามาถึง ก็ทันได้เห็นประตูมิติสีเลือดกำลังเลือนหายไปในอากาศพอดี
รวมถึงเมื่อแลเห็นศพชราร่างกายเหี่ยวแห้งที่กำลังร่วงหล่นจากฟ้าไป ก็ไม่ยากที่มันจะคาดเดาได้ออกว่าคนผู้นี้พึ่งใช้อาคมต้องห้ามของเผ่าพันธุ์ปีศาจ โลหิตกลืนวิญญาณถวายชีพ เพื่อช่วยเหลือให้อีกคนหลบหนีไปได้…
และตอนนี้มันก็ตระหนักได้ว่า อีกคนที่มันใช้สำนึกเทวะเพ่งเล็งเอาไว้ ได้หายไปจากการเพ่งเล็งของสำนึกกเทวะมันเสียแล้ว…
ประตูมิติที่สร้างขึ้นด้วยอาคมโลหิตกลืนวิญญาณถวายชีพนั้น ต่างจากการใช้โลหิตหลบหนีเป็นอย่างมาก อย่างหลังนั้นไม่มีทางหลุดรอดสำนึกเทวะไปได้ในทันที หากแต่อย่างแรกนั้นกลับรอดพ้นได้อย่างง่ายดาย
มันเองก็รู้ดีแก่ใจว่าเมื่ออีกฝ่ายหลบหนีไปผ่านประตูมิติจากอาคมโลหิตกลืนวิญญาณถวายชีพ ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะตามอีกฝ่ายได้ต่อ
เพราะมันไม่มีทางรู้ว่าอีกฝ่ายจะถูกเคลื่อนย้ายไปที่ไหน!
ภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋านั้น แม้จะบอกว่ามันไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่ก็ไม่อาจใช้คำว่าเล็กมากล่าวถึงได้ หากอีกฝ่ายจงใจซ่อนตัว…ก็ยากจะหาพบ!
“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ…เพียงแค่ผู้ฝึกมารมนุษย์คนหนึ่งกลับสามารถวาดอาคมโลหิตกลืนวิญญาณถวายชีพเป็น กระทั่งทานทนจนจบได้…”
จ้าววังวิญญาณอสุราถอนหายใจออกเฮือกหนึ่ง โรยตัวลงมาจากฟ้า มือสะบัดริบแหวนพื้นที่จากนิ้วแห้งเหี่ยวของตู้กู เสร็จ มันที่โรยตัวตีคู่ไปกับซากศพที่ร่วงหล่นของตู้กูก็เพียงมองจ้องศพแห้งเหี่ยวด้วยสายตาลึกซึ้ง ยังแลเห็นเค้าลางความเคารพบางๆ
ถึงแม้จะเป็นเผ่าปีศาจดั้งเดิมในแดนเนรเทศ แต่ก็มีน้อยคนนักที่กล้าใช้อาคมโลหิตกลืนวิญญาณถวายชีพออกมาแบบนี้ได้!
และมีปีศาจที่น้อยยิ่งกว่าน้อยที่สามารถอดทนจนใช้อาคมได้สำเร็จ
วันนี้ในแดนมนุษย์ ไม่เพียงแต่จะได้เห็นมนุษย์คนหนึ่งกล้าใช้อาคมดังกล่าว กระทั่งยังใช้ออกสำเร็จ! ทานทนได้จนจบสิ้นกระบวนการ มันไม่ยอมรับก็ไม่ได้ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะเผยความเคารพ!
ถึงแม้มันกับตู้กูจะเป็นศัตรูกัน และต่อให้ตอนนี้ตู้กูจะฟื้นขึ้นมา มันก็ยังจะฆ่าตู้กูให้ตาย
ทว่าเรื่องนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับความเลื่อมไสต่อตู้กูในเรื่องนี้…
“เจ้านั่นโชคดีนักที่หนีไปได้…”
พอนึกถึงผู้หลบหนีที่เล็ดรอดการเพ่งเล็งด้วยสำนึกเทวะของมันไปเพราะอาคมโลหิตกลืนวิญญาณถวายชีพ แววตาของจ้าววังวิญญาณอดไม่ได้ที่จะเผยความอิจฉาออกมาจางๆ
ถึงแม้มันจะมีสหายมากมายกระทั่งบ้างยังคบกันมากว่าครึ่งชีวิต
ทว่ามันรู้ดีแก่ใจ
สหายของมันเหล่านั้น…ไม่มีใครเต็มใจเสียสละตัววาดอาคมโลหิตกลืนวิญญาณถวายชีพเพื่อช่วยมันแน่นอน!
ถึงแม้จะรู้ว่าตกตายพร้อมกันแน่ๆก็ตามที!
“หยวนเอ๋อ…คราวนี้ต้วนหรูเฟิงมันโชคดีหนีรอดมืออาจารย์ไปได้ อย่างไรก็ตามอาจารย์ขอสัญญากับเจ้า…ว่าอาจารย์จะตามล่าหาตัวมันให้เจอ แล้วฆ่ามันล้างแค้นให้เจ้าให้จงได้!”
หลังความอิจฉามลายหายไป แววตาของจ้าววังวิญญาณอสุราก็ฉายชัดถึงประกายแหลมคมอีกครั้ง แหงนมองฟ้าว่างเปล่ากล่าวพึมพำเสียงเบา
ฟังจากที่มันพูด ‘หยวนเอ๋อ’ ไม่พ้นเป็นศิษย์ปิดสำนักของมัน ที่ถูกต้วนหรูเฟิงกับตู้กูฆ่าตาย
ส่วนอีกด้าน
เมื่อผ่านประตูมิติที่ถูกเปิดโดยอาคมโลหิตกลืนวิญญาณถวายชีพมา ต้วนหรูเฟิงก็มาปรากฏตัวในสถานที่แปลกตาแห่งหนึ่ง
อย่างไรก็ตามตอนนี้มันไม่มีอารมณ์มาสนใจสภาพแวดล้อมรอบข้าง
มันยืนแน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่อย่างนั้น
หุ่นเชิดเซียนปีศาจก็ไม่ทราบหายไปตั้งแต่เมื่อใด แต่แน่นอนว่าไม่พ้นกลับสู่มิติเก็บหุ่น
หลังจากนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ต้วนหรูเฟิงพลันกล่าวพึมพำกับตัวเบาๆ “ตู้กูขอเจ้าอย่าได้ห่วงไป…ยอดศาสตราเซียนประทับหมื่นขุนเขา ข้าจะหาเจ้านายที่เหมาะสมให้มัน…”
“นอกจากนี้วันหนึ่งข้า ต้วนหรูเฟิง จะล้างแค้นให้เจ้าให้จงได้…ข้าจะเอาเลือดหัวจ้าววังวิญญาณอสุรานั่นมาเซ่นวิญญาณของเจ้า!!”
ขณะที่ต้วนหรูเฟิงกล่าวพึมพำ สองตาก็เผยประกายคมกล้าหาใดเปรียบ ปานมีดดาบที่สามารถทะลวงได้ทุกสิ่ง
ณ ทวีปเมฆาล่อง
ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่ได้รู้เลยว่าบิดาของตัวเกือบถูกจ้าววังวิญญาณอสุราฆ่าตาย…! หลังจากที่ยืนยันแล้วว่าครอบครัวคนสนิทของเขาไม่ได้อยู่ในเขตปกครอง 10 ราชวงศ์ ต้วนหลิงเทียนก็เดินทางมาถึงดินแดนรอบนอก
ป้อมหมาป่านภายังเป็นจุดแวะพักจุดแรกของเขาหลังมาถึงดินแดนรอบนอก
อย่างไรก็ตามป้อมหมาป่านภาในวันนี้ ได้เปลี่ยนผู้นำป้อมไปแล้ว…
ผู้นำป้อมปัจจุบันเป็นปีศาจตนหนึ่งที่มีพลังฝีมือร้ายกาจ
แน่นอนว่าพลังฝีมือร้ายกาจในที่นี้ หมายถึงในสายตาของผู้คนในป้อมหมาป่านภา
สำหรับต้วนหลิงเทียนที่บรรลุพลังฝึกปรือในปัจจุบัน ปีศาจระดับนี้ช่างแสนจะเปราะบางไม่ต่างใดจากมดปลวก!
เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนจึงกวาดล้างเผ่าปีศาจที่มาเหิมเกริมในเขตป้อมหมาป่านภาจนหมดสิ้นในเวลาอันสั้น
“น่าเสียดายที่สหายเก่าในป้อมหมาป่านภาไม่เหลือสักคน เลยไม่รู้ว่าพวกมันที่แท้ถูกฆ่าหรือหนีรอดไปได้กันแน่”
ตั้งแต่ต้นจนจบต้วนหลิงเทียนไม่เจอใครที่คุ้นหน้าในป้อมหมาป่านภาเลย เรียกว่า ‘สหายเก่า’ ในวันวานไม่เหลืออยู่แล้ว
“ไหนๆก็มาแล้วข้าควรตระเวนดูให้ทั่วทวีปเมฆาล่อง! ยังมีโอกาสที่ท่านพ่อท่านแม่เสี่ยวเฟยเอ๋อกับเนี่ยนเอ๋อและคนอื่นๆจะแอบซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง เพราะหากย้อนกลับไปในพื้นที่ 10 ราชวงศ์ก็มีโอกาสสูงที่พวกปีศาจจะตามเจอจากการสืบภูมิหลัง…”
สองตาต้วนหลิงเทียนกระพริบวาบ เมื่อฉุกคิดได้ถึงเรื่องนี้
หลังจากตัดสินใจได้แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่รั้งอยู่ในป้อมหมาป่านภาสืบไป เขาอุ้มลูกสาวตัวน้อยทั้งพาเค่อเอ๋อรวมถึงก่านหรูเยี่ยนค้นหาแบบปูพรมไปทั่วทวีปเมฆาล่อง
เจอปีศาจที่ไหนฆ่าไม่ละเว้น!
ทวีปมนุษย์นั้น มีมนุษย์ธรรมดากับผู้ฝึกตนที่อ่อนแออาศัยอยู่เท่านั้น สภาพแวดล้อมย่ำแย่เกินทน ปีศาจที่เต็มใจอยู่ที่นี่ก็มีแต่พวกปลายแถว
ด้วยความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนในตอนนี้ กล่าวว่าบดขยี้จนแหลกก็ไม่เกินเลย!
ในระหว่างกวาดล้าง พรสวรรค์รากวิญญาณสีม่วงปกติของต้วนหลิงเทียนก็เริ่มเข้มมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยอัตราเร็วดังกล่าวไม่นานมันต้องกลายเป็นสีม่วงเข้มได้แน่!
‘ด้วยอัตราเร็วนี่…อีกไม่นานรากวิญญาณข้าต้องกลายเป็นสีม่วงเข้มได้อย่างราบรื่นแน่…!’
คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็บังเกิดความคึกคักขึ้นมา
‘หลังจากรากวิญญาณข้าเป็นสีม่วงเข้มแล้ว ข้าจะพยายามยกระดับรากวิญญาณของข้ากับเค่อเอ๋อต่อ…ถึงตอนนั้นอยากรู้นักว่าความเร็วในการบ่มเพาะของรากวิญญาณที่เหนือกว่ารากวิญญาณสีม่วงเข้มจะเลิศล้ำขนาดไหน’
คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็บังเกิดความมุ่งมั่นขึ้นมาอีกครั้ง
ในขณะที่มุ่งมั่นยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณ เขาก็อุ้มลูกรวมทั้ง 2 สาวตระเวนไล่ฆ่าปีศาจไม่หยุดยั้ง!
เวลาค่อยๆผ่านไปอย่างเงียบงัน
หลังผ่านพ้นไปอีก 1 เดือน ภายใต้การเข่นฆ่าสังหารเผ่าพันธุ์ปีศาจไปมากมายนับไม่ถ้วน ในที่สุดพรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนก็ก้าวมาถึงจุดหมายปลายทางแรก กลายเป็นรากวิญญาณสีม่วงเข้มได้ดั่งที่หวังเอาไว้!
“เร็วจริง!”
หลังทดลองบ่มเพาะพลังดู ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าความเร็วในการดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินตอนนี้ ช่างต่างจากก่อนหน้านัก!