WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2276
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2276
ตอนที่ 2,276 : พบจ้าววังเซียนสัญจร อวี่เหวินฮ่าวเฉิน!
ฟั่ฟฟฟฟ!!
กระบี่พันอาคมเซียนปะทุพลังทะยานข้ามฟ้าราวกับดาวตก คงเหลือเพียงประกายแสงที่ตัดขวางฟ้าไปวาบหนึ่ง!
สึบ!
เสียงเบาๆดังขึ้น เป็นอาววุโสวังเซียนสัญจรหลู่เวยที่ปะทุพลังหลบหนีไป ถูกกระบี่พันอาคมเซียนเจาะท้ายทอยทะลุออกหว่างคิ้ว บังเกิดเป็นสายธารโลหิตซ่านกระเซ็น ต้องสะท้อนแสงตะวันระยิบระยับ
เรื่องราวทั้งหมดอุบัติขึ้นในชั่วพริบตา!
ยามกระบี่พันอาคมเซียนทะลวงเข้าศีรษะนาง มันยังทะลวงทำลายดวงจิตของนางจนแหลกพินาศ ให้คิดใช้การถอดวิญญาณหลบหนีก็เป็นไปไม่ได้ ดับชีวิตนางลงอย่างหมดจด
หนีไม่พ้น!
หลู่เวย อาวุโสวังเซียนสัญจร ขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนแห่งวังเซียนสัญจร…
ถูกกระบี่ต้วนหลิงเทียนดับชีวิต! ไร้ซึ่งเวลาแม้แต่จะใช้ถอดจิตลี้ร่าง!
และไฉนต้วนหลิงเทียนถึงได้ลงมือสังหารคนได้อย่างหมดจดแลดูง่ายดายนัก? นั่นเพราะก่อนที่เขาจะมาถึงคฤหาสน์แห่งนี้ เขาได้ใช้ปฐมเวทย์กลืนกินดูดกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินระหว่างทางมา จนพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดในร่างของเขาบรรลุถึงจุดสูงสุดแล้ว!
ด้วยพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดในกายบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน กอปรกับใช้ออกด้วยเคล็ดพลังขอบเขตที่ 3 ของยอดใจกระบี่ กระบี่อยู่ที่ใจ…
คิดฆ่าตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน ย่อมเป็นเรื่องราวอันง่ายดายเป็นธรรมดา!
“เอ่อ…”
ห่างออกไปไม่ไกล หวงฉี่หลิงยืนอึนมองร่างหลู่เวยที่ถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าในชั่วพริบตาปากอ้าตาค้างพูดอะไรไม่ออก แม้มันจะเตรียมใจมาไว้แล้ว แต่ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ
“กระบี่เดียว…แค่กระบี่เดียว…”
จังหวะนี้เรียกว่าใจของหวงฉี่หลิงกระตุกสะท้านอย่างแรง!
ต้วนหลิงเทียนบทจะลงมือก็ลงมือจบชีวิตอาวุโส หลู่เวย แห่งวังเซียนสัญจรขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนได้ในกระบี่เดียว! กระบวนการทั้งหมดราบรื่นไม่ต่างตัดหญ้าฆ่าไก่!!
เข่นฆ่าเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนได้ราวกับตัดหญ้าฆ่าไก่!
เกรงว่านี่จะมีแต่ตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่กระทำได้ไม่ใช่เหรอ!?
“เจ้าคือต้วนหลิงเทียนงั้นรึ?”
ตอนนี้เองเสียงเปี่ยมโทสะหนึ่งดังขึ้น ก่อนที่จะปรากฏร่างหนึ่งที่คล้ายจะผุดออกมาจากอากาศว่างเปล่า
ร่างที่ดูราวกับจะผุดโผล่ออกมาจากอากาศว่างเปล่านี้ พอปรากฏตัวออกมา หวงฉี่หลิงก็อดไม่ได้ที่จะใจสะท้านจนตัวแข็ง จากนั้นมันก็เร่งก้มหัวโค้งคารวะทักทายออกไปด้วยความคำรพ บ่งบอกฐานะของอีกฝ่ายทันที
“คารวะท่านจ้าววัง!!”
เมื่อครู่ตอนต้วนหลิงเทียนลงมือ ก็เป็นเสียงจ้าววังเซียนสัญจรผู้นี้ที่กล่าวให้เขาหยุดมือ
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนไม่แยแส ยังคงลงมือเข่นฆ่าสังหารหลู่เวยสืบต่อ
เมื่อรู้สึกได้ถึงความเย็นชาที่แผ่ออกมาจากร่างจ้าววังเซียนสัญจรหลังปรากฏตัว หวงฉี่หลิง ก็รู้ได้ทันทีว่าจ้าววังเซียนสัญจรของมันกำลังมีโมโหแล้ว!
ยังโมโหหนักมาก!
‘ก็สมควรอยู่ แต่ไม่เป็นไรหรอก…หากน้องหลิงเทียนเข้าร่วมกับวังเซียนสัญจรของเราจริง ท่านจ้าววังไหนเลยจะปฏิบัติกับน้องหลิงเทียนไม่ดี เพราะอย่างไรหากจะเทียบระหว่างน้องหลิงเทียนกับอาวุโสหลู่เวยแล้ว คุณค่าของน้องหลิงเทียนก็สูงกว่ามาก…’
หวงฉี่หลิงกล่าวปลอบตัวเองในใจ
“ท่านจ้าววัง?”
หลังเก็บกระบี่พันอาคมเซียนทั้งริบแหวนพื้นที่ของหลู่เวยเรียบร้อย ต้วนหลิงเทียนก็หันไปสนใจร่างที่คล้ายจะผุดโผล่ออกกมาจากความว่างเปล่า และพอได้ยินเสียงทักของหวงฉี่หลิง เขาก็รู้ได้ทันทีว่านี่คือ จ้าววังเซวียนสัญจร อวี่เหวินฮ่าวเฉิน!!
ต้วนหลิงเทียนหันมองอีกฝ่ายไปไม่ทันไร อีกฝ่ายก็วูบร่างมาหยู่เบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนไม่ไกล
จ้าววังเซียนสัญจรผู้นี้มาในชุดคลุมสีน้ำเงิน ลักษณะเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างปานกลางแม้จะแลดูไม่มีใดน่าประทับใจเป็นพิเศษ แต่หว่างคิ้วยังคงเผยความสง่างามน่าเกรงขาม กอปรทั้งอำนาจบารมีออกมา
และตอนนี้จ้าววังเซียนสัญจรก็กำลังมองจ้องเขาตาเขม็ง ทั่วร่างเปล่งกกลิ่นอายเยียบเย็นออก
“เจ้าคือต้วนหลิงเทียนงั้นรึ?”
ในที่สุเจ้าวววังเซียนสัญจรก็กล่าวถามซ้ำคำเดิมอีกรอบ หากแต่คราวนี้บรรยากาศโดยรอบกลับเย็นลงปานอยู่ท่ามกลางพายุหิมะ
“ใช่”
แม้จะเผชิญหน้ากับจ้าววังเซียนสัญจร ผู้เป็นยอดฝีมือลือชื่อคนหนึ่งของเผ่าปีศาจมนุษย์ หากแต่ต้วนหลิงเทียนยังแลดูสงบนิ่ง ตอบกลับออกไปเสียงเบาด้วยท่าทางไม่ถือตัวแต่ก็ไม่อ่อนน้อม
เพราะสุดท้ายแล้วตอนนี้พลังของเขาก็เทียบได้กับตัวตนขอบเขตเซียนสววรรค์ 9 เปลี่ยน
เช่นนั้นอาศัยเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนคนหนึ่ง ยังไม่มีบารมีมากพอให้เขาลดตัวกล่าวยกย่อง
“อาวุโสหลินหย่วนเป็นฝ่ายลงมือต่อเจ้าก่อน เจ้าเข่นฆ่าอีกฝ่ายไปจึงนับเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้…แต่อาวุโสหลู่เวยยังมิได้ลงมือลงไม้อันใดกับบเจ้าเลยมิใช่หรือไร แล้วไฉนเจ้าถึงเข่นฆ่านางเช่นนี้…หรือเจ้าคิดว่าวังเซียนสัญจรของเรานั้นผู้ใดก็สามารถเข้ามารังแกกันได้ง่ายๆ?”
จ้าววังเซียนสัญจรกล่าวออกเสียงเย็น หลังกล่าวจบคำบรรยากาศก็คล้ายจะเย็นลงอีกหลายองศา
กระทั่งหวงฉี่หลิงที่ยืนอยู่ไม่ไกล ตอนนี้มันได้แต่ทำตัวลีบทั้งยังสั่นกลัว หน้ามันเปลี่ยนสีไปไม่น้อยเรียกว่าเสียงของจ้าววังที่มันได้ยิน แทบทำให้มันเสมือนตกไปอยู่ในหล่มน้ำแข็งแล้วจริงๆ!
ทว่าคนที่ข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรงอย่างต้วนหลิงเทียน กลับยังคงมีสีหน้าสงบแลคล้ายไม่ได้รับผลกระทบใดๆทั้งสิ้น ขณะเดียวกันก็กล่าวตอบออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “จ้าววังเซียนสัญจรท่านก็กล่าวเกินไปอยู่บ้าง…”
“ข้าต้วนหลิงเทียนนั้นยึดถือหลักการใครไม่ตอแยข้า ข้าก็ไม่ยุ่งวุ่นวายกับมัน…กระทั่งข้ายังไม่เคยฆ่าคนโดยไร้เหตุผล! คนที่ข้าฆ่าล้วนแล้วแต่เป็นคนที่สมควรตายในสายตาของข้า! ส่วนหญิงชราเมื่อครู่…นางเป็นผู้ใดมีนิสัยแบบไหนหรือจ้าววังอวี่เหวินท่านไม่รู้?”
หลังกล่าวจบคำต้วนหลิงเทียนก็หยีตามองสบตาจ้าววังเซียนสัญจรไม่วางตา ราวกับไม่กลัวหากจะต้องสนทนาด้วยกำปั้น!
หลังจากมาถึงเมืองเหรินโม่เชิ่งได้ไม่นาน ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบข้อมูลของตัวตนที่เป็นชนชั้นผู้นำ 3 วัง 6 ตำหนักอันเป็นยอดฝีมือระดับแนวหน้าของเผ่าปีศาจมนุษย์ดี
จ้าววังเซียนสัญจรนั้นเรียกว่า อวี่เหวินฮ่าวเฉิน และคนส่วนใหญ่มักเรียกหามันว่า จ้าววังอวี่เหวิน
“ใครไม่ตอแยข้า ข้าก็ไม่ยุ่งวุ่นวาย…กระทั่งยังไม่เคยฆ่าคนโดยไร้เหตุผล! ดี ดี….ดีมาก!!!”
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียนอวี่เหวินฮ่าวเฉินก็โกรธมาก ยังหัวเราะเสียงดังทั้งกล่าวตะคอกออกมาด้วยโทสะ “วันนี้ข้าอยากรู้นัก ว่าต้วนหลิงเทียนเจ้าอาศัยอะไรถึงกล้าลงมืออย่างอุกอาจ บุกมาเข่นฆ่าอาวุโสวังเซียนสัญจรของข้าถึงที่ตามอำเภอใจ!!”
กล่าวจบคำร่างอวี่เหวินฮ่าวเฉินก็อันตรธานหายไปทันที!
อย่างน้อยๆในสายตาของหวงฉี่หลิง ร่างอวี่เหวินฮ่าวเฉินก็ราวกับจะอันตรธานหายไปในอากาศว่างเปล่า!
หากแต่ในสายตาของต้วนหลิงเทียนนั้น อวี่เหวินฮ่าวเฉินกลับพุ่งมาด้วยความเร็วปานกระสุนปืนใหญ่!
และในระหว่างที่พุ่งเข้ามา ร่างอวี่เหวินฮ่าวเฉินยังคล้ายจะขยายใหญ่ขึ้น
“นี่มันอะไรกัน?”
เมื่อเห็นอวี่เหวินฮ่าวเฉินที่แต่เดิมเป็นชายวัยกลางคนที่มีขนาดร่างกายไม่เล็กไม่ใหญ่ อยู่ดีๆ ก็กลายเป็นสูงใหญ่ขึ้นในพริบตา ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะตกใจอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนไม่มัวมาสนใจเรื่องพิกลนานนัก เร่งทุ่มความสนใจไปยังวิกฤตที่เผชิญอยู่ทันที
“ปีกอีกาทองคำ!”
ในขณะที่อวี่เหวินฮ่าวเฉินที่ร่างขยายใหญ่ขึ้นพุ่งมาเจียนบรรลุถึง ต้วนหลิงเทียนพลันสำแดงเวทย์พลังที่มีอย่างไร้ซึ่งความลังเลใดๆ พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดที่โคจรรอไว้พลันปะทุระเบิดออกมาทั้งหมด!
ฟู่ม! พรึ่บ!!
พริบตาต่อมา กลางหลังต้วนหลิงเทียนพลันปรากฏปีกมหึมาสีทองคู่หนึ่งที่คล้ายจะกำลังลุกไหม้ไปด้วยเปลวเพลิงลุกโชน!
ทันทีที่ปีกคู่เขื่องสะบัดกระพือ ร่างคนก็วูบหลบอววี่เหวินฮ่าวเฉินที่พุ่งมาจู่โจมด้วยสภาวะดุร้ายทันที!
“น้องหลิงเทียนก็หายไปอีกคนแล้ว!”
ทันใดนั้นในสายตาของหวงฉี่หลิง ร่างต้วนหลิงเทียนเสมือนอยู่ดีๆ คนก็หายวับไปเช่นกัน
“เร็วอะไรกันจะขนาดนี้!”
แน่นอนว่าหวงฉี่หลิงย่อมรู้ดีแก่ใจ
ไม่ว่าจะเป็นจ้าววังเซียนสัญจรของมัน หรือน้องหลิงเทียนของมัน หาได้หายวับไปไหนไม่! เพียงแค่เมื่อบรรลุถึงความเร็วระดับหนึ่ง สายตาของมันก็ไม่อาจมองจับความเคลื่อนไหวใดๆได้เลย!!
‘จ้าววังเซียสัญจรผู้นี้ มันกระทั่งพลังฝีมือร้ายกาจกว่าจ้าวลัทธิบูชาไฟกับผู้อาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬในภูมิภาคเบื้องบนเสียอีก!!’
หลังใช้ปีกอีกาทองคำหลบอวี่เหวินฮ่าวเฉินที่พุ่งมาอย่างเกรี้ยวกราด ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าร่างอวี่เหวินฮ่าวเฉินพลันเปลี่ยนทิศทางพุ่งจี้เข้าใส่เขาด้วยความเร็วสูง กระทั่งระยะทางยังหดกระชั้นเข้ามาทุกขณะ
สีหน้าท่าทีของต้วนหลิงเทียนแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจริงจังทันใด
‘ถึงจะทิ้งระยะออกมาก่อน…แต่ไม่นานมันไล่ทันแน่!’
‘ดูเหมือนต้องปะทะกับมันอย่างเลี่ยงไม่ได้!’
คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนนที่เหินร่างถอยมาก็ม้วนตัวหันกลับมาทันทีมือยกขึ้น กระบี่พันอาคมเซียนพลันผุดโผล่จากความว่างเข้ามืออีกครั้ง!
‘ใจกระบี่เหิน!’
เพียงใจคิด กระบี่พันอาคมเซียนก็พุ่งทะยานแหวกฟ้าไปฉับไว คงเหลือเพียงเสียงหอนของกระบี่ดังขึ้นในอากาศสั้นๆ
‘กระบี่ไวอะไรจะขนาดนี้!!’
‘ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฉนมันถึงฆ่าอาวุโสหลู่เวยได้ง่ายดายนัก กระทั่งถึงขั้นอาวุโสหลู่เวยไม่มีเวลาแม้แต่จะถอดวิญญาณออกจากร่าง!!’
แม้กระบี่พันอาคมเซียนของต้วนหลิงเทียนจะพุ่งทะยานออกมาด้วยความเร็วอันน่ากลัว แต่สำหรับอวี่เหวินฮ่าวเฉินแล้ว ความเร็วระดับนี้ยังอยู่ในขอบเขตที่มันรับมือไหว!
การจู่โจมระดับนี้ยังไม่เป็นภัยคุกคามมัน!
‘เจ้าหนุ่มต้วนหลิงเทียนผู้นี้สมควรพึ่งทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนได้ไม่นาน ความแข็งแกร่งยังถือว่าอ่อนด้อยที่สุดในบรรดาเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน…อย่างไรก็ตามแม้จะอ่อนด้อย หากแต่มันก็ถือเป็นเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนคนหนึ่ง!’
ความคิดมากมายแล่นพล่านในหัวอวี่เหวินฮ่าวเฉินก่อนที่มันจะยกมือขึ้นมา พลังเซียนต้นกำเนิดขุมหนึ่งพลันปะทุออกที่ฝ่ามือ!
และในขั้นตอนดังกล่าวพลังเซียนต้นกำเนิดของมันยามปะทุออก ก็ราวกับมันมีความเชื่องโยงอันลี้ลับกับสวรรค์และโลกประการหนึ่ง
การเชื่อมโยงอันลี้ลับนี้ ทำให้พลังเซียนต้นกำเนิดของมันคล้ายสั่นพ้องกับฟ้าดิน ราวกับจะมีพลังอำนาจของฟ้าดินหนุนเสริม!
และทันใดนั้นเอง!
วู้มมม!!
มือขวาของอวี่เหวินฮ่าวเฉินเพียงสะบัดเพียงเอื้อมออกมากอบกุม พลังเซียนต้นกำเนิดลักษณะฝ่ามือที่ราวกับจะสั่นพ้องกับฟ้าดินก็ปะทุทะยานออกมาปานขุนเขา 5 นิ้ว ความจับไปยังความว่างเปล่าเบื้องหน้า!
การลงมือของมันราบรื่น ให้สภาวะประหนึ่งน้ำไหลเมฆเคลื่อน
ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!
เสียงระเบิดลั่นดัง
เป็นฝ่ามือพลังของอวี่เหวินฮ่าวเฉินที่คว้าออกไปยังความว่างเปล่าเบื้องหน้า กลับคว้าจับเอากระบี่พันอันฉับไวของต้วนหลิงเทียนเอาไว้ชะงัด!
พลังทำลายจากตัวกระบี่เริ่มปะทุออกมาหักหาญกับฝ่ามือพลังอันเขื่องกลางหาว ตัวกระบี่ยังสั่นสะท้านไปอย่างแรงคล้ายพยายามจะดิ้นให้หลุดพ้นการจับกุมของฝ่ามือพลังอวี่เหวินฮ่าวเฉิน!
อย่างไรก็ตาม แม้มันจะดิ้นรนเพียงใด ก็ไม่อาจรอดพ้นเงื้อมมือของอวี่เหวินฮ่าวเฉินไปได้!
มือพลังของอวี่เหวินฮ่าวเฉินนั้นประหนึ่งคีมเหล็กหนีบแน่น ไม่ไหวติง!
กระบี่ที่ว่าแน่นอนว่าย่อมเป็นกระบี่พันอาคมเซียนที่ต้วนหลิงเทียนผสานพลังเซียนต้นกำเนิดมหาศาลทั้งใช้ออกด้วยเคล็ด ‘กระบี่อยู่ที่ใจ’ ขอบเขตที่ 3 ของยอดใจกระบี่!
‘สำนึกรู้ฟ้าดินของมันมาถึงระดับนี้แล้วงั้นเหรอ!?’
ฉากเรื่องราวเบื้องหน้าทำให้สองตาต้วนหลิงเทียนหดหยีลงทันที