WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2259
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2259
ตอนที่ 2,259 : ทัณฑ์สวรรค์?
ทันใดนั้นเอง
ซู่มมม!!
เสียงอากาศแตกระเบิดดังสนั่นลั่นขึ้น เป็นยอดศาสตราเซียน ตราผนึกมาร ของต้วนหลิงเทียนที่ลอยล่องอยู่เหนือมือของต้วนหลิงเทียน อยู่ดีๆก็ระเบิดไอมารมหาศาล ทั้งอัสนีสีม่วงเองก็แลบลั่นออกมาไม่หยุด!
“เอ่อ…”
กระทั่งต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่ทราบว่าไฉนอยู่ดีๆถึงได้เกิดเหตุเปลี่ยนแปลงแบบนี้ขึ้นมาได้
ทันใดนั้นเองพลังอ่อนโยนไร้สภาพหนึ่งพลันเอ่อล้นออกมาจากตราผนึกมาร มันผลักมือเขาออกไปโดยที่ไม่ทำร้ายอะไร
และตราผนึกมารก็คล้ายจะได้รับอิสระภาพแล้วในเวลานี้
เมื่อตราผนึกมารลอยล่องขึ้นไปอยู่เหนือการควบคุมของต้วนหลิงเทียน ไอมารที่ทะลักออกมาดั่งเพลิงไฟก็ยิ่งลุกโชนเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ ประหนึ่งมันจะแผดเผาท้องฟ้าก็ไม่ปาน!
เพราะยามนี้หากมองไกลๆ ประหนึ่งมีเพลิงทมิฬกำลังลุกท่วมแผ่นฟ้า!
และในชั่วเวลาพริบตาดุจฟ้าแลบนั้นเอง
ซู่ม! ซู่ม!! ซัวววว! วู้มมมม!!
……
เสียงพลังระเบิดลั่นขึ้นในอากาศอีกรอบ ก่อนที่จะบังเกิดเสียงกู่ร้องหนึ่งปานภูตครวญ ทันใดนั้นไอมารสีมืดที่ดั่งเพลิงทมิฬผลาญฟ้า ก็ค่อยๆหดวูบหายเข้าไปในตราผนึกมาร!
ทันใดนั้นกลิ่นอายพลังมหาศาลหนึ่งก็เอ่อล้นออกมาจากตราผนึกมาร บังเกิดระลอกพลังซัดกวาดออกไปทุกทิศทางเป็นวงคลื่น!
บรึม! บรึม! บรึม! บรึม!
……
คลื่นพลังที่ซัดกระแทกออกมาจากตัวตราผนึกมารระเบิดดังสนั่นปานฟ้าร้อง เมฆลมกลายเป็นปั่นป่วน ก่อเกิดเป็นมรสุมสายลมหนึ่งพัดกวาดออกไปปานจะชำระโลก!
จังหวะนี้เหล่าปีศาจสุกรทั้ง 3 ที่อยู่ในม่านพลังอันแข็งแกร่งก็สัมผัสได้ชัดเจน
ป้ายศิลามุมแหว่งที่ลอยอยู่เหนือร่างชายหนุ่มเผ่าปีศาจมนุษย์เบื้องหน้านั้น กลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมา กลับทำให้ร่างพวกมันบังเกิดความหวาดกลัวจนตัวสั่น ยังให้ความรู้สึกเสมือนถูกเพ่งเล็ง
ราวกับพวกมันไม่อาจหลีกหนีการเพ่งเล็งนี้ได้…ต่อให้จะหนีไปสุดขอบโลกก็ตาม!
“นะ…นั่นมัน”
“มะ…ไม่ผิดแน่..”
“ตะ..ตรา ตราผนึกมาร!”
……
จังหวะนี้ให้ความรู้สึกของ 3 แฝดปีศาจสุกรจะเชื่องช้าเพียงใด แต่ก็ยังคาดเดาได้ว่าป้ายศิลามุมแหว่งนั่นคืออะไร และไฉนถึงทำให้จิตวิญญาณพวกมันสะท้านไปปานนี้…
เป็นยอดศาสตราเซียน ตราผนึกมาร ดาวข่มของหมู่มารปีศาจอย่างพวกมัน!
ในขณะเดียวกันกับที่สีหน้าของปีศาจสุกรทั้ง 3 ซีดลง พลังของตราผนึกมารก็เพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นคลื่นพลังมหาศาลก็ระเบิดออกอีกครา!เป็นตราผนึกมารพุ่งทะยานแหวกฟ้ามาด้วยความเร็วน่าขนลุก!!
ตราผนึกมารผ่านไปที่ใดความว่างถึงกับสะท้านสะเทือน ราวกับจะปริฉีกได้ทุกเวลา!
เปรี๊ยงงงง!!
พริบตาต่อมา กว่าปีศาจสุกรจะทันได้ตอบสนองสิ่งใด ตราผนึกมารก็พุ่งกระแทกเข้ากับม่านพลังป้องกัน 3 ประสานของพวกมันแล้ว ยังผลให้ร่างพวกมันทั้ง 3 สั่นสะท้านไปอย่างแรง!
ม่านพลังป้องกัน 3 ประสานที่พวกมันพี่น้องใช้ออก เป็นการป้องกันสุดพลังของพวกมันทั้ง 3 แล้ว!สามารถต้านทานรับการโจมตีเต็มพลังของเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนทั่วไปได้ง่ายดาย!!
กระทั่งให้ต้วนหลิงเทียนลงมือสุดตัว ยังทำได้แค่ทำให้ม่านพลังกระเพื่อมไหวเท่านั้น
ทว่าตอนนี้…
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
……
หลังตราผนึกมารกระแทกเข้าใส่ม่านพลังป้องกันแล้ว เสียงระเบิดดังก็สนั่นขึ้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดยั้ง!
พริบตาต่อมา ม่านพลัง 3 ประสานอันแกร่งกล้าของ 3 แฝดปีศาจสุกร ก็แหลกสลายลงเป็นเสี่ยงๆ เปราะบางประหนึ่งไก่สุนัข!
ต่อหน้าตราผนึกมาร ม่านพลังป้องกันของพวกมันคล้ายเรื่องน่าขัน!
“ไม่ ไม่…ไม่จริง!!”
เมื่อเห็นตราผนึกมารทลายปราการป้องกันสุดชีวิตของพวกมันลงได้ ลูกตากลมโตดั่งเพชรเม็ดใหญ่ของพวกมันก็หดหยีลงอย่างพร้อมเพรียง สีหน้ายังเปลี่ยนไปมหันต์ อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาเสียงหลงด้วยความตื่นกลัว
“วิ่ง!!”
หลังตะโกนออกมาแล้ว ในใจของทั้ง 3 ก็บังเกิดความคิดดุจเดียวกัน!
จังหวะนี้นอกเหนือจากเร่งรุดหลบหนีแล้ว พวกมันไม่อาจคิดสิ่งใดได้ออก!!
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่พวกมันไม่ทันคิดว่าไฉนไอ้หนูเผ่าปีศาจมนุษย์มีตราผนึกมารในครอบครอง พวกมันยังไม่ทันคิดด้วยซ้ำว่าไฉนไอ้หนูเผ่าปีศาจมนุษย์เบื้องหน้าถึงใช้ตราผนึกมารได้ โดยที่ไม่ถูกตราผนึกมารแว้งกัด!
เพราะสุดท้ายแล้วตราผนึกมารไม่เพียงเป็นดาวข่มของเผ่าพันธุ์ปีศาจทั้งมวล ยังสมควรเป็นดาวข่มของผู้ฝึกมารอีกด้วย! ขอแค่ใช้ไอมารเพียงเสี้ยวก็ไม่พ้นถูกตราผนึกมารจัดการ!!
“คิดหนีงั้นเหรอ?”
เมื่อเห็นร่างปีศาจสุกรทั้ง 3 คล้ายจะแยกย้ายกันหนีไปคนละทิศละทาง มุมปากต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มแสยะ กล่าวเย้ยพวกมันออกมา
ต่อหน้าตราผนึกมารที่เขาใช้พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนกระตุ้น แต่พวกปีศาจขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนเช่นพวกมันยังคิดถึงเรื่องหลบหนี?
และผลลัพธ์ก็เป็นดั่งที่ต้วนหลิงเทียนคาดเอาไว้ไม่มีผิด
ปง! ปง! ปง!
เสียงระเบิดสนั่นดังขึ้นกึกก้องไปทั่วแผ่นฟ้าอีกครั้ง
เป็นตราผนึกมารสำแดงพลังดุร้าย ไม่ทันที่ทั้ง 3 จะหลบหนีไปไหนได้ทัน มันก็คล้ายแปรเปลี่ยนเป็นเส้นสายอัสนีวูบไปฟาดกระหม่อม 3 ปีศาจสุกรอย่างจังในชั่วพริบตา!
หลังตราผนึกมารฟาดทุบ 3 ปีศาจแล้ว ไอพลังมหาศาลทั้งอัสนีสีม่วงที่แลบลั่นแปลบปลาบก็สลายหายไป กลับมาอยู่ในรูปลักษ์ป้ายศิลามุมแหว่งเก่าๆ ไม่คล้ายมีพิษมีภัยต่อสรรพสัตว์…
กลับกัน สองตาของปีศาจสุกรทั้ง 3 ได้เปลี่ยนเป็นเลื่อนลอย ราวกับได้สูญเสียไปแล้วซึ่งจิตวิญญาณ!
และพวกมันก็เสียวิญญาณไปแล้วจริงๆ!
ตอนนี้วิญญาณของพวกมันทั้ง 3 ได้ถูกตราผนึกมารดูดไปเป็นที่เรียบร้อย หากแต่จะกักขังหรือย่อยสลาย ก็คงมีเพียงแต่ตราผนึกมารเท่านั้นที่รู้…
ฟุ่บ!
ต้วนหลิงเทียนวูบร่างมาถึงจุดที่ 3 ปีศาจตายตกในบัดดล ใช้ออกด้วยปฐมเวทย์กลืนกินดูดกลืนพรสวรรค์รากวิญญาณจากร่างไร้วิญญาณของปีศาจสุกรทั้ง 3 อย่างไม่รอช้า
ถึงแม้ว่าพรสวรรค์รากวิญญาณจะอาศัยอยู่ในดวงจิต และผูกพันกับวิญญาณ ทว่ายามตราผนึกมารลงมือนั้น เป้าหมายของมันคือดูดกลืนวิญญาณเท่านั้น ไม่ได้แตะต้องอะไรรากวิญญาณของพวกมันเลย
เช่นนั้นก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อต้วนหลิงเทียนที่คิดกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของพวกมัน
“รากวิญญาณของพวกมัน 3 ตนเป็นรากวิญญาณสีครามจริงๆ…”
ในระหว่างที่กลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของปีศาจสุกรทั้ง 3 ต้วนหลิงเทียนย่อมพบได้ทันทีว่ารากวิญญาณของพวกมันทั้ง 3 เป็นดั่งที่เขาคาดไว้แต่แรก…รากวิญญาณสีคราม!
และทั้ง 3 ล้วนเป็นรากวิญญาณสีครามปกติ!
“ด้วยระดับพรสวรรค์รากวิญญาณของพวกมัน…ย่อมส่งเสริมให้รากวิญญาณของข้ายกระดับไปอีกขั้นได้อย่างราบรื่นแน่นอน!”
คิดถึงจุดนี้อารมณ์ของต้วนหลิงเทียนก็ปั่นป่วนพุ่งพล่านขึ้นมาทันที
หลังจากอารมณ์พุ่งพล่านไปพักหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็สงบใจลงได้ เร่งกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของพวกมันให้เสร็จสิ้น
สำหรับต้วนหลิงเทียนนั้น การกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณเป็นอะไรที่คุ้นเคยอย่างถึงที่สุด เช่นนั้นจึงไร้ซึ่งปัญหาใดๆ กระบวนการทั้งหมดดำเนินไปอย่างราบรื่น
“ได้แล้ว!”
เมื่อพรสวรรค์รากวิญญาณทั้ง 3 ถูกกลืนกินหมดสิ้น และกำลังจะผสานหลอมรวมเข้ากับรากวิญญาณของเขา ใจต้วนหลิงเทียนก็สะท้านไปไม่เป็นจังหวะ คนยังตื่นเต้นถึงขั้นลืมหายใจ!
ไม่นานนักพรสวรรค์รากวิญญาณของทั้ง 3 ก็ผสานเข้ากับรากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนอย่างสมบูรณ์
รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนก็มาถึงจุดวิกฤตแต่แรกแล้ว ขาดเพียงครึ่งก้าวก็จะบรรลุถึงรากวิญญาณสีดำ อันเป็นรากวิญญาณสูงสุด
และทันทีที่พรสวรรค์รากวิญญาณของทั้ง 3 หลอมรวมเข้ากับรากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนเสร็จสิ้น รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนก็สามารถก้าวผ่านครึ่งก้าวสุดท้าย บังเกิดความเปลี่ยนแปลงไปอย่างราบรื่น!
“รากวิญญาณสีดำ!”
ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็พบว่า…
พรสวรรค์รากวิญญาณของเขาตอนนี้ ได้แปรเปลี่ยนไปเป็นรากวิญญาณสีดำอย่างสมบูรณ์
“ฮ่าๆๆๆๆ…!!!”
เมื่อพบว่าในที่สุดพรสวรรค์รากวิญญาณของตัวเอง ในที่สุดก็แปรเปลี่ยนเป็นรากวิญญาณสีดำอันเป็นรากวิญญาณสูงสุดได้เสียที ต้วนหลิงเทียนก็บังเกิดความปิติยินดีนัก อดหัวเราะดังลั่นออกมาไม่ได้ ในเสียงหัวเราะยังเต็มไปด้วยความปลอดโปร่งโล่งใจไร้กังวล
“ไม่รู้หลังพรสวรรค์รากวิญญาณข้าเปลี่ยนไปเป็นรากวิญญาณสีดำแล้ว ความเร็วในการบ่มเพาะจะเหนือกว่าเมื่อก่อนมากขนาดไหน…”
ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็สงบอารมณ์ และเริ่มจับสัมผัสพลังวิญญาณฟ้าดินหมายดูดซับเข้าร่างเริ่มต้นกระบวนการบ่มเพาะ
หากทว่าไม่ทันที่เขาจะได้จับสัมผัสพลังวิญญาณฟ้าดินเพื่อดูความไวต่อสัมผัสพลังวิญญาณฟ้าดินและความเร็วในการดูดซับอะไร พลันบังเกิดความเปลี่ยนแปลงหนึ่งเกิดขึ้นเสียก่อน
ครืน! ครืน! ครืน! ครืน!
……
ไอพลังวิญญาณฟ้าดินนั้น เริ่มปรากฏรอบกายต้วนหลิงเทียนแล้ว แต่ไม่ทันที่ต้วนหลิงเทียนจะได้ดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินเข้าร่างเพื่อบ่มเพาะ สูงขึ้นไปเหนือร่างต้วนหลิงเทียน…เมฆหมอกบนฟ้าบัดนี้กลับกลายเป็นวิปริตแปรปรวน! เสียงฟ้าร้องเริ่มดังสนั่นขึ้นมาปานเสียงคำรามของเทพเจ้าสายฟ้า!!
“เกิดอะไรขึ้น?”
เสียงที่ได้ยินนั้นคล้ายปรากฏการณ์ก่อนที่อัสนีสวรรค์จะฟาดผ่าลงมายามกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้ายิ่งนัก ทำให้ต้วนหลิงเทียนละเรื่องดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินเพื่อบ่มเพาะ และแหงนขึ้นไปมองฟ้าก่อนทันที
และเมื่อไอพลังวิญญาณฟ้าดินที่แห่แหนมาปกคลุมทั่วร่างต้วนหลิงเทียนสลายหายไป ต้วนหลิงเทียนก็แลเห็นเรื่องราวได้ชัดถนัดตา
ตอนนี้สูงขึ้นไปเหนือศีรษะเขาบนฟ้า เริ่มปรากฏมวลเมฆแห่แหนกันมาจากทั่วสารทิศ อีกทั้งเมฆที่ว่ายังเป็นเมฆฝนสีดำทะมึน พวกมันยิ่งมาก็ยิ่งเกาะกลุ่มหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ!
นอกจากนั้นมองไปยังคล้ายแลเห็นอสรพิษสีม่วงวูบวาบแปลบปลาบ ชวนให้ขนลุกนัก!
หากมองให้ดีจะพบว่า…
อสรพิษสีม่วงนั่น ที่แท้ก็คือสายฟ้าสีม่วงเส้นเขื่องที่แลบลั่นออกมาจากเมฆสีดำ!
“นี่มัน…หายนะ…ทัณฑ์สวรรค์?”
ฉากเรื่องเรื่องเบื้องหน้านั้น พาลให้ความคิดจิตใจต้วนหลิงเทียนล่องลอยย้อนกลับไปสมัยครั้งที่เขาอยู่ในทวีปเมฆาล่องนัก วันนั้นเป็นวันที่เขาทะลวงด่านพลังมาถึงขอบเขตแรกสัมผัสธรรมชาติ และเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับหายนะทัณฑ์สวรรค์
อีกทั้งตอนนั้นหายนะทัณฑ์สวรรค์ที่เขาผ่านพ้นยังเรียกว่า ทัณฑ์อัสนีสวรรค์หกเก้า
ทัณฑ์อัสนีสวรรค์หกเก้า คือตัวตนที่บรรลุถึงขอบเขตแรกสัมผัสธรรมชาติทุกคนต้องพบเจอ ยามที่ทะลวงถึงด่านพลังดังกล่าว
เรียกว่าทันทีที่ทะลวงถึงขอบเขตแรกสัมผัสธรรมชาติ ผู้ฝึกตนก็จะมีความสามารถโบยบินไปบนท้องฟ้า ซึ่งสิ่งนี้ขัดกับเจตจำนงค์สวรรค์ เช่นนั้นสวรรค์จึงส่งอัสนีสวรรค์ลงมาเพื่อลงทัณฑ์…
‘ในระนาบโลกียะ…โดยทั่วไปแล้วจะมีหายนะทัณฑ์อัสนี 3 ประเภท…ประเภทแรกคือทัณฑ์สวรรค์หกเก้าซึ่งทุกคนต้องเผชิญหน้ากับมันยามบรรลุถึงขอบเขตแรกสัมผัสธรรมชาติ…อย่างที่สองก็คือทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า ที่จะเกิดขึ้นเมื่อกระทำผิดคำสาบาน…’
‘ส่วนประเภทที่ 3 ก็เป็นหายนะทัณฑ์สวรรค์จากตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9เปลี่ยน ที่แตกฉานสวรรค์และโลก จึงชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ลงมา เพื่อข้ามผ่านไปแลบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ…’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
‘แล้วนี่มันหายนะทัณฑ์สวรรค์อะไรกันแน่ ใช่เพราะข้าทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนหรือไม่? อย่างไรเสียการมีชีวิตยืนยาวไร้ที่สิ้นสุด ก็ขัดต่อเจตจำนงสวรรค์และฝ่าฝืนวิถีฟ้าดินเช่นกัน!’
ความคิดนี้ผุดขึ้นในหัวไม่ทันไร ต้วนหลิงเทียนก็ปัดมันตกไปทันที
นั่นเพราะมันเป็นไปไม่ได้!
‘หากเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนต้องเผชิญหน้ากับหายนะทัณฑ์สวรรค์จริง เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน…ไม่เคยได้ยินใครพูดถึงสักคนว่าเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน จะชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ลงมาเพื่อทดสอบได้…’
‘และถ้าหากหายนะทัณฑ์สวรรค์นี้ไม่ได้ถูกชักนำมาจากการบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนจริง แล้วนี่มันหายนะทัณฑ์สวรรค์อะไรกันแน่…’
ต้วนหลิงเทียนรู้สึกงุนงงไม่น้อย