WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2262
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2262
ตอนที่ 2,262 : ความลับของตราผนึกมาร!
ตัวตนระดับผู้นำของเผ่าปีศาจสุกรทั้ง 3 ย่อมรู้จักยอดศาสตราเซียนดาวข่มเผ่าปีศาจอย่างตราผนึกมารเป็นอย่างดี
บางทีตอนนี้กว่า 9 ส่วนของเผ่าปีศาจยังเชื่อว่า…
ตราผนึกมารนั้นเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เกิดขึ้นด้วยน้ำมือของปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์ของมนุษย์เมื่อหมื่นปีก่อน…
แต่พวกมันนั้นรู้เรื่องราวทั้งหมดดี! กระทั่งยังมั่นใจได้เต็มสิบส่วน!!
ว่าตราผนึกมารนั้น หาได้เป็นยอดศาสตราเซียนที่ถูกสร้างขึ้นด้วยน้ำมือของปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์ของมนุษย์ไม่!!
สาเหตุเป็นเพราะในช่วงปลายยุคมนุษย์ปีศาจ ตราผนึกมาร ก็ได้ปรากฏขึ้นพร้อมพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ มันได้เข่นฆ่าสังหารเผ่าพันธุ์ปีศาจไปเป็นจำนวนมาก ที่ตายยังเป็นเหล่ายอดฝีมือของเผ่าปีศาจอีกด้วย!!
เหล่าปีศาจที่มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยกว่าหรือทัดเทียมกับผู้ใช้ตราผนึกมารนั้น เรียกว่าถูกฆ่าตายแทบจะในทันที ส่วนผู้ที่มีพลังฝึกปรือกล้าแข็งกว่า ก็ถูกสะกดพลังไว้หลายส่วน!
เรื่องนี้กระทั่งในหมู่ปีศาจเองก็มีน้อยตนนักที่จะล่วงรู้ เพราะเรื่องราวมันล่วงเลยไปนับแสนปีแล้ว ผู้รู้ส่วนใหญ่ก็เป็นชนชั้นยอดฝีมือที่ตกตายไปด้วยพลังของตราผนึกมารทั้งสิ้น…
อย่างไรก็ตามเผ่าปีศาจสุกรของพวกมัน ได้รับทราบเรื่องราวดังกล่าวสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เป็นบรรพชนของพวกมันที่ได้เห็นตราผนึกมารในสมัยนั้นกับตา!!
“ปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์ของพวกมนุษย์ก็แค่ผู้ที่มิอาจบรรลุได้ถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน! อาศัยมันยังจะมีปัญญาสร้างตราผนึกมารที่มีพลังอำนาจมหาศาล ถึงขั้นสะกดสังหารได้กระทั่งปีศาจขอบเขตครึ่งก้าวเซียนอมตะได้อย่างไร?”
“ทุกคราที่ได้ยินผู้คนกล่าวว่าตราผนึกมารคือยอดศาสตราเซียนที่ถูกสร้างขึ้นด้วยฝีมือของปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์ของพวกมนุษย์ ข้าล่ะอยากจะหัวร่อให้ฟันหลุดนัก!”
ผู้นำเผ่าปีศาจสุกรทั้ง 3 กล่าวค่อนแคะ ในวาจายังไม่ขาดการดูแคลน
อย่างไรก็ตามเรื่องราวนี้เกี่ยวพันถึงความลับที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นของเผ่าปีศาจสุกร พวกมันย่อมไม่กล้าเผยแพร่ออกไปโดยง่าย
ถึงแม้ว่าความลับนี้เผยแพร่ออกไปก็ไม่มีผลกระทบอะไรต่อเผ่าพันธุ์ปีศาจสุกร แต่ความลับย่อมเป็นความลับ เรื่องที่บรรพบุรุษฝากฝังไว้ ไหนเลยพวกมันจะนำไปเผยแพร่ง่ายๆได้?
“ในแง่หนึ่ง ตราผนึกมาร ยังถือว่ายังมีพลังอำนาจเหนือกว่ายอดศาสตราเซียนอันดับ 1 ของแดนเซียนแห่งนี้เสียอีก… หรือที่เรียกว่ายอดศาตราเซียนที่สมควรเป็นฝีมือของปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์ของเจ้าพวกมนุษย์นั่น”
นี่คือการคาดเดาของ 3 ผู้นำเผ่าปีศาจสุกร
อย่างไรก็ตาม พวกมันก็ไม่ได้รู้เลย
แม้จะเป็นยอดศาสตราเซียนที่เหลือทั้ง 9 ก็ไม่ใช่ว่าจะถูกสร้างขึ้นด้วยน้ำมือของปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์คนนั้นทั้งหมด!
ยอดศาสตราเซียนอย่างกระบี่ 9 สวรรค์นั้น กลับเป็นผลงานของเซียนกระบี่ฟงชิงหยาง!!
และเหตุผลเดียวที่ปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์คนนั้นสามารถสร้างยอดศาสตราอีก 8 ชิ้นที่เหลือได้ ล้วนเป็นเพราะบังเกิดความรู้แจ้งหลังได้ศึกษากระบี่ 9 สวรรค์!
“ตราผนึกมารสามารถช่วยให้มนุษย์ได้รับมรดกที่เหลืออยู่ในนั้นจนกลายเป็นผู้ฝึกมารได้…อย่างไรก็ตามเผ่าปีศาจและผู้ฝึกมารมิอาจใช้มันได้โดยตรง!”
เห็นชัดว่าผู้นำของเผ่าปีศาจสุกรทั้ง 3 ต่างคุ้นเคยกับตราผนึกมารเป็นอย่างดี
ทำให้เป็นธรรมดาที่พวกมันจะรู้ได้ทันทีว่า ชายหนุ่มชุดม่วงที่ปรากฏในม่านแสงเบื้องหน้าไม่มีทางเป็น ผู้ฝึกมาร ของเผ่าปีศาจมนุษย์ที่ได้รับมรดกเคล็ดฝึกมารโบราณในตราผนึกมารนั่น!
เพราะมันเป็นไปไม่ได้!
อีกทั้งพวกมันยังรู้ดีว่าก่อนที่เผ่าพันธุ์ปีศาจจะออกจากแดนเนรเทศและบุกมายังภูมิภาคเบื้องล่างดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้ ตราผนึกมารได้ปรากฏอยู่ที่นี่แต่แรก
เช่นนั้นมีประการเดียวที่สามารถเป็นไปได้!
ชายหนุ่มชุดม่วงในม่านแสงเบื้องหน้า คือยอดฝีมือของเผ่าพันธุ์มนุษย์!
ฟู่วว!
คล้ายมีสายลมแรงหอบหนึ่งพัดกรรโชกผ่านมา ม่านแสงเบื้องหน้าผู้นำเผ่าปีศาจสุกรทั้ง 3 ก็ได้สลายหายไป หลังจากที่ฝาแฝดทั้ง 3 ถูกตราผนึกมารฆ่าตาย…
“มิใช่กล่าวกันว่าดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้แบ่งออกเป็น 2 ภูมิภาค และเหล่าผู้ฝึกตนที่พลังฝึกปรือเหนือกว่าขอบเขตเซียนนภาได้พากันไปอยู่ภูมิภาคเบื้องบนหมดสิ้นแล้ววหรือไร…แล้วไฉนยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ที่ร้ายกาจเช่นนี้ถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้ กระทั่งมันยังมีตราผนึกมารไว้ในครอบครองเช่นนี้?”
ขณะที่ผู้นำเผ่าปีศาจสุกรทมิฬกล่าวเรื่องนี้ออกมา สีหน้าของมันก็อัปลักษณ์ปั้นยากนัก
“มันมิใช่ยอดฝีมือแค่คนเดียวในภูมิภาคเบื้องล่าง…เห็นว่ายามทัพหน้าของเผ่าปีศาจมนุษย์บุกไปยึดพื้นที่ของ ตำหนักเมฆาคราม ขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาคเบื้องล่าง พวกมันก็บาดเจ็บล้มตายไปกว่าครึ่ง! ข้าได้ยินมาว่ายามนั้นพวกมันได้เผชิญหน้ากับยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ของพวกมนุษย์ 2 คน!”
ผู้นำเผ่าปีศาจสุกรสายฟ้ากล่าว
“นอกเหนือจาก 2 ยอดฝีมือของตำหนักเมฆาครามแล้ว…เมื่อมินานมานี้ยังมีข่าวเรื่อง มารกระบี่คลั่ง ทางตอนเหนือของภูมิภาคเบื้องล่างดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าอีกคน…เจ้านั่นมันฆ่าได้กระทั่งยอดฝีมือปีศาจขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน!”
ผู้นำเผ่าปีศาจสุกรสีชาดกล่าวเสียงหนัก “อีกทั้งมารกระบี่คลั่งนั่น ว่ากันว่าในมือของมันถือไว้ด้วย 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า…กระบี่ไร้ลักษณ์!”
“เรื่องมารกระบี่คลั่งที่เจ้าว่าข้าเองก็ได้ยินมาเช่นกัน…ว่ากันว่ายามมันมีสติครบถ้วนมันเรียกหาตัวเองว่า ซูหลี่ หากแต่ยามสิ้นสติสัมปชัญญะมันมักเข่นฆ่าทุกสรรพชีวิตที่อยู่ในสายตาโดยมิสนว่าเป็นผู้ใด”
ผู้นำเผ่าปีศาจสุกรสายฟ้ากล่าวเสริม
“มารกระบี่คลั่ง ซูหลี่ นั่น พลังฝีมือยังร้ายกาจยิ่งกว่ายอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ทั้ง 2 ของตำหนักเมฆาครามเสียอีก…ข้าเดาว่าพลังฝึกปรือของมารกระบี่คลั่ง ซูหลี่ ผู้นั้น สมควรบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน!”
ผู้นำเผ่าปีศาจสุกกรทมิฬกล่าวเสริมพลางพยักหน้าเห็นด้วย
หลังผู้นำเผ่าปีศาจสุกรสีชาดกับผู้นำเผ่าปีศาจสุกรสายฟ้าได้ยิน ต่างก็พยักหน้ารับเช่นกัน
“อย่างไรก็ตามที่น่ากังวลที่สุดยามนี้ ก็คือสารเลวน้อยในชุดสีม่วงที่พวกเราพึ่งเห็นในม่านแสงนั่น…บางทีพลังฝีมือของมันอาจจะไม่ได้เหนือกว่ามารกระบี่คลั่ง ซูหลี่ แต่ทว่าอย่างไรในมือมันก็มีตราผนึกมาร!”
ผู้นำเผ่าปีศาจสุกรสายฟ้ากล่าวออกด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง “และตราผนึกมาร พวกเราก็รู้ดีว่ามีพลังอำนาจสะกดปีศาจเพียงใด…อย่าว่าแต่หลานแฝดของท่านผู้เฒ่าอาวุโสทั้ง 3 เลย กระทั่งให้เป็นพวกเราทั้ง 3 ก็ไม่แน่ว่าจะจัดการสารเลวน้อยชุดม่วงนั่นได้!!”
“มิผิด…”
ผู้นำเผ่าปีศาจสุกรสีชาดกล่าวพลางทอดถอนใจ “เดิมทีพวกเราสมควรเร่งรุดไปเก็บศพพวกมันแท้ๆ…แต่เนื่องเพราะกลัวเจอเจ้าสารเลวน้อยชุดม่วงนั่น…พวกเราก็ไม่กล้าไป…”
ถึงแม้ผู้นำเผ่าปีศาจสุกรทมิฬจะไม่ได้กล่าวอะไรออกมา แต่จากสีหน้ามืดมนของมันทั้งแววตาที่สั่นไหว ก็เห็นได้ชัดว่ากลัวชายหนุ่มในชุดม่วงนั่นเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 3 ผู้นำของเผ่าปีศาจสุกรยังไม่ทราบ…
ตราผนึกมารอันยิ่งใหญ่แสนร้ายกาจที่พวกมันกลัว ตอนนี้เป็นเพียงตราผนึกมารที่ไม่สมบูรณ์เท่านั้น!แล้วตราผนึกมารไม่สมประกอบจะมีพลังอำนาจเข่นฆ่าพวกมันได้หรือ?
อย่างไรก็ตามแม้พวกมันจะรู้แต่ก็ยังไม่กล้าเสี่ยงอยู่ดี…
เพราะสุดท้ายแล้วยามตราผนึกมารสมบูรณ์ในยุคมนุษย์ปีศาจนั้น มันทรงพลังอำนาจถึงขั้นฆ่าปีศาจขอบเขตครึ่งก้าวเซียนอมตะมาแล้ว!
ต้วนหลิงเทียนตอนนี้ก็ไม่ได้รู้เรื่องเลย
ว่าตอนนี้ผู้นำทั้ง 3 ของเผ่าปีศาจสุกรได้ยืนยันแน่ชัดแล้วถึงการคงอยู่ของเขา! ทั้งยังรู้อีกด้วยว่าเขาเป็นมนุษย์!!
กล่าวไปเขาก็ได้รอดพ้นอันตรายอย่างไม่รู้ตัว
เพราะถ้าหาก 3 ผู้นำเผ่าปีศาจสุกรที่ต่างบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนผนึกกำลังกันขึ้นมา เขาเองก็ไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อยว่าจะสามารถใช้ตราผนึกมารที่ไม่สมบูรณ์นี่จัดการพวกมันทั้ง 3 ได้!!
ก็ดีไปหากเขาสามารถใช้ฆ่าพวกมันได้ หากไม่ได้เขาได้ตายเองแน่!
……
ในขณะที่ผู้นำเผ่าปีศาจสุกรทั้ง 3 ได้ตระหนักถึงการตายของ แฝด 3 ที่ต้วนหลิงเทียนเข่นฆ่าไป และพวกมันมารวมตัวกันที่รูปปั้นบรรพบุรุษเพื่อหมายชมดูว่าเกิดเรื่องราวใดขึ้น…
กระทั่งหลังได้เห็นภาพสะท้อนในม่านแสง ว่าต้วนหลิงเทียนเป็นคนฆ่ารวมทั้งลงมืออย่างไร จนต่างพากันหวาดกลัวและทอดถอนใจนั้น…
ก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งต้านทานอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 4 แล้วเสร็จ!
หลังจากอัสนีลงทัณฑ์สายที่ 4 ฟาดผ่าลงมาแล้ว ไม่นานอัสนีลงทัณฑ์สายที่ 5 ก็ตามมา
เปรี๊ยงงงงง!!!
พร้อมกันกับที่เสียงสนั่นลั่นดังก้องฟ้า อัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 5 ก็ฟาดผ่าลงมาอย่างเกรี้ยวกราด เพ่งเล็งทำลายไปทางต้วนหลิงเทียน หมายฟาดผ่าให้ต้วนหลิงเทียนกลับกลายเป็นซากกระดูกผุๆ!!
อัสนีทัณฑ์สายที่ 5 นั้น พลังอำนาจของมัน เรียกว่าทัดเทียมได้กับตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนทั่วไปลงมือเต็มกำลัง!!
ทำให้ แม้แต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่กล้าประมาท!
เขายังระมัดระวังยิ่งกว่าตอนปะทะกับ 3 นักรบผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าปีศาจสุกรเสียอีก!!
แคว่ก! เปรียะ! เปรียะ!
……
ทันใดนั้นร่างกายต้วนหลิงเทียนก็ขยายใหญ่ขึ้น เสื้อที่สวมใส่กลับกลายเป็นปริฉีก เผยแผงอกเปลือยเปล่าอันเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสมบูรณ์แบบ ทั้งยังปรากฏเกล็ดแกร่งเรียงรายเป็นทิว รูปลักษณ์กลับกลายเป็นครึ่งคนครึ่งมังกร!
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนได้แปลงร่างเป็นนักรบมังกร 9กรงเล็บเรียบร้อย!
หลังจากแปลงร่างเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บแล้ว ความแข็แกร่งทางกายภาพไม่เว้นพลังป้องกันของต้วนหลิงเทียน ก็ไม่เหมือนก่อนหน้าสืบไป
แน่นอนว่าแม้จะไม่เหมือนก่อนหน้า แต่ก็ไม่ได้เพิ่มพูนขึ้นมาจนเหลือเชื่อเกินจริง
อย่างน้อยๆต้วนหลิงเทียนก็ไม่กล้าพูดออกมาได้เต็มปากว่า หากก่อนหน้านี้ยามเผชิญหน้ากับม่านพลังป้องกัน 3 ประสานของปีศาจสุกรแฝด 3 ถ้าอาศัยร่างนักรบมังกร 9 กรงเล็บ เขาจะทำลายม่านพลังของพวกมันได้…
และที่ก่อนหน้าไฉนต้วนหลิงเทียนไม่แปลงร่างเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บนั้น เพราะเขาตระหนักได้แต่แรกแล้วว่าต่อให้แปลงกายไปก็มิอาจทำลายม่านพลังป้องกันของพวกมันได้ในเวลาอันสั้นอยู่ดี
ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่คิดแปลงร่างเป็นนักรบมังกร 9กรงเล็บ
แน่นอนว่าเหตุผลที่สำคัญที่สุดก็คือ ตัวเขามียอดศาสตราเซียนอย่างตราผนึกมารในครอบครอง!และนั่นเป็นตัวช่วยอันประเสริฐที่สุด!!
หากเขาไม่มียอดศาสตราเซียนอย่างตราผนึกมารให้ใช้ บางทีเขาอาจจะแปลงร่างเป็นนักรบมังกร 9กรงเล็บ เพื่อทำลายม่านพลัง 3 ประสานนั่นไปแล้ว
แต่ในเมื่อมียอดศาสตราเซียนที่จัดการเรื่องราวได้เร็วไวอย่างตราผนึกมาร เช่นนั้นเขาก็คร้านจะเสียเวลาและเปลืองแรงฆ่าพวกมัน
‘ไม่สำคัญว่าอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายถัดไปจะรุนแรงขนาดไหน…ก่อนอื่นเลยข้าต้องทานรับอัสนีลงทัณฑ์สายที่ 5 นี้เอาไว้ให้ได้ก่อน!’
หลังจากแปลงร่างเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆสลัดความฟุ้งซ่านในใจทิ้ง
ทันใดนั้นปีกเพลิงคู่เขื่องกลางหลังก็สะบัดโบกไปด้านหน้า
ปง! ปง! ปง! ปง!
พร้อมเสียงดังสนั่นปานฟ้าลั่น ร่างต้นหลิงเทียนได้วูบถอยออกไปด้วยความเร็วสูง
ขณะเดียวกันกระบี่พันอาคมเซียนในมือถูกกระชับแน่น พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดทั่วร่างถูกเร่งเร้า ใช้ออกด้วยเวทย์พลัง เซียนอมตะข้ามภพ ผสานเคล็ดกระบี่อยู่ที่ใจขอบเขตที่ 3 ของยอดใจกระบี่ออกไปเต็มกำลัง!
ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!
……
ปรากฏลำแสงกระบี่เรียงรายออกไปเป็นแถว ยามนี้นอกจากพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดที่โคจรใช้ออกเต็มกำลัง ยังมีพลังดิบเถื่อนจากร่างนักรบมังกร 9กรงเล็บ!!
นี่เป็นการลงมือสุดกำลังเท่าที่ต้วนหลิงเทียนจะสามารถใช้ออกได้!!
“ทำลาย!!”
เมื่อกระบี่จากเวทย์พลังเซียนอมตะข้ามภพถูกทำลายไปเล่มแล้วเล่มเล่า จนในที่สุดก็เหลือเพียงกระบี่พันอาคมเซียนเล่มจริง สองตาต้วนหลิงเทียนก็เผยประกายเยียบเย็น ตะโกนออกมาเสียงดังลั่นปานระเบิด!