WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2256
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2256
ตอนที่ 2,256 : เป้าหมาย ปรากฏ!
เหตุผลที่ต้วนหลิงเทียนถามปีศาจสุกรตนนี้ถึงเรื่องอัจฉริยะนั้น เพราะเขาคิดจะกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณมากคุณภาพของพวกมันโดยตรง จะได้ยกระดับเป็นรากวิญญาณสีดำได้ทันที!
ทำแบบนี้มันจะประหยัดเวลาเขาได้มาก!
หากเขามัวไปดูดกลืนพรสวรรค์รากวิญญาณของปีศาจสุกกรชั้นปลายแถว ต่อให้จะยกระดับเป็นรากวิญญาณสีดำได้เหมือนกัน ทว่ามันก็ต้องใช้เวลานานมากแน่
แต่เขาไม่อยากเสียเวลา!
เค่อเอ๋อไม่อยากแยกจากเขาไปไหนนาน แล้วไหนเลยเขาจะไม่คิดแบบนั้น?
ตอนนี้เขาแค่อยากจัดการเรื่องราวให้จบๆ จะได้รีบกลับไปหาเค่อเอ๋อ!
‘3 นักรบผู้ยิ่งใหญ่นั่น ไม่เพียงเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ แต่พวกมันยังเป็นผู้ฝึกตนอิสระอีกด้วย?’
สองตาต้วนหลิงเทียนส่องแสงสว่างจ้าออกมาทันทีเมื่อได้รู้ฐานะของ 3 นักรบผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าปีศาจสุกร ลมหายใจยังเริ่มถี่รัวขึ้นมาทันที
3 นักรบผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าปีศาจสุกร เป็นผู้ฝึกตนอิสระหมายความว่าอะไรน่ะหรือ?
หมายความว่ามันไม่ได้อยู่ในเผ่าย่อยใดใน 3 เผ่าย่อยที่ทรงพลังกล้าแข็งของปีศาจสุกร และนั่นหมายความว่ามันไม่มีเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนคุ้มกะลาหัว!
“อาณาเขตเผ่าปีศาจสุกรของเจ้าจะว่าไปแม้ไม่ใหญ่แต่ก็ไม่เล็ก…แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าพวก 3 นักรบนั่นมันอยู่ไหน?”
ต้วนหลิงเทียนมองถามปีศาจสุกรที่คุกเข่ากลางหาวเสียงเย็น
“ใต้เท้า…หากข้าน้อยบอกใต้เท้าไป ใต้เท้าจักเมตตาละเว้นชีวิตของข้าน้อยได้หรือไม่?”
คราวนี้ปีศาจสุกรไม่รีบตอบคำของต้วนหลิงเทียน หากแต่พยายามไขว่คว้าฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายด้วยการกล่าวถามเรื่องสำคัญออกมา
“อะไร? เจ้ากล้าตั้งแง่กับข้า?”
ต้วนหลิงเทียนมองปีศาจสุกรด้วยรอยยิ้มแสยะ “หรือเจ้าคิดว่า…ในเผ่าปีศาจสุกรมีเจ้าคนเดียวที่รู้ที่อยู่ของ 3 นักรบผู้ยิ่งใหญ่นั่น?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ จิตสังหารเยียบเย็นก็แผ่ไปปกคลุมร่างปีศาจสุกรทันที
เมื่อสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าฟันที่แผ่ออกมาจากร่างต้วนหลิงเทียน ปีศาจสุกรก็หน้าเปลี่ยนสีเร่งปฏิเสธออกมาอย่างร้อนรน “มิใช่! มิใช่! ใต้เท้าข้าน้อยมิได้หมายความเช่นนั้น…ข้าจะพาใต้เท้าไป ข้าจะพาใต้เท้าไปเดี๋ยวนี้!”
กล่าวจบปีศาจสุกรก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาหวาดผวาหวั่นใจ ด้วยกลัวว่าต้วนหลิงเทียนจะลงมือฆ่ามันทิ้งจริงๆ
เพราะในเผ่าปีศาจสุกกรนั้น ส่วนใหญ่แล้วก็รู้สถานที่บ่มเพาะของ 3 นักรบผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น
เช่นนั้นมันย่อมไม่อาจใช้เรื่องนี้มาสร้างข้อต่อรองอะไรกับอีกฝ่ายได้
“นำไป!”
ต้วนหลิงเทียนแค่นคำเสียงเย็น
ทันใดนั้นปีศาจสุกรก็กุลีกุจอลุกขึ้นด้วยความตื่นตระหนก เร่งเหินร่างนำต้วนหลิงเทียนไปยังสถานที่บ่มเพาะของ 3 นักรบผู้ยิ่งใหญ่ทันที
สถานที่บ่มเพาะของ 3 นักรบผ็ยิ่งใหญ่นั้น แยกตัวออกมาจากเขตปกครองของ 3 เผ่าย่อยอย่างสันโดษ ทำให้แถบนี้ไร้ปีศาจสุกรสัญจรผ่านไปมา
“ใต้เท้าสถานที่บ่มเพาะของ 3 นักรบผู้ยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหน้า…เหินร่างข้ามสันเขาลูกนั้นไปก็ถึงแล้วใต้เท้า…”
ปีศาจสุกรที่นำอยู่ด้านหน้าหันมากล่าวบอกต้วนหลิงเทียน
ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้ารับเบาๆ
สถานที่บ่มเพาะของพวกมันห่างไกลจากชุมชนแบบนี้ เป็นอะไรที่เขาพึงพอใจถึงที่สุด!
ตอนแรกเขาก็กังวลไม่น้อยด้วยกลัวว่าสถานที่บ่มเพาะของมันจะอยู่ใกล้เผ่าใดเผ่าหนึ่งมากเกินไป
เพราะสุดท้ายแล้วหากปีศาจสุกรขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่เป็นผู้นำแต่ละเผ่าสอดมือเข้ามา เรื่องกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของพวกมันก็คงไม่ราบรื่นแล้ว
ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็ตามปีศาจสุกรข้ามเขาไป
“หืม?”
ทันใดนั้นคล้ายแลเห็นสิ่งใดบางอย่าง ต้วนหลิงเทียนจึงหยีตามองลงไปยังพื้นที่หุบเขาเบื้องล่างทันที
ตูม! ตูม!
แทบจะพร้อมกันกับที่ต้วนหลิงเทียนก้มลงไปมอง เสียงระเบิดภูผาก็ดังขึ้นสนั่นติดต่อ
จากนั้นร่าง 2 ร่างก็ปรากฏสู่สายตาต้วนหลิงเทียน
เป็นปีศาจสุกร 2 ตัว
ปีศาจสุกรสองตัวนี้ 1 ในนั้นอ้วนตั้บพุงโต ลักษณะแทบไม่ต่างใดจากตือโป๊ยก่าย ในตำนานโบราณที่โลกเก่าของต้วนหลิงเทียนเลย!
ส่วนอีกตนนั้น ร่างกายของมันกำยำแลดูแข็งแกร่ง ศีรษะหมูๆของมันไม่โตใหญ่ทั้งยังออกจะเรียวเล็ก อาจกล่าวได้ว่ามันแลดูหน้าตาดีอย่างหาได้ยากของเผ่าปีศาจสุกร
“ฉงเจี้ย! เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้พาปีศาจมนุษย์ล่วงล้ำเข้ามาในเขตของพวกเรา! ช่างบังอาจนัก!!”
ปีศาจสุกรที่อ้วนพุงโลปานตือโป๊ยก่ายตะคอกคำกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด สองตาดุร้ายมองสลับระหว่าง ฉงเจี้ยที่พาต้วนหลิงเทียนมากับต้วนหลิงเทียนอย่างเอาเรื่อง ร่างอ้วนกลมดั่งลูกบอลของมันโจนทะยานเข้ามาทันทีที่กล่าวจบ!
ในวาจายังแฝงความไม่พอใจไว้ถึงที่สุด
“ใต้เท้า…เจ้านี่เป็นหนึ่งในศัตรูของข้าน้อย..ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะอยู่ที่นี่ด้วย”
เห็นปีศาจสุกรที่อ้วนกลมดั่งตือโป๊ยก่ายโจนทะยานเข้ามาอย่างดุร้าย ฉงเจี้ย ที่นำต้วนหลิงเทียนมาได้แต่หันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มขื่นขม
หากแต่ในขณะที่มันเผยยิ้มขื่นขม ในแววตากก็ลอบฉายประกายเจ้าเล่ห์
ในสายตาของมัน
ตัวบัดซบมีตาแต่ไร้แววผู้นี้ ได้ตายไปแล้ว!
“เฮอะ!”
ต้วนหลิงเทียนย่อมสังเกตเห็นแววตาเจ้าเล่ห์ของฉงเจี้ยได้เป็นธรรมดา ยังคาดเดาความคิดในหัวมันได้ไม่ยาก
อย่างไรก็ตามแม้จะรู้แต่เขาก็ยังลงมืออยู่ดี
ครืน! ครืน! ครืน! ครืน!
…
ไม่เห็นต้วนหลิงเทียนลงมือใดๆทั้งสิ้น หากแต่คลื่นพลังมหาศาลไร้ต้านทานขุมหนึ่ง กลับปะทุระเบิดออกจากร่างเขาดั่งสัตว์ร้ายอ้าปากกกระหายเลือด ขย้ำไปยังร่างปีศาจสุกรตัวอ้วนคล้ายตือโป๊ยก่ายที่พุ่งเข้ามาอย่างอำมหิต!
อีกฝ่ายไม่มีแม้แต่เวลาจะทันได้ตอบสนองสิ่งใดทั้งสิ้น มวลพลังมหาศาลของต้วนหลิงเทียนก็ครอบงำกลืนร่าง พริบตาร่างหมูอ้วนของมันก็ป่นสลายเป็นละอองโลหิต ไม่เหลือแต่ซาก!
กลางหาวคงเหลือเพียงแหวนพื้นที่วงหนึ่งปลิวไปตามแรงเฉื่อย
วูบ!
พริบตาที่แหวนพื้นที่คล้ายจะร่วงตก ฉงเจี้ยก็เร่งเหินร่างออกไปคว้าแหวนพื้นที่เอาไว้ แล้วมาประเคนมอบให้ต้วนหลิงเทียนด้วยทีท่านอบน้อม “ใต้เท้า”
หลังรับแหวนมาแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองปีศาจสุกรร่างกำยำหน้าเรียวที่เหลือ
“ใต้เท้า เจ้านี่เป็นสหายสนิทของเจ้านั่นมิอาจปล่อยมันเอาไว้ได้ขอรับ! หาไม่แล้วข่าวเรื่องใต้เท้ามาที่นี่ต้องแพร่กระจายออกไปยังเผ่าปีศาจสุกรในเวลาอันสั้นแน่นอน!!”
ฉงเจี้ยเร่งกล่าวบอกต้วนหลิงเทียน
หากแต่ลึกลงไปในแววตายังฉายความเจ้าเล่ห์อำมหิตไม่น้อย
ปีศาจสุกรที่เหลืออยู่ กล่าวได้ว่าเป็นอริของมันเช่นกัน!
‘หนี!!’
ด้านปีศาจสุกรร่างกำยำพอได้ยินวาจาของฉงเจี้ยมันก็ฟื้นสติทันที ยังคิดหนีไปอย่างไร้ลังเล!
ล้อกันเล่นหรือไร!?
ในเมื่อปีศาจมนุษย์เบื้องหน้าเข่นฆ่าสหายของมันได้ง่ายดายเพียงนั้น ย่อมหมายความว่าคิดฆ่ามันก็เป็นเรื่องราวที่ง่ายดายไม่ต่าง!
เพราะสุดท้ายแล้วความแข็งแกร่งของมันก็พอๆกันกับสหายที่ตายตก
เห็นสหายร่างแหลกสลายเป็นหมอกเลือดในเวลาไม่ถึงลมหายใจแบบนี้ มันย่อมหวาดกลัวและไม่คิดต่อต้าน!
ฟัฟฟฟ!
ต้วนหลิงเทียนเพียงยกนิ้วขึ้นมาจี้ชี้ไปส่งๆ
หากทว่าปีศาจสุกรที่กำลังหันร่างระเบิดพลังชั่วชีวิตหลบหนีก็สะท้านไปกลางหาว ปรากฏแสงหนึ่งพุ่งทะลวงท้ายทอยทะลุหว่างคิ้ว…เป็นดัชนีกระบี่ของต้วนหลิงเทียน!
ตาย!
ปีศาจสุกรทั้ง 2 ถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าในพริบตา!
ด้านปีศาจสุกรนามฉงเจี้ย แม้จะรู้แต่แรกว่าต้วนหลิงเทียนสมควรร้ายกาจ แต่พอเห็นต้วนหลิงเทียนลงมือฆ่าโจทย์เก่าของมัน 2 ตนที่มีพลังฝีมือไม่ห่างจากมันได้ง่ายดาย ร่างหมูๆของมันก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม พอมันดึงสติกลับมาได้ มันก็เร่งเหินร่างออกไปเก็บแหวนพื้นที่กลับมายื่นประเคนให้ต้วนหลิงเทียนด้วยท่าทีเคารพทันที
จากนั้นไม่รอให้ต้วนหลิงเทียนพูดอะไร มันก็เร่งเหินร่างนำไปต่ออย่างรู้งาน
แม้จะยังหวาดกลัวต้วนหลิงเทียน แต่พอนึกถึงเรื่องที่โจทย์เก่าของมันทั้ง 2 ถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าตาย มันก็อดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มร่าในใจ
หากไร้ศัตรูอย่างทั้ง 2 …ชีวิตมันในวันหน้าย่อมสุขสบายขึ้นมาก!
“ใต้เท้า พวกเรามาถึงแล้ว”
พร้อมเสียงกล่าวฉงเจี้ย หุบเขากว้างใหญ่พลันปรากฏสู่สายตาต้วนหลิงเทียน
บริเวณชายขอบหุบเขาเบื้องหน้า ปรากกฏบ้านไม้ 3 หลังตั้งตระหง่านอยู่
เพียงห้วงคิดสำนึกเทวะต้วนหลิงเทียนก็แผ่ไปครอบคลุมบ้านไม้ทั้ง 3 ตรวจสอบเรื่องราวทันที
“ผู้ใด!?”
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงสำนึกเทวะที่ทรงพลังยิ่งกว่าของเขา 3 ขุม กำลังพุ่งมาหมายกระแทกเข้าใส่สำนึกเทวะของเขา!
อย่างไรก็ตามคล้ายต้วนหลิงเทียนจะเตรียมตัวรับมือมาดี
ทันทีที่สำนึกเทวะทั้ง 3 ขุมเจียนแตะกับสำนึกเทวะของเขา สำนึกเทวะของต้วนหลิงเทียนก็ถูกรั้งกลับอย่างแยบคาย หวนคืนสู่ดวงจิต
สำนึกเทวะนั้นแข็งแกร่งหรือไม่ขึ้นอยู่กับพลังวิญญาณ
และพลังวิญญาณก็ขึ้นอยู่กับระดับบ่มเพาะ
ด่านพลังของต้วนหลิงเทียนตอนนี้ยังอยู่แค่เซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนเท่านั้น ระดับพลังวิญญาณย่อมเป็นเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนด้วยเช่นกัน ทำให้สำนึกเทวะเขาก็มีพลังอำนาจระดับนี้
ทว่าจากกลิ่นอายเมื่อครู่ สำนึกเทวะทั้ง 3 นั้นล้วนแล้วแต่แข็งแกร่งกว่าเขาทั้งสิ้น อย่างน้อยๆก็อยู่ในระดับเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน!
“3 นักรบผู้ยิ่งใหญ่งั้นเหรอ…”
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็ยืนยันได้ทันทีว่าทั้ง 3 เบื้องหน้ามีระดับพลังบบ่มเพาะเท่าไหร่ นับว่าปีศาจสุกรที่นำทางมาไม่ได้หลอกเขาจริงๆ
ตูม! ตูม! ตูม!!
แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนคิดจบ บ้านไม้ทั้ง 3 หลังก็ระเบิดออก ปรากฏร่างอันน่าเกรงขาม 3 ร่างโจนทะยานจากซากบ้านขึ้นฟ้ามาฉับไว!
พริบตาร่างทั้ง 3 ก็บรรลุถึงเพดานบินระดับเดียวกับต้วนหลิงเทียน ยังหยุดลอยห่างต้วนหลิงเทียนไม่ไกล แต่ละตนมองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาดุร้าย
เป็นปีศาจสุกร 3 ตน ที่รูปร่างหน้าตาเหมือนกันทุกประการ!
ปีศาจสุกรทั้ง 3 แต่ละตนสูงราว 2 หมี่ ไอมารในร่างทั้งกลิ่นอายพลังยังน่ากลัวไม่น้อย
และปีศาจสุกรทั้ง 3 ก็คือนักรบผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าปีศาจสุกร!!
“หืม!? ปีศาจมนุษย์รึ?”
หลังมองสบตาต้วนหลิงเทียน สีหน้า 3 นักรบผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าปีศาจสุกรก็มืดดำลงปานจะคั้นได้เป็นน้ำหมึก!
“ช่างบังอาจนัก! กล้านำปีศาจมนุษย์มายังที่อยู่ของพวกข้างั้นเหรอ!?”
ในขณะที่ฉงเจี้ยกำลังตกใจจนหน้าเปลี่ยนสีกับการปรากฏตัวอย่างดุร้ายของปีศาจสุกรแฝด 3 หนึ่งในนั้นพลันตะโกนกล่าวทั้งมองจ้องฉงเจี้ยเขม็ง!
ทันใดนั้นเองปรากฏไอพลังกล้าแกร่งขุมหนึ่งปะทุออกจากร่าง ควบผนึกกลายเป็นฝ่ามือพลังอันเขื่อง ฟาดตบไปทางร่างฉงเจี้ยทันที!
ปงงงง!!
ฝ่ามือพลังอันเขื่องตบฟาดมาด้วยสภาวะพลังอันเกรี้ยวกราด ประหนึ่งขุนเขาถล่มมาก็ไม่ปาน!
ต้วนหลิงเทียนโค้งคิ้วขึ้นเล็กน้อยหากแต่ก็ไม่ได้ลงมือใดๆ
สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงอย่างฉงเจี้ย มันไม่ทันได้ตอบสนองต่อสิ่งใดก็ถูกฝ่ามือพลังอันเขื่องที่โถมมาดั่งขุนเขาฟาดตบจนตัวแตกตาย!