WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2264
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2264
ตอนที่ 2,264 : เด็กน้อยทั้ง 3 กับซูหลี่!
ในเวลาเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนเดินทางออกจากเขตของเผ่าปีศาจสุกร หมายกลับไปยังเมืองเหรินโม่เชิ่งของเผ่าปีศาจมนุษย์…
ปง! ปง! ปง! ปง!!
…
ทางตะวันตกเฉียงเหนือของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องล่าง ในหุบเขาแห่งหนึ่งปรากฏเสียงระเบิดดังสนั่นสะท้านปฐพี!
พร้อมกับเสียงระเบิด ก็ปรากฏคลื่นกระแทกเปี่ยมล้นไปด้วยพลังอันมหาศาลสะท้านจนขุนเขาสะเทือน!
ในพื้นที่หุบเขาดังกล่าว บัดนี้ที่พื้นคละคลุ้งไปด้วยละอองธุลี ทัศนวิสัยย่ำแย่นัก
แต่หากแหงนมองขึ้นไปบนฟ้าสูงจะพบว่า…
ปรากฏร่าง 4 ร่างกำลังต่อสู้กันอยู่
ในบรรดาทั้ง 4 มี 3 ร่างที่แลดูตัวเล็กนัก มองไปคล้ายเด็กน้อยอายุราวๆ 8-9 ขวบ
และบรรดาทั้ง 3 นั่นก็มีเด็กหญิงตัวน้อย 2 คน กับเด็กชายตัวน้อยอีก 1 คน
เด็กหญิงตัวน้อยทั้ง 2 แลดูน่ารักน่าเอ็นดูนัก 1 ในนั้นมาในชุดสีทองอร่าม ส่วนอีกคนมาในชุดสีขาว ส่วนเด็กชายที่เหลืออีกคนมาในชุดสีดำ ใบหน้าแลดูเย็นชาเข้ากับชุดที่สวมใส่เป็นที่สุด
ตอนนี้เด็กน้อยทั้ง 3 กำลังต่อกรกับสัตว์ร้ายมหึมาตัวหนึ่ง
สัตว์ร้ายตัวนี้แลดูดุดันร้ายกาจนัก ด้วยขนาดตัวมหึมาของมัน พาลให้เด็กน้อยทั้ง 3 แลดูตัวกระจ้อยดั่งมด!
สัตว์ร้ายตัวนี้มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ หากแต่ศีรษะของมันกลับเป็นหัววัวมหึมา เห็นได้ชัดว่าที่แท้มันคือสมาชิกของเผ่าปีศาจวัวจากแดนเนรเทศ!
ปีศาจวัวที่แท้จริง!
“หากพวกเรามิคืนร่างจริงคงยากจะสู้มันได้!”
เด็กหญิงตัวน้อยชุดขาวที่เคลื่อนร่างหลีกหลบวูบไปวูบมาบนฟ้าด้วยท่วงท่าอ่อนช้อย เร่งส่งเสียงผ่านพลังสื่อสารกับเด็กชายตัวน้อยชุดดำและเด็กหญิงตัวน้อยชุดทอง
และฟังจากคำพูดของนางยังบอกได้ว่า…
ทั้งนางและเด็กหญิงตัวน้อยในชุดทองและเด็กชายตัวน้อยในชุดดำล้วนไม่ใช่มนุษย์!
“ฮึ่ย! พวกเราลองอีกที…ถ้าไม่ไหวจริงๆพวกเราค่อยคืนร่างจริงแล้วฆ่ามัน!!”
เด็กหญิงตัวน้อยในชุดสีทองกล่าวออกเสียงดัง
ต่างจากเด็กหญิงตัวน้อยในชุดขาวที่แลดูอ่อนโยนและสง่างามปานเทพธิดาน้อย เด็กหญิงในชุสีทองกลับมีนิสัยห้าวหาญดุดัน แลดูก็รู้ว่านิยมใช้กำลังสนทนา
สำหรับเด็กชายตัวน้อยชุดดำนั้น มันไม่กล่าวใดแม้ครึ่งคำ หากแต่สายตาที่ใช้มองปีศาจวัว ยิ่งมาก็ยิ่งน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ
“ทารกน้อยเนื้อหอมหวานทั้ง 3 อย่าได้คิดดิ้นรนเสียให้ยาก! ยอมให้ปู่หนิวรับประทานเสียดีๆ!!”
ปีศาจวัว ที่เป็นศัตรูของเด็กน้อยทั้ง 3 มองจ้องร่างเล็กเบื้องหน้าด้วยสายตาดุร้าย ปากกล่าวไปน้ำลายไหลไป ราวมันเป็นอินทรีย์ที่ได้แลเห็นลูกเจี๊ยบแสนอร่อย!
“เพ่ยๆๆ! อยากรับประทานท่านย่าหรือ? น้ำหน้าหัววัวเน่าเช่นเจ้าคิดว่ามีปัญญารึ!!”
เด็กหญิงตัวน้อยตะโกนออกไปด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม
“ดี ดี ดีมาก! ในเมื่อทารกน้อยเจ้าอยากให้ท่านปู่หนิวผู้นี้ลงมือ เช่นนั้นท่านปู่หนิวจักให้พวกเจ้ารู้ฟ้าสูงแผ่นดินหนา!”
เผชิญกับการยั่วยุท้าทายของเด็กหญิงตัวน้อย ปีศาจวัวฉุนเฉียวไม่น้อย
หลังตะคอกเสียงดัง พลังเซียนต้นกำเนิดทั้งไอมารของมันก็ปะทุออกมาอย่างมหาศาลปานเพลิงไฟ ลุกโชนปานจะแผดเผาท้องฟ้า!
เมื่อเห็นว่าปีศาจวัวยามโมโหกลับปลดปล่อยพลังอันน่าพรั่นพรึงออกมาได้ถึงขนาดนี้ สีหน้าเด็กหญิงตัวน้อยในชุดสีทองก็เริ่มตึงเครียดขึ้นมา
เด็กหญิงในชุดขาวเองก็ไม่ต่าง
มีเพียงเด็กชายตัวน้อยในชุดสีดำเท่านั้น ที่ไม่คล้ายได้รับผลกระทบอะไรจากการปะทุพลังของปีศาจวัว ใบหน้ายังคงเย็นชาสุขุมเหมือนเดิม
ปงงง!!
เมื่อร่างใหญ่โตของปีศาจวัวปะทุพลังออกมา ทั้งเริ่มทะยานร่างออกไปจนอากาศแตกระเบิดหมายจัดการเด็กน้อยทั้ง 3 นั้นเอง
ซัวว!
ดั่งสายลมแรงหอบหนึ่งพัดกรรโชก เป็นกลิ่นอายพลังอันเยียบเย็นน่ากลัวหนึ่งแผ่ซ่านออกมาปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณในฉับพลัน!
ไม่เพียงเด็กน้อยทั้ง 3 ที่น่าเปลี่ยนสี กระทั่งปีศาจวัวที่กำลังเดือดดาลก็หน้าเสียไปไม่น้อย!
แม้กลิ่นอายยะเยือกนี้หาได้เพ่งเล็งเจาะจงไปที่ใครเป็นพิเศษ แต่ก็ทำให้ทั้งหมดอดขนลุกเกรียวไม่ได้!
จังหวะนี้ทั้ง 4 ที่กำลังโรมรันกันพลันหยุดชะงักลงอย่างพร้อมเพรียง ต่างหันไปมองต้นกำเนิดกลิ่นอายเยียบเย็นชวนขนลุกทันที
เมื่อทั้งหมดหันมองไป ในสายตาก็ปรากฏร่างชายหนุ่มผู้หนึ่ง ที่ไม่ทราบมาปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไหร่
ชายหนุ่มผู้นี้มาในชุดคลุมที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือด ใบหน้าคมเข้ม ผมยาวปล่อยไว้ไม่รวบทอดยาวปรกบ่าทั้งแผ่นหลัง ยังแลดูกระเซอกระเซิงราวขอทาน ในมือถือไว้ด้วยกระบี่ 3 เล่มหนึ่ง
สิ่งที่สะดุดตาผู้มองเลยก็คือดวงตาคู่นั้น มันช่างแดงฉานปานโลหิต ยังทอประกายสีเลือดจางๆชวนให้ผู้คนขนลุกนัก!
“ชุดเจ้านั่น…ใช่ถูกย้อมด้วยเลือดจนเป็นสีแดงหรือไม่…”
เด็กหญิงตัวน้อยในชุดทองอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายดังเอื๊อก เสียงถามพึมพำเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
“พวกเจ้าว่าไหม?”
เด็กหญิงตัวน้อยกล่าวพึมพำถามจบก็หันไปมองเด็กน้อยอีก 2 คน หากแต่นางก็พบว่าทั้ง 2 ไม่ได้สนใจนางเลย
“เสี่ยวไป๋?”
หากเด็กชายชุดดำไม่สนใจนางๆก็พอเข้าใจได้
ทว่ากระทั่งเด็กหญิงในชุดขาวกลับไม่สนใจนางด้วยอีกคน ทำให้นางอดมองถามอีกฝ่ายด้วยความงุนงงสงสัยไม่ได้
และในขณะที่นางมองไปยังเด็กหญิงชุดขาวด้วยสงสัยนั้น นางก็พบว่าเด็กหญิงชุดขาวกำลังเหม่อมองชายหนุ่มที่เสื้อชุ่มโชกไปด้วยเลือดจนแดงฉานด้วยสายตาเลื่อนลอย
และพอนางหันไปมองเด็กชายชุดดำ นางก็พบว่าอีกฝ่ายก็กำลังเหม่อมองชายผู้มาใหม่ด้วยสายตาเลื่อนลอยเช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้นในแววตาเลื่อนลอยทั้ง 2 ยันเผยให้เห็นความเดียวกัน…
ประหลาดใจ ไม่แน่ใจ ทั้งไม่อยากจะเชื่อ
“พวกเจ้าเป็นอะไรไป? นี่! พวกเจ้าเป็นอะไรกันไปหมดแล้ว?”
เห็นฉากดังกล่าวเด็กหญิงตัวน้อยในชุดสีทอง อดไม่ได้ที่จะตะลึง “อย่าบอกนะว่าพวกเจ้ารู้จักคนน่ากลัวนั่นด้วย?”
“ซูหลี่!!”
แทบจะพร้อมกันกับที่เด็กหญิงในชุดสีทองกล่าวจบ เด็กน้อยอีก 2 คนก็อุทานกล่าวออกมาพร้อมเพรียง
ที่น่าประหลาดใจก็คือ จนบัดนี้ เด็กหญิงตัวน้อยในชุดขาวและเด็กน้อยในชุดสีดำ ยังมองชายหนุ่มที่เสื้อชุ่มโชกไปด้วยเลือดอย่างไม่วางตา
“ซูหลี่เหรอ? เอ…ชื่อนี้ ข้าเคยได้ยินที่ไหนแล้วนะ?”
เด็กหญิงตัวน้อยในชุดสีทองขมวดคิ้วเล็กๆเป็นปม กล่าวพึมพำกับตัวเบาๆด้วยความสงสัย
“ซูหลี่…ซูหลี่…”
เมื่อมีคนเรียกหาว่าซูหลี่ ชายหนุ่มในชุดโชกเลือด ก็มองไปยังเด็กน้อยชุดขาวกับดำทันที สองตาที่แดงฉานปานก้อนโลหิตค่อยๆอ่อนจางลง
“ข้า…ข้าเรียกว่า ซูหลี่ หรือ?”
ชายหนุ่มในชุดโชกเลือดถามก่อน ค่อยพึมพำกับตัวเบาๆ “ข้า…เหมือนชื่อข้าจะเรียกว่าซูหลี่!”
“เป็นพี่ซูหลี่ สหายของพี่ใหญ่หลิงเทียนที่พวกเราเจอที่สถาบันบ่มเพาะขุนพลของอาณาจักรนภาล่องไม่ผิดมิผิดแน่! แต่ว่า…ไฉน…พี่ซูหลี่กลับเป็นเช่นนี้ไปได้ล่ะ?”
เด็กหญิงในชุดสีขาวมองไปยังชายหนุ่มในชุดโชกเลือดด้วยสายตาสงสัยทั้งไม่เข้าใจ
ถึงแม้ว่าชายหนุ่มในชุดโชกเลือดเบื้องหน้าจะแลดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าในอดีต ความเยาว์วัยหายไปหลายส่วน หากแต่รูปร่างหน้าตาโดยรวมก็ไม่นับว่าเปลี่ยนไปมากมายอะไร ทำให้นางจดจำอีกฝ่ายได้ทันที
“เหมือนสติพี่ซูหลี่…จะเลื่อนลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว…”
เด็กชายตัวเล็กในชุดสีดำกล่าวออกเสียงขรึม
เด็กหญิงตัวน้อยในชุดขาว กับเด็กชายตัวน้อยในชุดดำนั้น ก็คืออสรพิษน้อยทั้ง 2 ที่ติดตามต้วนหลิงเทียนมาตั้งแต่สมัยก่อน เป็นเสี่ยวไป๋กับเสี่ยวเฮยนั่นเอง
ในตอนที่ต้วนหลิงเทียนไปเข้าเรียนที่สถาบันบ่มเพาะขุนพลของอาณาจักรนภาล่อง ทั้งคู่ก็ไม่ชอบอยู่บ้านเฉยๆ ชมชอบเลื้อยพันไว้ที่แขนต้วนหลิงเทียน ซ่อนตัวอยู่ในแขนเสื้อคอยตามต้วนหลิงเทียนไปเที่ยวเล่นด้วย พวกมันจึงรู้ว่าต้วนหลิงเทียนพบเจอกับผู้ใดบ้าง
ซูหลี่นั้นเป็นสหายของต้วนหลิงเทียนตั้งแต่สมัยยังเยาว์
และไม่ว่าจะเป็นเสี่ยวเฮยหรือเสี่ยวไป๋ก็ประทับใจในตัวซูหลี่ตั้งแต่แรกพบ ยังรู้จักอีกฝ่ายดีว่าเป็นอย่างไร
“พี่ซูหลี่? สหายพี่ใหญ่หลิงเทียนหรือ?”
ตอนนี้พอได้ยินคำของเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ เด็กหญิงตัวน้อยในชุดสีทองก็พอเข้าใจเรื่องราว หันไปมองชายหนุ่มในชุดโชกเลือดไม่ไกล กล่าวพึมพำเบาๆ “ไม่จริงน่า…เป็นสหายของพี่ใหญ่หลิงเทียน พี่ซูหลี่ผู้นั้นหรือ?”
“แล้วไฉนพี่ซูหลี่ถึงมาอยู่ที่นี่ได้เล่า…ยิ่งไปกว่านั้นพลังของพี่ซูหลี่เหมือนจะร้ายกาจกว่าพวกเราอีก!”
ขณะกล่าวพึมพำ เด็กหญิงตัวน้อยในชุดสีทองก็แปลกใจไม่น้อย ใบหน้ายังฉายชัดถึงความประหลาดใจ
เด็กหญิงตัวน้อยในชุดสีทองนี้ก็คือเสี่ยวจิน หนูสวรรค์นัยน์ตาหยก ที่อยู่กับต้วนหลิงเทียนมานาน
อนิจจาวันหนึ่งนางกับเสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋ก็ถูกหานเฉวี่ยไน่พาไปยังภูมิภาคเบื้องบน พร้อมกับคนอื่นๆของ 7 ทวาราเที่ยงแท้
อย่างไรก็ตามเป็นผู้สืบทอดเงาทมิฬ ทวาราเที่ยงแท้ลำดับ 4 ได้จับตัวพวกนางภายใต้คำสั่งของผู้เฒ่าพยากรณ์มาปล่อยทิ้งไว้ในภูมิภาคเบื้องล่างโดยไม่ทราบสาเหตุ
“ซู…ซูหลี่?”
ขณะเดียวกันนั้น ปีศาจวัวที่อยู่ไม่ไกล พอได้ยินวาจาของเด็กน้อยทั้ง 3 ลูกตัวของมันก็เบิกโพลงแทบถลนออกเบ้า สีหน้ายังซีดลง มองจ้องซูหลี่ด้วยความหวาดกลัว “จะ…จะ…เจ้าคือมารกระบี่คลั่ง ซูหลี่!?”
ความหวาดกลัวอย่างยากอธิบายเริ่มกัดกินในใจปีศาจวัว ตั้งแต่ได้รับทราบอัตลักษณ์ของซูหลี่ที่เนื้อตัวชุ่มโชกไปด้วยเลือด…สีหน้าของมันตอนนี้ก็เปลี่ยนไปมากมายนัก!
ในขณะที่เสี่ยวจิน เสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋กำลังสงสัยว่าไฉนยามเห็นซูหลี่ ปีศาจวัวถึงได้แลดูหวาดกลัวราวกับหนูเห็นแมวแบบนั้น…
ปงงงง!!
เสียงระเบิดดังสนั่นลั่นฟ้า เป็นปีศาจวัวที่ปะทุพลังเซียนต้นกำเนิดออกมาอีกครั้ง ไอมารยังพวยพุ่งขึ้นสูงไปบนฟ้า ลุกโชนยิ่งกว่าก่อนหน้าเสียอีก!
หากแต่ความเคลื่อนไหวต่อมาของมัน กลับทำให้เด็กน้อยทั้ง 3 ตะลึงงัน
ซู่มมม!!!
เสียงแหวกอากาศฉับไวดังขึ้น ปีศาจวัวที่ปะทุพลังขึ้นมา…ที่แท้มันทำเพื่อหลบหนี! ทีท่ายามหนีไปยังแลดูหวาดกลัวยิ่งหว่าหนูเห็นแมวเสียอีก!!
“หืม?”
แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ปีศาจวัวปะทุพลังเหินร่างหลบหนี ดวงตาของซูหลี่ในชุดโชกเลือดที่อ่อนจางลงก่อนหน้า ก็กลับกลายเป็นแดงฉานขึ้นมาอีกครั้ง!
ฟุ่บบบ!
เสียงของสายลมแว่วดังขึ้น ก่อนที่ร่างซูหลี่จะอันตรธานหายไปในความว่างเปล่า
วินาทีต่อมาเด็กน้อยทั้ง 3 ก็ได้แลเห็น
ซูหลี่ที่หายตัวไปนั้น พริบตากลับไปปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าปีศาจวัวที่กำลังหลบหนีราวกับรู้ทันแต่แรก!
“แข็งแกร่งยิ่ง!”
แน่นอนว่าเด็กน้อยทั้ง 3 รู้ดีว่าซูหลี่ไม่ได้หายตัวไปโผล่จริงๆ หากแต่เป็นความเคลื่อนไหวที่รวดเร็วจนพวกมันมองตามไม่ทัน!
เรื่องนี้มากพอจะบอกว่า…
ความแข็งแกร่งของซูหลี่นั้นเหนือกว่าพวกมันมาก!
“พี่ซูหลี่ไปผจญภัยทั้งผ่านอะไรมากันแน่ ไฉนพลังฝีมือตอนนี้ถึงได้ร้ายกาจนักเล่า…ยังร้ายกาจได้ถึงระดับนี้?!”
ฉับบ!!
เสียงกระบี่สะบั้นบางสิ่งดังขึ้นแผ่วเบา
ภายใต้สายตาของเด็กน้อยทั้ง 3 ร่างปีศาจวัวตัวเขื่อง ก็ถูกกระบี่ซูหลี่ผ่าร่างเป็น 2 ท่อนตั้งแต่บนลงล่าง! ตายตกในชั่วพริบตา!!
จังหวะนี้ทั้ง 3 อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ
ฟุ่บ! วูบบ!
ทันใดนั้นซูหลี่พลันอันตรธานหายไปในอากาศอีกครั้ง ก่อนที่จะมาปรากฏตัวเบื้องหน้าเสี่ยวเฮยเสี่ยวไป๋และก็เสี่ยวจิน สองตายังมองจ้องมายังทั้ง 3 ด้วยความดุร้าย
เรียกว่าในดวงตาสีเลือดของซูหลี่ยามนี้ได้เผยเจตนาฆ่าฟันอย่างยากจะปกปิด!