WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2243
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2243
ตอนที่ 2,243 : ขีดจำกัด! รากวิญญาณสีดำ!
ความปรารถนาของมนุษย์นั้น…ไร้ที่สิ้นสุด!
อมตะวาจาดังกล่าวช่างจริงแท้ยิ่งกว่าแช่แป้ง!
เช่นเดียวกับขอทานคนหนึ่ง เดิมทีตอนชีวิตลำบาก มันขอเพียงมีข้าวให้รับประทานอิ่มท้องไปวันๆไม่ต้องโหยหิวก็พอ
อย่างไรก็ตามเมื่อมันมีข้าววให้รับประทานอิ่มท้องไม่ต้องโหยหิวในแต่ละวันแล้ว มันก็ยังอยากจะได้ชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม…
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็เป็นเช่นนั้นไม่ต่าง
ในอดีตเป้าหมายของเขาก็มีแค่ใช้ปฐมเวทย์กลืนกินยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณของตัวเองให้กลายเป็นสีม่วงเท่านั้น…
อย่างไรก็ตาม พอรากวิญญาณของเขากลายเป็นสีม่วง เขาก็กระเหี้ยนกระหือรืออยากจะเปลี่ยนมันให้กลายเป็นสีม่วงเข้ม ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของพรสวรรค์รากวิญญาณ!
ทว่าเดิมทีเขาคิดว่านั่นคือขีดจำกัดที่พรสวรรค์รากวิญญาณจะบรรลุถึงได้!
มาตอนนี้…หลังได้ทดลองดูเขาจึงพบว่า…
กระทั่งพรสวรรค์รากวิญญาณสีม่วงเข้ม ก็ยังไม่ใช่จุดสูงสุดของพรสวรรค์รากวิญญาณ! หลังจากรากวิญญาณสีม่วงเข้มแล้ว 9 ใน 10 ยังมีพรสวรรค์รากวิญญาณที่เหนือกว่า!
นั่นเพราะเขาค้นพบว่าหลังยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณให้เป็นสีม่วงเข้มแล้ว เขายังสามารถใช้ปฐมเวทย์กลืนกินยกระดับมันได้ต่อ!
ถึงแม้การปรับปรุงจะเล็กน้อย แต่มันก็ทำให้เขาเห็นความเป็นไปได้!
‘ข้าอยากรู้นัก…ว่าหลังพรสวรรค์รากวิญญาณสีม่วงแล้ว มันจะเป็นพรสวรรค์รากวิญญาณสีอะไร!’
ด้วยมีความอยากรู้อยากเห็นดังกล่าวเป็นแรงขับเคลื่อน ต้วนหลิงเทียนจึงพาลูกน้อยภรรยาและพี่ภรรยาตระเวนไปทั่วทวีปเมฆาล่อง
หลังผ่านไประยะหนึ่ง เรียกว่าต้วนหลิงเทียนแทบจะขุดพื้นทวีปเมฆาล่องลึกไป 3 ฉื่อก็ว่าได้ ไม่มีปีศาจตนใดหลงเหลืออยู่ในสายตาเขาอีกเลย!
ระหว่างกวาดล้างอำมหิต พรสวรรค์รากวิญญาณก็มีความคืบหน้าให้เห็น
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนช่องว่างระหว่างรากวิญญาณสีม่วงเข้มกับรากวิญญาณระดับถัดไปมันช่างกว้างใหญ่ไพศาลซะเหลือเกิน ยังเป็นช่องว่างที่มากมายอย่างเหลือเชื่อ!
เรียกว่าแม้ต้วนหลิงเทียนจะเข่นฆ่าปีศาจทั่วทั้งทวีปเมฆาล่อง กลืนกินพรสวรรค์เหล่าปีศาจมาไม่รู้กี่ร้อยพัน แต่ก็ยังไม่ใกล้เคียงกับการยกระดับอีกครั้งเลย
‘หากจะมองภาพใหญ่อย่างภูมิภาคเบื้องล่างแล้ว ทวีปเมฆาล่องก็เล็กกระจ้อยเกินไป…นอกจากนี้ปีศาจที่อยู่ที่นี่ก็แค่พวกปลาซิวปลาสร้อยเท่านั้น ถึงแม้จะมีจำนวนมากมาย แต่พรสวรรค์รากวิญญาณของพวกมันแต่ละตัวก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดินเกินไป…’
แน่นอนว่าถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ถึงช่องว่างที่เขาต้องก้าวข้ามได้ชัดเจน ว่ามันมหาศาลเพียงไหน
ห่างกันราวฟ้ากับดิน!
“ดูเหมือนพวกท่านพ่อกับท่านแม่และเสี่ยวเฟยเอ่อจะไม่ได้ย้อนกลับมาทวีปเมฆาล่องจริงๆ…”
ในขณะกวาดล้างปีศาจไปทั่วทวีปเมฆาล่อง ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ลืมมองหาครอบครัวคนสนิท อนิจจาแต่เขาไม่พบร่องรอยใดๆ หรือเบาะแสอะไรให้เห็นเลย
สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็ทำได้แค่ยอมรับความจริงว่า พวกบิดาของเขาไม่ได้กลับมาที่นี่
ขณะเดียวกันใบหน้าเขาก็เริ่มตึงเครียด ฉายความกังวลออกมาให้เห็น
ทุกคนจะไปที่ไหนได้อีก หากไม่ย้อนกลับมาทวีปเมฆาล่อง?
นอกจากนี้ทำไมทุกคนถึงไม่กลับมาที่ทวีปเมฆาล่อง?
ใช่เพราะมีเหตุผลบางประการ หรือประสบอุบัติเหตุใดๆหรือไม่?
‘หากรู้ว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้ ข้าให้ทุกคนทำไข่มุกวิญญาณให้ข้าเก็บไว้ก่อนก็ดี…แบบนั้นจะได้รู้ว่าตอนนี้ทุกคนปลอดภัยดีหรือไม่…’
คิดถึงเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะเสียใจขึ้นมา ที่ไม่ได้ให้ทุกคนทำไข่มุกวิญญาณเตรียมไว้แต่แรก…
หาไม่แล้วไฉนเขาต้องไม่รู้ว่าทุกคนเป็นตายร้ายดีแบบนี้…
“พี่เทียน ท่านอย่ากังวลมากนักเลย…”
หลังเห็นต้วนหลิงเทียนเป็นกังวลคิ้วย่นหน้าเสียอยู่นาน เค่อเอ๋อก็เร่งกล่าวปลอบออกมาทันที “ในเมื่อท่านลุงเฟิงกับป้าหลัวสามารถหลบหนีกองทัพของเผ่าปีศาจมาได้โดยไร้ความสูญเสียกระทั่งยังจัดกการทัพหน้าไปกว่าครึ่ง เรื่องนี้ก็บอกให้รู้ชัด…ว่าพวกท่านมีพลังสามารถในการปกป้องตัวเอง ในเมื่อทุกคนไม่ได้กลับมาที่ทวีปเมฆาล่อง เชนนั้นก็ต้องไปซ่อนตัวอยู่ที่อื่นเป็นแน่!”
“และหากทุกคนมิได้ซ่อนตัวอยู่ในทวีปดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ก็อาจจะเป็นทวีปมนุษย์อีก 2 ทวีป…เพราะบางทีที่ทุกคนไม่กลับมาที่ทวีปเมฆาล่อง เพราะกลัวว่าจะชักนำเภทภัยมาให้ตระกูลเก่าและคนรู้จักในทวีปเมฆาล่องก็เป็นได้”
“อย่างไรเสียพวกลุงเฟิงก็ฆ่าล้างทัพหน้าเผ่าพันธุ์ปีศาจไปครึ่งหนึ่ง พวกมันไม่พ้นตองโกรธแค้นแน่! ย่อมพยายามขุดคุ้ยภูมิหลังความเป็นมาของลุงเฟิงจนกระจ่าง ไม่แน่ลุงเฟิงอาจจะคิดถึงจุดนี้ไว้แต่แรก และกลัวพวกปีศาจมาตามหาที่ทวีปเมฆาล่องจึงเลือกหลบหนีไปที่อื่น เนื่องเพราะในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าความเป็นมาของลุงเฟิงก็มิใช่ความลับอันใด”
เค่อเอ๋อกล่าว
ต้องบอกเลยว่าวาจาเค่อเอ๋อก็มีเหตุผลไม่น้อย ต้วนหลิงเทียนเองพอได้ฟังก็เข้าใจได้ไม่ยาก สีหน้าท่าทีจึงผ่อนคลายลงมาก
“เค่อเอ๋อขอบคุณเจ้า”
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองเค่อเอ๋อด้วยสีหน้าอ่อนโยนกล่าวออกเสียงอ่อน
ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลก
เกิดมาทั้งทีได้มีภรรยาประเสริฐแสนดีแบบนี้ ยังต้องการอะไรอีก?
“พี่เทียนระหว่างข้ากับท่าน…เรายังต้องกล่าวขอบคุณกันอีกหรือ?”
เค่อเอ๋อมองต้วนหลิงเทียนดวงตาดั่งสารฤดูมากอ่อนโยน ยังทำราวกับในโลกนี้หลงเหลือเพียงต้วนหลิงเทียนแค่คนเดียวในสายตาของนาง
ก่านหรูเยี่ยนที่อยู่ด้านข้าง มองเรื่องราวด้วยสายตาซับซ้อน
สำหรับต้วนซือหลิงนั้น ไม่ทราบฟุบหลับลงไปในอ้อมแขนต้วนหลิงเทียนตั้งแต่เมื่อไหร่
“ลองไปดูทวีปมนุษย์อีก 2 ทวีปที่เหลือกันก่อน”
หลังกล่าวบอกเค่อเอ๋อกับก่านหรุเยี่ยนแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็อุ้มลูกน้อยทั้งใช้พลังหอบหิ้วสองสาวพุ่งร่างข้ามฟ้าออกจากทวีปเมฆาล่องด้วยความเร็วสูง
มีทวีปมนุษย์ทั้งสิ้น 3 ทวีป ในภูมิภาคเบื้องล่างดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า รวมถึงทวีปเมฆาล่อง
ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็บรรลุถึงหนึ่งในทวีปมนุษย์ทั้งสอง
หลังมาถึงทวีปมนุษย์แห่งนี้ ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มทำการบินปูพรมค้นหาครอบครัว รวมถึงกวาดล้างเผ่าพันธุ์ปีศาจที่พบเจอระหว่างทางทั้งหมด
ในกระบวนการกวาดล้างค้นหา พรสวรรค์รากวิญญาณสีม่วงเข้มของเขาก็ยังคงพพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
พริบตาวันเวลาก็ล่วงเลยไปอีก 2 เดือน
ขณะเดียวกันเผ่าพันธุ์ปีศาจในทวีปมนุษย์แห่งนี้ก็ถูกเขากำจัดจนแทบหมดสิ้น
‘นี่…มันเป็นหลุมไร้ก้นรึไง…’
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ได้พบว่า
พรสวรรค์รากวิญญาณของเขายังคงเป็นสีม่วงเข้มดังเดิม แม้สีของมันจะเข้มขึ้นกว่าตอนแรก แต่ก็ไม่ได้แตะขอบเขตที่จะยกระดับพัฒนาเลย…
‘หากข้าไม่ได้กลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของปีศาจในทวีปมนุษย์แห่งนี้แล้วเอาไปเพิ่มให้คนอื่น ไม่ว่าจะเป็นซือหลิงหรือก่านหรูเยี่ยนคงมีรากวิญญาณสีม่วงเข้มไปแล้ว…’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
‘พอไปถึงทวีปมนุษย์อีกแห่ง ข้ากลืนพรสวรรค์รากวิญญาณของพวกมันมาเพิ่มให้ซือหลิงกับก่านหรูเยี่ยนก่อนดีกว่า…’
ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ว่าถึงแม้จะกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของปีศาจปลายแถวพวกนี้ ก็ไม่มีวันสร้างความพัฒนาอะไรให้พรสวรรค์รากวิญญาณเขาได้แน่
เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนจึงล้มเลิกความคิดกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของปีศาจในทวีปมนุษย์สุดท้ายเพื่อตัวเอง
เขาคิดยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณให้ลูกสาวของเขาอย่างต้วนซือหลิง กับก่านหรูเยี่ยนก่อน!
‘น่าเสียดายที่ท่านพ่อท่านแม่แล้วก็เสี่ยวเฟยเอ๋อไม่ได้อยู่ที่นี่…’
ต้วนหลิงเทียนย่อมผิดหวังเป็นธรรมดา เมื่อหาครอบครัวไม่พบในทวีปมนุษย์แห่งนี้…
โชคดีที่ต้วนหลิงเทียนเองก็เตรียมใจไว้แล้วส่วนหนึ่ง เช่นนั้นถึงแม้จะผิดหวัง แต่ก็ยังสามารถนยอมรับความจริงได้ไม่ยาก
ฟุ่บบบ!
เท่าทันความคิด ร่างต้วนหลิงเทียนหอบหิ้วทุกคนพุ่งข้ามฟ้าข้ามทะเลไปยังทวีปมนุษย์แห่งสุดท้ายทันที
เมื่อมาถึงทวีปมนุษย์แห่งสุดท้าย ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มต้นค้นหาครอบครัวทั้งไล่ฆ่าปีศาจตามทางสืบต่อ
“นี่มัน…”
และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนติดจะช่วยยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณให้ต้วนซือหลิงนั้นเอง…
เขาก็พบว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของลูกสาวเขา กลับไม่ได้มีเฉดสีเป็นสีรุ้งใดๆเลย!
พรสวรรค์รากวิญญาณของลูกสาวเขา…กลับเป็นรากวิญญาณสีดำ!
“ไม่อยากจะเชื่อเลย…มันไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไรแม้แต่น้อย…”
นอกจากนี้เมื่อต้วนหลิงเทียนลองกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของเผ่าปีศาจมาเพิ่มพูนให้ต้วนซือหลิงอยู่พักใหญ่ เขาก็พบว่ามันไร้ซึ่งความเปลี่ยนแปลงใดๆอย่างสิ้นเชิง!
ความรู้สึกเสมือนหนึ่งหยดน้ำร่วงลงสู่มหาสมุทร ไม่อาจก่อให้เกิดการกระเพื่อมใดๆแม้เพียงเศษเสี้ยว!
ต้องทราบด้วยว่าทั้งๆที่เขามีพรสวรรค์รากวิญญาณสีม่วงเข้ม แม้พรสวรรค์รากวิญญาณของปีศาจจะอ่อนด้อย แต่เมื่อดูดซับมากเข้า เขาก็ยังสามารถแลเห็นความเปลี่ยนแปลงและความก้าวหน้าถึงแม้มันจะน้อยนิดเต็มที นับว่ามีแรงกระเพื่อมให้เห็น!!
‘เป็นไปได้รึเปล่า…พรสวรรค์รากวิญญาณของซือหลิง คือขีดจำกัดที่พรสวรรค์รากวิญญาณจะบรรลุถึงได้!?’
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนอดบังเกิดความคิดดังกล่าวขึ้นมาในใจไม่ได้
เมื่อคิดถึงจุดนี้เขาก็ยากจะระงับความคิดดังกล่าวสืบไป
รากวิญญาณสีดำ!
ปรากฏว่า ขีดจำกัดของพรสวรรค์รากวิญญาณ ก็คือรากวิญญาณสีดำ!
‘จริงด้วย ถ้าเป็นแบบนี้ก็อธิบายได้ไม่ยาก…ตอนนี้รากวิญญาณของข้ามันเป็นสีม่วงเข้มแล้ว ถ้ามันพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ สีมันก็จะยิ่งเข้มขึ้น และสีที่เข้มที่สุดก็สมควรเป็นสีดำ!’
ต้องกล่าวเลยว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนซือหลิงที่เป็นรากวิญญาณสีดำนั้น เสมือนเปิดประตูสู่โลกใหม่สำหรับต้วนหลิงเทียนผู้เป็นบิดาแล้วจริงๆ!
ที่แท้ขีดจำกัดของพรสวรรค์รากวิญญาณกลับไม่ใช่สีม่วง!
แต่ขีดจำกัดของพรสวรรค์รากวิญญาณก็คือ รากวิญญาณสีดำ!!
“เค่อเอ๋อ…”
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงผ่านพลังไปหารือกับเค่อเอ๋อ “ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของซือหลิง ใช่รวดเร็วมากหรือไม่ ยังรวดเร็วจนเหลือเชื่อ?”
“ใช่แล้วพี่เทียน”
แม้ไม่ทราบว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงถามเรื่องนี้ แต่เค่อเอ๋อก็พยักหน้าแล้วกล่าวตอบกลับไปทันที “ซือหลิงเผยพรสวรรค์ในด้านบ่มเพาะตั้งแต่นางยังเล็ก…แต่ข้าไม่อยากให้นางต้องใช้ชีวิตอย่างอึดอัด เช่นนั้นข้าเลยไม่อยากให้นางบ่มเพาะพลังตั้งแต่ยังเล็ก ข้าอยากให้นางได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ได้ละเล่นอย่างสนุกสนานเหมือนเด็กน้อยธรรมดา…”
“ข้าเองก็ไม่ได้บอกเรื่องพรสวรรค์ของซือหลิงให้พี่หญิง…ข้ากลัวว่าถ้าพี่หญิงรู้ พี่หญิงจะเคี่ยวเข็ญให้ซือหลิงตั้งใจบ่มเพาะแต่เด็กเพื่อไม่ให้พรสวรรค์เสียเปล่า…”
ความคิดของเค่อเอ๋อง่ายดายนัก
นางเพียงอยากให้ลูกกสาวได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกๆวัน ได้ผ่านวัยเด็กไปอย่างมีค่ามีความทรงจำดีๆ ได้เที่ยวเล่นอย่างสนุกสนานไม่ต้องกังวลใจ…
สำหรับพรสวรรค์ทั้งศักยภาพใดๆของลูกสาว ตอนนี้นางไม่สนใจและไม่อยากจะสนใจอะไรทั้งนั้น